เรื่องสั้น "บ่อน"

หัวค่ำนี้ เชียรเดินกลับเข้าห้องพัก ยิ้มกริ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“อะไรของยิ้ม” ปอนซึ่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว เงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ ทักทายเพื่อนอย่างสุภาพ
“ไม่มีอะไร” เชียรยักคิ้ว ทำหน้ายวนยี แล้วโยนข้าวของ กระเป๋า มาสค์ ฯลฯ ไปที่เตียงนอนของตน
ตัวกระเป๋าสตางค์ของเชียรพองบวม เตะตาปอนเป็นยิ่งนัก ซึ่งเชียรก็คอยดูปฏิกิริยาของเพื่อนอยู่แล้ว ยิ้มเต็มหน้าเมื่อเพื่อนมองมาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เขียรหัวเราะก้อง “วันนี้กูโชคดีนิดหน่อยเว้ย”
เชียรตกงานอยู่เพราะพิษโควิด โรงงานที่ทำอยู่ ปิดกิจการแบบสายฟ้าแลบ แล้วก็หางานไม่ได้เลย การที่กลับมาที่หอพักโดยที่มีธนบัตรเต็มกระเป๋า ย่อมสมควรถูกตรวจสอบ
ปอน จึงแปลงร่างเป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (กตส.) ไต่สวนทันที
“ว่ามา” กตส. ปอนเปิดคดี “ไปยืมนาฬิกาพ่อใครมา”
“กูไม่ได้ยืมทรัพย์คงรูปโว้ย” เชียรแก้ “กูไปทำธุรกิจที่ถนนสามราชามาต่างหาก”
กตส. ปอนหรี่ตามอง ชอนไชเพื่อหาความจริง
“โกหกสัส ๆ” กตส. ท้วงติง “ที่นั่นมันไม่เห็นมีโรงงานหรือบริษัทห้างร้านอะไรเลย .... เอ๊ะ ... หรือว่า ...” ปอนเลิกคิ้ว ตาเป็นประกายเมื่อนึกออก “ไอ้หง่าวเชียร กูรู้แล้ว ธุรกิจอะไรของ ไฮโล หรือว่า บาคาร่า ?”
“บาคาร่าสิวะ” เชียรตอบ “กูก็มีระดับนะ วันนี้กูอยู่ฝั่งนายแบงก์ รับทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ 555”
บางทีนะ เราก็ไม่รู้ว่า ระบบการศึกษาของประเทศสารขัณฑ์มันห่วยหรืออย่างไร เด็กและเยาวชนสารขัณฑ์จึงมีปัญหาเรื่องการศึกษา การคิดคำนวณ การอะไรก็มิอะไรทุกการ ไอ้ครั้นจะบอกว่าเป็นเพราะสมองของเด็กมันห่วย มันก็ไม่จริงนะ เพราะเมื่อโตขึ้นมาแล้ว ชาวสารขัณฑ์ทุกคนสามารถคิดคำนวณ คาดการณ์หวยใต้ดิน, เชี่ยวชาญกติกาแต้มต่อพนันบอลหักค่าน้ำครึ่งควบลูก, นับไพ่บาคาร่า-แบล็กแจ็กกันได้คล่อง ฯลฯ โดยที่ไม่มีโรงเรียนไหนสอน
กตส. (ย่อมาจาก กูต้องเผือก) ปอน พยักหน้าหงึกหงัก เข้าใจและยินดีในสิ่งที่เพื่อนได้รับ
“นี่ เดี๋ยวกูขออาบน้ำแต่งตัวสักหน่อย” เศรษฐีเชียรพูด “ว่าจะออกไปกินหมูกระทะ จะไปด้วยกันไหม”
“เลี้ยงไหม ?” ปอนแปลงร่างเป็นผู้ติดตามทันที “กูไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว อยากกิน”
“หง่าวเอ๊ย” เศรษฐีใหม่รำคาญ “แค่ 200 เปโซเองนะ เอางี้ กูช่วยออกให้ร้อยนึง”
“ได้เลยเพื่อนรัก” ปอนลูบปาก
ร้านหมูกระทะอยู่ห่างออกไปอีกทาง ทั้งสองกินกันเต็มคราบ สาสมกับที่อดอยากปากแห้งมานาน เมื่อท้องใกล้แตก ร้านใกล้ปิด จึงแบกร่างและพุงเดินกลับมาผึ่งบนเตียงนอน สลบไปยันเช้า
.....
สายวันรุ่งขึ้น เชียรตกใจตาโตเมื่อทราบข่าวใหญ่ บ่อนที่เขาได้โชคมาเมื่อวานเกิดเหตุการณ์ใหญ่ตอนเย็นที่ผ่านมา
“อิ๊บอ๋าย” เชียรครวญ “นี่กูโชคดีมาก ๆ เลยนะเนี่ย ที่กูได้เงินก้อนใหญ่ก่อนบ่าย แล้วรู้สึกหิวหมูกระทะ เลยรีบแลกชิป เอาเงินออกมาอวด ไม่งั้นนะ กูต้องหลบกระสุนกันวุ่นวายเลยแหละ”
“มีการยิงกันตาย 4 ศพภายในห้องแถว ดัดแปลงตกแต่งเป็นบ่อนหรู ซอยย่อยของถนนสามราชา” ผู้สื่อข่าวรายงานผ่านคลิปที่เชียรกำลังดูอย่างตั้งใจ “หนึ่งในนั้นเป็นนายตำรวจใหญ่ ทั้งนี้ รายละเอียดอื่น ๆ ทางเราจะแจ้งเป็นลำดับต่อไป”
“บ้าหรือไงวะ ยิงตำรวจด้วย” ปอนเปรย “ไหน ๆ ดูคลิปถัด ๆ ไปซิ” พลางกดดูการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ สารขัณฑ์
“ผมไม่รู้” เสียงของท่านนายพลตุ้ยนุ้ย และประโยคอันแสนคุ้นชิน “คุณต้องไปถามตำรวจโน่น” กล่าวพลางเดินกระย่องกระแย่งลงมาจากทำเนียบ ผู้สื่อข่าวกลุ้มรุมตามถามต่อไป
“แต่คนที่ตายมีตำรวจสัญญาบัตรด้วยนะคะ”
“ผมไม่รู้” นายพลตุ้ยนุ้ยพยายามกล่าวเลี่ยง “คุณก็ต้องไปถามคนที่ตายโน่น”
อ้าว งงเด่ะ ผู้สื่อข่าวต่างหันหน้ามองกันเอง อะไรของมัน เอ๊ย ของท่าน เกิดความเงียบงงงันงงงวยไปสักครู่
“แล้วข่าวที่ว่า ในนั้นเป็นบ่อน จริงหรือไม่คะ” ผู้สื่อข่าวหญิงคนหนึ่ง ตั้งสติได้ก่อน เริ่มส่งคำถามชุดใหม่
คร่อก .. กก..กก บิ๊กตุ้ยนุ้ยกรนทั้ง ๆ ที่ยืน พลันตื่นขึ้นจากเสียงนักข่าว
อห .. (แปลว่า โอ้โห) ท่านนายกสารขัณฑ์ นายพลตุ้ยนุ้ย อาศัยช่วงเวลา dead air งีบหลับได้หน้าตาเฉย
“ผมไม่รู้ ... ว่าคุณถามอะไร เมื่อกี้ผมหลับ” พลางยกมือโบกห้าม “พอก่อนแล้วนะ ผมต้องรีบไปประชุมที่สภา” นักข่าวไม่ยอมแพ้ พรูคำถามเซ็งแซ่ เดินตามท่านตุ้ยนุ้ย แต่พวกการ์ดคอยกันให้ท่านเข้ารถประจำตำแหน่งได้สำเร็จ เมื่อท่านเข้านั่งแล้วก็ .. หลับต่อ
ยิ้ม วัน ๆ ก็มีแค่ไม่รู้กับนั่งหลับ” ปอนบ่น พลางกดดูคลิปถัดไป “ประเทศกูมีความหวังเหลือเกิน”
คลิปนี้ ตำรวจท้องที่ ตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์
“ทางเรา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ตอนตีสี่ เราจึงได้เข้าตรวจพื้นที่อย่างเร่งด่วน”
“แต่ท่านคะ” นักข่าวสาวยกมือค้าน “เขายิงกันตอนสี่โมงเย็นนี่คะ”
“อ้าวเรอะ” สารวัตรเกาศีรษะ หันหลังไปถามลูกน้องเบา ๆ “ห่านจิก อีนักข่าวมันก็ทำเป็นรู้ดี”
“จากข้อมูลของเรา ทางเราขอแจ้งว่า ห้องแถวดัดแปลงที่เกิดเหตุนั้น เราพบโต๊ะคล้ายโต๊ะเล่นเกมไพ่ 1 โต๊ะ คาดว่า เจ้าของคงมีไว้เพื่อสังสรรค์ ระหว่างสังสรรค์กัน เราคาดว่า คงเกิดเหตุโต้เถียงกันเล็กน้อย แล้วเกิดปืนลั่นขึ้น 1 นัด เลยตายกันไป 4 ศพ” เรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าว
“แต่ชาวบ้านรู้กันทั่วนะ ว่าที่นี่เป็นบ่อน” นักข่าวคนหนึ่งตะโกนเสียงดังขัดสารวัตร
“เหลวไหลคุณ” สารวัตรดุเสียงเข้ม “ใคร ๆ ก็รู้กันว่า ประเทศสารขัณฑ์นี้ ไม่มีบ่อน ทางตำรวจสารขัณฑ์ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น” เรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าวอีกครั้ง
“แล้วการมีโต๊ะสังสรรค์แค่โต๊ะเดียว พวกคุณจะเรียกที่นั่นว่าเป็นบ่อนไม่ได้หรอกนะ”
เชียรทนไม่ได้ ตะโกนใส่มือถือ “โต๊ะเดียวพ่อแน่ะ ไอ้ที่กูไปเมื่อวานมีเป็น สิบ ๆ โต๊ะ จะเล่นแบล็กแจ็ก บาคาร่า ไฮโล ฯลฯ อะไรก็มีทั้งนั้น”
“กล้องวงจรปิดล่ะคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งถาม
“อ๋อ” สารวัตรยิ้ม “เราถอด เอ๊ย ไม่ใช่ครับ นี่นั่นไม่มีกล้องวงจรปิด”
“555” เชียรหัวเราะท้องแข็ง “กล้องในนั้นยิ้ม โต๊ะนึงมีเป็นสิบ ๆ ตัว ส่องเห็นยันหัวแม่เท้าคนเล่น บ่อนแม่งกลัวกูซ่อนไพ่จะตายไป ไอ้ตำรวจคนนี้บอกไม่มีกล้องเฉยเลย”
“ดูในคลิป เห็นเพดานโ่น่นป่ะ มีสายห้อย มีรูติดตั้งกล้องเต็มไปหมด” เชียรชี้ “กล้องที่เคยมีหายไปไหนหมดแล้ววะ”
“ต้องดูอีกคลิป ที่เค้าแอบถ่ายน่ะ” ปอนพูดเรียบ ๆ “มีคนกลุ่มใหญ่ไปแกะกล้อง ยกโต๊ะหนี ทั้ง ๆ ที่ปล่อยศพทั้งสี่ นอนตายไปอย่างนั้นแหละ ใช้เวลาตั้งแต่เย็นจนเช้ามืด แล้วค่อย “รีบ ๆ แจ้ง” ให้ตำรวจรีบมาตรวจสถานที่ตอนตีสี่”
“ไม่เป็นไรน่า” ปอนตัดความ “ถึงยังไง ๆ ก็รวยและก็ปลอดภัยดี มันก็โอแล้วนี่”
“แหม แต่กูเสียดายน่ะสิ” เชียรยังอาลัยอาวรณ์ “นี่ยังนึกว่า วันนี้จะไปทำธุรกิจอีกเลยนะเนี่ย”
---------------------- 11 สิงหาคม 2563
ติดตามเรื่องอื่น ๆ ได้ที่เพจนี้นะครับ ช่วยกดไลก์ กดแชร์ ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/NovelsbyKlaiKraiKaiKaiKai
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่