คืนยุติ- ธรรม - ชอบวิธีการเล่าเรื่องที่คิดมาได้ไม่ธรรมดา ถึงแม้พล็อตประมาณนี้จะมีมามากมายในต่างประเทศ แต่สำหรับหนังไทยแล้ว ถือว่าทำได้ถึงและเข้มข้นมากๆ ก๊อดเล่นดีสุด ถึงแม้จะมีข้อติเล็กน้อยในด้าน production บางจุด แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ
วันนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "คืนยุติ- ธรรม" ในรอบฉายของวันแรกที่เข้าฉาย คนดูน้อยเหลือเกินครับโรงที่ผมดู ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปดู นอกจากตัวอย่างหนังที่น่าสนใจแล้ว ก็คงเป็นเพราะเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเป็นนักแสดงนำในหนังเรื่องนี้ด้วย
"คืนยุติ- ธรรม" เป็นหนังไทยแนวที่ไม่ใช่แนวทั่วไปตามสูตรของหนังไทยสักเท่าไหร่ หนังแนวอาชญากรรมระทึกขวัญ ไม่ใช่แนวหนังยอดฮิต หรือใครหากเกิดอยากสร้างขึ้นมา และอยากแตะประเด็นร้อนต่างๆของสังคมไทย ก็ต้องแอบหวั่นใจอยู่บ้างว่า จะโดนห้ามฉายไหม หากแตะเรื่องบางเรื่องลึกเกินไป
จากตัวอย่าง ดูไม่ธรรมดานะครับ หนังแสดงถึงความรุนแรงออกมาได้ตั้งแต่ตัวอย่างเลย รวมถึงดูเหมือนจะแตะเข้าไปในประเด็นร้อนหลายๆเรื่องของสังคมไทย และประเด็นหลักๆที่หนังถูกเลื่อนฉายมาจากช่วงปลายเดือนกุมภาฯ ก็คงเป็นเรื่องของเหตุการณ์กราดยิงที่โคราชเป็นหลัก ผสมกับเรื่องของ Covid-19 ทำให้หนังต้องเลื่อนมาฉายจนถึงเดือนสิงหาคมนี้
ช่วงแรก วิธีการเล่าเรื่องของหนังน่าสนใจนะครับ เล่าสลับไปมา แต่ไม่ถึงกับดูยาก และสร้างความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ต่อเนื่อง รวมถึงสร้างปมบางอย่างให้คนดูได้ขบคิดกันไป เพราะดูเหมือนว่า หนังจะไม่ได้มีแค่ที่เห็นในตัวอย่างแล้วล่ะครับ
ช่วงกลาง เมื่อเริ่มระดมความรุนแรง ฉาก Action ความมันส์ก็บังเกิดครับ ประเด็นมันแรงและกดกันคนดูได้ดีมากทีเดียว ดูไปก็เครียดไป ลุ้นไป เลือดสาด และมีฉากที่เหนือความคาดหมายอยู่หลายฉากเลย ปมที่พลิกผันหลายปมก็มาเแลยให้ได้อึ้งกันพอสมควร
ช่วงท้าย หนังเริ่มเล่าเรื่องราวที่คนดูสงสัยแต่ไม่ถูกเล่า และมีเรื่องราวชวนอึ้งกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราอีกหลายอย่าง ชอบความเข้มข้นและความโหดแบบไม่ยืดเยื้อของหนัง ไม่พิรี้พิไร ไม่บรรยายให้มากความ และไปสู่ตอนจบที่ก็ยังกดดันคนให้อึ้งได้เช่นเคย ถึงแม้จบในรูปแบบที่พอเดาได้ก็ตาม
ในด้านการแสดง ก็อต-จิรายุ เอาอยู่แท้ๆเลยครับ คงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำเป็นแน่แท้ ดูในตัวอย่างเหมือนจะล้น แต่ในความจริงกับแสดงได้เข้มข้นแบบพอดีๆ มากๆ นึกไม่ออกว่าจะแสดงดีกว่านี้ได้อย่างไรเลยล่ะ ส่วน ปูเป้-รามาวดี ที่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ทันเห็นเธอแสดงในหนังไทยแน่ เพราะถ้าผมจำไม่ผิด เธอเคยแสดงแค่เรื่องเดียวคือ "คนจร ฯลฯ" แถมไม่ได้มีบทบาทเยอะเหมือนเรื่องนี้ ส่วนตัวผมว่า ปูเป้ การแสดงและการพูดชัดมากครับ สำหรับผมมันชัดไปหน่อยเมื่อเทียบกับนักแสดงยุคใหม่ที่ชอบงึมงัมเวลาพูด ซึ่งทำให้คนที่ไม่ชินกับความชัดของการพูดอาจรู้สึกว่าเธอแสดงล้นไปทางละคร แต่ผมว่าไม่ใช่ ปูเป้เขาพูดชัดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว55 ส่วนนักแสดงสมทบท่านอื่นๆ แสดงกันได้ดีนะครับ ไม่ขาดไม่เกินไม่แย่งซีน ดูกลมกลืนดี
ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือการเขียนบทที่ลงตัว ทั้งระทึก หม่น หดหู กราดเกรี้ยว ในระดับที่พอดี มีเทคนิคในการเล่า และมีความซับซ้อนพอประมาณ ดูเข้าใจได้ไม่ยาก รวมถึงความพยายามในการนำเสนอความอยุติธรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศมาแบบครบๆ และแรงๆ และจากบทเหล่านั้น นักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีมากๆ ทำให้ภาพของความไม่เท่าเทียม ความอยุติธรรม ซึ่งเราพบเห็นกันได้อยู่แล้ว มันเต่นชัดออกมา และแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง ที่เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นจริงแบบในหนังเรื่องนี้แน่ เพราะเชื่อว่าคนดูจะสะใจ แต่ก็เศร้าใจไปพร้อมๆกัน ต้องยอมรับความกล้าหาญของทีมผู้สร้างที่กล้าสร้างหนังแบบนี้ขึ้นมา และ M-Picture สนับสนุนและนำเข้าฉายด้วยครับ
ข้อเสียของหนังเรื่องนี้ที่ผมเห็น ก็จะเป็นงาน Production ที่ผมว่าน่าจะทำได้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย ช่วงต้นๆของเรื่อง ผมเห็นกล้องถ่าย Close up หลายช็อตมากๆ ที่กล้องมันสั่นและแกว่ง ซึ่งถ้าไม่มีเจตนาจะสื่อว่าเป็นกล้อง Handheld (ซึ่งในเรื่องจะมีเฟรมภาพ) มันก็ไม่น่าจะแกว่งขนาดนั้น รวมถึงเมื่อสื่อสารเป็นเรื่องราวในอดีตที่ย้อนไป 9 ปี อุปกรณ์เข้าฉากหลายชิ้นต้องระวังเรื่องความผิดยุคสมัยนะครับ ผมเห็นหลายจุดที่ผิดยุคอย่างชัดเจน และยังมีประเด็นมือที่ถือปืนสั้นสลับมือขวาซ้ายไปมา เพื่อให้ตัวคนถือหันหน้าเข้ากล้อง ซึ่งในความจริงมือปืนต้องฝีมือระดับไหน ถึงจะเปลี่ยนมือถือปืนเป็นซ้ายบ้างขวาบ้าง มันผิดธรรมชาติไปหน่อย รายละเอียดเหล่านี้ เล็กน้อย แต่ถ้ามันไม่มีเลย หนังจะสมบูรณ์แบบกว่านี้
สรุป - หนังไทยควรจะทำได้แบบหนังเรื่องนี้สิ อยากพูดประเด็นอะไร ก็ควรมีอิสระในการนำเสนอ ซึ่งเรื่องนี้นำเสนอได้ไม่ผิดหวังแต่อย่างใด และหวังว่าผู้สร้างหนังไทย ที่มักจะโดนต่อว่าว่าสร้างแต่หนังเซฟๆ จะกล้าทำหนังที่มีความแตกต่างและพูดอะไรได้เต็มปากเต็มคำเหมือนที่หนังเรื่องนี้ทำได้ และคนดูหนังไทย ที่ผมขอบอกตรงๆว่า เวลามีหนังที่แตกต่างอย่างที่เรียกร้องกัน และมีคุณภาพดีเพียงพอที่จะดูออกมาแบบนี้ แล้วเราไม่ไปดูกัน เราก็จะเจอแต่หนังเซฟๆ กันต่อไปแหล่ะครับ ทำใจเสียเถิด!
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังกลางๆ / ดีกว่าที่หวังไว้มากๆ
เกรดหนัง – น่าดูมาก
คะแนน 7.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
[CR] [Mr. Coffee รีวิว] คืนยุติ-ธรรม (ไม่สปอยล์)
วันนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "คืนยุติ- ธรรม" ในรอบฉายของวันแรกที่เข้าฉาย คนดูน้อยเหลือเกินครับโรงที่ผมดู ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปดู นอกจากตัวอย่างหนังที่น่าสนใจแล้ว ก็คงเป็นเพราะเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเป็นนักแสดงนำในหนังเรื่องนี้ด้วย
"คืนยุติ- ธรรม" เป็นหนังไทยแนวที่ไม่ใช่แนวทั่วไปตามสูตรของหนังไทยสักเท่าไหร่ หนังแนวอาชญากรรมระทึกขวัญ ไม่ใช่แนวหนังยอดฮิต หรือใครหากเกิดอยากสร้างขึ้นมา และอยากแตะประเด็นร้อนต่างๆของสังคมไทย ก็ต้องแอบหวั่นใจอยู่บ้างว่า จะโดนห้ามฉายไหม หากแตะเรื่องบางเรื่องลึกเกินไป
จากตัวอย่าง ดูไม่ธรรมดานะครับ หนังแสดงถึงความรุนแรงออกมาได้ตั้งแต่ตัวอย่างเลย รวมถึงดูเหมือนจะแตะเข้าไปในประเด็นร้อนหลายๆเรื่องของสังคมไทย และประเด็นหลักๆที่หนังถูกเลื่อนฉายมาจากช่วงปลายเดือนกุมภาฯ ก็คงเป็นเรื่องของเหตุการณ์กราดยิงที่โคราชเป็นหลัก ผสมกับเรื่องของ Covid-19 ทำให้หนังต้องเลื่อนมาฉายจนถึงเดือนสิงหาคมนี้
ช่วงแรก วิธีการเล่าเรื่องของหนังน่าสนใจนะครับ เล่าสลับไปมา แต่ไม่ถึงกับดูยาก และสร้างความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ต่อเนื่อง รวมถึงสร้างปมบางอย่างให้คนดูได้ขบคิดกันไป เพราะดูเหมือนว่า หนังจะไม่ได้มีแค่ที่เห็นในตัวอย่างแล้วล่ะครับ
ช่วงกลาง เมื่อเริ่มระดมความรุนแรง ฉาก Action ความมันส์ก็บังเกิดครับ ประเด็นมันแรงและกดกันคนดูได้ดีมากทีเดียว ดูไปก็เครียดไป ลุ้นไป เลือดสาด และมีฉากที่เหนือความคาดหมายอยู่หลายฉากเลย ปมที่พลิกผันหลายปมก็มาเแลยให้ได้อึ้งกันพอสมควร
ช่วงท้าย หนังเริ่มเล่าเรื่องราวที่คนดูสงสัยแต่ไม่ถูกเล่า และมีเรื่องราวชวนอึ้งกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราอีกหลายอย่าง ชอบความเข้มข้นและความโหดแบบไม่ยืดเยื้อของหนัง ไม่พิรี้พิไร ไม่บรรยายให้มากความ และไปสู่ตอนจบที่ก็ยังกดดันคนให้อึ้งได้เช่นเคย ถึงแม้จบในรูปแบบที่พอเดาได้ก็ตาม
ในด้านการแสดง ก็อต-จิรายุ เอาอยู่แท้ๆเลยครับ คงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำเป็นแน่แท้ ดูในตัวอย่างเหมือนจะล้น แต่ในความจริงกับแสดงได้เข้มข้นแบบพอดีๆ มากๆ นึกไม่ออกว่าจะแสดงดีกว่านี้ได้อย่างไรเลยล่ะ ส่วน ปูเป้-รามาวดี ที่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ทันเห็นเธอแสดงในหนังไทยแน่ เพราะถ้าผมจำไม่ผิด เธอเคยแสดงแค่เรื่องเดียวคือ "คนจร ฯลฯ" แถมไม่ได้มีบทบาทเยอะเหมือนเรื่องนี้ ส่วนตัวผมว่า ปูเป้ การแสดงและการพูดชัดมากครับ สำหรับผมมันชัดไปหน่อยเมื่อเทียบกับนักแสดงยุคใหม่ที่ชอบงึมงัมเวลาพูด ซึ่งทำให้คนที่ไม่ชินกับความชัดของการพูดอาจรู้สึกว่าเธอแสดงล้นไปทางละคร แต่ผมว่าไม่ใช่ ปูเป้เขาพูดชัดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว55 ส่วนนักแสดงสมทบท่านอื่นๆ แสดงกันได้ดีนะครับ ไม่ขาดไม่เกินไม่แย่งซีน ดูกลมกลืนดี
ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือการเขียนบทที่ลงตัว ทั้งระทึก หม่น หดหู กราดเกรี้ยว ในระดับที่พอดี มีเทคนิคในการเล่า และมีความซับซ้อนพอประมาณ ดูเข้าใจได้ไม่ยาก รวมถึงความพยายามในการนำเสนอความอยุติธรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศมาแบบครบๆ และแรงๆ และจากบทเหล่านั้น นักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีมากๆ ทำให้ภาพของความไม่เท่าเทียม ความอยุติธรรม ซึ่งเราพบเห็นกันได้อยู่แล้ว มันเต่นชัดออกมา และแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง ที่เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นจริงแบบในหนังเรื่องนี้แน่ เพราะเชื่อว่าคนดูจะสะใจ แต่ก็เศร้าใจไปพร้อมๆกัน ต้องยอมรับความกล้าหาญของทีมผู้สร้างที่กล้าสร้างหนังแบบนี้ขึ้นมา และ M-Picture สนับสนุนและนำเข้าฉายด้วยครับ
ข้อเสียของหนังเรื่องนี้ที่ผมเห็น ก็จะเป็นงาน Production ที่ผมว่าน่าจะทำได้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย ช่วงต้นๆของเรื่อง ผมเห็นกล้องถ่าย Close up หลายช็อตมากๆ ที่กล้องมันสั่นและแกว่ง ซึ่งถ้าไม่มีเจตนาจะสื่อว่าเป็นกล้อง Handheld (ซึ่งในเรื่องจะมีเฟรมภาพ) มันก็ไม่น่าจะแกว่งขนาดนั้น รวมถึงเมื่อสื่อสารเป็นเรื่องราวในอดีตที่ย้อนไป 9 ปี อุปกรณ์เข้าฉากหลายชิ้นต้องระวังเรื่องความผิดยุคสมัยนะครับ ผมเห็นหลายจุดที่ผิดยุคอย่างชัดเจน และยังมีประเด็นมือที่ถือปืนสั้นสลับมือขวาซ้ายไปมา เพื่อให้ตัวคนถือหันหน้าเข้ากล้อง ซึ่งในความจริงมือปืนต้องฝีมือระดับไหน ถึงจะเปลี่ยนมือถือปืนเป็นซ้ายบ้างขวาบ้าง มันผิดธรรมชาติไปหน่อย รายละเอียดเหล่านี้ เล็กน้อย แต่ถ้ามันไม่มีเลย หนังจะสมบูรณ์แบบกว่านี้
สรุป - หนังไทยควรจะทำได้แบบหนังเรื่องนี้สิ อยากพูดประเด็นอะไร ก็ควรมีอิสระในการนำเสนอ ซึ่งเรื่องนี้นำเสนอได้ไม่ผิดหวังแต่อย่างใด และหวังว่าผู้สร้างหนังไทย ที่มักจะโดนต่อว่าว่าสร้างแต่หนังเซฟๆ จะกล้าทำหนังที่มีความแตกต่างและพูดอะไรได้เต็มปากเต็มคำเหมือนที่หนังเรื่องนี้ทำได้ และคนดูหนังไทย ที่ผมขอบอกตรงๆว่า เวลามีหนังที่แตกต่างอย่างที่เรียกร้องกัน และมีคุณภาพดีเพียงพอที่จะดูออกมาแบบนี้ แล้วเราไม่ไปดูกัน เราก็จะเจอแต่หนังเซฟๆ กันต่อไปแหล่ะครับ ทำใจเสียเถิด!
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังกลางๆ / ดีกว่าที่หวังไว้มากๆ
เกรดหนัง – น่าดูมาก
คะแนน 7.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้