ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงเลยค่ะ ตอนแรกก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ว่าเมื่อวันหยุดยาวที่ผ่านมา
มีโอกาสไปพักผ่อนกับที่บ้าน ไปพักโรงแรม แล้วก็ยังนึกกลัว หลอนโรงแรมอยู่เลยค่ะ เลยอยากจะหาที่เล่า ที่ระบายให้ฟังค่ะ
พอดีว่าเมื่อปลายปีที่แล้ว เรากับเพื่อนมีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศเกาหลี เพื่อนคนนี้เลยพาลูกสาวไปด้วยคนนึงค่ะ อายุประมาณ 6 ขวบ
ด้วยความที่ปกติที่ชีวิตอยู่ใน กทม และนี่ก็ไม่ได้เป็นการไปเกาหลีครั้งแรก เราสองคนเลยเลือกที่จะไม่อยู่เที่ยวในโซล
เลยอยากหาเมืองเงียบๆ จะได้เที่ยวธรรมชาติ และก็ได้ไปสะดุดตากับโรงแรมที่นึง (จริงๆน่าจะรีสอร์ทมากกว่า) ดูดีและน่าจะสงบ
แถมยังติดกับทะเลสาบอีกด้วย ระหว่างเดินทางออกจากโซล เราไปโดยรถไฟ KTX ค่ะ
พอถึงโรงแรมก็เช็คอิน เรียบร้อยดีไม่มีอะไร แต่ที่น่าแปลกใจนิดหน่อยก็คือ
โรงแรมกลับมีแขกเข้าพักน้อยกว่าที่คิด แต่ก็นึกในใจว่า "ดีจังจะได้พักผ่อน" เราได้พักห้องเบอร์ 405
คืนแรก ตัวเราเองก็เพลียๆ เลยหลับไปค่อนข้างไว ไม่รู้ตัว ได้ยินแต่เสียงเพื่อนกับลูกสาวเจี๊ยวจ๊าวกันในห้องน้ำเบาๆ
รู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปห้าทุ่ม ตอนนั้นงัวเงียขึ้นมา เห็นไฟจากห้องน้ำเปิดทิ้งเอาไว้ หันไปมองเพื่อนกับลูกสาวก็หลับไปแล้ว
พอตาเริ่มชินกับความมืดในห้อง เหมือนเห็นเงาลางๆ ยืนข้างโต๊ะเครื่องแป้งข้างๆเตียง จำได้ว่าเหมือนใส่ชุดแม่บ้าน
ตอนนั้นใจวูบ เลยรีบเปิดสวิซต์ไฟหัวเตียง แต่ก็ไม่มีอะไร เพื่อนตกใจตื่นมาถามใหญ่ เราบอกไปว่าฝันร้าย กลัวเพื่อนกลัวไปด้วยค่ะ
พอตอนเช้า ลงไปกินข้าว สังเกตุเห็นว่า แขกค่อนข้างบางตา แต่ดันไปสะดุดตากับชุดแม่บ้านโรงแรม เพราะมันคือชุดเดียวกันกับที่
เห็นเมื่อคืนนี้ ตอนนั้นใจเตลิดมาก แต่ก็ยังไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ไลน์กลับมาหาแม่ แม่บอกว่า เค้าไหว้พระกันหรือเปล่า ตอนนั้นนึกขึ้นได้ว่า
คนเกาหลีเค้าศาสนาอะไรกันนะ สวดมนต์จะรู้เรื่องไหม แต่ก็เอาวะ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยได้สักนิดก็ยังดี เชื่อแม่
เย็นวันนั้น เราสามคนไปเดินเล่นกันริมทะเลสาบ เมืองสวยมากจริงๆ แถวนั้นยังมีสวนสนุกด้วย เพื่อนเลยพาลูกสาวไปเล่น แต่เรารู้สึกเหนื่อยๆ
เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ ขอตัวนั่งเล่นรออยู่แถวนั้น ผ่านไปเกือบชั่วโมง เพื่อนกลับมาพร้อมต่อว่าลูกสาวยกใหญ่ ว่าทำไมโกหกแม่
เราเลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนบอกว่า ลูกสาวแกวิ่งหายไป หลบในสวน พอเราถามเด็ก เด็กตอบว่า มีคนพาไปหลบ เล่นซ่อนแอบ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า กลัวแล้ว ไม่ค่อยอยากอยู่ต่อ แต่เพื่อนบอกว่า เด็กชอบคิดไปเอง อย่าไปสนใจ อยู่ที่บ้านก็ชอบโกหกแบบนี้
พอกลับถึงห้อง ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว เพื่อนกำลังจะอาบน้ำให้ลูก แต่เหมือนว่าทางโรงแรมเตรียมผ้าเช็ดตัวให้ไม่ครบ เราเลยโทรลงไปที่ฟร้อนท์ข้างล่าง
แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง เราเลยบอกเพื่อนว่าจะลงไปอธิบายให้ พอเปิดประตูออกมา เห็นเหมือนแม่บ้านเดินผ่านโถงทางเดินเลี้ยวไปอีกทาง
เราเลยตะโกนตาม แต่ไม่ทัน เดินตามไปพอเลี้ยวเท่านั้นแหละ คือเข่าอ่อนเลย ไม่เจอใคร ตอนนั้นหันหลังกลับเลยค่ะ เจอแขกกลุ่มนึงกำลังจะลงลิฟท์
เลยตะโดนตามขอลงไปด้วย ไม่กล้าเดินกลับไปถึงห้องตัวคนเดียว พอถึงล็อบบี้ ก็พยายามอธิบาย กว่าจะเข้าใจว่าขอผ้าเช็ดตัวกันก็ใช้เวลาอยู่
แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ พนักงานจะไปหยิบผ้าเช็คตัวให้ด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้ไม่มีบริการเมดแล้ว ตอนนั้นขนหัวลุกจริงๆ เพิ่งรู้ว่ามันเป็นยังไง
เรานั่งรอคนขึ้นลิฟท์สักพัก ขออาศัยเนียนขึ้นไปกับเค้า กลับขึ้นไปบนห้อง รีบสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน จะภาษาอะไรก็ช่างแล้วตอนนั้น กินยาแก้แพ้ไป
คิดแค่ว่าพรุ่งนี้ก็ย้ายที่แล้ว รีบๆนอนจะได้ตื่น ไม่รู้เพราะว่าสวดมนต์ได้ผลหรือฤทธิ์ยาแก้แพ้ แต่ก็ทำเอาตื่นเช้าเลยทีเดียว มีแต่เพื่อนที่บ่นๆว่า
มีคนข้างห้องคุยกันเสียงดัง นอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนั้นก็ได้แค่ติดว่า เสียงที่เพื่อนได้ยินจะใช่มั๊ยนะ
พอถึงเวลาก็เช็คเอาท์ รอ taxi มารับไปสถานีรถไป เพื่อนไปเที่ยวต่อที่อื่น ตอนออกมาก็หันไปมองแล้วคิดตลอด ตอนนี้ก็ยังคิดว่า ที่เจอมานั้น
เราคิดไปเองจริงๆ หรือว่าเจอดีจริงๆ .....
ตอนนั่งเครื่องออกจากเกาหลี ได้แอบคุยกับลูกสาวเพื่อน ถามว่าคนที่พาไปซ่อนเป็นยังไง แกก็บอกว่า เป็นผู้หญิง โตแล้ว ใส่ชุดสวยๆ
ภาพในหัวก็ลอยมา คิดได้แต่ว่า ดีแค่ไหนที่ยังเจอแค่นี้ ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ คิดแล้วก็ยังหลอนๆอยู่เลยค่ะ
เจอดีต่างแดน !!! เจอผีจองเวรที่โรงแรม ...
มีโอกาสไปพักผ่อนกับที่บ้าน ไปพักโรงแรม แล้วก็ยังนึกกลัว หลอนโรงแรมอยู่เลยค่ะ เลยอยากจะหาที่เล่า ที่ระบายให้ฟังค่ะ
พอดีว่าเมื่อปลายปีที่แล้ว เรากับเพื่อนมีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศเกาหลี เพื่อนคนนี้เลยพาลูกสาวไปด้วยคนนึงค่ะ อายุประมาณ 6 ขวบ
ด้วยความที่ปกติที่ชีวิตอยู่ใน กทม และนี่ก็ไม่ได้เป็นการไปเกาหลีครั้งแรก เราสองคนเลยเลือกที่จะไม่อยู่เที่ยวในโซล
เลยอยากหาเมืองเงียบๆ จะได้เที่ยวธรรมชาติ และก็ได้ไปสะดุดตากับโรงแรมที่นึง (จริงๆน่าจะรีสอร์ทมากกว่า) ดูดีและน่าจะสงบ
แถมยังติดกับทะเลสาบอีกด้วย ระหว่างเดินทางออกจากโซล เราไปโดยรถไฟ KTX ค่ะ
พอถึงโรงแรมก็เช็คอิน เรียบร้อยดีไม่มีอะไร แต่ที่น่าแปลกใจนิดหน่อยก็คือ
โรงแรมกลับมีแขกเข้าพักน้อยกว่าที่คิด แต่ก็นึกในใจว่า "ดีจังจะได้พักผ่อน" เราได้พักห้องเบอร์ 405
คืนแรก ตัวเราเองก็เพลียๆ เลยหลับไปค่อนข้างไว ไม่รู้ตัว ได้ยินแต่เสียงเพื่อนกับลูกสาวเจี๊ยวจ๊าวกันในห้องน้ำเบาๆ
รู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปห้าทุ่ม ตอนนั้นงัวเงียขึ้นมา เห็นไฟจากห้องน้ำเปิดทิ้งเอาไว้ หันไปมองเพื่อนกับลูกสาวก็หลับไปแล้ว
พอตาเริ่มชินกับความมืดในห้อง เหมือนเห็นเงาลางๆ ยืนข้างโต๊ะเครื่องแป้งข้างๆเตียง จำได้ว่าเหมือนใส่ชุดแม่บ้าน
ตอนนั้นใจวูบ เลยรีบเปิดสวิซต์ไฟหัวเตียง แต่ก็ไม่มีอะไร เพื่อนตกใจตื่นมาถามใหญ่ เราบอกไปว่าฝันร้าย กลัวเพื่อนกลัวไปด้วยค่ะ
พอตอนเช้า ลงไปกินข้าว สังเกตุเห็นว่า แขกค่อนข้างบางตา แต่ดันไปสะดุดตากับชุดแม่บ้านโรงแรม เพราะมันคือชุดเดียวกันกับที่
เห็นเมื่อคืนนี้ ตอนนั้นใจเตลิดมาก แต่ก็ยังไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ไลน์กลับมาหาแม่ แม่บอกว่า เค้าไหว้พระกันหรือเปล่า ตอนนั้นนึกขึ้นได้ว่า
คนเกาหลีเค้าศาสนาอะไรกันนะ สวดมนต์จะรู้เรื่องไหม แต่ก็เอาวะ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยได้สักนิดก็ยังดี เชื่อแม่
เย็นวันนั้น เราสามคนไปเดินเล่นกันริมทะเลสาบ เมืองสวยมากจริงๆ แถวนั้นยังมีสวนสนุกด้วย เพื่อนเลยพาลูกสาวไปเล่น แต่เรารู้สึกเหนื่อยๆ
เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ ขอตัวนั่งเล่นรออยู่แถวนั้น ผ่านไปเกือบชั่วโมง เพื่อนกลับมาพร้อมต่อว่าลูกสาวยกใหญ่ ว่าทำไมโกหกแม่
เราเลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนบอกว่า ลูกสาวแกวิ่งหายไป หลบในสวน พอเราถามเด็ก เด็กตอบว่า มีคนพาไปหลบ เล่นซ่อนแอบ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า กลัวแล้ว ไม่ค่อยอยากอยู่ต่อ แต่เพื่อนบอกว่า เด็กชอบคิดไปเอง อย่าไปสนใจ อยู่ที่บ้านก็ชอบโกหกแบบนี้
พอกลับถึงห้อง ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว เพื่อนกำลังจะอาบน้ำให้ลูก แต่เหมือนว่าทางโรงแรมเตรียมผ้าเช็ดตัวให้ไม่ครบ เราเลยโทรลงไปที่ฟร้อนท์ข้างล่าง
แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง เราเลยบอกเพื่อนว่าจะลงไปอธิบายให้ พอเปิดประตูออกมา เห็นเหมือนแม่บ้านเดินผ่านโถงทางเดินเลี้ยวไปอีกทาง
เราเลยตะโกนตาม แต่ไม่ทัน เดินตามไปพอเลี้ยวเท่านั้นแหละ คือเข่าอ่อนเลย ไม่เจอใคร ตอนนั้นหันหลังกลับเลยค่ะ เจอแขกกลุ่มนึงกำลังจะลงลิฟท์
เลยตะโดนตามขอลงไปด้วย ไม่กล้าเดินกลับไปถึงห้องตัวคนเดียว พอถึงล็อบบี้ ก็พยายามอธิบาย กว่าจะเข้าใจว่าขอผ้าเช็ดตัวกันก็ใช้เวลาอยู่
แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ พนักงานจะไปหยิบผ้าเช็คตัวให้ด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้ไม่มีบริการเมดแล้ว ตอนนั้นขนหัวลุกจริงๆ เพิ่งรู้ว่ามันเป็นยังไง
เรานั่งรอคนขึ้นลิฟท์สักพัก ขออาศัยเนียนขึ้นไปกับเค้า กลับขึ้นไปบนห้อง รีบสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน จะภาษาอะไรก็ช่างแล้วตอนนั้น กินยาแก้แพ้ไป
คิดแค่ว่าพรุ่งนี้ก็ย้ายที่แล้ว รีบๆนอนจะได้ตื่น ไม่รู้เพราะว่าสวดมนต์ได้ผลหรือฤทธิ์ยาแก้แพ้ แต่ก็ทำเอาตื่นเช้าเลยทีเดียว มีแต่เพื่อนที่บ่นๆว่า
มีคนข้างห้องคุยกันเสียงดัง นอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนั้นก็ได้แค่ติดว่า เสียงที่เพื่อนได้ยินจะใช่มั๊ยนะ
พอถึงเวลาก็เช็คเอาท์ รอ taxi มารับไปสถานีรถไป เพื่อนไปเที่ยวต่อที่อื่น ตอนออกมาก็หันไปมองแล้วคิดตลอด ตอนนี้ก็ยังคิดว่า ที่เจอมานั้น
เราคิดไปเองจริงๆ หรือว่าเจอดีจริงๆ .....
ตอนนั่งเครื่องออกจากเกาหลี ได้แอบคุยกับลูกสาวเพื่อน ถามว่าคนที่พาไปซ่อนเป็นยังไง แกก็บอกว่า เป็นผู้หญิง โตแล้ว ใส่ชุดสวยๆ
ภาพในหัวก็ลอยมา คิดได้แต่ว่า ดีแค่ไหนที่ยังเจอแค่นี้ ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ คิดแล้วก็ยังหลอนๆอยู่เลยค่ะ