ยังคงเป็นสมรภูมิที่ดุเดือด สำหรับศึกละครจอแก้ว ทีวีดิจิทัล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าละครในครึ่งปีแรก 2563 ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากสถานการณ์โควิด-19 แต่ไม่ใช่ผลกระทบในเรื่องคนดูทีวีน้อยลง แต่เป็นผลกระทบจากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลงฮวบ
แต่ละช่องไม่เสี่ยงนำละครใหม่มาออนแอร์ พากันเข็นละครเก่านำมารีรันช่วงชิงเรตติ้งแบบเพลย์เซฟไม่ให้เจ็บตัวมาก เพราะหากเอาละครใหม่มาออนแอร์ค่าโฆษณาก็ไม่คุ้ม เสียของเปล่าๆ รอจังหวะดีๆ เอาของใหม่มาสร้างกระแสช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาได้มากกว่าแน่นอน
แต่หากมองจากชาร์ตเรตติ้งละครที่ปรากฏในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าผิดหวังมากๆ ของ “ช่อง3” เพราะฝั่งพระรามสี่เองก็เล่นอยู่ในสนามเดียวกันกับคู่แข่งอย่าง “ช่อง 7” เหมือนกันแต่ทำไมวิกหมอชิตทำได้ดีกว่าเยอะ เรตติ้งช่อง 3 แพ้ เรตติ้งช่อง 7 แบบไม่เห็นฝุ่น
เปิด 10 ละครเรตติ้งสูงสุดครึ่งปีแรก 2020
1. ร้อยป่า ช่อง 7=10.729
2. เศรษฐีตีนเปล่า (ละครเย็น) ช่อง 7=9.615
3. สะใภ้อิมพอร์ต ช่อง 7=8.513
4. กาเหว่า (ละครเย็น) ช่อง 7=8.209
5. มธุรสโลกันตร์ (รีรัน) ช่อง 7=7.997
6. ตะวันอาบดาว ช่อง 7=7.889
7. บุพเพสันนิวาส ไดเร็คเตอร์คัท (รีรัน) ช่อง 3=7.526
8. มังกรเจ้าพระยา ช่อง 7=7.378
9. สุภาพบุรุษชาวดิน ช่อง 7=7.339
10. คุณชายตำระเบิด (ละครเย็น) ช่อง 7=7.198
ขณะที่อันดับ 11-20 มีดังนี้
11. จันทร์กระจ่างที่กลางทุ่ง (ละครค่ำ) ช่อง 7=6.821
12. ผู้บ่าวอินดี้ยาหยีอินเตอร์ (รีรัน) ช่อง 7=6.795
13. สารวัตรใหญ่ (รีรัน) ช่อง 7=6.565
14. ยอดรักนักรบ ช่อง 7=5.988
15. วิมานมนตรา ช่อง 7=5.968
16. นางสิบสอง (ละครเช้าจักรๆ วงศ์ๆ) ช่อง 7=5.723
17. ทุ่งเสน่หา ช่อง 3=5.709
18. อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ช่อง 3=5.649
19. ปดิวรัดา (รีรัน/ละครเย็น) ช่อง 3=5.595
20. ตะกรุดโทน (รีรัน) ช่อง 7=5.566
*ที่มาเรตติ้ง : นีลเส็น
ช่อง 3 ตอกย้ำความพ่ายแพ้
หากดูจากอันดับ Top10 ของละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในครึ่งปีแรกต้องบอกว่าน่าใจหายสำหรับยักษ์ใหญ่ละครจอแก้วอย่างช่อง 3 ที่ติดท็อป 10 มาเพียงเรื่องเดียว และยังเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิมคู่บุญอย่าง “บุพเพสันนิวาส” ที่นำมารีรันอีกครั้งไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไร โดยครั้งนี้นำมารีรันในช่วงหยุดยาวปีใหม่
ขณะที่เรื่องอื่นของฝั่ง “มาลีนนท์” ที่เป็นละครใหม่ตลอด 6 เดือนแรกของปีมีติดมาเพียง "ทุ่งเสน่หา" (ก่อนโควิด) และ "อกเกือบหักแอบรักคุณสามี" (ช่วงโควิด) ที่เบียดเขามาได้ห่างๆ ใน Top 20 อันดับ 17 และ 18 ตามลำดับ ส่วนละครเย็นรีรันอย่าง "ปดิวรัดา" ติดมาในอันดับที่ 19
ขณะที่ช่อง 7 ทั้งละครใหม่ ละครเย็น ละครเช้าจักรๆ วงศ์ๆ และละครรีรันพาเหรดติดท็อป 10 มา 9 เรื่อง และติดมา 16 เรื่องจาก 20 อันดับ
ซึ่งความพ่ายแพ้ในครั้งนี้คงเอาสถานการณ์โควิด-19 มาอ้างไม่ได้ เพราะช่อง 3 ช่อง 7 และทุกช่องอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกัน แต่ยักษ์ใหญ่อย่างช่อง 3 กลับตอกย้ำความเพลี่ยงพล้ำของตัวเองที่ไม่เพียงโดนช่อง 7 อีกช่องยักษ์ใหญ่คู่แข่งหลักทิ้งไปแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ทำไปทำมายังปล่อยให้ตัวเองโดนคู่แข่งหน้าใหม่ๆ ไล่จี้จนแซงไปแล้วในบางช่วงเวลา
เมื่อละคร (อาจ) ไม่ใช่แม่เหล็กอีกต่อไป
ตรงนี้คงเป็นโจทย์ใหญ่ของช่อง 3 ที่ต้องหากลยุทธ์ใหม่มาต่อกรในสงครามจอแก้ว ขืนทำแบบเดิม คงมีให้ได้คำเดียวคือ “กู่ไม่กลับ”
ต่อไปนี้ละครเวลาไพรม์ไทม์ไม่ใช่แม่เหล็กดึงคนดูและเม็ดเงินโฆษณาได้อีกต่อไป เพราะปัจจุบันพฤติกรรมคนดูคือ “Personal Primetime” ทุกคนกำหนดเวลาไพรม์ไทม์ตามไลฟ์สไตล์ตนเอง ช่องโทรทัศน์ไม่ใช่ผู้กำหนดเวลาไพรม์ไทม์อีกต่อไป
และต้องยอมรับว่านอกจากโจทย์เดิมที่ “วิกพระราม 4” เคยพยายามจะแย่งฐานคนดูต่างจังหวัด (ทั้งดึงตัวนักแสดง คนเขียนบท หรือปรากฏการณ์คมแฝก ฯลฯ) จากช่อง 7 จะไม่สำเร็จแล้ว
ณ ปัจจุบันช่อง 3 ยังไม่สามารถยึดใจ “คนเมือง” ที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตัวเองเอาไว้อยู่ จะพูดว่าประมาท นิ่งนอนใจ หรืออย่างไรก็ไม่อาจบอกได้ แต่ที่แน่ๆ คือไม่สามารถครองใจกลุ่มผู้ชมหลักของตัวเองไว้ได้
ยุคนี้ผู้ชมคนเมืองมีช่องทาง OTT (Over-The-Top) เป็นอีกทางเลือกซึ่ง OTT คือการบริการที่ทำให้สามารถชม Content ทั้งสาระและบันเทิงต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งยูทูบ, ไลน์ ทีวี, เฟซบุ๊ก และช่องสตรีมมิ่งต่างๆ งานนี้เลยโดนแบ่งก้อนเค้กจากช่องสตรีมมิ่งทั้ง Netflix, Viu ฯลฯ ไปเต็มๆ
และเมื่อมีช่องทางได้ดูซีรีส์ต่างประเทศ นอกจากทางเลือกที่เพิ่มขึ้น อีกเรื่องที่คงต้องยอมรับความจริงคือเมื่อคนไทยได้ลองดูซีรีส์ต่างประเทศแล้ว ละครไทยอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่คนไทยจะเลือกดูอีกต่อไป ซึ่งนี่ก็เป็นอีกโจทย์ที่ช่อง 3 (และช่องอื่นๆ) จะต้องยกระดับคุณภาพละครทั้งบท โปรดักชั่น และการแสดงของนักแสดงให้ดีกว่าที่เคยมา เพราะคนดูไม่ใช่ของตายที่ไม่มีตัวเลือกอะไรให้ดูอีกต่อไป
เมื่อละครแพ้ข่าว!?! ช่อง 3 จะเดินเกมอย่างไรต่อ
นอกจากเหตุผลที่มีช่องสตรีมมิ่ง โลกออนไลน์มาแย่งคนดูไปแล้ว อีกปรากฏการณ์ที่คนทำละครไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อปัจจุบันรายการข่าวพลิกมาแย่งคนดูในช่วงเวลาไพรม์ไทม์!
แม้ว่าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาจะมีรายงานข่าวระบุว่าคนดูทีวีเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์และเรตติ้งเฉลี่ยทีวีเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
แต่เม็ดเงินโฆษณาที่มาลงสื่อทีวีกลับลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ จาก 10,756 ล้านบาท เหลือเพียง 9,700 ล้านบาท
สื่อทีวีช่วง โควิด-19 รายการที่ทำเม็ดเงินโฆษณาคือ “รายการข่าว” ขณะที่ละครโฆษณาเข้าน้อยมากที่เห็นมีเข้าส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่มาจากการแถมหรือลด
รายงานจากนีลเส็นระบุว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค. สองรายการข่าว "ไทยรัฐนิวส์โชว์" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 และ "ทุบโต๊ะข่าว" ช่องอมรินทร์ ขึ้นไปเขย่าบัลลังก์พาเรตติ้งรายการข่าวชนะละครไพรม์ไทม์ช่อง 3 และบางวันขึ้นไปชนะละครไพรม์ไทม์ช่อง 7 ด้วยซ้ำ
แม้ปัจจุบันสถานการณ์ข่าวเบาลง รายการบันเทิงกลับมามีเรตติ้งสูงกว่ารายการข่าว แต่สำหรับละครช่อง 3 แล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ละคร “เมียอาชีพ” อยู่เพียงอันดับ 4 แพ้ “คนเหนือฅน” ละครช่อง 7 ไทยรัฐนิวส์โชว์ และทุบโต๊ะข่าวอยู่ดี
จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแววว่าเรตติ้งละครช่อง 3 จะฟื้น ต้องรอติดตามกันว่าในสถานการณ์ที่ศึกรอบด้านทั้งละครช่อง 7 และรายการข่าว ช่อง 3 จะพลิกกลับมายืนอยู่จุดเดิมที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่จอแก้วทั้งเรตติ้งและกระแสได้อย่างไร จะฟื้นหรือจะฟุบยาว งานนี้ห้ามกะพริบตา!
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1900120
เปิด 10 "ละคร" เรตติ้งสูงสุดครึ่งปีแรก 2563 เกิดอะไรขึ้นกับ "ช่อง 3"
แต่ละช่องไม่เสี่ยงนำละครใหม่มาออนแอร์ พากันเข็นละครเก่านำมารีรันช่วงชิงเรตติ้งแบบเพลย์เซฟไม่ให้เจ็บตัวมาก เพราะหากเอาละครใหม่มาออนแอร์ค่าโฆษณาก็ไม่คุ้ม เสียของเปล่าๆ รอจังหวะดีๆ เอาของใหม่มาสร้างกระแสช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาได้มากกว่าแน่นอน
แต่หากมองจากชาร์ตเรตติ้งละครที่ปรากฏในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าผิดหวังมากๆ ของ “ช่อง3” เพราะฝั่งพระรามสี่เองก็เล่นอยู่ในสนามเดียวกันกับคู่แข่งอย่าง “ช่อง 7” เหมือนกันแต่ทำไมวิกหมอชิตทำได้ดีกว่าเยอะ เรตติ้งช่อง 3 แพ้ เรตติ้งช่อง 7 แบบไม่เห็นฝุ่น
เปิด 10 ละครเรตติ้งสูงสุดครึ่งปีแรก 2020
1. ร้อยป่า ช่อง 7=10.729
2. เศรษฐีตีนเปล่า (ละครเย็น) ช่อง 7=9.615
3. สะใภ้อิมพอร์ต ช่อง 7=8.513
4. กาเหว่า (ละครเย็น) ช่อง 7=8.209
5. มธุรสโลกันตร์ (รีรัน) ช่อง 7=7.997
6. ตะวันอาบดาว ช่อง 7=7.889
7. บุพเพสันนิวาส ไดเร็คเตอร์คัท (รีรัน) ช่อง 3=7.526
8. มังกรเจ้าพระยา ช่อง 7=7.378
9. สุภาพบุรุษชาวดิน ช่อง 7=7.339
10. คุณชายตำระเบิด (ละครเย็น) ช่อง 7=7.198
ขณะที่อันดับ 11-20 มีดังนี้
11. จันทร์กระจ่างที่กลางทุ่ง (ละครค่ำ) ช่อง 7=6.821
12. ผู้บ่าวอินดี้ยาหยีอินเตอร์ (รีรัน) ช่อง 7=6.795
13. สารวัตรใหญ่ (รีรัน) ช่อง 7=6.565
14. ยอดรักนักรบ ช่อง 7=5.988
15. วิมานมนตรา ช่อง 7=5.968
16. นางสิบสอง (ละครเช้าจักรๆ วงศ์ๆ) ช่อง 7=5.723
17. ทุ่งเสน่หา ช่อง 3=5.709
18. อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ช่อง 3=5.649
19. ปดิวรัดา (รีรัน/ละครเย็น) ช่อง 3=5.595
20. ตะกรุดโทน (รีรัน) ช่อง 7=5.566
*ที่มาเรตติ้ง : นีลเส็น
ช่อง 3 ตอกย้ำความพ่ายแพ้
หากดูจากอันดับ Top10 ของละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในครึ่งปีแรกต้องบอกว่าน่าใจหายสำหรับยักษ์ใหญ่ละครจอแก้วอย่างช่อง 3 ที่ติดท็อป 10 มาเพียงเรื่องเดียว และยังเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิมคู่บุญอย่าง “บุพเพสันนิวาส” ที่นำมารีรันอีกครั้งไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไร โดยครั้งนี้นำมารีรันในช่วงหยุดยาวปีใหม่
ขณะที่เรื่องอื่นของฝั่ง “มาลีนนท์” ที่เป็นละครใหม่ตลอด 6 เดือนแรกของปีมีติดมาเพียง "ทุ่งเสน่หา" (ก่อนโควิด) และ "อกเกือบหักแอบรักคุณสามี" (ช่วงโควิด) ที่เบียดเขามาได้ห่างๆ ใน Top 20 อันดับ 17 และ 18 ตามลำดับ ส่วนละครเย็นรีรันอย่าง "ปดิวรัดา" ติดมาในอันดับที่ 19
ขณะที่ช่อง 7 ทั้งละครใหม่ ละครเย็น ละครเช้าจักรๆ วงศ์ๆ และละครรีรันพาเหรดติดท็อป 10 มา 9 เรื่อง และติดมา 16 เรื่องจาก 20 อันดับ
ซึ่งความพ่ายแพ้ในครั้งนี้คงเอาสถานการณ์โควิด-19 มาอ้างไม่ได้ เพราะช่อง 3 ช่อง 7 และทุกช่องอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกัน แต่ยักษ์ใหญ่อย่างช่อง 3 กลับตอกย้ำความเพลี่ยงพล้ำของตัวเองที่ไม่เพียงโดนช่อง 7 อีกช่องยักษ์ใหญ่คู่แข่งหลักทิ้งไปแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ทำไปทำมายังปล่อยให้ตัวเองโดนคู่แข่งหน้าใหม่ๆ ไล่จี้จนแซงไปแล้วในบางช่วงเวลา
เมื่อละคร (อาจ) ไม่ใช่แม่เหล็กอีกต่อไป
ตรงนี้คงเป็นโจทย์ใหญ่ของช่อง 3 ที่ต้องหากลยุทธ์ใหม่มาต่อกรในสงครามจอแก้ว ขืนทำแบบเดิม คงมีให้ได้คำเดียวคือ “กู่ไม่กลับ”
ต่อไปนี้ละครเวลาไพรม์ไทม์ไม่ใช่แม่เหล็กดึงคนดูและเม็ดเงินโฆษณาได้อีกต่อไป เพราะปัจจุบันพฤติกรรมคนดูคือ “Personal Primetime” ทุกคนกำหนดเวลาไพรม์ไทม์ตามไลฟ์สไตล์ตนเอง ช่องโทรทัศน์ไม่ใช่ผู้กำหนดเวลาไพรม์ไทม์อีกต่อไป
และต้องยอมรับว่านอกจากโจทย์เดิมที่ “วิกพระราม 4” เคยพยายามจะแย่งฐานคนดูต่างจังหวัด (ทั้งดึงตัวนักแสดง คนเขียนบท หรือปรากฏการณ์คมแฝก ฯลฯ) จากช่อง 7 จะไม่สำเร็จแล้ว
ณ ปัจจุบันช่อง 3 ยังไม่สามารถยึดใจ “คนเมือง” ที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตัวเองเอาไว้อยู่ จะพูดว่าประมาท นิ่งนอนใจ หรืออย่างไรก็ไม่อาจบอกได้ แต่ที่แน่ๆ คือไม่สามารถครองใจกลุ่มผู้ชมหลักของตัวเองไว้ได้
ยุคนี้ผู้ชมคนเมืองมีช่องทาง OTT (Over-The-Top) เป็นอีกทางเลือกซึ่ง OTT คือการบริการที่ทำให้สามารถชม Content ทั้งสาระและบันเทิงต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งยูทูบ, ไลน์ ทีวี, เฟซบุ๊ก และช่องสตรีมมิ่งต่างๆ งานนี้เลยโดนแบ่งก้อนเค้กจากช่องสตรีมมิ่งทั้ง Netflix, Viu ฯลฯ ไปเต็มๆ
และเมื่อมีช่องทางได้ดูซีรีส์ต่างประเทศ นอกจากทางเลือกที่เพิ่มขึ้น อีกเรื่องที่คงต้องยอมรับความจริงคือเมื่อคนไทยได้ลองดูซีรีส์ต่างประเทศแล้ว ละครไทยอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่คนไทยจะเลือกดูอีกต่อไป ซึ่งนี่ก็เป็นอีกโจทย์ที่ช่อง 3 (และช่องอื่นๆ) จะต้องยกระดับคุณภาพละครทั้งบท โปรดักชั่น และการแสดงของนักแสดงให้ดีกว่าที่เคยมา เพราะคนดูไม่ใช่ของตายที่ไม่มีตัวเลือกอะไรให้ดูอีกต่อไป
เมื่อละครแพ้ข่าว!?! ช่อง 3 จะเดินเกมอย่างไรต่อ
นอกจากเหตุผลที่มีช่องสตรีมมิ่ง โลกออนไลน์มาแย่งคนดูไปแล้ว อีกปรากฏการณ์ที่คนทำละครไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อปัจจุบันรายการข่าวพลิกมาแย่งคนดูในช่วงเวลาไพรม์ไทม์!
แม้ว่าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาจะมีรายงานข่าวระบุว่าคนดูทีวีเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์และเรตติ้งเฉลี่ยทีวีเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
แต่เม็ดเงินโฆษณาที่มาลงสื่อทีวีกลับลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ จาก 10,756 ล้านบาท เหลือเพียง 9,700 ล้านบาท
สื่อทีวีช่วง โควิด-19 รายการที่ทำเม็ดเงินโฆษณาคือ “รายการข่าว” ขณะที่ละครโฆษณาเข้าน้อยมากที่เห็นมีเข้าส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่มาจากการแถมหรือลด
รายงานจากนีลเส็นระบุว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค. สองรายการข่าว "ไทยรัฐนิวส์โชว์" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 และ "ทุบโต๊ะข่าว" ช่องอมรินทร์ ขึ้นไปเขย่าบัลลังก์พาเรตติ้งรายการข่าวชนะละครไพรม์ไทม์ช่อง 3 และบางวันขึ้นไปชนะละครไพรม์ไทม์ช่อง 7 ด้วยซ้ำ
แม้ปัจจุบันสถานการณ์ข่าวเบาลง รายการบันเทิงกลับมามีเรตติ้งสูงกว่ารายการข่าว แต่สำหรับละครช่อง 3 แล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ละคร “เมียอาชีพ” อยู่เพียงอันดับ 4 แพ้ “คนเหนือฅน” ละครช่อง 7 ไทยรัฐนิวส์โชว์ และทุบโต๊ะข่าวอยู่ดี
จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแววว่าเรตติ้งละครช่อง 3 จะฟื้น ต้องรอติดตามกันว่าในสถานการณ์ที่ศึกรอบด้านทั้งละครช่อง 7 และรายการข่าว ช่อง 3 จะพลิกกลับมายืนอยู่จุดเดิมที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่จอแก้วทั้งเรตติ้งและกระแสได้อย่างไร จะฟื้นหรือจะฟุบยาว งานนี้ห้ามกะพริบตา!
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1900120