แต่ละหุ้นล้วนเคยมีข่าวร้าย ข่าวinsider ข่าวคลุมเครือในสายตานักลงทุนมาก่อน.. แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือคุณภาพของกิจการ..!!
หลังจากข่าววันนั้น อีกไม่นาน หุ้นเหล่านั้นที่คุณภาพยังดี กลับดีดราคาขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลายตัวทำนิวไฮได้ด้วยซ้ำ..!! !!
แล้ววันนี้ นักลงทุนมองคุณภาพ AOT ในอนาคตเป็นอย่างไรกันละครับ
โควิดหาย สนามบินจะกลับมาเปิดมั้ย..
โควิดหายนักท่องเที่ยวจะมามั้ย..
โควิดหาย การท่องเที่ยวไทยจะยังเป็นผู้นำในเอเชียมั้ย..
โควิดหาย โครงการสนามบิน ขยายเฟสต่างๆจะดำเนินต่อมั้ย..
ในสถานการณ์ที่กลับมาปกติ สิ่งเหล่านี้จะทำให้รายได้และกำไรเป็นอย่างไร
ลองตั้งคำถามและตอบดู ราคาในอนาคตคุ้มค่าแก่การลงทุนระยะยาวโดยเริ่มจากช่วงเวลานี้ จะเป็นยังไง
ถ้าอีก 3ปี 5ปี ราคาไป 80-100 บาท คุ้มค่ามั้ย upside กี่% โอกาสชนะและแพ้ใครมากกว่า คุ้มความเสี่ยงมั้ย ..??
คิดว่าถ้าแพ้ ราคาร่วงไป 40-30 บาท เป็นไปได้มั้ย คัทลอสควบคุมความเสี่ยงยังไง ..??
นี่คือสิ่งที่นักลงทุนต้องคิดและตัดสินใจเอาด้วยตนเอง ใช่ว่าฟังข่าว ฟังนักวิเคราะห์ ฟังเซียน พอผิดทางก็โทษแต่คนอื่นร่ำไป
โชคดี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอฝากบทความในอดีต
...
...
https://www.investing.in.th/content/17885/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-ba-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-cpall
"History Repeat Itself" ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยตัวเอง
จากเหตุการณ์ข่าวหุ้น BA ล่าสุดที่เกิดขึ้น ราคาหุ้น BA ได้ตอบสนองต่อข่าวด้วยการปรับตัวลดลงราว -7% ส่วนหุ้น BDMS ซึ่งมีผู้บริหารคนเดียวกันก็ร่วงลงไม่ต่างกันนัก ว่ากันว่าความมั่งคั่งของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หายไปในวันเดียวถึง 6 พันล้านบาท แต่บางคนก็มองว่าราคาที่ร่วงลงนี้ไม่ได้หนักอย่างที่คิด เพราะมีไม่น้อยเลยที่คิดว่าราคาหุ้นทั้งสองตัวจะต้องร่วงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรือกระทั่งร่วงไปติดฟลอร์
หลังจากผ่านมาสองสามวัน (บทความนี้เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2562) ราคาหุ้น BA ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากมายนัก แต่ในส่วนของ BDMS ราคาหุ้นดีดกลับจนแทบจะเท่ากับช่วงก่อนมีข่าวแล้ว ทั้งที่ในตอนแรก สื่อต่างก็ประโคมข่าวพอสมควรถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ตลาดไม่ได้สนใจข่าวที่ผ่านมาแม้แต่น้อย
และเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงเคสที่เคยเกิดขึ้นลักษณะคล้ายกันเมื่อปลายปี 2558 ในหุ้นมหาชนที่ทุกคนรู้จักกันดี นั่นคือ CPALL
หุ้นแสนล้าน
ร่วง 10%
กราฟราคาหุ้น CPALL รายวัน เส้นสีฟ้าคือจุดที่มีข่าวเรื่อง Insider Trading ของผู้บริหาร จนทำให้ราคาร่วงไปเกือบ 10%
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2558 กลต. ได้แจ้งข่าวเรื่องผู้บริหารของ CPALL ท่านหนึ่ง ได้มีการใช้ข้อมูลวงในทำการซื้อขายหุ้นของ MAKRO ที่เคยมีการซื้อกิจการเมื่อนานมาแล้ว โดยกลต. ได้เรียกปรับเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ถือว่าน้อยกว่าค่าปรับของกรณีหุ้น BA พอสมควร แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ร่วงน้อยไปกว่ากันเลย
พอหลังจากที่มีข่าวออกมา หุ้น CPALL ปรับตัวลดลงเกือบ 10% ทั้งความกังวลในตัวผู้บริหารด้วย และสิ่งสำคัญอีกประการคือ ตลาดกังวลว่ากองทุนที่ถือหุ้น CPALL ทั้งกองทุนในไทยและต่างประเทศ อาจพากันเทขายเพราะเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัท ซึ่งหลังจากนั้น ราคาหุ้น CPALL ก็ยังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จาก 46.75 บาทในช่วงเวลาปกติ มาเหลือต่ำสุดแค่ราวๆ 39 บาทเท่านั้น คิดเป็นการลดลงกว่า 17% พร้อมมูลค่าตลาดที่หายไปหลายหมื่นล้าน
ตลาดลืมง่าย
หลังจากนั้นประมาณสองปีเศษ หุ้น CPALL ก็ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 90 บาท
ตลาดลืมง่ายอย่างนั้นหรือ ? จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ จริงอยู่ที่หากเกิดเคสดังกล่าวในต่างประเทศ ราคาหุ้นมักจะจบในสภาพศพไม่สวย แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญมากกว่าคือ "ศักยภาพทางธุรกิจ" แม้จะมีข่าวเรื่องผู้บริหาร แต่เซเว่นก็ยังทำเงินได้ดี ยังเปิดสาขาแล้วสาขาเล่าจนทะลุหมื่นสาขา ราคาหุ้นก็เพียงแค่สะท้อนผลประกอบการจริงๆ ที่เกิดขึ้น และราคาที่ร่วงลงวันนี้ ก็เป็นเพราะผลประกอบการที่ชะลอตัวลงเช่นกัน
สำหรับหุ้น BA และ BDMS หุ้นตัวแรกนั้นอาจยังตอบได้ยากว่าเป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ เพราะหุ้น BA อยู่ในอุตสาหกรรมการบินที่มีการแข่งขันสูง และว่ากันตามตรงคือ BA ยังไม่ใช่ผู้นำในธุรกิจมากนัก ราคาหุ้นจะยังไม่ฟื้นตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก (ราคาหุ้นเป็นขาลงมานานก่อนที่จะมีข่าวด้วยซ้ำ) แต่สำหรับหุ้น BDMS ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาล ราคาหุ้นที่ร่วงลงมา 8% ย่อมมีคนไม่น้อยที่เห็นว่าตลาดกำลัง grand sale ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กราฟราคาหุ้น BA รายวัน เห็นได้ชัดว่าราคาเป็นขาลงมานานแล้ว
ราคาหุ้น BDMS จึงดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ผู้บริหารและคนที่เกี่ยวข้องได้ประกาศว่าลาออกจากการทำงานแล้วก็ตาม
แล้วควรเชื่ออะไร
ตลาดหุ้นคือแหล่งรวมของมุมมองหลายแบบ และตลาดหุ้นแต่ละประเทศก็ให้ค่ามุมมองต่างๆ ไม่เท่ากัน หากเป็นตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ข่าวคราวเรื่องผู้บริหารหรือเรื่องธรรมภิบาลถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้หุ้นร่วงหนักได้ แต่ถ้าเป็นตลาดหุ้นไทย บางตัวก็มีผล แต่บางตัวก็ไม่มีผลเท่าไหร่นัก และดูเหมือนว่าตลาดจะให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานเป็นหลัก
ดังนั้นข่าวร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงเปรียบเสมือนเกมที่ช่วยให้เราฝึกวางแผนมากกว่า เพราะหุ้นทุกตัวต้องมีจังหวะที่มีข่าวร้าย (หรือราคาร่วงไปฟลอร์) อยู่แล้ว การวางแผนที่รัดกุมมากพอ จึงช่วยให้นักลงทุนสามารถเห็นโอกาสในช่วงที่ฝุ่นแห่งความไม่แน่นอนกำลังฟุ้งกระจายอยู่ได้ เพียงแต่ในช่วงที่หลายๆ คนกำลังกังวล เราจะมีสติพอให้ทำตามแผนหรือเปล่าเท่านั้นเอง
และอนาคตของหุ้น BA กับ BDMS จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องติดตามต่อ แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนธุรกิจทั้งสองก็ยังทำเงินได้ดีเหมือนเดิม ไม่ต่างกับ CPALL ในอดีตแม้แต่น้อย
ก่อนจะทิ้ง AOT อย่าลืมนึกถึงเคส BDMS GGC CPALL ในอดีต.. !! !! !!
หลังจากข่าววันนั้น อีกไม่นาน หุ้นเหล่านั้นที่คุณภาพยังดี กลับดีดราคาขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลายตัวทำนิวไฮได้ด้วยซ้ำ..!! !!
แล้ววันนี้ นักลงทุนมองคุณภาพ AOT ในอนาคตเป็นอย่างไรกันละครับ
โควิดหาย สนามบินจะกลับมาเปิดมั้ย..
โควิดหายนักท่องเที่ยวจะมามั้ย..
โควิดหาย การท่องเที่ยวไทยจะยังเป็นผู้นำในเอเชียมั้ย..
โควิดหาย โครงการสนามบิน ขยายเฟสต่างๆจะดำเนินต่อมั้ย..
ในสถานการณ์ที่กลับมาปกติ สิ่งเหล่านี้จะทำให้รายได้และกำไรเป็นอย่างไร
ลองตั้งคำถามและตอบดู ราคาในอนาคตคุ้มค่าแก่การลงทุนระยะยาวโดยเริ่มจากช่วงเวลานี้ จะเป็นยังไง
ถ้าอีก 3ปี 5ปี ราคาไป 80-100 บาท คุ้มค่ามั้ย upside กี่% โอกาสชนะและแพ้ใครมากกว่า คุ้มความเสี่ยงมั้ย ..??
คิดว่าถ้าแพ้ ราคาร่วงไป 40-30 บาท เป็นไปได้มั้ย คัทลอสควบคุมความเสี่ยงยังไง ..??
นี่คือสิ่งที่นักลงทุนต้องคิดและตัดสินใจเอาด้วยตนเอง ใช่ว่าฟังข่าว ฟังนักวิเคราะห์ ฟังเซียน พอผิดทางก็โทษแต่คนอื่นร่ำไป
โชคดี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอฝากบทความในอดีต
...
...
https://www.investing.in.th/content/17885/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-ba-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-cpall
"History Repeat Itself" ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยตัวเอง
จากเหตุการณ์ข่าวหุ้น BA ล่าสุดที่เกิดขึ้น ราคาหุ้น BA ได้ตอบสนองต่อข่าวด้วยการปรับตัวลดลงราว -7% ส่วนหุ้น BDMS ซึ่งมีผู้บริหารคนเดียวกันก็ร่วงลงไม่ต่างกันนัก ว่ากันว่าความมั่งคั่งของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หายไปในวันเดียวถึง 6 พันล้านบาท แต่บางคนก็มองว่าราคาที่ร่วงลงนี้ไม่ได้หนักอย่างที่คิด เพราะมีไม่น้อยเลยที่คิดว่าราคาหุ้นทั้งสองตัวจะต้องร่วงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรือกระทั่งร่วงไปติดฟลอร์
หลังจากผ่านมาสองสามวัน (บทความนี้เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2562) ราคาหุ้น BA ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากมายนัก แต่ในส่วนของ BDMS ราคาหุ้นดีดกลับจนแทบจะเท่ากับช่วงก่อนมีข่าวแล้ว ทั้งที่ในตอนแรก สื่อต่างก็ประโคมข่าวพอสมควรถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ตลาดไม่ได้สนใจข่าวที่ผ่านมาแม้แต่น้อย
และเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงเคสที่เคยเกิดขึ้นลักษณะคล้ายกันเมื่อปลายปี 2558 ในหุ้นมหาชนที่ทุกคนรู้จักกันดี นั่นคือ CPALL
หุ้นแสนล้าน
ร่วง 10%
กราฟราคาหุ้น CPALL รายวัน เส้นสีฟ้าคือจุดที่มีข่าวเรื่อง Insider Trading ของผู้บริหาร จนทำให้ราคาร่วงไปเกือบ 10%
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2558 กลต. ได้แจ้งข่าวเรื่องผู้บริหารของ CPALL ท่านหนึ่ง ได้มีการใช้ข้อมูลวงในทำการซื้อขายหุ้นของ MAKRO ที่เคยมีการซื้อกิจการเมื่อนานมาแล้ว โดยกลต. ได้เรียกปรับเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ถือว่าน้อยกว่าค่าปรับของกรณีหุ้น BA พอสมควร แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ร่วงน้อยไปกว่ากันเลย
พอหลังจากที่มีข่าวออกมา หุ้น CPALL ปรับตัวลดลงเกือบ 10% ทั้งความกังวลในตัวผู้บริหารด้วย และสิ่งสำคัญอีกประการคือ ตลาดกังวลว่ากองทุนที่ถือหุ้น CPALL ทั้งกองทุนในไทยและต่างประเทศ อาจพากันเทขายเพราะเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัท ซึ่งหลังจากนั้น ราคาหุ้น CPALL ก็ยังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จาก 46.75 บาทในช่วงเวลาปกติ มาเหลือต่ำสุดแค่ราวๆ 39 บาทเท่านั้น คิดเป็นการลดลงกว่า 17% พร้อมมูลค่าตลาดที่หายไปหลายหมื่นล้าน
ตลาดลืมง่าย
หลังจากนั้นประมาณสองปีเศษ หุ้น CPALL ก็ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 90 บาท
ตลาดลืมง่ายอย่างนั้นหรือ ? จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ จริงอยู่ที่หากเกิดเคสดังกล่าวในต่างประเทศ ราคาหุ้นมักจะจบในสภาพศพไม่สวย แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญมากกว่าคือ "ศักยภาพทางธุรกิจ" แม้จะมีข่าวเรื่องผู้บริหาร แต่เซเว่นก็ยังทำเงินได้ดี ยังเปิดสาขาแล้วสาขาเล่าจนทะลุหมื่นสาขา ราคาหุ้นก็เพียงแค่สะท้อนผลประกอบการจริงๆ ที่เกิดขึ้น และราคาที่ร่วงลงวันนี้ ก็เป็นเพราะผลประกอบการที่ชะลอตัวลงเช่นกัน
สำหรับหุ้น BA และ BDMS หุ้นตัวแรกนั้นอาจยังตอบได้ยากว่าเป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ เพราะหุ้น BA อยู่ในอุตสาหกรรมการบินที่มีการแข่งขันสูง และว่ากันตามตรงคือ BA ยังไม่ใช่ผู้นำในธุรกิจมากนัก ราคาหุ้นจะยังไม่ฟื้นตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก (ราคาหุ้นเป็นขาลงมานานก่อนที่จะมีข่าวด้วยซ้ำ) แต่สำหรับหุ้น BDMS ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาล ราคาหุ้นที่ร่วงลงมา 8% ย่อมมีคนไม่น้อยที่เห็นว่าตลาดกำลัง grand sale ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กราฟราคาหุ้น BA รายวัน เห็นได้ชัดว่าราคาเป็นขาลงมานานแล้ว
ราคาหุ้น BDMS จึงดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ผู้บริหารและคนที่เกี่ยวข้องได้ประกาศว่าลาออกจากการทำงานแล้วก็ตาม
แล้วควรเชื่ออะไร
ตลาดหุ้นคือแหล่งรวมของมุมมองหลายแบบ และตลาดหุ้นแต่ละประเทศก็ให้ค่ามุมมองต่างๆ ไม่เท่ากัน หากเป็นตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ข่าวคราวเรื่องผู้บริหารหรือเรื่องธรรมภิบาลถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้หุ้นร่วงหนักได้ แต่ถ้าเป็นตลาดหุ้นไทย บางตัวก็มีผล แต่บางตัวก็ไม่มีผลเท่าไหร่นัก และดูเหมือนว่าตลาดจะให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานเป็นหลัก
ดังนั้นข่าวร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงเปรียบเสมือนเกมที่ช่วยให้เราฝึกวางแผนมากกว่า เพราะหุ้นทุกตัวต้องมีจังหวะที่มีข่าวร้าย (หรือราคาร่วงไปฟลอร์) อยู่แล้ว การวางแผนที่รัดกุมมากพอ จึงช่วยให้นักลงทุนสามารถเห็นโอกาสในช่วงที่ฝุ่นแห่งความไม่แน่นอนกำลังฟุ้งกระจายอยู่ได้ เพียงแต่ในช่วงที่หลายๆ คนกำลังกังวล เราจะมีสติพอให้ทำตามแผนหรือเปล่าเท่านั้นเอง
และอนาคตของหุ้น BA กับ BDMS จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องติดตามต่อ แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนธุรกิจทั้งสองก็ยังทำเงินได้ดีเหมือนเดิม ไม่ต่างกับ CPALL ในอดีตแม้แต่น้อย