สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
จขกท มีความคิดเรื่องการวางแผนแบบวิศวกร อันนี้เข้าใจ แต่พ่อแม่ผู้หญิงเขาไม่ยอม อันนี้ยาก
เราเป็นผู้หญิง ถูกเลี้ยงโตมาแบบสาวชาววัง แต่พ่อแม่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเรียกสินสอดแพง ๆ จะมาอ้างว่าค่าน้ำนม แล้วลูกผู้ชายเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือ ไม่ต้องกินนม ไม่ต้องเข้าโรงเรียน ฯลฯ ดอกหรือ
ตอนลูก ๆ แต่งงาน ฝ่ายโน้นมาถามว่าจะจัดงานอย่างไร สินสอดเท่าไหร่ พ่อตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า จัดงานให้เลือกเอาว่า จะไปทำบุญที่ รพ สงฆ์ หรือจะไปทำที่วัด ทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคลของทั้งคู่ เชิญเฉพาะเพื่อนสนิท และญาติใกล้ชิดไม่กี่คน ไม่ต้องไปประกาศทั้งหมู่บ้าน ทำบุญเสร็จก็กินข้าวด้วยกันตรงนั้นเลย.. เรียบง่าย จบ ส่วนเรื่องสินสอดไม่เคยเรียก แต่สั่งไว้อย่างหนึ่งว่า อย่าทำให้ลูกสาวน้ำตาตกกลับมาเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ต้องมาเผาผีกัน แต่ต้องจดทะเบียนสมรสนะ เหตุผลคือ จะได้ไม่กลายเป็นเมียน้อยไป เพราะถ้าไม่จด... วันหน้าเขาไปจดกับคนอื่น ถึงทางเราจะอยู่กินกันมานานกว่า มาก่อน แต่ตามกฏหมาย คนที่จดทะเบียนคือเมียตัวจริง
เรามีลูกอายุเท่า ๆ คุณ เราทำแบบเดียวกันกับพ่อ คือไม่เรียกร้องอะไร ขอให้รักกัน ดูแลถนอมน้ำใจกันไปนาน ๆ ก็พอแล้ว
เราเห็นด้วยกับความคิดของ จขกท แต่คงจะยากหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาไม่เห็นด้วย ไหน ๆ ก็อยู่ด้วยกันแล้ว รอให้มีลูกสักคนแล้วค่อยไปผูกข้อมือเถอะ เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นที่มันจำเป็นดีกว่า... ขอให้โชคดี
เราเป็นผู้หญิง ถูกเลี้ยงโตมาแบบสาวชาววัง แต่พ่อแม่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเรียกสินสอดแพง ๆ จะมาอ้างว่าค่าน้ำนม แล้วลูกผู้ชายเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือ ไม่ต้องกินนม ไม่ต้องเข้าโรงเรียน ฯลฯ ดอกหรือ
ตอนลูก ๆ แต่งงาน ฝ่ายโน้นมาถามว่าจะจัดงานอย่างไร สินสอดเท่าไหร่ พ่อตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า จัดงานให้เลือกเอาว่า จะไปทำบุญที่ รพ สงฆ์ หรือจะไปทำที่วัด ทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคลของทั้งคู่ เชิญเฉพาะเพื่อนสนิท และญาติใกล้ชิดไม่กี่คน ไม่ต้องไปประกาศทั้งหมู่บ้าน ทำบุญเสร็จก็กินข้าวด้วยกันตรงนั้นเลย.. เรียบง่าย จบ ส่วนเรื่องสินสอดไม่เคยเรียก แต่สั่งไว้อย่างหนึ่งว่า อย่าทำให้ลูกสาวน้ำตาตกกลับมาเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ต้องมาเผาผีกัน แต่ต้องจดทะเบียนสมรสนะ เหตุผลคือ จะได้ไม่กลายเป็นเมียน้อยไป เพราะถ้าไม่จด... วันหน้าเขาไปจดกับคนอื่น ถึงทางเราจะอยู่กินกันมานานกว่า มาก่อน แต่ตามกฏหมาย คนที่จดทะเบียนคือเมียตัวจริง
เรามีลูกอายุเท่า ๆ คุณ เราทำแบบเดียวกันกับพ่อ คือไม่เรียกร้องอะไร ขอให้รักกัน ดูแลถนอมน้ำใจกันไปนาน ๆ ก็พอแล้ว
เราเห็นด้วยกับความคิดของ จขกท แต่คงจะยากหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาไม่เห็นด้วย ไหน ๆ ก็อยู่ด้วยกันแล้ว รอให้มีลูกสักคนแล้วค่อยไปผูกข้อมือเถอะ เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นที่มันจำเป็นดีกว่า... ขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
ถ้าผมเลือกที่จะไม่แต่งงาน แต่จะจดทะเบียนสมรสกับแฟนแทน ผมผิดไหมครับ
ผมเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 25 ปี และผมก็มีแฟนที่น่ารักอยู่คนหนึ่ง อายุน้อยกว่าผม 1 ปี ซึ่งคบกันมาได้เป็นระยะเวลา 1 ปี 5 เดือน เวลาที่ตั้งแต่ที่เราคบกันมันมีความหมายกับผมมาก ถึงมันจะไม่ได้นานอะไร แต่เราสองคนได้ศึกษาดูใจกัน และพบว่าทุกอย่างมันลงตัว แน่นอนครับว่าผมคิดที่จะสร้างอนาคตและครอบครัวด้วยกันกับเธอคนนี้ ต้องขอเล่า background ชีวิตผมนิดนึงนะครับ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ฐานะพอมีพอกิน พ่อแม่เป็นเกษตรกร ผมเชื่อและมีความทะเยอทะยานที่จะยกระดับฐานะตัวเราและครอบครัวให้สูงขึ้นมาเสมอ จึงได้เริ่มจากการเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในระหว่างเรียน ผมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้าน งานที่ทำคือการสอนพิเศษ เมื่อเรียนจบผมก็มีเงินเก็บได้ประมาณ 100,000 บาท มันคือทุกอย่างของผมจริงๆ หลังจากเรียนจบ ผมก็ทำงานในฐานะวิศวกรคนหนึ่ง พร้อมกับสอนพิเศษไปด้วย จนได้มาพบกับแฟนคนปัจจุบัน ซึ่งเธอเป็นพยาบาล แน่นอนว่าผมรักเธอมาก จึงไม่แปลกที่ผมคิดจะแต่งงานและสร้างครอบครัวกับเธอ ผมเลยวางแผนเก็บเงินกับแฟน รวมกันแล้วเดือนละ 5000 ผมเก็บ3000 แฟนเก็บ 2000 เราตกลงกันว่า เงินเก็บครั้งนี้จะใช้เป็นสินสอด และการแต่งงานของเรา ซึ่งเมื่อแพลนไว้ 3 ปีข้างหน้า เราจะมีเงินเก็บอยู่ 180,000 บาท และตอนนี้ก็ได้ประมาณ 60000 บาทแล้วครับ (เงินเก็บนี้เป็นเงินเก็บเฉพาะการแต่งงาน เรายังมีเก็บฝากประจำของกันและกัน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินเก็บส่วนตัว แยกออกมาต่างหาก เพื่อจะซื้อบ้านและรถในภายภาคหน้าครับ) เราตั้งใจไว้เป็นแบบนี้ และคิดว่ามันจะไปได้สวย แฟนเลยคิดว่าจะปรึกษาแม่ของเธอและแจ้งแผนการวางอนาคตของเราให้ครอบครัวเธอได้รับทราบ ต้องบอกก่อนว่าฐานะแฟนจะยากจนกว่าทางผม เธอเป็นคนอีสาน แม่เธอและยายของเธอดูเหมือนจะไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่ ท่านบอกว่าเงินมันน้อยไปไหม ดูอย่างบ้านคนนู้นสิ ได้สินสอดตั้ง 300,000 คนนั้นได้ตั้ง 500,000 แฟนเลยบอกไปว่า ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ แต่เพราะเราจะเอาเงินส่วนอื่นไปสร้างอนาคต ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ซึ่งงานแต่งและสินสอดจำนวนเท่านี้ มันคือสิ่งที่เราสองคนสะดวกแบบนี้ เราไม่ได้ไปเปรียบเทียบกับใคร ซึ่งคาดว่าทางพ่อแม่เค้าและยายของเค้าคงอาจจะไม่อยากเจอหน้าผมอีกแล้วก็ได้ครับ เพราะดูเหมือนท่านจะไม่เข้าใจความคิดของเราสองคน ผมรักแฟนผมมากนะครับ จึงบอกเค้าไปว่า งั้นถ้าเมื่อถึงครบเวลา 3 ปีที่เราวางแผนกันไว้ ถ้าทางพ่อแม่เขาไม่ยินดีด้วย เราไปจดทะเบียนสมรสกัน และสร้างครอบครัวด้วยกันดีไหม ผมเชื่อว่าผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่ผมสามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีให้เขาได้แน่นอนครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าทุกท่านที่อ่านมาจนจบนะครับ
คำถามของผมอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ผมตัดสินใจถูกแล้ว หรือยังขาดตกบกพร่องเรื่องใด โปรดชี้แนะได้เลยครับ
ขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆครับ