หน้าโรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เวสต์เลค เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง รายล้อมอยู่ด้วยบอดี้การ์ด 5 แถว เป็นจำนวน 120 คน
เพราะวันนี้ การประชุมประจำปีของสมาพันธ์ยอดยุทธ์ จัดขึ้นที่นี่
บนชั้นที่ 88 ในห้องประชุมโนวาบอลรูม เหล่าตัวแทนของสมาชิกจากทั้ง 74 สำนักขนาดกลางและเล็ก ล้วนมาครบหมดแล้ว
ขาดแต่เพียง 4 เจ้าสำนักใหญ่ หรือประธานสมาพันธ์ทั้ง 4 เท่านั้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนใจร้อนวู่วามอยู่แล้ว
การให้อดทนรอนับเป็นความขมขื่นที่ต้องกล้ำกลืนรับประทาน ผู้ใดใช้ให้พวกที่มาสายเหล่านี้เป็นประธานสมาพันธ์กันเล่า
กล่าวไป ราวกับนัดกันไว้ เจ้าสำนักใหญ่ทั้ง 4 ท่าน ที่ผู้อื่นต้องกำลังอดทนรอ ก็ได้มาถึงโรงแรมในเวลาไล่เลี่ยกัน
ทั้งสี่ประสานมือทักทายกันตามธรรมเนียม
ตู้กูม่อฝาน และไป่อ้าวเหวิน เดินนำเข้าโรงแรมมาก่อนด้วยนับจากความอาวุโส
เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง จึงได้ตามมา โดยด้านหลังคือเหล่าศิษย์เอกและผู้ติดตามของเจ้าสำนักทั้งสี่
เมื่อมาถึงลิฟต์ พนักงานโรงแรมได้กดประตูลิฟต์รอไว้แล้ว
ตู้กูม่อฝาน และไป่อ้าวเหวิน เข้าไปก่อน ยืนอยู่แถวหลัง เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง ที่ตามมาจึงยืนอยู่แถวหน้า
ความจริงลิฟต์ขนาดประมาณ 1x1.5เมตร พอบรรจุผู้โดยสารได้ 7-8 คน แต่ยังมีผู้ใดกล้าขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับทั้งสี่ท่านนี้
เมื่อกดหมายเลขชั้นที่ 88 ประตูลิฟต์ปิดลง และพาบุคคลสำคัญทั้งสี่ท่านนี้ขึ้นไป
แต่ทว่า หลังจากลิฟต์มาถึงชั้น 88 อันเป็นที่สุดของลิฟต์ตัวนี้ ประตูลิฟต์ไม่ได้เปิดออก กลับเกิดเสียงระเบิดด้านบน แล้วตัวลิฟต์ก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง
อย่างรวดเร็ว ดูได้จากตัวเลขดิจิตอลเหนือประตูลิฟต์ที่นับถอยหลังจนแทบมองตามไม่ทัน
เหล่าเจ้าสำนักทั้งสี่ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูง ย่อมมีปฏิกริยาว่องไวกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก เสียงระเบิดที่ดังอยู่เหนือหัวและลิฟต์ที่ทิ้งดิ่งลง ย่อมเป็นเพราะเกิดปัญหากับสายเคเบิลของลิฟต์ ความตระหนกเกิดขึ้นในจิตใจของทุกท่าน
ถึงกระนั้น ด้วยการฝึกปรือไม่เพียงร่างกาย แต่ฝึกปรือถึงจิตใจ แม้ตระหนกก็มิได้หวาดกลัว ดังเช่นที่ เหอหนานเทียน ยืนกอดอกเอนหลังพิงผนังลิฟต์ราวกับไร้เรื่องราว
ซึ่งเจ้าสำนักอื่นอีก 3 ท่าน ต่างทราบดีว่า เหอหนานเทียน คือผู้เชี่ยวชาญเป็นเอตทัคคะด้านวิชาหอก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชี่ยวชาญวิชาหอกเพียงใด
ก็ไม่ต่างจากถูกมัดมือมัดเท้า ได้แต่ต้องจำนนกับโชคชะตา
แต่ ฟางหยวนถิง ไม่เป็นเช่นนั้น
ฟางพยัคฆ์เหล็ก ฟางหยวนถิง ดังคำกล่าวว่า โลกนี้ไม่มีมังกร แท้จริงมีเพียงพยัคฆ์ที่ร้ายกาจ และพยัคฆ์ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ พยัคฆ์เหล็ก
ผู้ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาประธานสมาพันธ์ทั้งสี่ เพียงยังไม่ถึง 60 แต่ด้วยความสำเร็จในวิชากำลังภายนอกที่นับเป็นเอกในแผ่นดิน ยิ่งได้รับเคล็ดวิชาชักนำกำลังภายนอกเข้าสู่ภายในของสำนักคงท้ง ความสำเร็จของท่านยิ่งนับว่าเป็นพยัคฆ์ติดปีก
ฟางหยวนถิงเคลื่อนกายหาริมขอบลิฟต์ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดตกกระทบหนักที่สุดที่กลางลิฟต์ ยกขาขวาขึ้นตั้งเข่าฉาก เหลือเพียงเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเพื่อลดจุดกระแทก ในกระบวนท่า ไก่ทองขาเดียว กางศอก คว่ำฝ่ามือลงในระดับเอว ส่งพลังทั้งหมดในร่างลงไปคุ้มครองป้องกันที่เท้าซ้าย ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น อย่างมากก็เพียงเสียสละเท้าซ้ายไปข้างหนึ่งยังคงสามารถรักษาชีวิตไว้
ขณะที่ ไป่อ้าวเหวิน ไม่คิดจะอยู่บนพื้นขณะที่ลิฟต์ตก
บนฟ้ามีอินทรี บนผืนดินมีไป่อ้าวเหวิน เจ้าสำนักเทียบสวรรค์ ปรมาจารย์ผู้สืบทอดวิชาสายตรงของตระกูลหยูแห่งซูโจว
ไป่อ้าวเหวินถอยเฉียงๆเข้ามุมลิฟต์ด้านหลัง กระโดดลอยตัวขึ้น มือเท้าทั้งสี่ใช้ออกด้วยวิชากรงเล็บอินทรีอันเที่ยงแท้ จิกให้ผนังลิฟต์ตรงมุมทั้งสองด้าน แขวนตัวลอยไว้ในอากาศ ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น ท่านก็ไม่ได้ตกถึงพื้นไปด้วย ย่อมสามารถรักษาชีวิตได้
มีเพียงตู้กูม่อฝานที่ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ใบหน้านั้นปรากฏแววสีม่วง เพราะความจริงได้ลอบโคจรพลังลมปราณเมฆล่องลอยไว้ภายในร่างเนิ่นนานแล้ว
ปรมาจารย์ผู้มีอาวุโสสูงที่สุด อายุถึง 81 ปี แม้ภายนอกท่านจะดูชรา แต่ยอดวิชาของท่านหาได้ชราไม่
เข็มในสำลี ตู้กูม่อฝาน ด้วยลมปราณเมฆล่องลอย วิชาลับประจำตระกูลที่ทำให้ร่างกายไร้น้ำหนักราวปุยนุ่น เมื่อรวมกับการใช้เคล็ดวิชา ยืมพลังใช้พลัง
สลายแรงปะทะ แม้ลิฟต์กำลังดิ่งลงไป ปรมาจารย์เฒ่าเพียงยกมือลูบเครา รอยยิ้มของท่านหาได้สลายไป
ข้างฝ่าย เหอหนานเทียน ที่ปรมาจารย์ท่านอื่นเห็นว่ายอมจำนนกับโชคชะตาไปแล้วนั้น
ด้วยฉายา หอกราชันย์ฟ้าทักษิณ แม้ไม่มีหอก แต่เคล็ดวิชาลับประจำตัวที่ท่านบัญญัติขึ้นเอง 'บังนภา ชิงเมฆ' ยังใช้ได้อยู่
หลังจากลอบสังเกตท่วงท่าการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์แต่ละท่าน แล้วคาดคำนวณการเคลื่อนไหวของตนเองเป็นมั่นเหมาะแล้ว เหลือบมองตัวเลขที่ด้านบนของลิฟต์ รอจนลิฟต์ตกมาถึงชั้นที่ 5 เหอหนานเทียนจึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หมุนตัวสะบัดเท้ากลับหลังถีบใส่ผนัง ยืมพลังกระโดดเป็นสามเส้า เอื้อมมือไปคว้าจับข้อเท้าไป่อ้าวเทียน พลิกขาวางพาดบ่าตู้กูม่อฝาน เท้าอีกข้างวางบนเข่าขวาของฟางหยวนถิง เรียกว่าใช้ผู้อื่นเป็นที่รองมือรองเท้าแทน หากจะตายก็ตายด้วยกัน แต่หากจะรอด อย่างน้อยท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่รอด
ปรมาจารย์ท่านอื่นมัวเพ่งสมาธิกับการรับมือสถานการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่าเหอหนานเทียนจะใจกล้าหน้าด้านใช้ลูกไม้เช่นนี้ จึงไม่อาจป้องกันการเคลื่อนไหวเอารัดเอาเปรียบนี้ได้ แต่ชั่วพริบตาที่การลงมือของเหอหนานเทียนสำเร็จ ลิฟต์ก็ตกลงถึงพื้น เป็นชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิต
ณ เวลา ที่ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านกำลังแสดงยอดวิชาประจำตัวเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น เหล่าศิษย์และผู้ติดตามทั้ง 4 สำนัก ที่ยังรออยู่หน้าลิฟต์ที่ชั้นล่าง มองเห็นลิฟต์แสดงตัวเลข 88 แค่ชั่ววูบ ก่อนที่ตัวเลขจะลดลงอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนกด้วยรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ศิษย์ที่มีปัญญาอยู่บ้าง รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างอันจะเป็นจุดสิ้นสุดของลิฟต์
ตูมม!!!
ชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิตมาถึงแล้ว ลิฟต์ตกจากชั้น 88 สู่ชั้น B3 อย่างรุนแรง จนไฟฟ้าในชั้นใต้ดินดับทั้ง 3 ชั้น
แรงกระแทกทำเอาผนังกำแพงถึงกับพังทลายลง เศษอิฐหินปูนระเบิดกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคลุ้งไปทั่ว
หลังจากใช้เวลาเกือบ 5 นาที ไฟสำรองจึงทำงาน ชั้น B3 กลับมาสว่างอีกครั้ง
คำสั่งเรียกหน่วยกู้ภัยพร้อมเครื่องมือช่วยชีวิตถูกสั่งออกไป คนของทั้งสี่สำนักต่างไม่รอ ลงมือช่วยกันขนย้ายรื้อกองเศษหินและปูนออก
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ล้วนชำนาญด้านใช้กำลัง ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็เข้าถึงตัวลิฟต์ หน่วยกู้ภัยก็มาถึงแล้ว ใช้เครื่องมืองัดถ่างที่เตรียมมาเปิดประตูลิฟต์ได้สำเร็จ เหล่าศิษย์ต่างกรูกันเข้าไปจะช่วยเหลืออาจารย์ของพวกเขาออกมา
แต่ภาพที่เห็นด้านหลังประตูลิฟต์ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวชา บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
เข็มในสำลี ตู้กูม่อฝาน เทพอินทรี ไป่อ้าวเหวิน หอกราชันย์ฟ้าทักษิณ เหอหนานเทียน พยัคฆ์เหล็ก ฟางหยวนถิง ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
คนที่มาถึงภายหลังมองเข้าไป บางคนถึงกับขนลุก บางคนอ้าปากจนคางแทบกระแทกพื้น บางคนอุดปากไม่อยู่ ต้องส่งเสียงอุทานออกมาดังลั่น
...
ตู้กูม่อฝาน ไป่อ้าวเหวิน เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง ทุกท่าน ตายเรียบ
สภาพศพงี้ อย่าให้พูด อยู่ในลิฟต์ที่ร่วงมาสูงขนาดนั้นจะเป็นไงได้ล่ะ มีทั้งกระดูกหักหงิกงอทั้งตัว คอบิดผิดรูป กระโหลกยุบ ตาทะลักลิ้นจุกปาก
เลือดไหลออกทั้ง 7 ทวารบนใบหน้า ยังมีบางท่านที่ต้องขอสงวนชื่อ ถึงกับอุจจาระแตกเต็มกางเกง ~เฮ่อ- เวรกรรม
..............................................................................................................................................................................................................
4 ยอดปรมาจารย์
เพราะวันนี้ การประชุมประจำปีของสมาพันธ์ยอดยุทธ์ จัดขึ้นที่นี่
บนชั้นที่ 88 ในห้องประชุมโนวาบอลรูม เหล่าตัวแทนของสมาชิกจากทั้ง 74 สำนักขนาดกลางและเล็ก ล้วนมาครบหมดแล้ว
ขาดแต่เพียง 4 เจ้าสำนักใหญ่ หรือประธานสมาพันธ์ทั้ง 4 เท่านั้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนใจร้อนวู่วามอยู่แล้ว
การให้อดทนรอนับเป็นความขมขื่นที่ต้องกล้ำกลืนรับประทาน ผู้ใดใช้ให้พวกที่มาสายเหล่านี้เป็นประธานสมาพันธ์กันเล่า
กล่าวไป ราวกับนัดกันไว้ เจ้าสำนักใหญ่ทั้ง 4 ท่าน ที่ผู้อื่นต้องกำลังอดทนรอ ก็ได้มาถึงโรงแรมในเวลาไล่เลี่ยกัน
ทั้งสี่ประสานมือทักทายกันตามธรรมเนียม
ตู้กูม่อฝาน และไป่อ้าวเหวิน เดินนำเข้าโรงแรมมาก่อนด้วยนับจากความอาวุโส
เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง จึงได้ตามมา โดยด้านหลังคือเหล่าศิษย์เอกและผู้ติดตามของเจ้าสำนักทั้งสี่
เมื่อมาถึงลิฟต์ พนักงานโรงแรมได้กดประตูลิฟต์รอไว้แล้ว
ตู้กูม่อฝาน และไป่อ้าวเหวิน เข้าไปก่อน ยืนอยู่แถวหลัง เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง ที่ตามมาจึงยืนอยู่แถวหน้า
ความจริงลิฟต์ขนาดประมาณ 1x1.5เมตร พอบรรจุผู้โดยสารได้ 7-8 คน แต่ยังมีผู้ใดกล้าขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับทั้งสี่ท่านนี้
เมื่อกดหมายเลขชั้นที่ 88 ประตูลิฟต์ปิดลง และพาบุคคลสำคัญทั้งสี่ท่านนี้ขึ้นไป
แต่ทว่า หลังจากลิฟต์มาถึงชั้น 88 อันเป็นที่สุดของลิฟต์ตัวนี้ ประตูลิฟต์ไม่ได้เปิดออก กลับเกิดเสียงระเบิดด้านบน แล้วตัวลิฟต์ก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง
อย่างรวดเร็ว ดูได้จากตัวเลขดิจิตอลเหนือประตูลิฟต์ที่นับถอยหลังจนแทบมองตามไม่ทัน
เหล่าเจ้าสำนักทั้งสี่ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูง ย่อมมีปฏิกริยาว่องไวกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก เสียงระเบิดที่ดังอยู่เหนือหัวและลิฟต์ที่ทิ้งดิ่งลง ย่อมเป็นเพราะเกิดปัญหากับสายเคเบิลของลิฟต์ ความตระหนกเกิดขึ้นในจิตใจของทุกท่าน
ถึงกระนั้น ด้วยการฝึกปรือไม่เพียงร่างกาย แต่ฝึกปรือถึงจิตใจ แม้ตระหนกก็มิได้หวาดกลัว ดังเช่นที่ เหอหนานเทียน ยืนกอดอกเอนหลังพิงผนังลิฟต์ราวกับไร้เรื่องราว
ซึ่งเจ้าสำนักอื่นอีก 3 ท่าน ต่างทราบดีว่า เหอหนานเทียน คือผู้เชี่ยวชาญเป็นเอตทัคคะด้านวิชาหอก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชี่ยวชาญวิชาหอกเพียงใด
ก็ไม่ต่างจากถูกมัดมือมัดเท้า ได้แต่ต้องจำนนกับโชคชะตา
แต่ ฟางหยวนถิง ไม่เป็นเช่นนั้น
ฟางพยัคฆ์เหล็ก ฟางหยวนถิง ดังคำกล่าวว่า โลกนี้ไม่มีมังกร แท้จริงมีเพียงพยัคฆ์ที่ร้ายกาจ และพยัคฆ์ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ พยัคฆ์เหล็ก
ผู้ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาประธานสมาพันธ์ทั้งสี่ เพียงยังไม่ถึง 60 แต่ด้วยความสำเร็จในวิชากำลังภายนอกที่นับเป็นเอกในแผ่นดิน ยิ่งได้รับเคล็ดวิชาชักนำกำลังภายนอกเข้าสู่ภายในของสำนักคงท้ง ความสำเร็จของท่านยิ่งนับว่าเป็นพยัคฆ์ติดปีก
ฟางหยวนถิงเคลื่อนกายหาริมขอบลิฟต์ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดตกกระทบหนักที่สุดที่กลางลิฟต์ ยกขาขวาขึ้นตั้งเข่าฉาก เหลือเพียงเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเพื่อลดจุดกระแทก ในกระบวนท่า ไก่ทองขาเดียว กางศอก คว่ำฝ่ามือลงในระดับเอว ส่งพลังทั้งหมดในร่างลงไปคุ้มครองป้องกันที่เท้าซ้าย ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น อย่างมากก็เพียงเสียสละเท้าซ้ายไปข้างหนึ่งยังคงสามารถรักษาชีวิตไว้
ขณะที่ ไป่อ้าวเหวิน ไม่คิดจะอยู่บนพื้นขณะที่ลิฟต์ตก
บนฟ้ามีอินทรี บนผืนดินมีไป่อ้าวเหวิน เจ้าสำนักเทียบสวรรค์ ปรมาจารย์ผู้สืบทอดวิชาสายตรงของตระกูลหยูแห่งซูโจว
ไป่อ้าวเหวินถอยเฉียงๆเข้ามุมลิฟต์ด้านหลัง กระโดดลอยตัวขึ้น มือเท้าทั้งสี่ใช้ออกด้วยวิชากรงเล็บอินทรีอันเที่ยงแท้ จิกให้ผนังลิฟต์ตรงมุมทั้งสองด้าน แขวนตัวลอยไว้ในอากาศ ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น ท่านก็ไม่ได้ตกถึงพื้นไปด้วย ย่อมสามารถรักษาชีวิตได้
มีเพียงตู้กูม่อฝานที่ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ใบหน้านั้นปรากฏแววสีม่วง เพราะความจริงได้ลอบโคจรพลังลมปราณเมฆล่องลอยไว้ภายในร่างเนิ่นนานแล้ว
ปรมาจารย์ผู้มีอาวุโสสูงที่สุด อายุถึง 81 ปี แม้ภายนอกท่านจะดูชรา แต่ยอดวิชาของท่านหาได้ชราไม่
เข็มในสำลี ตู้กูม่อฝาน ด้วยลมปราณเมฆล่องลอย วิชาลับประจำตระกูลที่ทำให้ร่างกายไร้น้ำหนักราวปุยนุ่น เมื่อรวมกับการใช้เคล็ดวิชา ยืมพลังใช้พลัง
สลายแรงปะทะ แม้ลิฟต์กำลังดิ่งลงไป ปรมาจารย์เฒ่าเพียงยกมือลูบเครา รอยยิ้มของท่านหาได้สลายไป
ข้างฝ่าย เหอหนานเทียน ที่ปรมาจารย์ท่านอื่นเห็นว่ายอมจำนนกับโชคชะตาไปแล้วนั้น
ด้วยฉายา หอกราชันย์ฟ้าทักษิณ แม้ไม่มีหอก แต่เคล็ดวิชาลับประจำตัวที่ท่านบัญญัติขึ้นเอง 'บังนภา ชิงเมฆ' ยังใช้ได้อยู่
หลังจากลอบสังเกตท่วงท่าการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์แต่ละท่าน แล้วคาดคำนวณการเคลื่อนไหวของตนเองเป็นมั่นเหมาะแล้ว เหลือบมองตัวเลขที่ด้านบนของลิฟต์ รอจนลิฟต์ตกมาถึงชั้นที่ 5 เหอหนานเทียนจึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หมุนตัวสะบัดเท้ากลับหลังถีบใส่ผนัง ยืมพลังกระโดดเป็นสามเส้า เอื้อมมือไปคว้าจับข้อเท้าไป่อ้าวเทียน พลิกขาวางพาดบ่าตู้กูม่อฝาน เท้าอีกข้างวางบนเข่าขวาของฟางหยวนถิง เรียกว่าใช้ผู้อื่นเป็นที่รองมือรองเท้าแทน หากจะตายก็ตายด้วยกัน แต่หากจะรอด อย่างน้อยท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่รอด
ปรมาจารย์ท่านอื่นมัวเพ่งสมาธิกับการรับมือสถานการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่าเหอหนานเทียนจะใจกล้าหน้าด้านใช้ลูกไม้เช่นนี้ จึงไม่อาจป้องกันการเคลื่อนไหวเอารัดเอาเปรียบนี้ได้ แต่ชั่วพริบตาที่การลงมือของเหอหนานเทียนสำเร็จ ลิฟต์ก็ตกลงถึงพื้น เป็นชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิต
ณ เวลา ที่ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านกำลังแสดงยอดวิชาประจำตัวเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น เหล่าศิษย์และผู้ติดตามทั้ง 4 สำนัก ที่ยังรออยู่หน้าลิฟต์ที่ชั้นล่าง มองเห็นลิฟต์แสดงตัวเลข 88 แค่ชั่ววูบ ก่อนที่ตัวเลขจะลดลงอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนกด้วยรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ศิษย์ที่มีปัญญาอยู่บ้าง รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างอันจะเป็นจุดสิ้นสุดของลิฟต์
ตูมม!!!
ชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิตมาถึงแล้ว ลิฟต์ตกจากชั้น 88 สู่ชั้น B3 อย่างรุนแรง จนไฟฟ้าในชั้นใต้ดินดับทั้ง 3 ชั้น
แรงกระแทกทำเอาผนังกำแพงถึงกับพังทลายลง เศษอิฐหินปูนระเบิดกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคลุ้งไปทั่ว
หลังจากใช้เวลาเกือบ 5 นาที ไฟสำรองจึงทำงาน ชั้น B3 กลับมาสว่างอีกครั้ง
คำสั่งเรียกหน่วยกู้ภัยพร้อมเครื่องมือช่วยชีวิตถูกสั่งออกไป คนของทั้งสี่สำนักต่างไม่รอ ลงมือช่วยกันขนย้ายรื้อกองเศษหินและปูนออก
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ล้วนชำนาญด้านใช้กำลัง ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็เข้าถึงตัวลิฟต์ หน่วยกู้ภัยก็มาถึงแล้ว ใช้เครื่องมืองัดถ่างที่เตรียมมาเปิดประตูลิฟต์ได้สำเร็จ เหล่าศิษย์ต่างกรูกันเข้าไปจะช่วยเหลืออาจารย์ของพวกเขาออกมา
แต่ภาพที่เห็นด้านหลังประตูลิฟต์ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวชา บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
เข็มในสำลี ตู้กูม่อฝาน เทพอินทรี ไป่อ้าวเหวิน หอกราชันย์ฟ้าทักษิณ เหอหนานเทียน พยัคฆ์เหล็ก ฟางหยวนถิง ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
คนที่มาถึงภายหลังมองเข้าไป บางคนถึงกับขนลุก บางคนอ้าปากจนคางแทบกระแทกพื้น บางคนอุดปากไม่อยู่ ต้องส่งเสียงอุทานออกมาดังลั่น
...
ตู้กูม่อฝาน ไป่อ้าวเหวิน เหอหนานเทียน และฟางหยวนถิง ทุกท่าน ตายเรียบ
สภาพศพงี้ อย่าให้พูด อยู่ในลิฟต์ที่ร่วงมาสูงขนาดนั้นจะเป็นไงได้ล่ะ มีทั้งกระดูกหักหงิกงอทั้งตัว คอบิดผิดรูป กระโหลกยุบ ตาทะลักลิ้นจุกปาก
เลือดไหลออกทั้ง 7 ทวารบนใบหน้า ยังมีบางท่านที่ต้องขอสงวนชื่อ ถึงกับอุจจาระแตกเต็มกางเกง ~เฮ่อ- เวรกรรม
..............................................................................................................................................................................................................