ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในหน้าสารท ท้องฟ้าแจ่ม ปราศจากเมฆ
ดวงอาทิตย์ส่องฟ้า ขจัดความมืดในอากาศสิ้น ทั้งสว่าง ทั้งสุกใส ทั้งรุ่งเรือง
ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อธรรมจักษุ (ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรม)
อันปราศจากธุลีไม่มีมลทิน (คือกิเลส) เกิดขึ้นแก่อริยสาวก ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
พร้อมกับเกิดความเห็นขึ้นนั้น สังโยชน์ ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา
สีลัพพตปรามาส อริยสาวกย่อมละได้ ต่อไป เธอออกจากธรรมอีก ๒
ประการ คืออภิชฌา (กามราคะ) และพยาบาท. เธอสงัดจากกาม...จากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าปฐมฌาน อันมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวก. ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าอริยสาวกทำกาลกิริยา (ตาย) ในสมัยนั้น สังโยชน์ซึ่งเป็นเหตุทำให้
อริยสาวกผู้ติดอยู่มาสู่โลกนี้อีก ย่อมไม่มี... (..อนาคามี. )
จบสรทสูตรที่ ๓
ว่าด้วยการละสังโยชน์.....ด้วยธรรมจักษุ.
ดวงอาทิตย์ส่องฟ้า ขจัดความมืดในอากาศสิ้น ทั้งสว่าง ทั้งสุกใส ทั้งรุ่งเรือง
ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อธรรมจักษุ (ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรม)
อันปราศจากธุลีไม่มีมลทิน (คือกิเลส) เกิดขึ้นแก่อริยสาวก ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
พร้อมกับเกิดความเห็นขึ้นนั้น สังโยชน์ ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา
สีลัพพตปรามาส อริยสาวกย่อมละได้ ต่อไป เธอออกจากธรรมอีก ๒
ประการ คืออภิชฌา (กามราคะ) และพยาบาท. เธอสงัดจากกาม...จากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าปฐมฌาน อันมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวก. ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าอริยสาวกทำกาลกิริยา (ตาย) ในสมัยนั้น สังโยชน์ซึ่งเป็นเหตุทำให้
อริยสาวกผู้ติดอยู่มาสู่โลกนี้อีก ย่อมไม่มี... (..อนาคามี. )
จบสรทสูตรที่ ๓