สวัสดีชาว Pantip ขอแนะนำตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ก่อนคะ ชื่อแอร์ เป็นพนักงานบริษัททั่วไป และเป็นผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติ สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง โดยเน้นการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองเป็นหลัก บางครั้งจะเที่ยวกับกลุ่มเพือน แฟน คุณแม่ และบางครั้งก็เดินทางคนเดียว ขึ้นกับสถานการณ์ และความอยากไปสุดๆ ในช่วงนั้นคะ โดยทริปที่จะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันคือทริปอินเดีย (แคว้นราชสถาน)
จุดเปลี่ยน
จริงๆ บอกก่อนเลยว่าไม่เคยคิดอยากไปอินเดียมาก่อน ปกติเคยเดินทางมาหลายประเทศทั้งที่แบบสมบุกสมบัน ไปจนถึงแบบสบาย แต่ Hello!!!! อินเดียไม่อยู่ในหัว เพราะมีความหลอนอยู่ในใจ จากที่เพื่อนเคยไปก็จะมาพูดให้ฟังว่า โอ้วอินเดียสวย แต่สวยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว คือระหว่าเดินทางมันไม่น่าดูเลย สกปรก เราก็แบบ อืม อืม อืม อย่างนี้นี่เอง แถมดูคลิปขายอาหารของประเทศอินเดีย คือพูดไม่ออก กลัวท้องเสียมาก แต่คนเราเนอะต้องมีจุดเปลี่ยน มีเพื่อนของแฟนที่ไป Jaipur มาซึ่งพี่เค้าค่อนข้างเป็นสไตล์กินหรู อยู่สบาย แต่ไปอินเดีย เราก็เอ๊ะ!!! เอาจริงดิพี่!!! พอดูรูปสถานที่ ที่พี่เค้าไปคือมันสวยมาก ศิลปะละเอียดมาก และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้มุมมองที่เรามีต่อประเทศอินเดียเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น เลยหาข้อมูลเพิ่มขึ้นว่าเมืองนี้นี่ยังไงกันนะ ดูราคาตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายในการการใช้ชีวิตประจำวัน ค่าเดินทาง ค่าโรงแรม ค่าวีซ่า อ้าวเห้ยนี่มันราคาสบายกระเป๋าเลยเหมาะกับพนักงานออฟฟิศ เลยเป็นเหตุให้ทริปนี้เกิดขึ้น
เหล่าสมุน
การเดินทางครั้งนี้จะเดินทางไปกันทั้งหมด 4 สาว โดยมีเพื่อนตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย 1 คน / พี่ และน้องที่ออฟฟิศ อีก 2 คน / รวมตัวเองเป็น 4 คน พอดี
บางคนอาจะกลัว และไม่กล้าตัดสินใจไปเที่ยวหากเป็นกลุ่มผู้หญิงล้วน ซึ่งแอร์แนะนำว่าเราสามารถไปได้คะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องช่วยดูแล กันและกัน อย่าออกไปกลางคืน อยู่ในที่ซุ่มเสี่ยง และหาที่พักที่ดูปลอดภัย เท่านั้นเราก็สามารถไปเที่ยวได้อย่างสุขใจแล้ว
วีซ่าอินเดีย
สามารถยื่นขอวีซ่าออนไลน์ได้ช้าสุด 4 วัน และเร็วสุด 120 วัน ก่อนวันเดินทางวันแรก
การสมัครวีซ่าอินเดียสามารถทำได้ 2 ทางเลือกคือ
1) สมัครด้วยตัวเองผ่านออนไลน์
https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
ค่าธรรมเนียมวีซ่า (แบบสมัครด้วยตัวเองผ่านออนไลน์)
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 30 วัน / Double Entry (เข้า/ออกได้ 2 ครั้ง) ราคา USD 25
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 1 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) USD 40
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 5 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) USD 80
2) สมัครผ่าน VFS
https://www.vfsglobal.com/india/thailand/english/contact-us.html
ค่าธรรมเนียมวีซ่า (แบบยื่นผ่าน VFS)
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 1 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) THB 3,200
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 5 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) THB 6,400
แอร์ก็จะแนะนำให้เลือกเป็นสมัครด้วยตนเองคะ เพราะข้อดีคือค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบมีนัยยะสำคัญ (555) และมีหลายทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกให้เหมาะกับตัวเอง
ตอนที่สมัครวีซ่าเอง เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายคือติดขั้นตอนแนบไฟล์รูป ต้องให้ได้ตามที่เค้ากำหนดเป๊ะๆเลยนะคะ ไม่เช่นนั้นจะอับโหลดไฟล์ไม่ผ่าน ดังนั้นเราต้องเตรียมเอกสารก่อนสมัครดังนี้
- ภาพถ่าย พื้นหลังสีขาว หน้าตรง ขนาด 1 x 1 (ถ่ายภาพจากมือถือได้) ไฟล์.jpg ขนาดไม่ต่ำกว่า 10 KB สูงสุดไม่เกิน 1 MB โดยที่ขนาด กว้าง x ยาว ของรูปต้องไม่ต่ำกว่า 350 x 350 pix และสูงสุดไม่เกิน 1,000 x 1,000 pix
- หน้าสแกนพาสปอร์ตแบบไฟล์ PDF (ถ่ายหน้าที่มีรายละเอียดส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ วันเกิด สัญชาติ วันหมดอายุ ฯลฯ) ขนาดไม่ต่ำกว่า 10 KB และไม่เกิน 300 KB หากไม่มีเครื่องสแกนสามารถถ่ายภาพจากมือถือได้
- บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต visa / master card สำหรับชำระค่าธรรมเนียม โดยค่าเงินจะตัดเป็นหน่วย USD คิดเรทเงินตามธนาคาร ณ เวลานั้นเลย และจะมีค่าธรรมเนียมการรูดเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดในการสมัครวีซ่าออนไลน์
- เช็คข้อมูลให้เหมือนกับรายละเอียดในพาสปอร์ตเป๊ะๆ เช่นการสะกด ชื่อ นามสกุล เลขพาสปอร์ต ไม่เช่นนั้นหากข้อมูลไม่ถูกต้อง สิ่งที่จะได้กลับมาคือเค้าจะปฎิเสธการอนุมัติวีซ่าทันทีคะ อันนี้เพื่อนแอร์เจอมาแล้ว แต่เพื่อนๆไม่ต้องกลัวคะ เราสามารถสมัครได้อีกครั้งผ่านออนไลน์
- เมื่อวีซ่าของเพื่อนๆ ได้รับการอนุมัติแล้วจะมีอีเมลมาว่า “GRANTED” อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจคะ ตัวนั้นยังไม่ใช่เอกสารวีซ่าที่เราต้องพกติดตัว เราต้องไปปริ๊นเอกสารที่มีรูป ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลส่วนตัว ประเภทวีซ่าสังเกตตรงด้านบนจะมีบาร์โค้ด ซึ่งแอร์บอกเลยว่าแอร์ปริ๊นผิด เอกสารที่แอร์ปริ๊นคือรายละเอียดสรุปการสมัครวีซ่าของซึ่งมีรูปเหมือนกัน ที่สำคัญคือพอไปเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ของสายการบินจะตรวจเอกสารว่าทุนคนมีวีซ่าครบถ้วน ใบที่แอร์ปริ๊นผิดกับเพื่อนอีกคน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ว่าอะไร ก็เช็คอินปกติ แต่เพื่อนที่ทำงานอีก 2 คนไม่ได้ปริ๊นมา เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก ก็ปริ๊นให้ แต่ แต่ แต่ มันทำให้การเข้าเมืองของแอร์มีปัญหาคะเพราะเจ้าหน้าที่จะเอาแต่แบบที่มีบาร์โค้ดเท่านั้น พอเราบอกไม่มีก็บอกว่าขอดูอีเมลที่มีคำว่า “GRANTED” หน่อย เอาละสิต้องควักซิมออกมาเพื่อใช้อินเตอร์เนต หาอีเมลนั้นแล้วโชว์กับเจ้าหน้าที่ เลยผ่านมาได้แบบช้ามาก ใช้เวลาไปเบาๆ 1 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะในการเดินทาง
ถ้าพูดถึงคนส่วนมากคงไม่ชอบดินทางร้อนๆ และมีอุปสรรคในการเดินทางเช่นฝนเป็นแน่ ดังนั้นฤดูท่องเที่ยวที่แอร์แนะนำกับคนไทยอย่างเราๆ คงหนีไม่พ้น ฤดูหนาว คือช่วงเดือน ธันวาคม – มีนาคม ซึ่งเดือน ธันวาคม – มกราคม เป็นเดือนที่หนาวที่สุด หากบางคนกลัวหนาวก็ลองเลื่อนไปเป็น กุมภาพันธ์ – มีนาคม ก็ได้คะ
ประเทศอินเดียมี 4 ฤดูกาล (แบบแบ่งตามภูมิศาสตร์)
1) ฤดูหนาว : ธันวาคม – มีนาคม อุณหภูมิ 2 – 25 องศาเซลเซียส
2) ฤดูร้อน : เมษายน – กรกฎาคม อุณหภูมิ 32 – 50 องศาเซลเซียส
3) ฤดูมรสุม : สิงหาคม – กันยายน อุณหภูมิ 28 – 34 องศาเซลเซียส
4) หลังฤดูมรสุม : ตุลาคม – พฤศจิกายน อุณหภูมิ 28 – 34 องศาเซลเซียส
Reference:
https://www.geographynotes.com/seasons/seasons-in-india-4-seasons-geography/5586
เตรียมตัว เตรียมใจ
อะไรบ้างที่เราควรเตรียมพร้อมรับมือกับอินเดีย เช่น แว่นกันแดด ครีมกันแดด หมวก ถุงพลาสติก หรือถุงผ้า (เอาไว้ใส่รองเท้าตัวเองเวลาเข้าวัด) กระดาษทิชชู่เปียก เจลล้างมือ มาส์กกันฝุ่น (แนะนำให้เอาแบบกันฝุ่น PM 2.5 หรือดีกว่าขึ้นไปติดตัว เพราะฝุ่นเยอะมาก ขี้มูกสีเทาเลยคะ) ยาสามัญประจำการเดินทาง ถ้าใครติดกาแฟก็พกไปด้วยนะคะ เพราะกาแฟไม่เข้มข้นเท่าไร แต่ชาดีเวอร์
โปรแกรมการเดินทาง
แอร์เดินทางช่วง 31 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2563 (ก่อน COVID-19 จะระบาดอย่างรุนแรง)
เมื่องที่เราตัดสินใจไปกันจะมีทั้งหมด 3 เมือง (Jaipur – Jodhpur – Udaipur) โดยใช้เวลาท่องเที่ยวทั้งหมด 8 วัน 7 คืน (รวมวันที่เดินทางเข้าไปด้วยนะคะ) ซึ่งการเดินทางจะวนเป็นสามเหลี่ยม
ซึ่งการเลือกเมืองที่ไปเที่ยว เพื่อนๆ อาจจะต้องคำนึงเวลาที่สามารถลาได้ จริตของกลุ่มที่ไปด้วย
สไตล์ของแอร์คือต้องใช้เวลาอิ่มเอมกับเมืองที่ไป แต่ละที่เที่ยวต้องมีเวลาให้เดินชิว ให้ถ่ายรูป
Day 1 : Bangkok – Jaipur กว่าจะถึงก็ปาเข้าไป 22.30 น. แล้วคะ
Day 2 : Jaipur
Day 3 : Jaipur
Day 4 : Jaipur – Jodhpur
Day 5 : Jodhpur
Day 6 : Jodhpur – Udaipur
Day 7 : Udaipur
Day 8 : Udaipur – Jaipur เครื่องออกช่วง 23.00 น.
PART 1 : JAIPUR
จัยปูร์ หรือ ชัยปุระ เป็นเมืองหลวงของแคว้นราชสถาน มีความเป็นเมืองใหญ่ และเป็นเมืองที่เราสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แอร์เดินทางโดยใช้สายการบินหางแดง (AirAsia) ซึ่งเวลาที่ประเทศอินเดียจะช้ากว่าประเทศไทย 1.5 ชั่วโมง พอเครื่องลงป๊าบสิ่งที่เราเจอคือการผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะการจัดคิวของเจ้าหน้าที่ ที่งง งง นิดนึงคะ
พอลงมาแล้วก็รับกระเป๋า พร้อมออกสู่เมืองสีชมพูแห่งนี้แล้วคะ แอร์จองบริษัทเช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริปการเดินทางเพราะราคาไม่แพงเลย ประกอบกับเรามาเที่ยวกันเป็นแบบผู้หญิง ผู้หญิงเนอะ คิดว่าแบบนี้สะดวกสุดคะ
ที่พักของเราทั้งตลอด 3 คืนที่เมืองนี้ คือ Hotel Kalyan ได้เป็นห้อง 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคา 3 คืน เบามากเลยคะ อยู่ที่ประมาณ 4,300 บาท
หารกัน 4 คน ตกอยู่ที่คนละ 1,075 บาท (คืนละ 358 บาท ต่อคน) แถมรวมอาหารเช้าด้วยจ้า
ซึ่งอาหารเช้าเป็นแบบง่ายๆ คะขนมปัง ไข่ และชา หรือกาแฟ แต่ขอบอกไว้ก่อน ชาที่นี่เด็ดมาก คุณต้องกิน ไม่งั้นพลาดมาก
แนะนำสายถ่ายรูป คือสั่งอาหารเช้าให้เสร็จก่อน เพราะทำช้าเหมือนกันคะ 20 นาทีได้ สั่งไว้แล้วไปถ่ายรูป กลับมาพอดีเลย อีกอย่างคือหากนัดคนขับรถให้มารับตอนเช้า คุณอาจจะต้องนัดเผื่อเวลาไว้ด้วยคะ เพราะรถติดตอนเช้ามาก บริษัทรถที่เช่า ต้องให้รถคันอื่นมารับแล้วไปเจอกันอีกที่เพราะรถติดมาก รอไป 30 นาทีแล้วก็ยังไม่มาคะ
เช้าวันแรกของเมืองสีชมพูแห่งนี้ อากาศเย็นสบาย ถือว่าเริ่มต้นวันแรกดีมาก ระหว่างรออาหารเช้า ก็มาถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ บริเวณดาดฟ้าของโรงแรม
วันที่ 2 : Jaipur
โปรแกรมที่วางแผนเที่ยวของเราวันนี้
Albert Hall Museum, Jawahar Circle Garden (The Partika Gate), Birla Temple, Hawa Mahal & Jantar Mantar Observatory
ร้านที่วางแผนจะไปกิน
ตอนเที่ยง Caffé Palladio ตอนเย็น Bar Palladio
เมื่อเราฟินกับชาที่โรงแรมแล้ว สิ่งถัดมาคือความฟินขั้นสุดคือเราคือ Lassi ที่รสชาติดีที่สุดใน Jaipur พิกัดร้านไม่รู้จริง ๆ คะ เพราะคนขับพาเรามา
เค้าจะใส่มาให้เราในแก้วดิน ซึ่งตอนแรกขอบอกว่าไม่กล้ากินเพราะไม่มั่นใจว่าแก้วสะอาดหรือเปล่า กลัวท้องเสียตั้งแต่วันแรก แต่แม่เจ้าโว้ยยย อร่อย 10 ดาวไปเลยจ้า
Albert Hall Museum (ค่าเข้า Rs. 300)
แต่เราถ่ายรูปด้านหน้าเฉยๆคะ ไม่ได้เข้าไปก็เลยไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปดูกันได้คะ แถมเค้ามีขายตั๋วเข้าที่เที่ยวหลายๆที่ ซึ่งเรียกว่า Composite entry ticket ในราคาเพียงแค่ Rs 1,000 โดยตั๋วจะมีอายุ 2 วันคะ
[CR] Fascinating India (Jaipur - Jodhpur - Udaipur)
จุดเปลี่ยน
จริงๆ บอกก่อนเลยว่าไม่เคยคิดอยากไปอินเดียมาก่อน ปกติเคยเดินทางมาหลายประเทศทั้งที่แบบสมบุกสมบัน ไปจนถึงแบบสบาย แต่ Hello!!!! อินเดียไม่อยู่ในหัว เพราะมีความหลอนอยู่ในใจ จากที่เพื่อนเคยไปก็จะมาพูดให้ฟังว่า โอ้วอินเดียสวย แต่สวยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว คือระหว่าเดินทางมันไม่น่าดูเลย สกปรก เราก็แบบ อืม อืม อืม อย่างนี้นี่เอง แถมดูคลิปขายอาหารของประเทศอินเดีย คือพูดไม่ออก กลัวท้องเสียมาก แต่คนเราเนอะต้องมีจุดเปลี่ยน มีเพื่อนของแฟนที่ไป Jaipur มาซึ่งพี่เค้าค่อนข้างเป็นสไตล์กินหรู อยู่สบาย แต่ไปอินเดีย เราก็เอ๊ะ!!! เอาจริงดิพี่!!! พอดูรูปสถานที่ ที่พี่เค้าไปคือมันสวยมาก ศิลปะละเอียดมาก และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้มุมมองที่เรามีต่อประเทศอินเดียเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น เลยหาข้อมูลเพิ่มขึ้นว่าเมืองนี้นี่ยังไงกันนะ ดูราคาตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายในการการใช้ชีวิตประจำวัน ค่าเดินทาง ค่าโรงแรม ค่าวีซ่า อ้าวเห้ยนี่มันราคาสบายกระเป๋าเลยเหมาะกับพนักงานออฟฟิศ เลยเป็นเหตุให้ทริปนี้เกิดขึ้น
เหล่าสมุน
การเดินทางครั้งนี้จะเดินทางไปกันทั้งหมด 4 สาว โดยมีเพื่อนตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย 1 คน / พี่ และน้องที่ออฟฟิศ อีก 2 คน / รวมตัวเองเป็น 4 คน พอดี
บางคนอาจะกลัว และไม่กล้าตัดสินใจไปเที่ยวหากเป็นกลุ่มผู้หญิงล้วน ซึ่งแอร์แนะนำว่าเราสามารถไปได้คะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องช่วยดูแล กันและกัน อย่าออกไปกลางคืน อยู่ในที่ซุ่มเสี่ยง และหาที่พักที่ดูปลอดภัย เท่านั้นเราก็สามารถไปเที่ยวได้อย่างสุขใจแล้ว
วีซ่าอินเดีย
สามารถยื่นขอวีซ่าออนไลน์ได้ช้าสุด 4 วัน และเร็วสุด 120 วัน ก่อนวันเดินทางวันแรก
การสมัครวีซ่าอินเดียสามารถทำได้ 2 ทางเลือกคือ
1) สมัครด้วยตัวเองผ่านออนไลน์ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
ค่าธรรมเนียมวีซ่า (แบบสมัครด้วยตัวเองผ่านออนไลน์)
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 30 วัน / Double Entry (เข้า/ออกได้ 2 ครั้ง) ราคา USD 25
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 1 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) USD 40
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 5 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) USD 80
2) สมัครผ่าน VFS https://www.vfsglobal.com/india/thailand/english/contact-us.html
ค่าธรรมเนียมวีซ่า (แบบยื่นผ่าน VFS)
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 1 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) THB 3,200
- วีซ่าท่องเที่ยวอายุ 5 ปี / Multiple Entry (เข้า/ออกได้หลายครั้ง) THB 6,400
แอร์ก็จะแนะนำให้เลือกเป็นสมัครด้วยตนเองคะ เพราะข้อดีคือค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบมีนัยยะสำคัญ (555) และมีหลายทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกให้เหมาะกับตัวเอง
ตอนที่สมัครวีซ่าเอง เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายคือติดขั้นตอนแนบไฟล์รูป ต้องให้ได้ตามที่เค้ากำหนดเป๊ะๆเลยนะคะ ไม่เช่นนั้นจะอับโหลดไฟล์ไม่ผ่าน ดังนั้นเราต้องเตรียมเอกสารก่อนสมัครดังนี้
- ภาพถ่าย พื้นหลังสีขาว หน้าตรง ขนาด 1 x 1 (ถ่ายภาพจากมือถือได้) ไฟล์.jpg ขนาดไม่ต่ำกว่า 10 KB สูงสุดไม่เกิน 1 MB โดยที่ขนาด กว้าง x ยาว ของรูปต้องไม่ต่ำกว่า 350 x 350 pix และสูงสุดไม่เกิน 1,000 x 1,000 pix
- หน้าสแกนพาสปอร์ตแบบไฟล์ PDF (ถ่ายหน้าที่มีรายละเอียดส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ วันเกิด สัญชาติ วันหมดอายุ ฯลฯ) ขนาดไม่ต่ำกว่า 10 KB และไม่เกิน 300 KB หากไม่มีเครื่องสแกนสามารถถ่ายภาพจากมือถือได้
- บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต visa / master card สำหรับชำระค่าธรรมเนียม โดยค่าเงินจะตัดเป็นหน่วย USD คิดเรทเงินตามธนาคาร ณ เวลานั้นเลย และจะมีค่าธรรมเนียมการรูดเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดในการสมัครวีซ่าออนไลน์
- เช็คข้อมูลให้เหมือนกับรายละเอียดในพาสปอร์ตเป๊ะๆ เช่นการสะกด ชื่อ นามสกุล เลขพาสปอร์ต ไม่เช่นนั้นหากข้อมูลไม่ถูกต้อง สิ่งที่จะได้กลับมาคือเค้าจะปฎิเสธการอนุมัติวีซ่าทันทีคะ อันนี้เพื่อนแอร์เจอมาแล้ว แต่เพื่อนๆไม่ต้องกลัวคะ เราสามารถสมัครได้อีกครั้งผ่านออนไลน์
- เมื่อวีซ่าของเพื่อนๆ ได้รับการอนุมัติแล้วจะมีอีเมลมาว่า “GRANTED” อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจคะ ตัวนั้นยังไม่ใช่เอกสารวีซ่าที่เราต้องพกติดตัว เราต้องไปปริ๊นเอกสารที่มีรูป ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลส่วนตัว ประเภทวีซ่าสังเกตตรงด้านบนจะมีบาร์โค้ด ซึ่งแอร์บอกเลยว่าแอร์ปริ๊นผิด เอกสารที่แอร์ปริ๊นคือรายละเอียดสรุปการสมัครวีซ่าของซึ่งมีรูปเหมือนกัน ที่สำคัญคือพอไปเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ของสายการบินจะตรวจเอกสารว่าทุนคนมีวีซ่าครบถ้วน ใบที่แอร์ปริ๊นผิดกับเพื่อนอีกคน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ว่าอะไร ก็เช็คอินปกติ แต่เพื่อนที่ทำงานอีก 2 คนไม่ได้ปริ๊นมา เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก ก็ปริ๊นให้ แต่ แต่ แต่ มันทำให้การเข้าเมืองของแอร์มีปัญหาคะเพราะเจ้าหน้าที่จะเอาแต่แบบที่มีบาร์โค้ดเท่านั้น พอเราบอกไม่มีก็บอกว่าขอดูอีเมลที่มีคำว่า “GRANTED” หน่อย เอาละสิต้องควักซิมออกมาเพื่อใช้อินเตอร์เนต หาอีเมลนั้นแล้วโชว์กับเจ้าหน้าที่ เลยผ่านมาได้แบบช้ามาก ใช้เวลาไปเบาๆ 1 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะในการเดินทาง
ถ้าพูดถึงคนส่วนมากคงไม่ชอบดินทางร้อนๆ และมีอุปสรรคในการเดินทางเช่นฝนเป็นแน่ ดังนั้นฤดูท่องเที่ยวที่แอร์แนะนำกับคนไทยอย่างเราๆ คงหนีไม่พ้น ฤดูหนาว คือช่วงเดือน ธันวาคม – มีนาคม ซึ่งเดือน ธันวาคม – มกราคม เป็นเดือนที่หนาวที่สุด หากบางคนกลัวหนาวก็ลองเลื่อนไปเป็น กุมภาพันธ์ – มีนาคม ก็ได้คะ
ประเทศอินเดียมี 4 ฤดูกาล (แบบแบ่งตามภูมิศาสตร์)
1) ฤดูหนาว : ธันวาคม – มีนาคม อุณหภูมิ 2 – 25 องศาเซลเซียส
2) ฤดูร้อน : เมษายน – กรกฎาคม อุณหภูมิ 32 – 50 องศาเซลเซียส
3) ฤดูมรสุม : สิงหาคม – กันยายน อุณหภูมิ 28 – 34 องศาเซลเซียส
4) หลังฤดูมรสุม : ตุลาคม – พฤศจิกายน อุณหภูมิ 28 – 34 องศาเซลเซียส
Reference: https://www.geographynotes.com/seasons/seasons-in-india-4-seasons-geography/5586
เตรียมตัว เตรียมใจ
อะไรบ้างที่เราควรเตรียมพร้อมรับมือกับอินเดีย เช่น แว่นกันแดด ครีมกันแดด หมวก ถุงพลาสติก หรือถุงผ้า (เอาไว้ใส่รองเท้าตัวเองเวลาเข้าวัด) กระดาษทิชชู่เปียก เจลล้างมือ มาส์กกันฝุ่น (แนะนำให้เอาแบบกันฝุ่น PM 2.5 หรือดีกว่าขึ้นไปติดตัว เพราะฝุ่นเยอะมาก ขี้มูกสีเทาเลยคะ) ยาสามัญประจำการเดินทาง ถ้าใครติดกาแฟก็พกไปด้วยนะคะ เพราะกาแฟไม่เข้มข้นเท่าไร แต่ชาดีเวอร์
โปรแกรมการเดินทาง
แอร์เดินทางช่วง 31 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2563 (ก่อน COVID-19 จะระบาดอย่างรุนแรง)
เมื่องที่เราตัดสินใจไปกันจะมีทั้งหมด 3 เมือง (Jaipur – Jodhpur – Udaipur) โดยใช้เวลาท่องเที่ยวทั้งหมด 8 วัน 7 คืน (รวมวันที่เดินทางเข้าไปด้วยนะคะ) ซึ่งการเดินทางจะวนเป็นสามเหลี่ยม
ซึ่งการเลือกเมืองที่ไปเที่ยว เพื่อนๆ อาจจะต้องคำนึงเวลาที่สามารถลาได้ จริตของกลุ่มที่ไปด้วย
สไตล์ของแอร์คือต้องใช้เวลาอิ่มเอมกับเมืองที่ไป แต่ละที่เที่ยวต้องมีเวลาให้เดินชิว ให้ถ่ายรูป
Day 1 : Bangkok – Jaipur กว่าจะถึงก็ปาเข้าไป 22.30 น. แล้วคะ
Day 2 : Jaipur
Day 3 : Jaipur
Day 4 : Jaipur – Jodhpur
Day 5 : Jodhpur
Day 6 : Jodhpur – Udaipur
Day 7 : Udaipur
Day 8 : Udaipur – Jaipur เครื่องออกช่วง 23.00 น.
พอลงมาแล้วก็รับกระเป๋า พร้อมออกสู่เมืองสีชมพูแห่งนี้แล้วคะ แอร์จองบริษัทเช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริปการเดินทางเพราะราคาไม่แพงเลย ประกอบกับเรามาเที่ยวกันเป็นแบบผู้หญิง ผู้หญิงเนอะ คิดว่าแบบนี้สะดวกสุดคะ
ที่พักของเราทั้งตลอด 3 คืนที่เมืองนี้ คือ Hotel Kalyan ได้เป็นห้อง 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคา 3 คืน เบามากเลยคะ อยู่ที่ประมาณ 4,300 บาท
หารกัน 4 คน ตกอยู่ที่คนละ 1,075 บาท (คืนละ 358 บาท ต่อคน) แถมรวมอาหารเช้าด้วยจ้า
ซึ่งอาหารเช้าเป็นแบบง่ายๆ คะขนมปัง ไข่ และชา หรือกาแฟ แต่ขอบอกไว้ก่อน ชาที่นี่เด็ดมาก คุณต้องกิน ไม่งั้นพลาดมาก
แนะนำสายถ่ายรูป คือสั่งอาหารเช้าให้เสร็จก่อน เพราะทำช้าเหมือนกันคะ 20 นาทีได้ สั่งไว้แล้วไปถ่ายรูป กลับมาพอดีเลย อีกอย่างคือหากนัดคนขับรถให้มารับตอนเช้า คุณอาจจะต้องนัดเผื่อเวลาไว้ด้วยคะ เพราะรถติดตอนเช้ามาก บริษัทรถที่เช่า ต้องให้รถคันอื่นมารับแล้วไปเจอกันอีกที่เพราะรถติดมาก รอไป 30 นาทีแล้วก็ยังไม่มาคะ
เช้าวันแรกของเมืองสีชมพูแห่งนี้ อากาศเย็นสบาย ถือว่าเริ่มต้นวันแรกดีมาก ระหว่างรออาหารเช้า ก็มาถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ บริเวณดาดฟ้าของโรงแรม
วันที่ 2 : Jaipur
โปรแกรมที่วางแผนเที่ยวของเราวันนี้
Albert Hall Museum, Jawahar Circle Garden (The Partika Gate), Birla Temple, Hawa Mahal & Jantar Mantar Observatory
ร้านที่วางแผนจะไปกิน
ตอนเที่ยง Caffé Palladio ตอนเย็น Bar Palladio
เมื่อเราฟินกับชาที่โรงแรมแล้ว สิ่งถัดมาคือความฟินขั้นสุดคือเราคือ Lassi ที่รสชาติดีที่สุดใน Jaipur พิกัดร้านไม่รู้จริง ๆ คะ เพราะคนขับพาเรามา
เค้าจะใส่มาให้เราในแก้วดิน ซึ่งตอนแรกขอบอกว่าไม่กล้ากินเพราะไม่มั่นใจว่าแก้วสะอาดหรือเปล่า กลัวท้องเสียตั้งแต่วันแรก แต่แม่เจ้าโว้ยยย อร่อย 10 ดาวไปเลยจ้า
Albert Hall Museum (ค่าเข้า Rs. 300)
แต่เราถ่ายรูปด้านหน้าเฉยๆคะ ไม่ได้เข้าไปก็เลยไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปดูกันได้คะ แถมเค้ามีขายตั๋วเข้าที่เที่ยวหลายๆที่ ซึ่งเรียกว่า Composite entry ticket ในราคาเพียงแค่ Rs 1,000 โดยตั๋วจะมีอายุ 2 วันคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้