⚠️ [ANALYSIS] ⚠️ Goldman Sachs ฟันธงว่าหาก #วัคซีนไวรัสโควิด มาเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้อย่างที่ทรัมป์ประกาศจริงๆ ให้นักลงทุนระวังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และ …
หลังจากที่ทางทรัมป์เพิ่งไปประกาศว่าสหรัฐอาจผลิตวัคซีนไวรัสโควิดออกมาได้ทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้จริงๆ เราลองมาดูกันว่าทาง Goldman Sachs วาณิชธนกิจที่มีข้อมูลตลาดมากที่สุดในโลก #เขามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
🔎 สรุปมุมมองของ Goldmand Sachs
1️⃣ #ตอนนี้ตลาดโดยรวมยังไม่คิดว่าวัคซีนจะออกมาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
หากวิเคราะห์ดูจากราคาหุ้นสหรัฐและดัชนีหลักๆของโลกแล้ว นักลงทุนทั่วโลกยังไม่ได้รับรู้ว่าวัคซีนตัวแรกจะมีผลิตออกมาภายในปีนี้ โดยหากวัคซีนสามารถผลิตออกมาได้ภายในปลายปีนี้จริงๆ ตลาดหุ้นโดยรวมจะดีดตัวสูงขึ้นได้อีกแน่นอน
2️⃣ #แต่เงินที่ไหลเข้าตลาดนั้นอาจไม่ได้ไหลเข้าไปในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีเหมือนเคย
นับตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาดขึ้นในปีนี้นั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐได้กลาย Sector ที่เป็นพระเอกไปโดยทันที ดัชนี NASDAQ ที่รวมกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ได้ปรับตัวขึ้นไปกว่า +10% นับจากต้นปี และ +57% จากจุดต่ำสุดของปีนี้หลังไวรัสระบาด
แต่หากวัคซีนออกมาเร็วกว่าที่คิด Goldman Sachs คาดว่าเงินอาจจะไหลออกจากหุ้นกลุ่มนี้ได้
3️⃣ #หุ้นกลุ่มที่เงินจะไหลเข้าไปคือกลุ่มหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)
หุ้นวัฏจักร หรือ Cyclical Stock คือหุ้นที่ราคาขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดีผลประกอบการของบริษัทก็จะดีตามไปด้วย
โดยปกติหุ้นกลุ่มนี้ก็ประกอบไปด้วย หุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน ปิโตรเคมี ที่ความต้องการจะโตตามเศรษฐกิจ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า และของแบรนด์เนมต่างๆก็จะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่มากขึ้น
(อย่างไรก็ตามวัฏจักรเศรษฐกิจจากไวรัสโควิดนั้นอาจไม่เหมือนกับวัฏจักรเศรษฐกิจธรรมดา ทำให้นักลงทุนอาจต้องดูรายละเอียดของกลุ่มธุรกิจเหล่านั้นโดยตรงว่าจะได้รับผลดีต่อการมาของวัคซีนอย่างไร)
4️⃣ #พันธบัตรรัฐบาลจะโดนเทขายและความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น
เงินจะไหลออกจากพันธบัตรรัฐบาลไปเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และการไหลออกของเงินอาจกดให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาวสูงขึ้นได้ จนทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสูงชันกว่าพันธบัตรระยะยาวสั้น (Steeper Yield Curves)
ทั้งหมดเป็นสัญญาณที่ดีต่อมุมมองเศรษฐกิจในอนาคตและราคาหุ้นจะขึ้นในระยะสั้น แต่ที่ Steeper Yield Curves เกิดขึ้นได้ก็เพราะตลาดมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED จะยังคงต่ำไปอีกนาน (คงจะยังอยู่ที่ 0% ไปจนถึงสิ้นปีหน้า) โดยปริมาณสภาพคล่องในระยะสั้นที่สูงกว่าระยะยาวมากขึ้นจะทำให้ยิ่งเกิดปัญหาเงินเฟ้อในระยะสั้น
5️⃣ #ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะยังเป็นความเสี่ยงหลักของตลาด
แน่นอนว่าความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงปลายปีนี้คือ #ใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ?
และมุมมองทั้งหมดที่กล่าวมานั้น อาจโดนพลิกด้วยปัจจัยนี้ปัจจัยเดียวได้ทั้งสิ้น
ในขณะนี้โพลทั่วประเทศสหรัฐให้คะแนนโจ ไบเดนนำทรัมป์มากกว่าถึงเฉลี่ยกว่า 10 จุด และหากผลของโพลนั้นถูกต้องจริงๆ ทาง Goldman Sachs มองว่าด้วยการนำของพรรคเดโมแครตเงินอาจจะไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐเข้าไปสู่ตลาด Emerging Market หรือ ตลาดต่างชาติเกิดใหม่มากขึ้น ด้วยการที่การค้าขายระหว่างประเทศโดนอั้นด้วย Trade War จากรัฐบาลทรัมป์มาเป็นเวลานาน
6️⃣ Goldman Sachs #ฟันธงราคาหุ้น ไว้ว่า ?
หากวัคซีนมาภายในปลายปีนี้จริงๆ ดัชนี S&P500 จะดีดขึ้นต่อเนื่องจากราคาปัจจุบันที่ 3,300 จุด ขึ้นไปถึง 3,700 จุดได้ (+7%)
แต่ในขณะที่ถ้าวัคซีนไม่มาจริงและผลกระทบของการระบาดกลายเป็น Wave 2 ที่รุนแรงได้ ดัชนี S&P500 ก็อาจมีสิทธิ์หล่นไปอยู่ที่ 2,200 จุดแทนได้เช่นกัน (-33%)
⛔️ ติดตามทุกข่าวสารสำคัญในตลาดโลกและสาระที่น่าสนใจจากเพจผ่านทาง #LINE ด้วยได้นะครับ
https://line.me/ti/g2/deJbt9vrZcT77DAJILWzwg…
#ทันโลกกับTraderKP
Goldman Sachs ฟันธงว่าหาก #วัคซีนไวรัสโควิด มาเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ให้นักลงทุนระวังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
หลังจากที่ทางทรัมป์เพิ่งไปประกาศว่าสหรัฐอาจผลิตวัคซีนไวรัสโควิดออกมาได้ทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้จริงๆ เราลองมาดูกันว่าทาง Goldman Sachs วาณิชธนกิจที่มีข้อมูลตลาดมากที่สุดในโลก #เขามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
🔎 สรุปมุมมองของ Goldmand Sachs
1️⃣ #ตอนนี้ตลาดโดยรวมยังไม่คิดว่าวัคซีนจะออกมาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
หากวิเคราะห์ดูจากราคาหุ้นสหรัฐและดัชนีหลักๆของโลกแล้ว นักลงทุนทั่วโลกยังไม่ได้รับรู้ว่าวัคซีนตัวแรกจะมีผลิตออกมาภายในปีนี้ โดยหากวัคซีนสามารถผลิตออกมาได้ภายในปลายปีนี้จริงๆ ตลาดหุ้นโดยรวมจะดีดตัวสูงขึ้นได้อีกแน่นอน
2️⃣ #แต่เงินที่ไหลเข้าตลาดนั้นอาจไม่ได้ไหลเข้าไปในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีเหมือนเคย
นับตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาดขึ้นในปีนี้นั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐได้กลาย Sector ที่เป็นพระเอกไปโดยทันที ดัชนี NASDAQ ที่รวมกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ได้ปรับตัวขึ้นไปกว่า +10% นับจากต้นปี และ +57% จากจุดต่ำสุดของปีนี้หลังไวรัสระบาด
แต่หากวัคซีนออกมาเร็วกว่าที่คิด Goldman Sachs คาดว่าเงินอาจจะไหลออกจากหุ้นกลุ่มนี้ได้
3️⃣ #หุ้นกลุ่มที่เงินจะไหลเข้าไปคือกลุ่มหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)
หุ้นวัฏจักร หรือ Cyclical Stock คือหุ้นที่ราคาขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดีผลประกอบการของบริษัทก็จะดีตามไปด้วย
โดยปกติหุ้นกลุ่มนี้ก็ประกอบไปด้วย หุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน ปิโตรเคมี ที่ความต้องการจะโตตามเศรษฐกิจ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า และของแบรนด์เนมต่างๆก็จะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่มากขึ้น
(อย่างไรก็ตามวัฏจักรเศรษฐกิจจากไวรัสโควิดนั้นอาจไม่เหมือนกับวัฏจักรเศรษฐกิจธรรมดา ทำให้นักลงทุนอาจต้องดูรายละเอียดของกลุ่มธุรกิจเหล่านั้นโดยตรงว่าจะได้รับผลดีต่อการมาของวัคซีนอย่างไร)
4️⃣ #พันธบัตรรัฐบาลจะโดนเทขายและความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น
เงินจะไหลออกจากพันธบัตรรัฐบาลไปเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และการไหลออกของเงินอาจกดให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาวสูงขึ้นได้ จนทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสูงชันกว่าพันธบัตรระยะยาวสั้น (Steeper Yield Curves)
ทั้งหมดเป็นสัญญาณที่ดีต่อมุมมองเศรษฐกิจในอนาคตและราคาหุ้นจะขึ้นในระยะสั้น แต่ที่ Steeper Yield Curves เกิดขึ้นได้ก็เพราะตลาดมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED จะยังคงต่ำไปอีกนาน (คงจะยังอยู่ที่ 0% ไปจนถึงสิ้นปีหน้า) โดยปริมาณสภาพคล่องในระยะสั้นที่สูงกว่าระยะยาวมากขึ้นจะทำให้ยิ่งเกิดปัญหาเงินเฟ้อในระยะสั้น
5️⃣ #ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะยังเป็นความเสี่ยงหลักของตลาด
แน่นอนว่าความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงปลายปีนี้คือ #ใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ?
และมุมมองทั้งหมดที่กล่าวมานั้น อาจโดนพลิกด้วยปัจจัยนี้ปัจจัยเดียวได้ทั้งสิ้น
ในขณะนี้โพลทั่วประเทศสหรัฐให้คะแนนโจ ไบเดนนำทรัมป์มากกว่าถึงเฉลี่ยกว่า 10 จุด และหากผลของโพลนั้นถูกต้องจริงๆ ทาง Goldman Sachs มองว่าด้วยการนำของพรรคเดโมแครตเงินอาจจะไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐเข้าไปสู่ตลาด Emerging Market หรือ ตลาดต่างชาติเกิดใหม่มากขึ้น ด้วยการที่การค้าขายระหว่างประเทศโดนอั้นด้วย Trade War จากรัฐบาลทรัมป์มาเป็นเวลานาน
6️⃣ Goldman Sachs #ฟันธงราคาหุ้น ไว้ว่า ?
หากวัคซีนมาภายในปลายปีนี้จริงๆ ดัชนี S&P500 จะดีดขึ้นต่อเนื่องจากราคาปัจจุบันที่ 3,300 จุด ขึ้นไปถึง 3,700 จุดได้ (+7%)
แต่ในขณะที่ถ้าวัคซีนไม่มาจริงและผลกระทบของการระบาดกลายเป็น Wave 2 ที่รุนแรงได้ ดัชนี S&P500 ก็อาจมีสิทธิ์หล่นไปอยู่ที่ 2,200 จุดแทนได้เช่นกัน (-33%)
⛔️ ติดตามทุกข่าวสารสำคัญในตลาดโลกและสาระที่น่าสนใจจากเพจผ่านทาง #LINE ด้วยได้นะครับ
https://line.me/ti/g2/deJbt9vrZcT77DAJILWzwg…
#ทันโลกกับTraderKP