การขยายอิทธิพลของโรมันในอิตาลี Romani Italiae dilatatio (Roman expansion in Italia) II


    สงครามแซมไนต์ครั้งแรก (343 ถึง 341 ก่อน ค.ศ.)
       พวกแซมไนต์นั้น (Samnite) อาศัยอยู่ที่แถบเทือกเขาแอเพนไนน์ (Apennine Mountains) ไม่ห่างไกลจากกรุงโรมมากนัก พวกแซมไนต์กับโรมันนั้นไม่ได้ก่อสงครามเพราะเป็นศัตรูแต่เกิดจากที่พวกแซมไนต์ไปบุกพวกซิดิสินิ (Sidicini) ในแคว้นคัมปาเนีย (Campania) เมื่อสู้พวกแซมไนต์ไม่ได้จึงขอความช่วยเหลือจากพวกคัมปาเนียน (Campanians) ซึ่งก็สู้ไม่ได้พวกแซมไนต์จึงมาตีเมือง Capua ได้ พวกคัมปาเนียนจึงส่งทูตมาเจรจาให้โรมันช่วยตอนแรกๆพวกสภาเซเนทก็ไม่อยากช่วยเพราะเป็นมิตรกับแซมไนต์ พวกคัมปาเนียนใช้สมองไอคิวอันสูงส่งยอมแพ้ให้กับพวกโรมันและยกเมืองให้โรมัน 
เซเนทก็เจริญสิครับ ต้องไปปกป้องเมือง Capua ที่พวกคัมปาเนียนยอมแพ้ให้เพราะเมืองนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโรมันแล้ว โรมันได้ไปเจรจาให้พวกแซมไนต์ให้คืนเมือง Capua ไม่ก็ออกไปจากแคว้นคัมปาเนีย  พวกแซมไนต์ไม่ยอมเลยเกิดสงครามระหว่างโรมันกับแซมไนต์ขึ้น

พวกแซมไนต์

  โรมันได้ส่งกงสุลสองคนไปสู้กับแซมไนต์ Marcus Valerius Corvus ถูกส่งไปที่แคว้นคัมปาเนียส่วน Cornelius Arvina บุกแคว้นแซมเนียม(Samnium)  Valerius ได้ปะทะกับพวกแซมไนต์ก่อนที่เทือกเขาเการัส (Battle of Mount Gaurus) สู้กันจนพระอาทิตย์ตกดินจนชนะได้และได้ไล่พวกแซมไนต์ออก    จากเมือง Capua ระหว่างนั้น Cornelius Arvina ได้ยกทัพไปที่เมืองซาทิคูลา (Saticula) และตกเข้ากลับกับดักของพวกแซมไนต์ตรงทางผ่านของภูเขา กองทัพของ Cornelius  ได้ถูกช่วยไว้โดยนายพลทหาร Publius Decius Mus ที่มาทันเวลาพอดีทำให้พวกแซมไนต์เกิดความวุ่นวายจนใช้จังหวะนี้หนีออกมาได้  ถึงแม้ว่าพวกแซมไนต์จะแพ้มาสองครั้งแต่ก็ได้จัดทัพใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพุ่งตรงไปที่คัมปาเนีย Valerius เดินทัพปะทะกับแซมไนต์ในสมรภูมิรบ Battle of Suessula จนทำให้สงครามจบลงเมื่อ พวกแซมไนต์ยอมที่จะสงบศึกลงกับโรมันและด้วยที่พวกแซมไนต์กำลังไปตีพวกซิดิสินิอยู่ซึ่งเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว โรมันได้ยอมรับสงบศึกพร้อมกับได้พวกคัมปาเนียนมาเป็นกำลังพลของโรม ซึ่งทำให้พวกคัมปาเนียนบางส่วนไม่พอใจกับการตัดสินใจของโรมัน แรกๆก็เป็นแค่กองทัพกฏบเล็กๆละครับ ยังไม่รุนแรงมากจนมันมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

Marcus Valerius Corvus

    สงครามละติน (340 ถึง 338 ก่อน ค.ศ.)
      เมื่อสมาคมละติน (Latin League) เริ่มเห็นโรมันกำลังมีอำนาจมากขึ้นในแถบอิตาลีและด้วยความสัมพันธ็ที่เกลียดขี้หน้ากันอยู่แล้ว ด้วยสงครามครั้งก่อนที่ทำให้ต้องสงบศึกกับพวกละติน พร้อมยังลงสนธิสัญญาให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับแบบเท่าเทียมกันแต่โรมันส่วนใหญ่นั้นเห็นว่าตนเองนั้นสูงส่งการพวกละติน สงครามมันเกิดเมื่อพวกแซมไนต์ที่ไปตีพวกซิดิสินิต่อหลังจบสงครามแซมไนต์ครั้งแรกกับโรมัน  พวกซิดิสินิไปขอความช่วยเหลือจากโรมันซึ่งถูกปฏิเสธจึงไปขอให้สมาคมละตินช่วยแน่นอนครับละตินพร้อมเสมอจึงไปเรียกพรรคพวก ละติน ซิดิสินิ และ คัมปาเนียน บุกแคว้นแซมเนียม พวกแซมไนต์เลยไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าโรมันให้สั่งพวกคัมปาเนียนที่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรมให้หยุดการต่อสู้ ชึ่งสภาเซเนทตอบแบบคลุมเครือ เนื่องด้วยที่ในสนธิสัญญาโรมันกับสมาคมละตินไม่ได้ปกป้องคนพวกนี้และไม่ได้ห้ามให้ไปทำสงครามกับใครก็ได้ พวกคัมปาเนียนที่ได้ยินอย่างนี้เลยกบฏกับพวกโรมัน พวกสมาคมละตินก็เตรียมพร้อมที่จะทำสงครามกับพวกโรมัน เลยเกิดสงครามละตินขึ้น
      สรุปสั้นๆง่ายๆ สมาคมละตินถูกยุบลงโรมันได้แคว้นคัมปาเนียและส่วนเมืองละตินอื่นๆถูกทำให้เป็นส่วนหนึ่งของโรมันและได้รับสถานภาพเป็นพลเมืองโรมัน พร้อมอาณานิคมของโรมันที่มีมากขึ้นและอาณาเขตที่กว้างขึ้น

 

    สงครามแซมไนต์ครั้งที่สอง (326 ถึง 304 ก่อน ค.ศ.)
      หลังจบสงครามละตินแล้ว โรมันนั้นได้ไปตั้งอาณานิคมรอบๆ ซึ่งมีเมืองอาณานิคมชื่อ Fregellae ที่ไปตั้งในแคว้นถิ่นของพวกแซมไนต์พอดี
นั้นทำให้พวกแซมไนต์หงุดหงิดพอที่จะหาเรื่องทำสงคราม เมื่ออยู่ๆนั้นเมืองอาณานิคมกรีก Neapolis ได้โจมตีเมืองรอบๆของโรมัน ทำให้โรมันต้องเตรียม กองทัพไปหยุด พอดีมีข่าวลือว่าพวกแซมไนต์กำลังเตรียมทำสงครามกับพวกโรมัน โรมันเลยส่งทูตไปเจรจา พวกแซมไนต์ปฏิเสธขอกล่าวหาที่โรมันบอกและใช้เหตุผลที่มีเมือง Fregellae อยู่เป็นการรุกรานเขตของพวกแซมไนต์พร้อมทั้งประกาศสงครามกับโรมัน
      โรมันส่งกงสุล Quintus Aemilius Barbula ไปตีเมือง Neapolis และ กองทัพบางส่วนไปบุกอาณาเขตของพวกแซมไนต์จนพวกแซมไนต์ต้องเจรจาขอสงบสุขแต่โรมันไม่ยอม ประมาณหลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน กองทัพกงสุลโรมันได้ตั้งแคมป์ไว้แล้วพวกแซมไนต์ได้หลอกให้โรมันนั้นมาติดกับดักที่  Caudine Forks กองทัพโรมันโดนพวกแซมไนต์ล้อมไว้ไม่มีทางหนีถึงแม้จะพยายามฝ่าออกไปก็ตาม พวกแซมไนต์ยอมที่จะปล่อยพวกโรมันเมื่อโรมันยอมเจรจากับพวกแซมไนต์ โรมันนั้นถูกเหยียดหยามมากมายทั้งเสียอาณานิคม Fregellae และ แคว้นคัมปาเนีย ทั้งถูกให้ก้มตัวออกทางปากเขาห้ามโดนไม้ที่ปักอยู่ด้านบน เมื่อพ่ายแพ้ขนาดนี้โรมันได้ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดกองทัพใหม่เมื่อก่อนนั้นโรมันใช้ระบบแฟแลงซ์ (Phalanx) จากกรีกและอีทรัสกัน ตอนนี้โรมันได้ใช้ระบบ Maniple อธิบายง่ายๆนะครับ
       ในกองทัพหนึ่งนั้นจะมีทหารจำนวน 120 คน มี 3 ระดับ ข้างหน้าแถวจะเป็นพวก Hastati พวกมือใหม่ไว้เป็นโล่ ตรงกลางเป็น Principes พวกทหารที่พอรู้พื้นฐานในการรบไว้สู้ และแถวท้ายสุด Triarii พวกมืออาชีพชำนาญกับการรบไว้ใช้ยามฉุกเฉิน


      มากันต่อ การต่อสู้ก็ยังไม่จบกับพวกโรมันกับแซมไนต์ ไม่นานนักทั้งสองฝ่ายก็รบกันต่อ และอยู่ดีๆพวกอีทรัสกันก็บุกมาทางตอนเหนือซึ่งกองทัพส่วนใหญ่ของโรมันกำลังรบกับพวกแซมไนต์อยู่ โรมันจึงส่ง Quintus Fabius Maximus Rullianus ไปจัดการพวกอีทรัสกันจนชนะได้ทำให้อำนาจของพวกอีทรัสกันถูกลดลงไปมาก ส่วนพวกแซมไนต์ก็ถูกพวกโรมันยึดอาณาเขตเก่ากลับมาได้จนทำให้แซมไนต์แพ้สงครามไปอีกครั้ง โรมันได้อาณาเขตแคว้นคัมปาเนียไป  ซึ่งเร่งอิทธิพลโรมันอย่างมากในอิตาลี



     สงครามแซมไนต์ครั้งสาม (298 ถึง 290 ก่อน ค.ศ.)
      เมื่อพวกแซมไนต์ได้รวมพันธมิตรกับพวกอีทรัสกัน อุมเบรียน และ กอล รวมหัวกันสู้โรมัน ด้วยที่เกลียดพวกโรมันอยู่แล้วและอำนาจที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น
สงครามก็เกิดขึ้นอีก แรกเริ่มโรมันส่ง Lucius Cornelius Scipio Barbatus ไปขัดขว้างพวกแซมไนต์ที่มีพวกกอลช่วย แล้วแพ้จนเสียกองทัพไป 2 ลีเจียน
แต่โรมันพลิกสถานการณ์ได้เมื่อโรมันส่งกงสุล  Quintus Fabius Maximus Rullianus และ  Publius Decius Mus ไปสู้กับแซมไนต์แรกๆก็จะแพ้ละครับเมื่อมีคนมาช่วย คือ Scipio Barbatus ต้นตระกูล Scipio ใช้พวก Hastati โจมตีด้านข้างของกองทัพแซมไนต์ ทำให้แซมไนต์หนีออกจากการรบไป
ทำให้แซมไนต์สูญเสียกำลังทหารไปมาก และ การรบที่ทำให้โรมันชนะสงคราม คือ Battle of Sentinum เมื่อ Fabius และ Decius นำลีเจียนทั้งสองเข้าปะทะกับพวกอีทรัสกัน อุมเบรียน และ กอล โรมันชนะซะจนพันธมิตรของพวกศัตรูแตกสลายและยึดพื้นที่ทั้งหมดของอิตาลีแถบกลางยกเว้นทางตอนเหนือและใต้ไว้ ตอนนี้โรมันได้เกือบครองอิตาลีทั้งหมดได้แล้ว 

Quintus Fabius Maximus Rullianus

     
      สงครามพีริค (280 ถึง 275 ก่อน ค.ศ.)
         เรื่องมันเกิดเมื่อโรมนั้นกำลังเจรจาการทูตกับเมืองอาณานิคมของกรีกอยู่นั้น อยู่ๆเมืองตารันตัม (Tarentum) ก็โจมตีกองทัพเรือโรมัน เมื่อโรมันไปคุยต่อรองให้ชดใช้ค่าเสียหาย ตารันตัมกลับปฏิเสธจนโรมันต้องประกาศสงคราม พวกอาณานิคมได้ไปขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าพีรัส จากอาณาจักรเอพิรัส (Epirus) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อพระเจ้าพีรัสเริ่มไม่ชอบใจที่โรมันนั้นเริ่มมีอำนาจมากขึ้นจนจะเทียบกับอาณาจักรตัวเองได้ จึงรับคำช่วยเหลือ
พีรัสได้นำทัพมาบุกอิตาลีพร้อมกับช้างที่เตรียมมา ทั้งสองรบกันแรกๆก็ดีสำหรับพีรัสละครับ จนกองทัพของเขาสูญเสียไปมากถึงแม้จะชนะโรมันก็ตามจึงเป็นต้นคำว่า Pyrrhic Victory ชัยชนะที่สูญเสีย จนทำให้พระเจ้าพีรัสออกไปจากอิตาลี ไม่นานนักพระเจ้าพีรัสก่อนกลับมาที่อิตาลีอีกครั้ง และสู้ในสมรภูมิเบเนเวนตุม (Beneventum) ไม่มีใครชนะเด็ดขาด ปัญหาเดิมที่พีรัสกลัวก็มาเมื่อไม่มีกองทัพมาเพิ่มแถมกองทัพที่ลดลงในอิตาลี จึงถอนตัวออกจากอิตาลีไปโดยสมบูรณ์ และ โรมันนั้นได้อาณานิคมกรีกทางตอนใต้ของอิตาลีทั้งหมดมาเป็นส่วนหนึ่งของโรม ตอนนี้โรมันได้ครองอิตาลีแล้ว 

พระเจ้าพีรัส
 
    แต่เดี๋ยวก่อนยังมีอีกขั้วอำนาจหนึ่งที่ยังเหลือให้สาธารณรัฐโรมนั้นได้สู้และชี้ชะตาความเป็นใหญ่ในคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน   "คาร์เธจ"
ครั้งหน้ามาต่อกับสงครามพิวนิคที่แฟนๆประวัติศาตร์น่าจะรู้จัก บายละวันนี้ 




 อ้างอิงที่มาข้อมูล













       
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่