'น.ศ.หอการค้า' ปราศรัย ถ้าเด็กหลอกง่าย ทำไมไม่เชื่อรายการคืนความสุข จวก กมธ.ปาหี่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2303337
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 17.00 น. ที่สนามหน้าหน้าอาคาร 24 (ตึกเรือใบ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เขตดินแดง กรุงเทพฯ ‘
ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย’ จัดกิจกรรม ออกเรือไล่.... รับเพื่อนใหม่ขับไล่ [เผล่ะจัง] ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปตั้งแต่เวลาประมาณ 16.30 น. มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์บริเวณสถานที่จัดกิจกรรม โดยกลุ่มนักศึกษาได้เริ่มนำเครื่องเสียงมาติดตั้งและตั้งเวทีเตรียมปราศรัยเมื่อเวลาราว 16.45 น. นอกจากนี้มีการเตรียมพร้อมมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเตรียมเจลล้างมือสำหรับผู้ร่วมชุมนุม รวมถึงมีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์การตรวจอาวุธสำหรับแสกนก่อนเข้าร่วมชุมนุมด้วย
เวลาประมาณ 17.10 น. นักศึกษา ม.หอการค้าไทยทยอยเข้าร่วมโดยผ่านจุดคัดกรอง ทั้งการแสกนอาวุธ และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั้งหญิงและชาย ซึ่งนำเทปกาวปิดชื่อโรงเรียนนำแผ่นกระดาษเขียนข้อเรียกร้องด้วยลายมือ 3 ข้อ ได้แก่
1. ประกาศยุบสภา
2. หยุดคุกคามประชาชน
3. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
บางส่วนถือป้ายโปสเตอร์ผู้ถูกบังคับสูญหาย
เวลา 17.20 น. มีการร้องบรรเลงเพลง
‘เพื่อมวลชน’ และประกาศเชิญชวนให้นักศึกษา คณาจารย์เข้าร่วมกิจกรรม
เวลา 17.30 น. ตัวแทนภาคีนักศึกษา ม.หอการค้าไทยเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีการเริ่มต้นปราศรัย
นาย
ฉัตรชัย (สงวนนามสกุล) นักศึกษาคณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรมบริการ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า นับย้อนไป 6 ปี กปปส.เรียกร้องให้นางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก แต่เมื่อนางสาว
ยิ่งลักษณ์ลาออก แกนนำกปปส.ก็ไปขัดขวางการเลือกตั้งซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ ทำให้ประเทศไม่เดินหน้า เมื่อคสช.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทำให้ตัวเองมีอำนาจ นอกจากนี้ ยังมี ม.44 ควบคุมสื่อและประชาชน บังคับให้ดูรายการทุกวันศุกร์ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ ผู้ใหญ่บอกว่า พวกตนชักจูงง่าย ถามว่า ทำไมดูรายการแล้วไม่เชื่อพลเอกประยุทธ์
วันนี้พวกตนออกมาชุมนุม ด้วยความต้องการ 3 ข้อ
1. ยุติอำนาจ คสช.
2. สร้างหนทางสู่ประชาธิปไตย ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้ง
3. สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่ไม่เอารัฐธรรมนูญ 60 โดนคุกคาม แม้แต่คนที่ไปแจกใบปลิวรณรงค์ไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว หากมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขอให้ยกเลิก 5 ข้อ ได้แก่
1. ยกเลิกนายกคนนอก
2. ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
3. ยกเลิกแผนปฏิรูปประเทศ 3,000 หน้า
4. ยกเลิกท้องถิ่นพิเศษ
5. ยกเลิก ม.279 ที่เขียนว่า การทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญไม่ผิด” นาย
ฉัตรชัยกล่าว
จากนั้น ตัวแทนนักศึกษาอีกรายหนึ่ง ขึ้นปราศรัยว่า พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง กมธ.ปาหี่ ในขณะที่บอกว่าจะรับฟัง แต่ยังมีคนมาเก็บข้อมูล ถามว่าจะเก็บไปทำไม พ่อแม่พวกตนหาเช้ากินค่ำ ส่งลูกเรียน ยังต้องมารับความเสี่ยงทั้งที่แค่อยากเห็นอนาคตประเทศดีกว่านี้ ตนหาคำตอบที่เป็นธรรมไม่ได้เลย
ต่อมา มีการอ่านบทกวี มีเนื้อหาต่อต้าน [เผล่ะจัง]
เปิดใจ! นร.ไทยในไต้หวัน ประกาศยืนข้างบ้านเกิด นัดม็อบใหญ่คู่ขนาน 16 ส.ค.นี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_4691425
เปิดใจ! นักเรียนไทยในไต้หวัน ประกาศยืนข้างบ้านเกิด นัดชุมนุมใหญ่คู่ขนาน กลางกรุงไทเป 16 ส.ค.นี้ ลั่น อยากให้มาตุภูมิ เป็นประชาธิปไตยจริงๆ
กระแสการชุมนุมของนักศึกษา นักเรียน และประชาชนในประเทศไทย เพื่อส่งเสียงดังๆถึงรัฐบาล ให้ได้ยิน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยุบสภา และหยุดคุกคามประชาชน ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแล้วทั่วประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเมืองไทยเท่านั้น ดูเหมือนว่าการชุมนุมดังกล่าว จะลามไปถึง
"ชุมชนชาวไทย" ในประเทศต่างๆทั่วโลกอีกด้วย
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม นี้ นอกจากจะมีการประกาศชุมนุมใหญ่ที่ประเทศไทย บริเวณอนุสารีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินแล้ว ในระดับต่างประเทศ ก็มีการนัดชุมนุมคู่ขนานเช่นเดียวกัน ซึ่งพวกเขาคือกลุ่มนักเรียนชาวไทย ที่เรียนและพักอาศัยอยู่ในกรุงไทเป ไต้หวัน โดยเขานัดชุมนุมกันที่ taipei main station ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของเมือง
อัครวัฒน์ ศิริพัธนโชค หรือง้วง นักศึกษาปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และการพัฒนาสังคม แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (National Chengchi University) หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ข่าวสดออนไลน์" กับแรงบันดาลใจ ความคาดหวัง และวัตถุประสงค์ในการจัดการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้
"พวกเราเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการชุมนุมของนักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ เพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ต่างประเทศ แต่เราก็มีความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ตลอดเวลา และอยากให้ประเทศเรามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เหมือนไต้หวันที่ที่พวกเราอยู่ พวกเราต้องการส่งกำลังใจให้ผู้ชุมนุมที่รักเสรีภาพ รักประชาธิปไตยในประเทศไทย ว่าพวกเราอยู่เคียงข้างพวกเขา และทุกคนไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว" อัครวัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการประกาศนัดชุมนุม
อัครวัฒน์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการจัดการชุมนุมครั้งนี้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างยาวนาน มีพรรคการเมืองและภาคประชาชนที่เข้มแข็ง กล่าวได้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในเอเชีย และมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
อีกทั้งไต้หวันเป็นประเทศที่พิสูจน์กับชาวโลกได้ว่า สามารถจำกัดการระบาดCOVID-19 ได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยไม่ได้ริดรอนเสรีภาพ และฉวยโอกาสในการใช้อำนาจ [เผล่ะจัง] ในหลายๆประเทศ เราจึงอยากเห็นโครงสร้างสังคมที่ดีในไต้หวันเกิดขึ้นในประเทศไทย
"อย่างน้อย เราต้องการให้การเคลื่อนไหวของคนไทยที่รักประชาธิปไตยในต่างประเทศ เป็นโมเดลแก่คนไทยในประเทศอื่น เพื่อที่จะให้นานาชาติเข้าใจสถานการณ์ที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและความไม่เป็นประชาธิปไตยในไทยแก่คนต่างชาติ" นี่คือสิ่งที่
"ง้วง" หนุ่ม ป.โท ผู้อยู่ไกลบ้านคาดหวัง
อัครวัฒน์ กล่าวต่อว่า กว่าไต้หวันจะมีประชาธิปไตย ประชาชนต่อสู้กับระบอบ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กมินตั๋งอย่างยาวนาน โดยคนไต้หวันต้องอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกอยู่หลายทศวรรษ ซึ่งมีการประกาศใช้ยาวนานที่สุดอันดับสองในโลก รองจากซีเรียที่ปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้ [เผล่ะจัง]
การต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยในไต้หวัน ผนวกกับคลื่นประชาธิปไตยในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ทำให้ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กไม่อาจต้านทานกระแสความต้องการของประชาชนไต้หวันที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตยได้ จึงยกเลิกกฎอัยการศึก และปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีประชาธิปไตย
โดยไต้หวันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงจากประชาชนครั้งแรกในปี 1996 และในปี 2000 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพรรคการเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ในการต่อสู้ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กมินตั๋ง
อัครวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างของ พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเคยเป็นจอม [เผล่ะจัง] โดยพรรคในไต้หวัน ก็ยังยอมเข้าสู่สนามทางการเมืองที่เสรี และไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเด็ดขาด หลังไต้หวันมีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งพวกเขาเห็นว่า มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเราอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องอย่างประเทศประชาธิปไตยที่มีอารยะในโลกเสรี
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ
"ง้วง" หรือ
อัครวัฒน์ ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อตอนที่เขาอยู่เมืองไทย เขาคือวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง เขาเคยร่วมเคลื่อนไหวกับ
"คนอยากเลือกตั้ง" เรียกร้องให้ คสชช.คืนอำนาจให้กับประชาชน จนกระทั่งตัวเขาโดนดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่น (ม.116) ถึง 2 คดี เมื่อปี 2561 มาแล้วอีกด้วย
JJNY : 4in1 'น.ศ.หอการค้า'จวก กมธ.ปาหี่/นร.ไทยในไต้หวันนัดม็อบใหญ่/พท.แนะอย่าใช้ม็อบชนม็อบ/การท่าเรือฯอ่วม! รายได้วูบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2303337
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 17.00 น. ที่สนามหน้าหน้าอาคาร 24 (ตึกเรือใบ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เขตดินแดง กรุงเทพฯ ‘ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย’ จัดกิจกรรม ออกเรือไล่.... รับเพื่อนใหม่ขับไล่ [เผล่ะจัง] ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปตั้งแต่เวลาประมาณ 16.30 น. มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์บริเวณสถานที่จัดกิจกรรม โดยกลุ่มนักศึกษาได้เริ่มนำเครื่องเสียงมาติดตั้งและตั้งเวทีเตรียมปราศรัยเมื่อเวลาราว 16.45 น. นอกจากนี้มีการเตรียมพร้อมมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเตรียมเจลล้างมือสำหรับผู้ร่วมชุมนุม รวมถึงมีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์การตรวจอาวุธสำหรับแสกนก่อนเข้าร่วมชุมนุมด้วย
เวลาประมาณ 17.10 น. นักศึกษา ม.หอการค้าไทยทยอยเข้าร่วมโดยผ่านจุดคัดกรอง ทั้งการแสกนอาวุธ และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั้งหญิงและชาย ซึ่งนำเทปกาวปิดชื่อโรงเรียนนำแผ่นกระดาษเขียนข้อเรียกร้องด้วยลายมือ 3 ข้อ ได้แก่
1. ประกาศยุบสภา
2. หยุดคุกคามประชาชน
3. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
บางส่วนถือป้ายโปสเตอร์ผู้ถูกบังคับสูญหาย
เวลา 17.20 น. มีการร้องบรรเลงเพลง ‘เพื่อมวลชน’ และประกาศเชิญชวนให้นักศึกษา คณาจารย์เข้าร่วมกิจกรรม
เวลา 17.30 น. ตัวแทนภาคีนักศึกษา ม.หอการค้าไทยเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีการเริ่มต้นปราศรัย
นายฉัตรชัย (สงวนนามสกุล) นักศึกษาคณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรมบริการ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า นับย้อนไป 6 ปี กปปส.เรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก แต่เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ลาออก แกนนำกปปส.ก็ไปขัดขวางการเลือกตั้งซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ ทำให้ประเทศไม่เดินหน้า เมื่อคสช.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทำให้ตัวเองมีอำนาจ นอกจากนี้ ยังมี ม.44 ควบคุมสื่อและประชาชน บังคับให้ดูรายการทุกวันศุกร์ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ ผู้ใหญ่บอกว่า พวกตนชักจูงง่าย ถามว่า ทำไมดูรายการแล้วไม่เชื่อพลเอกประยุทธ์
วันนี้พวกตนออกมาชุมนุม ด้วยความต้องการ 3 ข้อ
1. ยุติอำนาจ คสช.
2. สร้างหนทางสู่ประชาธิปไตย ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้ง
3. สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่ไม่เอารัฐธรรมนูญ 60 โดนคุกคาม แม้แต่คนที่ไปแจกใบปลิวรณรงค์ไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว หากมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขอให้ยกเลิก 5 ข้อ ได้แก่
1. ยกเลิกนายกคนนอก
2. ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
3. ยกเลิกแผนปฏิรูปประเทศ 3,000 หน้า
4. ยกเลิกท้องถิ่นพิเศษ
5. ยกเลิก ม.279 ที่เขียนว่า การทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญไม่ผิด” นายฉัตรชัยกล่าว
จากนั้น ตัวแทนนักศึกษาอีกรายหนึ่ง ขึ้นปราศรัยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง กมธ.ปาหี่ ในขณะที่บอกว่าจะรับฟัง แต่ยังมีคนมาเก็บข้อมูล ถามว่าจะเก็บไปทำไม พ่อแม่พวกตนหาเช้ากินค่ำ ส่งลูกเรียน ยังต้องมารับความเสี่ยงทั้งที่แค่อยากเห็นอนาคตประเทศดีกว่านี้ ตนหาคำตอบที่เป็นธรรมไม่ได้เลย
ต่อมา มีการอ่านบทกวี มีเนื้อหาต่อต้าน [เผล่ะจัง]
เปิดใจ! นร.ไทยในไต้หวัน ประกาศยืนข้างบ้านเกิด นัดม็อบใหญ่คู่ขนาน 16 ส.ค.นี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_4691425
เปิดใจ! นักเรียนไทยในไต้หวัน ประกาศยืนข้างบ้านเกิด นัดชุมนุมใหญ่คู่ขนาน กลางกรุงไทเป 16 ส.ค.นี้ ลั่น อยากให้มาตุภูมิ เป็นประชาธิปไตยจริงๆ
กระแสการชุมนุมของนักศึกษา นักเรียน และประชาชนในประเทศไทย เพื่อส่งเสียงดังๆถึงรัฐบาล ให้ได้ยิน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยุบสภา และหยุดคุกคามประชาชน ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแล้วทั่วประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเมืองไทยเท่านั้น ดูเหมือนว่าการชุมนุมดังกล่าว จะลามไปถึง "ชุมชนชาวไทย" ในประเทศต่างๆทั่วโลกอีกด้วย
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม นี้ นอกจากจะมีการประกาศชุมนุมใหญ่ที่ประเทศไทย บริเวณอนุสารีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินแล้ว ในระดับต่างประเทศ ก็มีการนัดชุมนุมคู่ขนานเช่นเดียวกัน ซึ่งพวกเขาคือกลุ่มนักเรียนชาวไทย ที่เรียนและพักอาศัยอยู่ในกรุงไทเป ไต้หวัน โดยเขานัดชุมนุมกันที่ taipei main station ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของเมือง
อัครวัฒน์ ศิริพัธนโชค หรือง้วง นักศึกษาปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และการพัฒนาสังคม แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (National Chengchi University) หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ข่าวสดออนไลน์" กับแรงบันดาลใจ ความคาดหวัง และวัตถุประสงค์ในการจัดการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้
"พวกเราเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการชุมนุมของนักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ เพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ต่างประเทศ แต่เราก็มีความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ตลอดเวลา และอยากให้ประเทศเรามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เหมือนไต้หวันที่ที่พวกเราอยู่ พวกเราต้องการส่งกำลังใจให้ผู้ชุมนุมที่รักเสรีภาพ รักประชาธิปไตยในประเทศไทย ว่าพวกเราอยู่เคียงข้างพวกเขา และทุกคนไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว" อัครวัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการประกาศนัดชุมนุม
อัครวัฒน์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการจัดการชุมนุมครั้งนี้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างยาวนาน มีพรรคการเมืองและภาคประชาชนที่เข้มแข็ง กล่าวได้ว่า ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในเอเชีย และมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
อีกทั้งไต้หวันเป็นประเทศที่พิสูจน์กับชาวโลกได้ว่า สามารถจำกัดการระบาดCOVID-19 ได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยไม่ได้ริดรอนเสรีภาพ และฉวยโอกาสในการใช้อำนาจ [เผล่ะจัง] ในหลายๆประเทศ เราจึงอยากเห็นโครงสร้างสังคมที่ดีในไต้หวันเกิดขึ้นในประเทศไทย
"อย่างน้อย เราต้องการให้การเคลื่อนไหวของคนไทยที่รักประชาธิปไตยในต่างประเทศ เป็นโมเดลแก่คนไทยในประเทศอื่น เพื่อที่จะให้นานาชาติเข้าใจสถานการณ์ที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและความไม่เป็นประชาธิปไตยในไทยแก่คนต่างชาติ" นี่คือสิ่งที่ "ง้วง" หนุ่ม ป.โท ผู้อยู่ไกลบ้านคาดหวัง
อัครวัฒน์ กล่าวต่อว่า กว่าไต้หวันจะมีประชาธิปไตย ประชาชนต่อสู้กับระบอบ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กมินตั๋งอย่างยาวนาน โดยคนไต้หวันต้องอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกอยู่หลายทศวรรษ ซึ่งมีการประกาศใช้ยาวนานที่สุดอันดับสองในโลก รองจากซีเรียที่ปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้ [เผล่ะจัง]
การต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยในไต้หวัน ผนวกกับคลื่นประชาธิปไตยในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ทำให้ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กไม่อาจต้านทานกระแสความต้องการของประชาชนไต้หวันที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตยได้ จึงยกเลิกกฎอัยการศึก และปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีประชาธิปไตย
โดยไต้หวันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงจากประชาชนครั้งแรกในปี 1996 และในปี 2000 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพรรคการเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ในการต่อสู้ [เผล่ะจัง] พรรคก๊กมินตั๋ง
อัครวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างของ พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเคยเป็นจอม [เผล่ะจัง] โดยพรรคในไต้หวัน ก็ยังยอมเข้าสู่สนามทางการเมืองที่เสรี และไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเด็ดขาด หลังไต้หวันมีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งพวกเขาเห็นว่า มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเราอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องอย่างประเทศประชาธิปไตยที่มีอารยะในโลกเสรี
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ "ง้วง" หรืออัครวัฒน์ ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อตอนที่เขาอยู่เมืองไทย เขาคือวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง เขาเคยร่วมเคลื่อนไหวกับ "คนอยากเลือกตั้ง" เรียกร้องให้ คสชช.คืนอำนาจให้กับประชาชน จนกระทั่งตัวเขาโดนดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่น (ม.116) ถึง 2 คดี เมื่อปี 2561 มาแล้วอีกด้วย