วิเคราะห์ออกมาตามความคิดของผม(ไม่รู้คิดถูกมั้ย) ซึ่งคิดว่าเป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องได้ล้ำลึกที่สุดเรื่องหนึ่ง เท่าที่เคยดูมา (ดูมาน้อยมาก 555 ) ซึ่งถ้าวิเคราะห์ตามบท ในแต่ละฉากนั้นแฝงด้วยนัยยะซ้อนเร้นไว้ตลอดทั้งเรื่อง เลยอยากเเชร์ และสรุปรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ โดยจะอธิบายเป็นลิสต์ๆในแต่ละฉากนะครับ
ปล.กระฑู้เเรกของผมเลยนะนิ^^ เขียนไม่เข้าใจก็ขออภัยด้วยนะครับ
เริ่ม!
คำเตือน! จะมีการสปอยล์เกิดขึ้น!!!
Burning (2018) เป็นหนังที่มีแนวคิดในการวางบทภาพยนตร์ได้อย่างสวยงาม ทั้งด้านบทแสดง บทเล่าเรื่อง การแฝงนัยยะที่ล้ำลึก และสะท้อนความขัดแย้งของการแบ่งแยกทางสังคมได้อย่างแยบยล ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง จากการตีความตามทัศนะของผม แนวคิดหลักของเรื่องคือ การพยายามเล่าเรื่องให้สะท้อนถึงมุมมองที่มีต่อเพศที่สามที่แฝงนัยยะของการแบ่งชนชั้นระหว่างคนรวยและคนจนไปในตัว โดยถ่ายทอดผ่านสามตัวละครหลัก ได้แก่ หนึ่งชายหนุ่มผู้มีความขัดแย้งทางเพศ หนึ่งเพศที่สาม และหนึ่งหญิงสาวที่ถูกนำมาเป็นสื่อกลางระหว่างเพศ .......ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้ มาดูกันเลยครับ
จะขอวิเคราะห์ และสรุปรายละเอียดของตัวละครดังนี้
1. ลี จอง-ซู (Lee Jong-su) ชายหนุ่มโสด ผู้มีความสับสนทางเพศ
- เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย ในด้านงานเขียนเชิงสร้างสรรค์ มีความสามารถด้านงานเขียน
- ฐานะค่อนข้างยากจน
- โลกส่วนตัวสูง จินตนาการสูง และค่อนข้างเก็บกด (จากอดีตวัยเด็ก)
- ว่างงาน และอยู่คนเดียว (อาจเป็นการสะท้อนถึงสาเหตุของความเก็บกดของคนในสังคมส่วนนี้)
- ครอบครัวแตกแยก พ่อขึ้นศาล (อาจเป็นเหตุผลของความเก็บกดเช่นกัน)
- มีความสับสน และมีความคิดที่ขัดเเย้งทางเพศ (มีการปูประเด็นถึงความเป็นเพศที่สามลึกๆของตัวเอกตั้งแต่เด็ก แต่ต้องปิดบังไว้ไม่ให้เเสดงออกมา)
2. เบ็น (Ben) ชาย(รึเปล่า?) หนุ่มไฮโซ Gatsby ผู้ลึกลับ
- ไม่เปิดเผยว่าทำงานอะไร แต่มีฐานะร่ำรวย (อาจเป็นการเสียดสีการคอรัปชั่น)
- ฐานะร่ำรวย งานอดิเรกมากมาย (โดยเฉพาะ"เผาเรือนเพาะชำ")
- ภายในจิตใจนั้นมีความเป็นผู้หญิง (เกี่ยวเนื่องกับการเผาเรือนเพาะชำ และการมีเครื่องสำอางผู้หญิงในห้องน้ำ )
- มีครอบครัวที่ร่ำรวย และกลุ่มเพื่อนที่มีฐานะ
- มีความพยายามเปิดเผยจุดยืนเรื่องเพศที่สามแบบทิ้งไว้เป็นนัยยะในบางฉาก
3. ชิน แฮ-มี่(Shin Hae-mi)หญิงสาวผู้เป็นกระจกสะท้อนตัวตนของจอง-ซู
- เพื่อนสาววัยเด็กของ จอง-ซู ในอดีต
- เป็นตัวละครที่สื่อถึงจิตใจที่เป็นผู้หญิงของ จอง-ซู ที่ซ่อนไว้ (เป็นไปได้ว่าจอง-ซู แต่งเติมจินตนาการเองทั้งหมด ผ่านงานเขียนของตน)
- ฐานะเดียวกันกับจองซู แต่พยามสื่อให้เห็นว่ามีความพยามยามที่จะใช้เงินแบบคนรวย (เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่ยังไปเที่ยวต่างประเทศ)
- ได้รับการศัลยกรรม (สะท้อนค่านิยมของผู้หญิงเกาหลี )
- เป็นตัวละครที่เป็นสื่อกลางของบทสนทนาระหว่าง จอง-ซู และ เบ็น (จองซูเมื่อสนทนากับเบ็น ให้สังเกตุที่คำพูดของแฮ-มี)
*** การวิเคราะห์ตัวละครนี้ มาจากการวิเคราะห์บทแสดง และคำพูดของตัวละคร ในมุมมองของผมนะครับ****
วิเคราะห์ และตีความบท สรุปดังนี้
- เริ่มแรกจอง-ซู แบกเสื้อเข้าร้านเสื้อผ้าลดราคา แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านนี้ เห็นได้จากมีการตรวจเช็คกับพนักงานหน้า
ร้าน
- จอง-ซูพบกับแฮ-มี ซึ่งบังเอิญทำงานที่เดียวกัน โดยบทจะเล่าให้เหมือนกับเรื่องบังเอิญจริงๆ แต่จริงๆเเล้ว คือการค่อยๆเเง้มประเด็นเกี่ยวกับ
งานเขียนของจอง-ซู และสะท้อนตัวละคร แฮ-มี มาเป็นกระจกสะท้อนจิตใจของจองซู(เรื่องรสนิยมทางเพศ)
- ฉากร้านอาหาร บทต้องการพยายามบอกใบ้ต่อผู้ชมว่า แฮ-มี นั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง จากคำพูดที่ว่า "นีคือละครใบ้นะ" "แทนที่จะคิดว่ามีส้มอยู่
จริงๆ นายต้องลืมไปว่ามันไม่มี" และยังเป็นการตอกย้ำจินตนาการภายในจิตใจของ จอง-ซู
- จังหวะยกแก้วดื่มนั้น คือจังหวะ เดียวกันเป๊ะๆ เหมือนส่องกระจก
- ฉากจ่ายตังค์หน้าเคาท์เตอร์ ค่อยๆแง้มประเด็นของ แฮ-มี เรื่องหนี้บัตรเครดิตร และการไปเที่ยวแอฟริกา ซึ่งนั่นพยายามสะท้อนถึงตัวจอง-ซู เอง
- ฉากให้อาหารเเมวที่ห้องแฮ-มี่ สื่อถึงจินตนาการในห้องของ จอง-ซู เอง เรื่องแมวสะท้อนให้เห็นว่า จง-ซู อยากเลี้ยงแมวแต่ต้องจินตนาการเอา
(ตอนสุดท้ายก็สมหวัง เพราะมีแมวอยู่ที่บ้านเบ็น ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยเล็กๆ)
- ฉากมีเซ็กส์ ที่ค่อยๆบอกเป็นนัยว่า จอง-ซู จิตนาการไปเองว่ามีเซ็กส์จริงๆ เห็นได้จากฉากช่วยตัวเอง เเล้วมองรูปของแฮ-มี สลับกับมองออกไป
นอกหน้าต่าง ซึ่งสะท้อนว่า จอง-ซู แสดงความต้องการทางเพศที่ถูกจำกัดกรอบว่าต้องเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง แต่จริงๆเเล้วจง-ซูต้องการอะไรบาง
อย่างภายนอก (รสนิยมทางเพศในจิตสำนึก)
- การกลับมาจากแอฟริกาของแฮ-มี่ อาจเป็นการกลับมาจากทริปของจอง-ซู และเพื่อนคนใหม่ชื่อว่าเบ็น (เป็นการอุปมาบทแสดง)
- การสนทนาระหว่าง แฮ-มี และเบ็น ก็คือบทพูดเชิงอุปมาในใจลึกๆ จอง-ซู ที่ต้องการสื่อกับเบ็น สะท้อนให้เห็นของสังคมว่าเพศที่สามยังไม่เป็นที่
ยอมรับ รวมถึงตัวจอง-ซูเอง ก็เริ่มรู้สึกถึงความต้องการบางอย่างข้างใน
- ฉากระหว่างขับรถ เบ็นนั่งอยู่ข้างหลังแล้วคุยโทรศัพท์เสียงดัง อุปมาคล้ายกับว่า จอง-ซู เป็นดั่งคนขับรถที่มีฐานะแตกต่างจากนายจ้าง ซึ่งจะเห็น
ถึงความรู้สึกไม่พอใจของจอง-ซู สะท้อนถึงฐานะทางสังคม รวมถึงการถือเรื่องมารยาทการนั่งเบาะข้างคนขับ
- บทพูดระหว่างเบ็น และ แฮ-มี่ ถึงเรื่องหยิบก้อนหินออกจากหัวใจ เป็นการบอกโดยนัยระหว่าง จอง-ซู และเบ็น ถึงเรื่องข้อจำกัด
ทางความคิดเรื่องความรักของเพศที่สาม ซึ่งทำให้ จอง-ซู เริ่มรู้สึกเปิดใจ แล้วไปที่บ้านของเบ็นต่อ
- ฉากจอง-ซู ขอเข้าห้องน้ำในบ้านเบ็น ไม่ได้ขอเบ็น แต่บอกต่อแฮ-มี่ อาจหมายถึงความเกรงใจที่มีต่อชนชั้น หรือ อาจเป็นบทที่พยายามบอกเป็น
นัยว่า แฮ-มี่ เป็นเพียงบทสนทนาในใจระหว่าง จอง-ซู ที่มีต่อเบ็น
- ฉากเจอเครื่องสำอางผู้หญิงในห้องน้ำ เป็นการแฝงว่าเบ็นอาจเป็นเกย์ จองซูจึงตะหงิดใจเล็กๆ
- ฉากยืนสูบบุหรี่คุยกันเรื่อง Gatsby อาจเป็นการพยายามเสียดสีบุคคลที่เกี่ยวกับการคอรัปต์ชัน และธุรกิจมืดในเกาหลี
- ฉากปาร์ตี้กับเพื่อนๆของเบ็น เเสดงถึงความเข้ากันไม่ได้ระหว่างจอง-ซู เละเพื่อนของเบ็น ซึ่งจอง-ซู ได้เพียงจำลองตนเองผ่าน แฮ-มี่ ที่เข้าได้กับ
เพื่อนของเบ็น สื่อให้เห็นถึงตนต้องการเเสดงออกทางเพศในใจลึกๆ รวมถึงการไม่เข้ากันของคนจน และคนรวย
- ฉากหาว แล้วหันมายิ้มของเบ็น สื่อถึงว่า เขาไม่ได้สนใจในเรื่องของผู้หญิง แต่เขาสนใจคนที่เขายิ้มให้(จอง-ซู)
(ในฉากนี้ลองเอามือปิดตัวละคร แฮ-มี่ จะเหมือนกับว่าเป็นเพียงการพูดคุยจอง จอง-ซู และเบ็น)
- เรื่องบ่อน้ำของ แฮ-มี่ ซึ่งอาจอุปมาได้ว่า คือการมีความคิดความเป็นเพศที่สามในวัยเด็กของจอง-ซู แต่เขาได้พยายามลืมมันเนื่องจากถูก
ต่อต้านโดยพ่อของเขา(จากการเปิดใจกับเบ็นหลังดูดปุ๊นว่า พ่อเขาให้เขาเผาเสื้อผ้าของแม่ ที่อาจเป็นนัยยะของความต้องการให้ลืมความเป็น
หญิง)
- ฉากที่แม่บอกว่ามีบ่อน้ำแน่ๆ สื่อถึงเพศลึกๆของลูกในอดีตที่ถูกปิดบังไว้ มีเเค่แม่เข้าใจเรื่องนี้ของลูก
- การร่ายรำ แก้ผ้าของแฮ-มี่ คือ จินตนาการถึงความรู้สึกของจอง-ซู หลังจากดูดปุ๊น เป็นนัยยะที่เเสดงออกทางอารมณ์ที่กำลังเคลิบเคลิ้ม
- การ "เผาเรือนเพาะชำ" อาจเป็นนัยยะที่เปรียบเปรยถึง การปฏิเสธผู้หญิง แล้วหันมาคบเพศเดียวกัน (เรือนเพาะชำเปรียบเหมือนผู้หญิง
ผู้ให้กำเนิด) ซึ่งเบ็นพยายามจะบอกแก่ จอง-ซู ว่าตัวเขานั้นเป็นเกย์นะ
- จอง-ซู เริ่มวิ่งตามหาเรือนเพาะชำที่จะถูกเผา ผนวกกับการหายไปของ แฮ-มี คือการอุปมาถึง จิตใจของ จอง-ซู ที่เริ่มมีความสับสนทางเพศที่
ขัดแย้งในตัวเอง (ใจนึงก็ถูกปลูกฝังให้ชอบผู้หญิง แต่ความต้องการที่แท้จริง คือชอบผู้ชาย) เเละครุ่นคิดถึงความรู้สึกดีลึกๆต่อเบ็น
- ฉากเด็ก ยืนอยู่หน้าเรือนเพาะจำถูกเผา สื่อถึงการค้นพบตัวเองตั้งแต่เด็กของ จอง-ซู
- ฉากจอง-ซู ลองจุดไฟเผาเรือนเพาะชำ แต่สุดท้ายก็ละเลิก พยายามสื่อถึง การกลับมาของเพศที่ตนอยากเป็น แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นเพศทึ่
ตนถูกปลูกฝังมาให้เป็น (จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเจ็บปวด จนกลายเป็นแรงปะทุทางอารมณ์ในตอนจบ)
- การมาของผู้หญิงคนใหม่ที่มาแทนที่ แฮ-มี่ สื่อความหมายถึงจินตนาการของ จอง-ซู ในรูปแบบที่มีฐานะ ความร่ำรวยที่เหมาะสมกับเบ็น
- ฉาก จอง-ซู แอบติดตามเบ็น แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู เริ่มมีความสนใจในตัวเบ็นแล้วโดยไม่รู้ตัว
- ฉากจอง-ซู แอบมองเบ็นยืนดูวิวทิวทัศน์ เป็นการเล่นภาพระหว่าง ฐานะของคนรวย และคนจน ซึงเป็นความต่ำต้อยใจว่าตนคงไม่เหมาะสมกับ
การคบคนรวย
- การกลับมาบ้านของเบ็นอีกครั้ง แต่ไม่มีแฮ-มี่ มีเพียงเบ็น กับจอง-ซู สื่อว่าจอง-ซุ มาด้วยใจที่ไม่มีความสนใจในผู้หญิง แตามาหาเบ็นโดยเฉพาะ
- แต่เเล้ว!!! การขอเข้าห้องน้ำที่บ้านเน็นอีกครั้ง พร้อมเปิดไปเจอเครื่องประดับผู้หญิง แต่คราวนี้มีนาฬิกาของ แฮ-มี่ เป็นการแฝงนัยยะทางวัตถุ
ว่า เครื่องประดับนี้เหมาะสมกับผู้หญิง(เหมือนที่แฮ-มี่ ได้กล่าวไว้ต้นเรื่องว่า นาฬิกานี้เป็นของผู้หญิงนะ) เป็นการสื่อว่า จอง-ซู เริ่มฉุกคิดมาอย่าง
อัตโนมัติได้ว่าตนต้องเป็นผู้ชาย ที่ชอบผู้หญิง ตามการปลูกฝังที่เข้มงวดในวัยเด็ก
- ความขัดแย้งในใจ ยิ่งร้อนระอุเพิ่มขึ้น หลังจากงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆของเบ็น ที่สื่อถึงความแบ่งแยกทางฐานะสังคมอีครั้ง จน จอง-ซู ทนไม่ไหว
จึงเดินออกมาจากงาน แต่เบ็นก็นังลงมาลาด้วยบทพูดที่ยิ่งเพิ่มจุดขัดแย้งในใจของจอง-ซู เข้าไปในใจที่พร้อมจะปะทุ
- ฉากตัดสินจำคุกพ่อท้ายเรื่อง แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู รู้สึกผิดหวังที่ช่วยพ่อไม่ได้ (พ่อซึ่งปลูกฝังให้ลูกมีความเป็นชายอย่างเต็มเปี่ยม)
และ พร้อมที่จะกลับมาเป็นผู้ชาย เพื่อทดแทนความสำนึกผิดที่มีต่อพ่อ
- ฉากที่จอง -ซู นอนให้แฮ-มี่ ช่วยบำบัดความใคร่ เป็นเพียงจินตนาการหลอกๆว่า ตนมีความรู้สึกกับเพศหญิงแต่ที่จริงๆได้หมดไปแล้ว
(สังเกตุจากการนอน อยู่เฉยๆโดยไม่ใช้มือช่วยตนเองเหมือนที่ผ่านมา)
- ฉาก จอง-ซู กำลังพิมพ์งานเขียนในห้องของ แฮ-มี่ ตอนสุดท้าย คือ บทเฉลยว่า แฮ-มี่ นั้นเป็นเพียงตัวละครที่ จอง-ซู นำมาเขียนในเรื่องเขียน
ชีวิตของตน
- ฉากเบ็นหยิบเครื่องแต่งหน้ามาเเต่งหน้าให้ผู้หญิง เป็นบทเฉลยว่า เป็นกระจกสะท้อนความคิดของเบ็น ที่ทำได้เพียงเซตผม และใส่คอนเเทคเลน
หน้ากระจก (สรุปคือเป็นเกย์)
สุดท้าย ความกดดันในหลายๆเรื่องของ จอง-ซู โดยเฉพาะเรื่องเพศที่ขัดแย้งในตน ทำให้ตนกลายเป็นคนเกลียดชังเพศที่สาม(เพศที่ตนอยากจะเป็นแต่ดันมาทำลายเพศที่ตนถูกปลูกฝัง) นำไปสู่เเรงไฟในใจ ซึ่งนำไปสู่การฆ่าเบ็นในตอนสุดท้ายในที่สุด เหมือนพยายามแสดงมุมมองของบุคคลที่ชังเพศที่สาม
สรุป เป็นหนังที่พยายามแฝงนัยยะมุมมองเรื่องเพศที่สามของสังคมเกาหลีได้อย่างเเนบเนียน แฝงด้วยแตกต่างทางฐานะสังคม ผ่านการแสดงของ
ตัวละครที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรแฝงอยู่ แต่เเสดงออกผ่านบทพูดที่ล้ำลึก หนัง
[วิเคราะห์/ตีความ] ภาพยนตร์ "Burning (2018)" หนังที่สร้างการเล่าเรื่องความขัดแย้งทางเพศและสังคมได้อย่างมีศิลปะ
วิเคราะห์ออกมาตามความคิดของผม(ไม่รู้คิดถูกมั้ย) ซึ่งคิดว่าเป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องได้ล้ำลึกที่สุดเรื่องหนึ่ง เท่าที่เคยดูมา (ดูมาน้อยมาก 555 ) ซึ่งถ้าวิเคราะห์ตามบท ในแต่ละฉากนั้นแฝงด้วยนัยยะซ้อนเร้นไว้ตลอดทั้งเรื่อง เลยอยากเเชร์ และสรุปรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ โดยจะอธิบายเป็นลิสต์ๆในแต่ละฉากนะครับ
ปล.กระฑู้เเรกของผมเลยนะนิ^^ เขียนไม่เข้าใจก็ขออภัยด้วยนะครับ
เริ่ม!
คำเตือน! จะมีการสปอยล์เกิดขึ้น!!!
Burning (2018) เป็นหนังที่มีแนวคิดในการวางบทภาพยนตร์ได้อย่างสวยงาม ทั้งด้านบทแสดง บทเล่าเรื่อง การแฝงนัยยะที่ล้ำลึก และสะท้อนความขัดแย้งของการแบ่งแยกทางสังคมได้อย่างแยบยล ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง จากการตีความตามทัศนะของผม แนวคิดหลักของเรื่องคือ การพยายามเล่าเรื่องให้สะท้อนถึงมุมมองที่มีต่อเพศที่สามที่แฝงนัยยะของการแบ่งชนชั้นระหว่างคนรวยและคนจนไปในตัว โดยถ่ายทอดผ่านสามตัวละครหลัก ได้แก่ หนึ่งชายหนุ่มผู้มีความขัดแย้งทางเพศ หนึ่งเพศที่สาม และหนึ่งหญิงสาวที่ถูกนำมาเป็นสื่อกลางระหว่างเพศ .......ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้ มาดูกันเลยครับ
จะขอวิเคราะห์ และสรุปรายละเอียดของตัวละครดังนี้
1. ลี จอง-ซู (Lee Jong-su) ชายหนุ่มโสด ผู้มีความสับสนทางเพศ
- เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย ในด้านงานเขียนเชิงสร้างสรรค์ มีความสามารถด้านงานเขียน
- ฐานะค่อนข้างยากจน
- โลกส่วนตัวสูง จินตนาการสูง และค่อนข้างเก็บกด (จากอดีตวัยเด็ก)
- ว่างงาน และอยู่คนเดียว (อาจเป็นการสะท้อนถึงสาเหตุของความเก็บกดของคนในสังคมส่วนนี้)
- ครอบครัวแตกแยก พ่อขึ้นศาล (อาจเป็นเหตุผลของความเก็บกดเช่นกัน)
- มีความสับสน และมีความคิดที่ขัดเเย้งทางเพศ (มีการปูประเด็นถึงความเป็นเพศที่สามลึกๆของตัวเอกตั้งแต่เด็ก แต่ต้องปิดบังไว้ไม่ให้เเสดงออกมา)
2. เบ็น (Ben) ชาย(รึเปล่า?) หนุ่มไฮโซ Gatsby ผู้ลึกลับ
- ไม่เปิดเผยว่าทำงานอะไร แต่มีฐานะร่ำรวย (อาจเป็นการเสียดสีการคอรัปชั่น)
- ฐานะร่ำรวย งานอดิเรกมากมาย (โดยเฉพาะ"เผาเรือนเพาะชำ")
- ภายในจิตใจนั้นมีความเป็นผู้หญิง (เกี่ยวเนื่องกับการเผาเรือนเพาะชำ และการมีเครื่องสำอางผู้หญิงในห้องน้ำ )
- มีครอบครัวที่ร่ำรวย และกลุ่มเพื่อนที่มีฐานะ
- มีความพยายามเปิดเผยจุดยืนเรื่องเพศที่สามแบบทิ้งไว้เป็นนัยยะในบางฉาก
3. ชิน แฮ-มี่(Shin Hae-mi)หญิงสาวผู้เป็นกระจกสะท้อนตัวตนของจอง-ซู
- เพื่อนสาววัยเด็กของ จอง-ซู ในอดีต
- เป็นตัวละครที่สื่อถึงจิตใจที่เป็นผู้หญิงของ จอง-ซู ที่ซ่อนไว้ (เป็นไปได้ว่าจอง-ซู แต่งเติมจินตนาการเองทั้งหมด ผ่านงานเขียนของตน)
- ฐานะเดียวกันกับจองซู แต่พยามสื่อให้เห็นว่ามีความพยามยามที่จะใช้เงินแบบคนรวย (เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่ยังไปเที่ยวต่างประเทศ)
- ได้รับการศัลยกรรม (สะท้อนค่านิยมของผู้หญิงเกาหลี )
- เป็นตัวละครที่เป็นสื่อกลางของบทสนทนาระหว่าง จอง-ซู และ เบ็น (จองซูเมื่อสนทนากับเบ็น ให้สังเกตุที่คำพูดของแฮ-มี)
*** การวิเคราะห์ตัวละครนี้ มาจากการวิเคราะห์บทแสดง และคำพูดของตัวละคร ในมุมมองของผมนะครับ****
วิเคราะห์ และตีความบท สรุปดังนี้
- เริ่มแรกจอง-ซู แบกเสื้อเข้าร้านเสื้อผ้าลดราคา แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านนี้ เห็นได้จากมีการตรวจเช็คกับพนักงานหน้า
ร้าน
- จอง-ซูพบกับแฮ-มี ซึ่งบังเอิญทำงานที่เดียวกัน โดยบทจะเล่าให้เหมือนกับเรื่องบังเอิญจริงๆ แต่จริงๆเเล้ว คือการค่อยๆเเง้มประเด็นเกี่ยวกับ
งานเขียนของจอง-ซู และสะท้อนตัวละคร แฮ-มี มาเป็นกระจกสะท้อนจิตใจของจองซู(เรื่องรสนิยมทางเพศ)
- ฉากร้านอาหาร บทต้องการพยายามบอกใบ้ต่อผู้ชมว่า แฮ-มี นั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง จากคำพูดที่ว่า "นีคือละครใบ้นะ" "แทนที่จะคิดว่ามีส้มอยู่
จริงๆ นายต้องลืมไปว่ามันไม่มี" และยังเป็นการตอกย้ำจินตนาการภายในจิตใจของ จอง-ซู
- จังหวะยกแก้วดื่มนั้น คือจังหวะ เดียวกันเป๊ะๆ เหมือนส่องกระจก
- ฉากจ่ายตังค์หน้าเคาท์เตอร์ ค่อยๆแง้มประเด็นของ แฮ-มี เรื่องหนี้บัตรเครดิตร และการไปเที่ยวแอฟริกา ซึ่งนั่นพยายามสะท้อนถึงตัวจอง-ซู เอง
- ฉากให้อาหารเเมวที่ห้องแฮ-มี่ สื่อถึงจินตนาการในห้องของ จอง-ซู เอง เรื่องแมวสะท้อนให้เห็นว่า จง-ซู อยากเลี้ยงแมวแต่ต้องจินตนาการเอา
(ตอนสุดท้ายก็สมหวัง เพราะมีแมวอยู่ที่บ้านเบ็น ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยเล็กๆ)
- ฉากมีเซ็กส์ ที่ค่อยๆบอกเป็นนัยว่า จอง-ซู จิตนาการไปเองว่ามีเซ็กส์จริงๆ เห็นได้จากฉากช่วยตัวเอง เเล้วมองรูปของแฮ-มี สลับกับมองออกไป
นอกหน้าต่าง ซึ่งสะท้อนว่า จอง-ซู แสดงความต้องการทางเพศที่ถูกจำกัดกรอบว่าต้องเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง แต่จริงๆเเล้วจง-ซูต้องการอะไรบาง
อย่างภายนอก (รสนิยมทางเพศในจิตสำนึก)
- การกลับมาจากแอฟริกาของแฮ-มี่ อาจเป็นการกลับมาจากทริปของจอง-ซู และเพื่อนคนใหม่ชื่อว่าเบ็น (เป็นการอุปมาบทแสดง)
- การสนทนาระหว่าง แฮ-มี และเบ็น ก็คือบทพูดเชิงอุปมาในใจลึกๆ จอง-ซู ที่ต้องการสื่อกับเบ็น สะท้อนให้เห็นของสังคมว่าเพศที่สามยังไม่เป็นที่
ยอมรับ รวมถึงตัวจอง-ซูเอง ก็เริ่มรู้สึกถึงความต้องการบางอย่างข้างใน
- ฉากระหว่างขับรถ เบ็นนั่งอยู่ข้างหลังแล้วคุยโทรศัพท์เสียงดัง อุปมาคล้ายกับว่า จอง-ซู เป็นดั่งคนขับรถที่มีฐานะแตกต่างจากนายจ้าง ซึ่งจะเห็น
ถึงความรู้สึกไม่พอใจของจอง-ซู สะท้อนถึงฐานะทางสังคม รวมถึงการถือเรื่องมารยาทการนั่งเบาะข้างคนขับ
- บทพูดระหว่างเบ็น และ แฮ-มี่ ถึงเรื่องหยิบก้อนหินออกจากหัวใจ เป็นการบอกโดยนัยระหว่าง จอง-ซู และเบ็น ถึงเรื่องข้อจำกัด
ทางความคิดเรื่องความรักของเพศที่สาม ซึ่งทำให้ จอง-ซู เริ่มรู้สึกเปิดใจ แล้วไปที่บ้านของเบ็นต่อ
- ฉากจอง-ซู ขอเข้าห้องน้ำในบ้านเบ็น ไม่ได้ขอเบ็น แต่บอกต่อแฮ-มี่ อาจหมายถึงความเกรงใจที่มีต่อชนชั้น หรือ อาจเป็นบทที่พยายามบอกเป็น
นัยว่า แฮ-มี่ เป็นเพียงบทสนทนาในใจระหว่าง จอง-ซู ที่มีต่อเบ็น
- ฉากเจอเครื่องสำอางผู้หญิงในห้องน้ำ เป็นการแฝงว่าเบ็นอาจเป็นเกย์ จองซูจึงตะหงิดใจเล็กๆ
- ฉากยืนสูบบุหรี่คุยกันเรื่อง Gatsby อาจเป็นการพยายามเสียดสีบุคคลที่เกี่ยวกับการคอรัปต์ชัน และธุรกิจมืดในเกาหลี
- ฉากปาร์ตี้กับเพื่อนๆของเบ็น เเสดงถึงความเข้ากันไม่ได้ระหว่างจอง-ซู เละเพื่อนของเบ็น ซึ่งจอง-ซู ได้เพียงจำลองตนเองผ่าน แฮ-มี่ ที่เข้าได้กับ
เพื่อนของเบ็น สื่อให้เห็นถึงตนต้องการเเสดงออกทางเพศในใจลึกๆ รวมถึงการไม่เข้ากันของคนจน และคนรวย
- ฉากหาว แล้วหันมายิ้มของเบ็น สื่อถึงว่า เขาไม่ได้สนใจในเรื่องของผู้หญิง แต่เขาสนใจคนที่เขายิ้มให้(จอง-ซู)
(ในฉากนี้ลองเอามือปิดตัวละคร แฮ-มี่ จะเหมือนกับว่าเป็นเพียงการพูดคุยจอง จอง-ซู และเบ็น)
- เรื่องบ่อน้ำของ แฮ-มี่ ซึ่งอาจอุปมาได้ว่า คือการมีความคิดความเป็นเพศที่สามในวัยเด็กของจอง-ซู แต่เขาได้พยายามลืมมันเนื่องจากถูก
ต่อต้านโดยพ่อของเขา(จากการเปิดใจกับเบ็นหลังดูดปุ๊นว่า พ่อเขาให้เขาเผาเสื้อผ้าของแม่ ที่อาจเป็นนัยยะของความต้องการให้ลืมความเป็น
หญิง)
- ฉากที่แม่บอกว่ามีบ่อน้ำแน่ๆ สื่อถึงเพศลึกๆของลูกในอดีตที่ถูกปิดบังไว้ มีเเค่แม่เข้าใจเรื่องนี้ของลูก
- การร่ายรำ แก้ผ้าของแฮ-มี่ คือ จินตนาการถึงความรู้สึกของจอง-ซู หลังจากดูดปุ๊น เป็นนัยยะที่เเสดงออกทางอารมณ์ที่กำลังเคลิบเคลิ้ม
- การ "เผาเรือนเพาะชำ" อาจเป็นนัยยะที่เปรียบเปรยถึง การปฏิเสธผู้หญิง แล้วหันมาคบเพศเดียวกัน (เรือนเพาะชำเปรียบเหมือนผู้หญิง
ผู้ให้กำเนิด) ซึ่งเบ็นพยายามจะบอกแก่ จอง-ซู ว่าตัวเขานั้นเป็นเกย์นะ
- จอง-ซู เริ่มวิ่งตามหาเรือนเพาะชำที่จะถูกเผา ผนวกกับการหายไปของ แฮ-มี คือการอุปมาถึง จิตใจของ จอง-ซู ที่เริ่มมีความสับสนทางเพศที่
ขัดแย้งในตัวเอง (ใจนึงก็ถูกปลูกฝังให้ชอบผู้หญิง แต่ความต้องการที่แท้จริง คือชอบผู้ชาย) เเละครุ่นคิดถึงความรู้สึกดีลึกๆต่อเบ็น
- ฉากเด็ก ยืนอยู่หน้าเรือนเพาะจำถูกเผา สื่อถึงการค้นพบตัวเองตั้งแต่เด็กของ จอง-ซู
- ฉากจอง-ซู ลองจุดไฟเผาเรือนเพาะชำ แต่สุดท้ายก็ละเลิก พยายามสื่อถึง การกลับมาของเพศที่ตนอยากเป็น แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นเพศทึ่
ตนถูกปลูกฝังมาให้เป็น (จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเจ็บปวด จนกลายเป็นแรงปะทุทางอารมณ์ในตอนจบ)
- การมาของผู้หญิงคนใหม่ที่มาแทนที่ แฮ-มี่ สื่อความหมายถึงจินตนาการของ จอง-ซู ในรูปแบบที่มีฐานะ ความร่ำรวยที่เหมาะสมกับเบ็น
- ฉาก จอง-ซู แอบติดตามเบ็น แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู เริ่มมีความสนใจในตัวเบ็นแล้วโดยไม่รู้ตัว
- ฉากจอง-ซู แอบมองเบ็นยืนดูวิวทิวทัศน์ เป็นการเล่นภาพระหว่าง ฐานะของคนรวย และคนจน ซึงเป็นความต่ำต้อยใจว่าตนคงไม่เหมาะสมกับ
การคบคนรวย
- การกลับมาบ้านของเบ็นอีกครั้ง แต่ไม่มีแฮ-มี่ มีเพียงเบ็น กับจอง-ซู สื่อว่าจอง-ซุ มาด้วยใจที่ไม่มีความสนใจในผู้หญิง แตามาหาเบ็นโดยเฉพาะ
- แต่เเล้ว!!! การขอเข้าห้องน้ำที่บ้านเน็นอีกครั้ง พร้อมเปิดไปเจอเครื่องประดับผู้หญิง แต่คราวนี้มีนาฬิกาของ แฮ-มี่ เป็นการแฝงนัยยะทางวัตถุ
ว่า เครื่องประดับนี้เหมาะสมกับผู้หญิง(เหมือนที่แฮ-มี่ ได้กล่าวไว้ต้นเรื่องว่า นาฬิกานี้เป็นของผู้หญิงนะ) เป็นการสื่อว่า จอง-ซู เริ่มฉุกคิดมาอย่าง
อัตโนมัติได้ว่าตนต้องเป็นผู้ชาย ที่ชอบผู้หญิง ตามการปลูกฝังที่เข้มงวดในวัยเด็ก
- ความขัดแย้งในใจ ยิ่งร้อนระอุเพิ่มขึ้น หลังจากงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆของเบ็น ที่สื่อถึงความแบ่งแยกทางฐานะสังคมอีครั้ง จน จอง-ซู ทนไม่ไหว
จึงเดินออกมาจากงาน แต่เบ็นก็นังลงมาลาด้วยบทพูดที่ยิ่งเพิ่มจุดขัดแย้งในใจของจอง-ซู เข้าไปในใจที่พร้อมจะปะทุ
- ฉากตัดสินจำคุกพ่อท้ายเรื่อง แสดงให้เห็นว่า จอง-ซู รู้สึกผิดหวังที่ช่วยพ่อไม่ได้ (พ่อซึ่งปลูกฝังให้ลูกมีความเป็นชายอย่างเต็มเปี่ยม)
และ พร้อมที่จะกลับมาเป็นผู้ชาย เพื่อทดแทนความสำนึกผิดที่มีต่อพ่อ
- ฉากที่จอง -ซู นอนให้แฮ-มี่ ช่วยบำบัดความใคร่ เป็นเพียงจินตนาการหลอกๆว่า ตนมีความรู้สึกกับเพศหญิงแต่ที่จริงๆได้หมดไปแล้ว
(สังเกตุจากการนอน อยู่เฉยๆโดยไม่ใช้มือช่วยตนเองเหมือนที่ผ่านมา)
- ฉาก จอง-ซู กำลังพิมพ์งานเขียนในห้องของ แฮ-มี่ ตอนสุดท้าย คือ บทเฉลยว่า แฮ-มี่ นั้นเป็นเพียงตัวละครที่ จอง-ซู นำมาเขียนในเรื่องเขียน
ชีวิตของตน
- ฉากเบ็นหยิบเครื่องแต่งหน้ามาเเต่งหน้าให้ผู้หญิง เป็นบทเฉลยว่า เป็นกระจกสะท้อนความคิดของเบ็น ที่ทำได้เพียงเซตผม และใส่คอนเเทคเลน
หน้ากระจก (สรุปคือเป็นเกย์)
สุดท้าย ความกดดันในหลายๆเรื่องของ จอง-ซู โดยเฉพาะเรื่องเพศที่ขัดแย้งในตน ทำให้ตนกลายเป็นคนเกลียดชังเพศที่สาม(เพศที่ตนอยากจะเป็นแต่ดันมาทำลายเพศที่ตนถูกปลูกฝัง) นำไปสู่เเรงไฟในใจ ซึ่งนำไปสู่การฆ่าเบ็นในตอนสุดท้ายในที่สุด เหมือนพยายามแสดงมุมมองของบุคคลที่ชังเพศที่สาม
สรุป เป็นหนังที่พยายามแฝงนัยยะมุมมองเรื่องเพศที่สามของสังคมเกาหลีได้อย่างเเนบเนียน แฝงด้วยแตกต่างทางฐานะสังคม ผ่านการแสดงของ
ตัวละครที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรแฝงอยู่ แต่เเสดงออกผ่านบทพูดที่ล้ำลึก หนัง