ขออนุญาตมารีวิวการสอบภาษาอังกฤษค่ะ อาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้เท่าไหร่
ที่อยากมารีวิวเพราะตอนที่ตัวเองเริ่มสอบ หาข้อมูลที่สอบโดยคนไทยยากมาก
จึงอยากแชร์ประสบการณ์เผื่อมีใครสนใจค่ะ

Occupational English tests (OET)
เหมาะกับคนที่จะไปเรียนหรือทำงานที่ AUS, UK โดยเฉพาะ health care providers
ควรตรวจเช็คกับสถาบันที่ต้องการไปก่อนว่ารับคะแนนสอบชนิดนี้

สถานที่สอบในประเทศไทย:  มีที่เดียวคือที่ AUA (สาขาจามจุรีสแควร์ → กำลังจะย้าย) 
สมัครผ่านเว็บ https://www.occupationalenglishtest.org/ 
เลือกหมวดที่ต้องการสมัครให้ถูก เช่น medicine, nurse
ประกาศผลหลังสอบ 16 วันทำการผ่านเว็บ
ค่าสมัครสอบ 587 USD 
สถานที่สอบมีดินสอ 2B ยางลบ และน้ำดื่มขวดเล็กให้

การสอบเริ่มตั้งแต่ 7.50น. ต้องเผื่อเวลาไปลงทะเบียนและฝากของ 
สิ่งที่ต้องนำไปด้วย
บัตรประชาชนหรือพาสปอตตัวจริง ขึ้นกับว่าตอนสมัครใช้อันไหนลงทะเบียน
เสื้อกันหนาว
เริ่มจาก listening, reading, writing และสอบ speaking ตอนบ่าย 
เกณฑ์การผ่าน; B (350) ทุกพาร์ท

การเตรียมตัว
https://www.occupationalenglishtest.org/ มีตัวอย่างข้อสอบ 2-3 ชุด ให้ดูเป็นแนวทาง

- Listening ฝึกผ่าน youtube มีข้อสอบจำลองให้ทำมากมาย แนะนำให้ฟังไปเยอะๆ เพราะบางที medical terms บางคำเราออกเสียงผิดมาตลอด พอมาฟังเทปพูดแรกๆเราจะนึกไม่ออกว่าคือคำนี้
Part A เติมคำในช่องว่าง สะกดผิดได้เล็กน้อยถ้าความหมายไม่เปลี่ยน อันนี้ง่ายสุด พยายามเก็บคะแนน
Part B ฟัง dialogue ทีละข้อแล้วเลือกคำตอบ มีหกข้อ
Part C ฟัง monologue หรือ dialogue 2 เรื่อง ฟังทีละเรื่อง แล้วตอบคำถาม 6 ข้อต่อเรื่อง
ส่วนตัวคิดว่า part C ยาก เพราะต้องฟังไปด้วย อ่านโจทย์และอ่านตัวเลือกไปด้วย

- Writing ฝึกเขียนจดหมายแบบต่างๆ แล้วเทียบกับตัวอย่างว่าควรปรับปรุงตรงไหน 
ที่สำคัญคือ ความถูกต้อง กระชับ ตรงประเด็น ไม่ใช้คำศัพท์หรือคำเชื่อมที่ดูเยิ่นเย้อแบบ IELTS
ใส่เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงไป ถ้าใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นอาจถูกหักคะแนน

- Reading อ่านให้เร็ว โดยเฉพาะ part A ง่าย แต่เวลาจำกัด
Part B อ่านและตอบเป็นข้อๆ
 Part C อ่าน passage ยาวๆ แต่ข้อสอบดีตรงที่ระบุ paragraph มาให้ว่าต้องอ่านตรงไหนเพื่อตอบข้อนี้

- Speaking ฝึกการโต้ตอบและการแสดง empathy ต่อคนไข้ ทั้งหมดสองข้อ ข้อละห้านาที เกณฑ์การให้คะแนนทั้งทางภาษาและทางความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้ละเอียดมากๆ สิ่งที่คนไข้ดูกังวลหรือพูดซ้ำๆห้ามปล่อยผ่าน ต้องแสดงความเข้าใจ รับฟัง ถามคำถามปลายเปิด และตอบสนองสิ่งที่คนไข้พูดเสมอ
ตอนสอบจะสอบกับครูของ AUA (แสดงเป็นคนไข้ แต่ไม่ได้มีผลกับการให้คะแนน) เทปที่บันทึกจะถูกไปประเมินที่AUS
(ฝึกผ่าน italki เลือกครูที่เป็น native speaker จากชาติต่างๆคละๆกันเช่น UK, USA, AUS ให้ครูแสดงเป็นคนไข้)

ในส่วนของ writing และ speaking ค่อนข้างเป็นจุดอ่อนของเรา จึงสมัครคอร์สลดราคาของ E2 langaugeไป(express) ก็จะมีคลาสสอนทุกสัปดาห์ ครูเวียนๆกันไป จะได้ดูโจทย์การเขียนและบท role play ที่หลากหลาย แล้วได้ทำ mock test  1 ครั้ง พร้อมฟีดแบ็คแบบละเอียด จะได้รู้ว่าควรปรับปรุงตรงไหน

Youtuber ที่แนะนำ (ฟรี)
- Rebecca จากเว็บทางการของ OET จะสอนการเขียน และมีตัวอย่าง role play ให้ดู
- E2 OET ช่องฟรีจะมี Jay มาสอนเทคนิคต่างๆ แต่พอสมัครในเว็บเจอแต่อ.คนอื่น ไม่มีคาบที่เจสอนเลยจ้า
- Steve จาก OET official เป็นคุณลุงมีอายุตอนแรกรู้สึกว่าสอนช้า แต่หลังๆรู้สึกว่าได้เทคนิคการเขียนและการพูดมาหลายอย่าง (ฟังแบบ 1.5 - 2x)
- All stars events จะจัดโดยรร.ต่างๆ มีครูมาผลัดกันสอน live FB/youtube จะรู้เมื่อมีอีเมลแจ้งเตือนมาจาก oet website ก็เลือกเรียนตามครูที่ชอบหรือเรื่องที่สนใจ
ถ้าจะหาเว็บหรือรร.ที่สอนแนะนำให้เลือกอันที่ขึ้นว่าเป็น premium OET provider เพราะมีตัวอย่างจดหมายหรือบทบาทสมมุติเยอะเหมือนกัน แต่ดูไม่ค่อยได้มาตรฐาน

โจทย์ที่ได้จริง (Medicine)
Writing; GP refers  a case to Sx for LC

Speaking; 
1. infected sebaceous cyst, fail medication
ซักประวัติอาการเพิ่ม
ให้ข้อมูล, reassure, บอกความจำเป็นที่ต้องSx
Advice local anesthetics over general anesthesia

2. OSA
ซักประวัติ 
อธิบายโรคให้ผู้ป่วยเข้าใจ
บอกผลที่อาจจะเกิดขึ้น
บอกแผนการรักษาและการส่งตรวจเพิ่มเติม

โดยส่วนตัวเคยสอบ IELTS แล้วรู้สึกว่าการเตรียมตัวเพื่อสอบ OET เพิ่มทักษะที่จะได้นำไปใช้จริงกว่า และการแสดงการใช้ภาษาไม่ต้องซับซ้อนและยากเท่าIELTS

ใครสนใจลองหาข้อมูลดูค่ะ