ว่าด้วยการละสังโยชน์.....ด้วยธรรมจักษุ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในหน้าสารท ท้องฟ้าแจ่ม ปราศจากเมฆ
ดวงอาทิตย์ส่องฟ้า ขจัดความมืดในอากาศสิ้น  ทั้งสว่าง   ทั้งสุกใส  ทั้งรุ่งเรือง
ฉันใด    ภิกษุทั้งหลาย    เมื่อธรรมจักษุ    (ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรม) 
อันปราศจากธุลีไม่มีมลทิน  (คือกิเลส)  เกิดขึ้นแก่อริยสาวก  ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
พร้อมกับเกิดความเห็นขึ้นนั้น  สังโยชน์ ๓ คือ    สักกายทิฏฐิ   วิจิกิจฉา
สีลัพพตปรามาส   อริยสาวกย่อมละได้   ต่อไป   เธอออกจากธรรมอีก ๒
ประการ คืออภิชฌา (กามราคะ)  และพยาบาท. เธอสงัดจากกาม...จากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าปฐมฌาน    อันมีวิตก    มีวิจาร   มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวก.   ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าอริยสาวกทำกาลกิริยา    (ตาย)    ในสมัยนั้น       สังโยชน์ซึ่งเป็นเหตุทำให้
อริยสาวกผู้ติดอยู่มาสู่โลกนี้อีก  ย่อมไม่มี...  (..อนาคามี. )
                                         จบสรทสูตรที่  ๓
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่