ตากับยาย กายสิทธิ์

รถกระบะบุโรทั่งสีเหลืองอ่อนที่นั่งตอนเดียววิ่งท่อกแท่กออกจากตัวอำเภอไปตามทางลูกรัง  ด้วยความทรุดโทรมของตัวรถและด้วยความย่ำแย่ของถนน
ทำให้รถคันนี้วิ่งได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
 
สมแล้วที่มีคณะบุคคลผู้ชาญฉลาดมากสติปัญญาเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยว่า ควรให้ทางลูกรังเช่นนี้สิ้นไปก่อนที่ประเทศจะควรมีรถไฟความเร็วสูง น่าเสียดายที่ความประสงค์ดีของพวกท่านเป็นเหตุให้ถูกผู้คนมากมายสาปแช่งให้ประสบความวิบัติ แต่พวกท่านก็ยังทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์(ต่อใครก็ไม่รู้)ต่อไป ตราบเท่าที่ผู้ก่อตั้งคณะบุคคลของพวกท่านนั้นยังคงมีอำนาจปกครองประเทศนี้อยู่

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง  รถกระบะได้มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จากปากทางเข้า ตีโค้งอ้อมคุ้งน้ำมาอีกราวหนึ่งกิโล ก็เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านไม้สองชั้น
ของพวกเขา  สามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งลงจากรถ มาเปิดท้ายรถเพื่อจะยกกรงไก่ลง ก็ประหลาดใจที่เห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ท้ายรถ

สิ่งแปลกปลอมนั้นเปิดกระสอบที่คลุมตัวออก เป็นหญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมทารกในอ้อมแขน มองดูผู้สูงอายุทั้งสองด้วยแววตาประหม่า 

"เอ็งมายังไงวะ" เสียงห้าวของชายสูงอายุตะคอกมา  เสียงดังจนทารกตกใจร้องไห้จ้า 

หญิงสูงอายุตบไหล่สามี แล้วพูดเสียงอ่อน

"หนูมาจากไหนล่ะ"

หญิงสาวทางหนึ่งปลอบเด็ก ทางหนึ่งตอบคำถาม

"ขอโทษจริงๆค่ะ คือหนูมาตามหาญาติที่อำเภอแล้วไม่เจอ หนูเหนื่อยแล้วก็ร้อนเหมือนจะเป็นลม ก็เลยขึ้นมานอนพักสักเดี๋ยว แล้วก็เผลอหลับไป จนมาถึงที่นี่แหละค่ะ"

ชายสูงอายุยืนกอดอกมองอย่างใช้ความคิด แล้วพูดว่า 

"งั้นขึ้นรถ ข้าจะพากลับไปส่ง"  

หญิงสูงอายุตบไหล่สามีอีกครั้ง

"นี่ก็เย็นแล้ว กว่าจะไปถึงก็มืด หนูมีลูกอ่อนด้วย จะลำบาก ก็ให้ค้างที่นี่ซักคืนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้" 

"ขอบคุณค่ะยาย"

"อย่าเรียกยายสิ แค่ป้าก็พอ ฉันเพิ่งจะ 60 เอง"

"แต่ว่า..."

"ไม่ต้องเกรงใจ เข้าบ้านก่อน เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน ยังไม่ได้กินใช่มั้ย ถ้าเกรงใจล่ะก็ มาช่วยทำกับข้าวก็ได้"

"...ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวมือหนึ่งอุ้มลูก มือหนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางผ้าร่มสีดำใบใหญ่ที่ไม่ได้มีความลับอยู่ในนั้น
 
"อืม... แต่บ้านฉันไม่มีเตียงนะ นอนกับพื้นได้ใช่มั้ย"

"ได้ค่ะ ได้" หญิงสาวตอบ แล้วเดินตามหญิงสูงอายุเข้าบ้าน 

ขณะที่ชายสูงอายุยกกรงไก่ลงแล้วยืนเกาคางมองตามหญิงต่างวัยทั้งสองไป 
 
ข้าวนั้นหุงโดยใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าจึงไม่เป็นปัญหา แต่หญิงสาวเสียใจเล็กน้อยที่ต้องปล่อยให้หญิงสูงอายุทำกับข้าวคนเดียว ไม่ได้ช่วยอย่างที่ตั้งใจ
เพราะต้องให้นมลูกเสียก่อน ซึ่งหญิงสูงอายุไม่ได้ว่าอะไร 

"หนูชื่ออะไรล่ะ" หญิงสูงอายุถามในลักษณะชวนคุย

"หนู ชื่อฟ้าค่ะ"

"ลูกหนูกี่เดือนแล้ว"

"4 เดือนกว่า เกือบจะ 5 เดือนแล้วค่ะ"

"ยังให้นมแม่อยู่อีกหรือ"

"ค่ะ ก็ตั้งใจว่าจะให้จนกว่านมจะไม่ไหลน่ะค่ะ"

"อือ ดีแล้ว ให้เด็กกินนมแม่จะได้โตมาเป็นคน ให้กินนมวัวนมควาย โตมาก็ดื้อเหมือนวัวเหมือนควาย แล้วชื่ออะไรล่ะ"

"ชื่อ ...หฤทธิ์ ค่ะ"

"หา ผู้ชายเหรอ หน้าสวยจิ้มลิ้มยังกับเด็กผู้หญิง แล้วหนูเรียนจบชั้นไหนมา"

"...ทำไมหรือคะ"

"ตั้งชื่อลูกยังกะลิเก นี่ตั้งเองหรือพ่อมันตั้งให้ แล้วพ่อมันไปไหนล่ะ"

หญิงสาวที่ชื่อฟ้า เงียบไปซักครู่ก่อนเลือกตอบเฉพาะคำถามสุดท้าย

"สามีหนู เค้าเสียไปแล้วค่ะ  อูบัติเหตุ"

"อ้อ หนูก็เลยต้องมาหาญาติ"

"ค่ะ"

กับข้าวง่ายๆไม่กี่อย่างทำเสร็จแล้ว  ฟ้าก็ให้นมลูกเสร็จ ทำให้เด็กเรอแล้ว

"หนูช่วยยกไปนะคะยาย"

"บอกให้เรียกป้า เห็นฉันเป็นเงาใบไม้ ในเรื่อง'โสกะ ลำนำ เทพยุทธ์ ยาย ลุง' งั้นหรือ จะได้ชอบให้เรียกยาย ชื่อเต็มของหนู ไม่ใช่ฟ้ากระจ่างใช่มั้ย"

"โสกะ ลำนำ เทพยุทธ์ ยาย ลุง  คืออะไรคะ"

"ก็เรื่องสั้นที่เขียนโดยคนเขียนคนเดียวกับเรื่องนี้แหละ แต่เรื่องมันไม่ดัง ก็เลยแอบมาโฆษณาแฝง"

"น่าสงสารจังเลยนะคะ"

"ใช่นางเอกในเรื่องนั่นน่าสงสารมาก"

"หนูไม่ได้หมายถึงนางเอก"

"หนูไม่กลัวโดนเปลี่ยนบทงั้นเหรอ"

"......หนูว่า เรื่องนั้นมันก็น่าอ่านมากเลยนะคะ"

จานกับข้าวที่ยกมาถูกวางกับพื้นแล้วล้อมวงนั่งกินกัน  ชายสูงอายุนั่งกินเงียบๆไม่สนใจอะไร แต่หญิงสูงอายุยังซักถามเรื่องที่อยากรู้

"หนูมาจากไหนล่ะ" 

"กรุงเทพค่ะ"

"ญาติพี่น้องอื่นมีหรือเปล่า มีแค่ที่เคยอยู่ในอำเภอเท่านั้นหรือ"

"คือ ความจริง หนูไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปี  ญาติคนสุดท้ายที่ติดต่อได้คือคนนี้ แต่พอกลับมาอีกทีก็ไม่อยู่แล้ว"

"แล้วญาติของผัวหนูล่ะ ไม่มีหรือ ลูกหนูก็เป็นเชื้อสายทางฝั่งเขาไม่ใช่หรือ"

"สามีหนูก็เป็นกำพร้าค่ะ ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นเหมือนกัน  ...ฮัวหลิง เป็นอะไรลูก" หญิงสาวอุ้มเด็กที่นอนบนตักขึ้น เมื่ออยู่ๆก็ร้องขึ้นมา

"หือ ฮัวหลิงเหรอ"

"อ๊ะ.. ค่ะ สามีหนูเป็นคนจีน เขาตั้งชื่อจีนให้ลูกว่า ฮัวหลิง"

"อ่อ หนูไปอยู่เมืองจีนมาเหรอ"

"ไม่ใช่ค่ะ สิงคโปร์"

"แล้วผัวหนูชื่ออะไรล่ะ"

"เหว่ยคัง ค่ะ"

"อ่อ ดีแล้วที่ไม่ใช่ท้าวยศวิมล"

"หืม ทำไมคะ"

"เห็นหนูทีแรก ถ้าไม่ใช่อุ้มเด็ก แต่อุ้มหอยไว้ล่ะก็  ป้าคงนึกว่ากำลังอยู่ในเรื่องสังข์ทอง นี่คงไม่มีนางจันทาเทวีส่งมหาดเล็กมาตามฆ่าหรอกนะ" พูดเอง ก็หัวเราะเอง แต่นัยน์ตาคมวาวของหญิงสูงอายุลอบมองอากัปกิริยาหญิงสาวไม่คลาดสายตา
 
หลังกินข้าว จัดที่ในห้องเล็กให้ฟ้ากับลูกใช้นอนแล้ว  สามีภรรยาก็เข้ามาในห้องของพวกเขา ดับไฟ แล้วนอนด้วยกัน

"แกคิดว่าไง"

"ตัวปัญหาน่ะสิ" สามีตอบโดยไม่ต้องคิด

"ใช่ น่าจะกำลังหนีใครมา อยู่ที่ว่านังหนูฟ้าจะเป็นคนร้ายหนีคดี หรือว่าเป็นคนดีที่หนีคนร้ายมา"

"ชื่อฟ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้"

"จะขอดูบัตรประชาชนเขาไหมล่ะ คุณหน่วยสืบสวน"

"ไม่เอาล่ะ ไม่สนใจ"

"ไม่สนใจได้ไง  แกไม่เห็นหรือว่ามีเด็กอยู่ด้วยน่ะ"

"แล้วไง ที่เรามีอยู่นี่ ไม่พอกินงั้นหรือ"

"ก็อยากเปลี่ยนรสชาติมากินของสดใหม่บ้างนี่นา"

"..."

"พูดเล่นพอรึยัง  ก็เห็นอยู่ว่าคนเดือดร้อนมา จะใจจืดใจดำไม่ช่วยได้ยังไง"

"ไม่ใช่เรื่องของเรา ผลักปัญหาไปห่างๆ อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วยดีกว่า แค่ลำพังปัญหาของเราก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว"

"นี่แก สูญเสียความเป็นคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ก็ตั้งแต่ที่จูบแกไง"

"...เราไม่ได้มีเรื่องกันอย่างจริงจังนานแล้วสินะ"

"อยู่ดีๆก็ดีแล้วจะหาเรื่องมาทำไม นิสัยอย่างนี้ของยัยกรองแก้วลูกสาวกำนันก้อง น่าจะเปลี่ยนได้แล้วนะ"

"...มีปัญหากับนิสัยฉันงั้นเหรอ"

"เอ้อ ..ไม่มี ไม่มี"

"งั้นก็ดี  พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"

"ถ้าพรุ่งนี้เด็กมันคิดจะไปก็อย่าห้ามมันล่ะ"

"ถ้าฉันจะห้าม แล้วมีปัญหามั้ย"

"...กำนันก้องเลี้ยงลูกสาวมายังไงนะ"

"ยังไม่เลิกเหน็บถึงพ่อฉันอีกเรอะ"
...
...
...
เสียงไก่ขันทั้งที่ฟ้ายังมืด ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่น พร้อมกับเสียงเด็กร้อง ดูเหมือนทั้งตัวเธอและลูกคงต้องใช้เวลากว่าจะชินกับมัน  สองวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ไก่ขันเพราะเห็นแสงอาทิตย์นั้น โกหก  ฟ้ากอดลูกนอนต่อ จนแสงตะวันของจริงจับขอบฟ้า เธอจึงลุกขึ้น ล้างหน้าล้างตา ให้นมแล้ว ก็อุ้มลูกลงจากบ้าน  เห็นหญิงสูงอายุเปิดเพลงจากมือถือ ออกกำลัง กายบริหารอยู่ก่อนแล้ว  โดยมีชายสูงอายุนั่งสูบบุหรี่อยู่บนแคร่ดูอยู่ห่างๆ
  
สามีภรรยาคู่นี้ นี่คือความตรงข้ามที่เข้ากันได้งั้นหรือ

"สวัสดีค่ะ คุณป้า คุณลุง"

หญิงสูงอายุที่ชื่อว่า แก้ว หันมอง พูดกับฟ้าโดยไม่หยุดเหวี่ยงแขนตามจังหวะ

"ไม่ทำผ้ากระเตงล่ะ  ไม่เมื่อยหรือ"

"มันเป็นยังไงหรือคะ"  ฟ้าไม่รู้จัก

แก้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเพลง เลื่อนนิ้วสไลด์หน้าจอ ครู่หนึ่ง ก็ยื่นให้ฟ้าดู "วิธีทำผ้าอุ้มลูกด้วยเสื้อเก่า" 

"อ๋อ ความคิดดีจังค่ะป้า"

ข้างฝ่ายเชิด สามีของแก้ว สูบบุหรี่จนหมดมวน ดับบุหรี่กับแคร่ แล้วดีดก้นบุหรี่ไปที่โคนต้นมะม่วงที่ไม่มีความลับอยู่ข้างใต้นั้น ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป
ฟ้าเริ่มจะรู้จักนิสัยเงียบๆของชายสูงอายุแล้ว 
 
เมื่อเช้าวานนี้ ที่หญิงสาวบอกกับหญิงสูงอายุว่า ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน 
 
"ถ้าอย่างนั้น อยู่กับป้าที่นี่มั้ยล่ะ ป้ากำลังหาลูกจ้างซักคนมาช่วยงานอยู่พอดี  บางทีกลางค่ำกลางคืน ลุงกับป้ามีธุระต้องออกไปข้างนอก จะได้มีคนมาช่วยเฝ้าบ้านให้ด้วย"

ฟ้าใคร่ครวญแล้วจึงตกลงใจ ขออยู่กับหญิงสูงอายุ เป็นลูกจ้างช่วยทำงานเกษตร เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ปลูกผัก ทำสวน 
ครั้งแรกที่เห็น หญิงสาวยังตกใจ เมื่อเห็นเล้าไก่ครอบบ่อเลี้ยงปลา ตามแบบที่เคยอ่านในแบบเรียน แต่เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก  ยิ่งกว่านั้น สวนที่ปลูกพืชผสมผสานของป้า มีกล้วย มะละกอ ขนุน และมะนาว  โดยเฉพาะกล้วยที่ออกเครือกลางลำต้นทุกต้น  ถ้าคอหวยมาเห็นเข้า สวนของป้าคงอบอวลไปด้วยควันธูปแน่

ในหนึ่งวัน ตักน้ำจากคลองมาใช้รดแปลงผัก  ให้อาหารไก่ อาหารปลา เช็คความสะอาดเล้าไก่  คอยเดินมองและเก็บผลไม้ในสวน ก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันแล้ว  จะได้มีเวลาพักก็ในช่วงบ่ายไปถึงเย็น

ได้ฟ้ามาช่วยทำงานแทน แก้วกับเชิดก็มีเวลาเอนหลังนอนเขี่ยโทรศัพท์ได้ทั้งวัน

ฟ้าที่เพิ่งเคยใช้ชีวิตอย่างวิถีชาวบ้านเป็นครั้งแรก รู้สึกแปลกใหม่กับทุกสิ่ง จึงได้ถามแก้ว ในเวลาที่แก้วว่างจากโทรศัพท์ในมือ

"ป้าคะ เล้าไก่บนบ่อปลานี่ ป้าทำเองหรือคะ"

"เปล่าหรอก เกษตรอำเภอเขาหาคนมาทำให้"

"แล้วที่เอาแผ่นไม้เสียบต้นกล้วยน่ะ ให้มันออกลูกจากกลางลำต้นนั่น  ป้ารู้ได้ยังไงคะ"

"อ่านมาจากหนังสือที่ไหนซักที่ จำไม่ได้แล้ว"

บนชั้นหนังสือในห้องกลาง นอกจากหนังสือนวนิยายแล้ว ก็เป็นนิตยสารผู้หญิงเล่มเก่าที่มีบทความสาระต่างๆ ความรู้รอบตัว เคล็ดลับแม่บ้าน ภัยใกล้ตัว
คู่มือชาวสวน มีกระทั่งหนังสือใกล้หมอ
นอกจากหนังสือแล้ว ทั้งวิธีการพูด วิธีการหยิบจับ เลือกใช้สิ่งของ การรักษาความสะอาด  ตอนกินข้าวมีช้อนกลาง แม้แต่ห้องน้ำยังใช้สุขภัณฑ์อย่างดี
ฟ้าเชื่อว่าแก้วต้องมีการศึกษาสูงทีเดียวล่ะ ไม่ใช่จบแค่ชั้นประถมเหมือนชาวบ้านทั่วไปแน่ 
 
"แล้วนั่นคืออะไรหรือคะ" หญิงสาวชี้ไปที่แท่นหินที่อยู่ใต้ถุนข้างโอ่งน้ำ

"โม่หิน"

"ใช้ทำอะไรหรือคะ"

"ใช้โม่ข้าว  สีข้าวน่ะ"

"ป้าสีข้าวเองด้วยหรือคะ"

ฟ้าจำได้ว่าข้าวที่กินเป็นข้าวขาว ไม่ใช่ข้าวแดง

"บางที คนในหมู่บ้านก็เอาข้าวเปลือกมาแลกไข่ไก่ แลกปลา แลกกล้วย  ถ้าข้าวเปลือกที่ได้มาให้ไก่กินไม่ทัน ตอนวันว่างๆก็สีเอง ตำเองไว้กิน  เห็นนั่น
มั้ย ครกกับสากตำข้าวก็มี " แก้วชี้ให้ดูของที่กองรวมกันอยู่ข้างแคร่ "นั่นก็กระด้ง  พอตอนไม่ได้ตำข้าว  ผัวป้าก็ใช้บินออกไปหากินตอนกลางคืน"

"ฮ้าาาาดดดดเช้ยยยย" เสียงจามดังลั่นมาจากเชิดที่กำลังซ่อมตาข่ายล้อมกรงไก่อยู่ด้านหลัง  ส่วนฟ้าได้แต่กระพริบตาปริบๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่