relevance ads พลังอันทรงประสิทธิภาพยิ่งแห่งโลกดิจิตอล
เมื่อก่อนนั้นการโฆษณาเป็นสิ่งที่หน้าเบื่อหน่าย
เป็นสิ่งที่ยัดเยียด
เมื่อคนเรานั้นต้องเลือกที่จะเสพสื่อที่ไม่สามารถที่จะเลือกได้เหมือนในสมัยนี้
แต่ทำไมคนเรานั้นต้องการที่จะต้องเสพสื่อในเมื่อมันก็มักจะมีโฆษณาที่เรานั้นไม่ได้ต้องการที่จะดู
หรือแม้กระทั่งเรานั้นต้องดูหรืออ่านสิ่งที่เรานั้นไม่ต้องการได้
การฆ่าเวลานั้นช่างเป็นคำพูดอันเลื่อนลอยยิ่งนักสำหรับคนในสมัยนี้ที่สามารถมีสิ่งให้เลือกดูอย่างไม่รู้จบ
ซึ่งมีแต่คนโง่ที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะมีชีวิตไปทำไมเท่านั้นแหละที่จะทำในสิ่งที่เรียกว่าการฆ่าเวลา
ในยุคที่เรานั้นมีเรื่องให้เสพมากมายเหลือเกิน เรามี netflix hbo go amazon prime ที่มี ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ อยู่ในนั้นมากมาย ในราคาสุดแสนถูกอย่างเหลือเชื่อ
ดูทั้งชีวิตก็ไม่หมด
เรามี buffet หนังสือผ่าน ookbee ในราคาที่สุดแสนถูก มีหนังสือให้อ่านอย่างมากมาย
ยังไม่รวมสาย dark ทั้งตาม web ทั้ง bittorrent ที่มีให้เลือกดูเลือกโหลดกันไม่อั้น
แต่คนสมัยก่อนนั้นไม่มีสิ่งเหล่านี้สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องทนดูสื่อเหล่านั้น
เพราะว่าต้องการ content อะไรซักอย่าง
เพื่อให้ตัวเองนั้นรู้อะไรบางอย่าง
เรานั้นต้องการที่จะรู้อะไรอยู่เสมอ
เพราะสมองเรานั้นทำงานอยู่ตลอด
สมองของเรานั้นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์อย่างสุดแสนเหลือเชื่อ
เมื่อคุณนั้นได้ศึกษาเรื่อง maching learning
คุณจะได้รู้ว่าแค่ลำพังเรานั้นต้องการที่จะให้เครื่องแยกรูปหมากับแมวออกจากกันนั้นยังต้องมี code เรียงรายอยู่อย่างมากมาย
เฉกเช่นคนในสมัยก่อนจินตนการถึงโลกในปี 2020 ว่าจะต้องเป็นโลกดิจิตอลสุดล้ำที่มี ai อันชาญฉลาดที่สามารถที่จะเริ่มคิดได้เองแบบมนุษย์แบบในภาพยนตร์เรื่อง the matrix
แต่ก็เปล่าเลย
แต่อย่างน้อยเรานั้นก็ยังมีสิ่งให้ทำอย่างมากมาย พอที่จะทำให้วันคืนอันน่าเบื่อหน่ายของเรานั้นมีอะไรมากขึ้น
เรามีสิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ Facebook และ youtube ที่เราเชื่อว่ามีคนเล่นสองสื่อนี้อย่างมากมายในทุกวัน
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผู้ใหญ่ที่เคยก่นด่าเราทุกครั้งยามเมื่อเรานั้น access เข้าสู่โลกดิจิตอล
และค้นหาสิ่งที่ต้องการอยู่บน google
ซึ่งเมื่อมีสิ่งเหล่านี้ Facebook นั้นก็เหมือนกับประตูไปสู่เรื่องราวอื่นๆบนโลกดิจิตอลอันไม่รู้จบ
youtube ก็เหมือนช่องทีวีที่ไม่มีวันจบที่มีรายการอื่นๆที่
ระบบคัดกรองมาว่าคุณนั้นน่าจะสนใจใน suggest อันมาจากสิ่งที่เรียกว่า relevance ที่ตรงกับความสนใจทั้งหมดของคุณที่ระบบเลืกว่าตอนนี้คุณนั้นน่าจะสนใจเรื่องใดมากที่สุดในรายการของคุณ จากความน่าจะเป็นที่สามารถคำนวณออกมาได้ ด้วยเงื่อนไขทางคณิตศาสตร์อันสุดแสนซับซ้อน
เพื่อให้คุณนั้นกดเข้าไปดูอย่างที่ไม่มีจบสิ้น
และสิ่งที่ Facebook และ youtube มีเหมือนกันนั้นก็คือ content รูปแบบที่ไม่ได้ทำมาเพือเน้นผลประโยชน์เชิงธุรกิจเป็นหลัก อันสร้างความเพลิดเพลินอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากที่สมัยก่อนมีแต่ content ในลักษณะการขายสินค้าให้ได้เท่านั้น
ซึ่งในเรื่องนี้เราจะขอยกไปพูดในลำดับถัดไป
แต่สิ่งที่เจ๋งสุดๆสำหรับการเป็นสื่อ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่ซ่อนอยู่จากความประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
ที่ทำให้ผู้คนนั้นหลงใหลจ้องมองเข้าไปในโลกดิจิตอล
ที่ส่วนใหญ่เมื่อชะเง้อดูหน้าจอของผู้คนตามสถานที่ต่างๆ
ก็หนีไม่พ้นกำลัง slide feed Facebook หรือ ดู youtube แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหลีกหนีไป Instagram หรือแม้กระทั่ง tiktok สุดท้ายก็ต้อง swith กลับมา Facebook อยู่ดีดังที่เรานั้นได้บอกไปอย่างมากมายแล้วว่าทำไมต้อง Facebook
ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งที่ทำให้ระบบพัฒนามาได้อย่างก้าวกระโดดนั่นก็คือ
Facebook มี ai ขั้นสุดยอดที่สามารถตรวจจับความต้องการของ user ได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบของ supercomputer ที่เราเชื่อว่าอลังการระดับ quantum computer
ที่วิ่งอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับ ระบบการจัดเก็บข้อมูลอันมากมายเหลือเชื่อ
และ youtube ที่หายห่วงได้เรื่องฐานข้อมูล เพราะว่า youtube นั้นมีฐานข้อมูลด้วยระบบปฎิบัติการ ที่มีคู่แข่งเพียงแค่ ios ของ apple เท่านั้น ที่เหลือ chrome และ andiord เอาไปกินหมด ก็คือจะมีข้อมูลการกระทำของ user นั้นทุก action นั่นเอง ไม่ใช่แค่เพียงใน app
ซึ่งเมื่อระบบมีฐานข้อมูลผู้ใช้อยู่อย่างมากมาย ที่เรียกว่า bigdata นั้น แต่ก็หามิใช่คำว่า bigdata ของเหล่า agency หิวงาน
ที่เอาคำว่า data ไว้คอยล่อหลอกลูกค้าให้คล้อยตาม
อย่างที่เรานั้นเห็นอยู่อย่างกลาดเกลื่อน
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกดู excel data ของบริษัท
ไม่ว่าจะเป็น form จากฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด
และ แอคอาร์ตว่าสามารถที่จะ screen ข้อมูลได้
ทั้งๆที่ก็แค่ กด python ใน notebook และสุดท้ายก็นำผลลัพธ์ที่ได้ไปยิง ads
และเมื่อระบบ data อันยอดเยี่ยมารวมกับระบบ ai อันสุดล้ำ
สิ่งที่ได้ก็คือการส่งผ่านข้อมูลของสรรพสิ่งบนโลก digital
ที่ระบบสามารถเชื่อโยงข้อมูลเข้าด้วยกันด้วยสิ่งที่เรียกว่า code เพราะโลกดิจิตอลเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพราะระบบโปรแกรมเป็นสิ่งที่สามารถเข้าไปดู code ที่หลังบ้านได้
ไม่เหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงที่เรานั้นไม่สามารถที่จะ hack เข้าไปยัง สมองเพื่อดูการทำงานได้เลย
เพราะฉะนั้นเรานั้นจึงรู้ทุกส่วน
จึงสามารถที่จะนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล
เพื่อที่จะสามารถนำส่งโฆษณาที่เกี่ยวข้องไปยัง uesr
ได้อย่างแม่นยำเหลือเชื่อ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นจึงเหลือเชื่อยิ่งนัก
เมื่อระบบสามารถคาดการณ์สิ่งที่ user นั้นสนใจหรือต้องการได้
ก็สามารถที่จะระดมโฆษณาที่มีผู้ต้องการผลลัพธ์จากตัวโฆษณานั้นมาแลกกับเงินที่จ่ายลงไป
และเมื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการสิ่งที่ตามมาก็คือการระดมเม็ดเงินที่มากเป็นเท่าทวีจากการที่ตัวโฆษณานั้นสามารถที่จะส่งไปยังผู้ที่ต้องการมันได้
และในส่วนของ user จะเป็นเรื่องแปลกอะไรถ้าเรานั้นเห็นสิ่งที่เรานั้นต้องการและเลือกที่จะ active กับสิ่งเหล่านั้นแม้ว่ามันจะเป็นโฆษณา
ซึ่งในที่นี้เราก็จะบอกเสริมให้เข้าในกระบวนการ active ของคนทั่วไปอีกได้ว่า
ตัวจริงหรือผู้ที่ต้องการสินค้าหรือบริการนั้นจริงๆ
เค้าไม่มาสนหรอกว่าสินค้านั้นจะมาจากไหนหรือใครเป็นคนทำมัน
ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่คนๆนั้นปรารถนาไม่ว่าเค้านั้นจะรู้หรือไม่เคยรู้มาก่อน
เช่นเราจะยกตัวอย่างเวลามีข่าวไม่ดีของเจ้าของหรือคนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือ บริการ นั้นๆ หรือแม้กระทั่ง presenter
พวกเหล่า hater ขี้อิจฉาที่มาระดม commtent ว่าเราจะเลิกติดตามหรือไม่ซื้อสินค้านั้น
ส่วนใหญ่ล้วนหามิใช่คนที่จะซื้อจริงๆทั้งสิ้น
มีเพียงแค่ส่วนน้อยเพียงเท่านั้นและคนพวกนั้นก็จะไม่มาเสียเวลามา commtent ด้วย
นอกเสียจากเลิกสนใจไปเลย
และเมื่อ feed สินค้าหรือหน้า presenter นั้นโผล่ขึ้นมาบ่อยๆก็ถึงจะเลื่อนมือไปกดเลิกติดตาม เพราะว่าไม่ได้สนใจ หรือ อยากได้แล้วก็แค่นั้นเอง
(เพราะสุดท้ายแล้วเราจะมองที่ตัวสินค้าหรือบริการว่าตอบสนองความต้องการเรารึเปล่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราจะขอยกเรื่องนี้ไว้ในลำดับถัดไป)
ซึ่งสิ่งสำคัญหลังจากที่เรานั้นมีระบบอันยอดเยี่ยมในการนำส่งโฆษณาของเราแล้วนั้น ก็คือสิ่งที่เรียกว่า content และกลยุทธ์ ในการนำส่งโฆษณาไป
แต่ก็จะไปยากอะไรแล้ว
ในเมื่อระบบมีการนำส่งที่สามารถที่จะ relate กับความต้องการของ user ได้อย่าง relevance หรือแนบเนียนขนาดนี้นี่เอง
ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่หลายต่อหลายคนนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจ
เพราะเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความเข้าใจในการทำงานของระบบ
ซึ่งเราขอย้ำว่า
เชื่อได้เลยว่าระบบของ google และ Facebook นั้น
รันอยู่บน super computer ที่มี ระบบ ai เป็นเลิศอย่างเหลือเชื่อ
ที่ถึงขั้นไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะชนได้อย่างแน่นอน
ซึ่งคุณนั้นจึงเบาใจในเรื่องของระบบการนำส่งไปได้เลย
ว่าระบบนั้นจะพยายามนำส่งโฆษณาของคุณไปยังคนที่ใช่
หรือมีโอกาสทำวัตถุประสงค์ที่คุณนั้นต้องการอย่างมากที่สุดอย่างแน่นอน
เพราะว่าระบบความเกี่ยวโยงหรือ relevnce นี้
จะทำให้การคุยกับกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องของการคุยกับคนแปลกหน้าอีกต่อไป
แต่จะเป็นในลักษณะของคนคอเดียวกัน
ซึ่งการที่คุณเข้าใจในจุดนี้นั้นจะทำให้คุณนั้นสามารถที่จะ
รู้และเชื่อใจระบบนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งเราขอย้ำเลยว่าสาเหตุหลักที่ทำให้คนเรานั้นไม่ประสบความสำเร็จในกาารทำธุรกิจบนโลกดิจิตอลก็คือ
ระบบมี content อยู่อย่างมากมาย ทำไมเค้านั้นต้องหยุดดู feed ของคุณ
ในเมื่อเพียงแค่เค้านั้นเลื่อนนิ้วโป้งเค้าก็จะได้พบเจอเรื่องใหม่ๆที่เค้านั้นไม่รู้อีกมากมายนั่นเอง
และเมื่อทำให้เค้านั้นหยุดนิ้วโป้งได้แล้ว
ขั้นต่อมาคือ
ทำยังไงให้เค้านั้นสนใจ
และพิจารณาและสุดท้ายคือ
เลือกซื้อหรือใช้บริการของคุณ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์
ในสิ่งที่เรียกว่าการตลาด การขาย และการทำธุรกิจ
หามิใช่เพียงหาสินค้ามาลงขาย ยิง ads ทื่อๆแบบเมื่อ 10 ปีก่อนได้แล้วยังไงล่ะ
แต่ผู้คนยังติดกับภาพลักษณ์อย่างนั้นกันอยู่
เพราะไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไรและต้องทำอย่างไร
เพราะว่า Facebook นั้นก็เปรียบเป็นห้าง
คุณรู้รึไม่ว่าห้างใหญ่ห้างดังนั้นเค้าก็มีระบบ screen ร้านค้าที่จะเข้าไปขายในห้าง
Facebook ก็มีเหมือนกัน เค้ามีระบบตรวจจับที่เป็นการให้คะแนนโฆษณาหรือตัวเพจ ซึ่งจะส่งผลต่อการแสดงผลของตัวโฆษณาของคุณให้มากหรือน้อยนั่นเอง
ดังนั้นถ้าคุณนั้นไม่อยากที่จะเอาเงินไปเททิ้ง
เพราะว่าแม้ว่าระบบจะเป็นเลิศมีระบบการนำส่งที่สามารถที่จะนำ content ของคุณนั้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้อย่างเป็นแม่นยำด้วยสิ่งที่ไปถึงขั้นที่เรียกว่า context หรือ บริบทนั้น
ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้านั้นจะซื้อหรือเลือกใช้บริการของคุณ
เฉกเช่นเดียวกับการที่คุณนั้นเลือกที่จะไปเปิดขายสินค้าหรูในสถานที่หรูหราก็ไม่ได้หมายความว่าคุณนั้นจะสามารถที่จะขายสินค้าได้นั้นเอง
คุณต้องมองเรื่องนี้ให้ออกก่อนที่จะเทเม็ดเงินลงไป
เพราะสิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่ไม่ได้มีใครมาบอกคุณ
Facebook ไม่มีทางบอกอยู่แล้วว่าระบบเค้าทำงานอย่างไร
และลูกค้าก็ไม่มีทางที่จะให้คำตอบเมื่อคุณถามเค้าว่าคุณชอบสินค้าหรือบริการของคุณหรือไม่นอกเสียจากการที่คุณนั้นส่ง feed ไปอยู่หน้าเค้าแล้ว
เพราะว่าตัวเค้าก็ไม่รู้และไม่มาสนใจหรอก
และเค้าผู้นั้นก็ค่อยเป็นผู้ที่จะเลือกที่จะสนหรือไม่สนนั่นเอง
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรานั้นต้องทำก็คือการวางแผนด้วยกลยุทธ์ก่อนที่จะนำส่งออกไปเพื่อให้เวลาที่เรานั้นนำส่ง content ออกไปแล้ว
เราสามารถที่จะนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดอันมีที่ไปที่มายังไงล่ะ
ว่าระบบและกลุ่มเป้าหมาย ชอบ content ของเรามากน้อยเพียงใด
เพื่อให้คุณนั้นสามารถที่จะเอาชนะระบบและลูกค้าของคุณได้
เพราะว่าระบบโฆษณาออนไลน์นั้นดังที่เราได้บอกไปว่า
เป็นโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นเองทั้งหมดทุกส่วนสามารถติด track ได้หมด Facebook สามารถตรวจจับได้หมดทุกการกระทำของคุณต่อเมื่อยาม
คุณนั้นอยู่ในระบบของเค้า นี่เป็นสาเหตุหลักที่ Facebook พยายามไม่ให้คุณนั้นออกไปไหน
และนำส่งรายละเอียดเหล่านั้นอย่างมากมายยามเมื่อคุณ
ทำโฆษณาหรือเสียเงินให้ระบบ
เพื่อพยายามที่จะบอกคุณให้ได้มากที่สุดว่าเงินที่คุณเสียไปนั้น ระบบทำอะไรให้คุณได้บ้างนั่นเอง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องมองให้ออกนั่นเอง
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101
relevance ads พลังอันทรงประสิทธิภาพยิ่งแห่งโลกดิจิตอล | โคตรเซียนการตลาด | episode 4
relevance ads พลังอันทรงประสิทธิภาพยิ่งแห่งโลกดิจิตอล
เมื่อก่อนนั้นการโฆษณาเป็นสิ่งที่หน้าเบื่อหน่าย
เป็นสิ่งที่ยัดเยียด
เมื่อคนเรานั้นต้องเลือกที่จะเสพสื่อที่ไม่สามารถที่จะเลือกได้เหมือนในสมัยนี้
แต่ทำไมคนเรานั้นต้องการที่จะต้องเสพสื่อในเมื่อมันก็มักจะมีโฆษณาที่เรานั้นไม่ได้ต้องการที่จะดู
หรือแม้กระทั่งเรานั้นต้องดูหรืออ่านสิ่งที่เรานั้นไม่ต้องการได้
การฆ่าเวลานั้นช่างเป็นคำพูดอันเลื่อนลอยยิ่งนักสำหรับคนในสมัยนี้ที่สามารถมีสิ่งให้เลือกดูอย่างไม่รู้จบ
ซึ่งมีแต่คนโง่ที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะมีชีวิตไปทำไมเท่านั้นแหละที่จะทำในสิ่งที่เรียกว่าการฆ่าเวลา
ในยุคที่เรานั้นมีเรื่องให้เสพมากมายเหลือเกิน เรามี netflix hbo go amazon prime ที่มี ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ อยู่ในนั้นมากมาย ในราคาสุดแสนถูกอย่างเหลือเชื่อ
ดูทั้งชีวิตก็ไม่หมด
เรามี buffet หนังสือผ่าน ookbee ในราคาที่สุดแสนถูก มีหนังสือให้อ่านอย่างมากมาย
ยังไม่รวมสาย dark ทั้งตาม web ทั้ง bittorrent ที่มีให้เลือกดูเลือกโหลดกันไม่อั้น
แต่คนสมัยก่อนนั้นไม่มีสิ่งเหล่านี้สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องทนดูสื่อเหล่านั้น
เพราะว่าต้องการ content อะไรซักอย่าง
เพื่อให้ตัวเองนั้นรู้อะไรบางอย่าง
เรานั้นต้องการที่จะรู้อะไรอยู่เสมอ
เพราะสมองเรานั้นทำงานอยู่ตลอด
สมองของเรานั้นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์อย่างสุดแสนเหลือเชื่อ
เมื่อคุณนั้นได้ศึกษาเรื่อง maching learning
คุณจะได้รู้ว่าแค่ลำพังเรานั้นต้องการที่จะให้เครื่องแยกรูปหมากับแมวออกจากกันนั้นยังต้องมี code เรียงรายอยู่อย่างมากมาย
เฉกเช่นคนในสมัยก่อนจินตนการถึงโลกในปี 2020 ว่าจะต้องเป็นโลกดิจิตอลสุดล้ำที่มี ai อันชาญฉลาดที่สามารถที่จะเริ่มคิดได้เองแบบมนุษย์แบบในภาพยนตร์เรื่อง the matrix
แต่ก็เปล่าเลย
แต่อย่างน้อยเรานั้นก็ยังมีสิ่งให้ทำอย่างมากมาย พอที่จะทำให้วันคืนอันน่าเบื่อหน่ายของเรานั้นมีอะไรมากขึ้น
เรามีสิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ Facebook และ youtube ที่เราเชื่อว่ามีคนเล่นสองสื่อนี้อย่างมากมายในทุกวัน
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผู้ใหญ่ที่เคยก่นด่าเราทุกครั้งยามเมื่อเรานั้น access เข้าสู่โลกดิจิตอล
และค้นหาสิ่งที่ต้องการอยู่บน google
ซึ่งเมื่อมีสิ่งเหล่านี้ Facebook นั้นก็เหมือนกับประตูไปสู่เรื่องราวอื่นๆบนโลกดิจิตอลอันไม่รู้จบ
youtube ก็เหมือนช่องทีวีที่ไม่มีวันจบที่มีรายการอื่นๆที่
ระบบคัดกรองมาว่าคุณนั้นน่าจะสนใจใน suggest อันมาจากสิ่งที่เรียกว่า relevance ที่ตรงกับความสนใจทั้งหมดของคุณที่ระบบเลืกว่าตอนนี้คุณนั้นน่าจะสนใจเรื่องใดมากที่สุดในรายการของคุณ จากความน่าจะเป็นที่สามารถคำนวณออกมาได้ ด้วยเงื่อนไขทางคณิตศาสตร์อันสุดแสนซับซ้อน
เพื่อให้คุณนั้นกดเข้าไปดูอย่างที่ไม่มีจบสิ้น
และสิ่งที่ Facebook และ youtube มีเหมือนกันนั้นก็คือ content รูปแบบที่ไม่ได้ทำมาเพือเน้นผลประโยชน์เชิงธุรกิจเป็นหลัก อันสร้างความเพลิดเพลินอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากที่สมัยก่อนมีแต่ content ในลักษณะการขายสินค้าให้ได้เท่านั้น
ซึ่งในเรื่องนี้เราจะขอยกไปพูดในลำดับถัดไป
แต่สิ่งที่เจ๋งสุดๆสำหรับการเป็นสื่อ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่ซ่อนอยู่จากความประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
ที่ทำให้ผู้คนนั้นหลงใหลจ้องมองเข้าไปในโลกดิจิตอล
ที่ส่วนใหญ่เมื่อชะเง้อดูหน้าจอของผู้คนตามสถานที่ต่างๆ
ก็หนีไม่พ้นกำลัง slide feed Facebook หรือ ดู youtube แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหลีกหนีไป Instagram หรือแม้กระทั่ง tiktok สุดท้ายก็ต้อง swith กลับมา Facebook อยู่ดีดังที่เรานั้นได้บอกไปอย่างมากมายแล้วว่าทำไมต้อง Facebook
ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งที่ทำให้ระบบพัฒนามาได้อย่างก้าวกระโดดนั่นก็คือ
Facebook มี ai ขั้นสุดยอดที่สามารถตรวจจับความต้องการของ user ได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบของ supercomputer ที่เราเชื่อว่าอลังการระดับ quantum computer
ที่วิ่งอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับ ระบบการจัดเก็บข้อมูลอันมากมายเหลือเชื่อ
และ youtube ที่หายห่วงได้เรื่องฐานข้อมูล เพราะว่า youtube นั้นมีฐานข้อมูลด้วยระบบปฎิบัติการ ที่มีคู่แข่งเพียงแค่ ios ของ apple เท่านั้น ที่เหลือ chrome และ andiord เอาไปกินหมด ก็คือจะมีข้อมูลการกระทำของ user นั้นทุก action นั่นเอง ไม่ใช่แค่เพียงใน app
ซึ่งเมื่อระบบมีฐานข้อมูลผู้ใช้อยู่อย่างมากมาย ที่เรียกว่า bigdata นั้น แต่ก็หามิใช่คำว่า bigdata ของเหล่า agency หิวงาน
ที่เอาคำว่า data ไว้คอยล่อหลอกลูกค้าให้คล้อยตาม
อย่างที่เรานั้นเห็นอยู่อย่างกลาดเกลื่อน
ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกดู excel data ของบริษัท
ไม่ว่าจะเป็น form จากฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด
และ แอคอาร์ตว่าสามารถที่จะ screen ข้อมูลได้
ทั้งๆที่ก็แค่ กด python ใน notebook และสุดท้ายก็นำผลลัพธ์ที่ได้ไปยิง ads
และเมื่อระบบ data อันยอดเยี่ยมารวมกับระบบ ai อันสุดล้ำ
สิ่งที่ได้ก็คือการส่งผ่านข้อมูลของสรรพสิ่งบนโลก digital
ที่ระบบสามารถเชื่อโยงข้อมูลเข้าด้วยกันด้วยสิ่งที่เรียกว่า code เพราะโลกดิจิตอลเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพราะระบบโปรแกรมเป็นสิ่งที่สามารถเข้าไปดู code ที่หลังบ้านได้
ไม่เหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงที่เรานั้นไม่สามารถที่จะ hack เข้าไปยัง สมองเพื่อดูการทำงานได้เลย
เพราะฉะนั้นเรานั้นจึงรู้ทุกส่วน
จึงสามารถที่จะนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล
เพื่อที่จะสามารถนำส่งโฆษณาที่เกี่ยวข้องไปยัง uesr
ได้อย่างแม่นยำเหลือเชื่อ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นจึงเหลือเชื่อยิ่งนัก
เมื่อระบบสามารถคาดการณ์สิ่งที่ user นั้นสนใจหรือต้องการได้
ก็สามารถที่จะระดมโฆษณาที่มีผู้ต้องการผลลัพธ์จากตัวโฆษณานั้นมาแลกกับเงินที่จ่ายลงไป
และเมื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการสิ่งที่ตามมาก็คือการระดมเม็ดเงินที่มากเป็นเท่าทวีจากการที่ตัวโฆษณานั้นสามารถที่จะส่งไปยังผู้ที่ต้องการมันได้
และในส่วนของ user จะเป็นเรื่องแปลกอะไรถ้าเรานั้นเห็นสิ่งที่เรานั้นต้องการและเลือกที่จะ active กับสิ่งเหล่านั้นแม้ว่ามันจะเป็นโฆษณา
ซึ่งในที่นี้เราก็จะบอกเสริมให้เข้าในกระบวนการ active ของคนทั่วไปอีกได้ว่า
ตัวจริงหรือผู้ที่ต้องการสินค้าหรือบริการนั้นจริงๆ
เค้าไม่มาสนหรอกว่าสินค้านั้นจะมาจากไหนหรือใครเป็นคนทำมัน
ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่คนๆนั้นปรารถนาไม่ว่าเค้านั้นจะรู้หรือไม่เคยรู้มาก่อน
เช่นเราจะยกตัวอย่างเวลามีข่าวไม่ดีของเจ้าของหรือคนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือ บริการ นั้นๆ หรือแม้กระทั่ง presenter
พวกเหล่า hater ขี้อิจฉาที่มาระดม commtent ว่าเราจะเลิกติดตามหรือไม่ซื้อสินค้านั้น
ส่วนใหญ่ล้วนหามิใช่คนที่จะซื้อจริงๆทั้งสิ้น
มีเพียงแค่ส่วนน้อยเพียงเท่านั้นและคนพวกนั้นก็จะไม่มาเสียเวลามา commtent ด้วย
นอกเสียจากเลิกสนใจไปเลย
และเมื่อ feed สินค้าหรือหน้า presenter นั้นโผล่ขึ้นมาบ่อยๆก็ถึงจะเลื่อนมือไปกดเลิกติดตาม เพราะว่าไม่ได้สนใจ หรือ อยากได้แล้วก็แค่นั้นเอง
(เพราะสุดท้ายแล้วเราจะมองที่ตัวสินค้าหรือบริการว่าตอบสนองความต้องการเรารึเปล่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราจะขอยกเรื่องนี้ไว้ในลำดับถัดไป)
ซึ่งสิ่งสำคัญหลังจากที่เรานั้นมีระบบอันยอดเยี่ยมในการนำส่งโฆษณาของเราแล้วนั้น ก็คือสิ่งที่เรียกว่า content และกลยุทธ์ ในการนำส่งโฆษณาไป
แต่ก็จะไปยากอะไรแล้ว
ในเมื่อระบบมีการนำส่งที่สามารถที่จะ relate กับความต้องการของ user ได้อย่าง relevance หรือแนบเนียนขนาดนี้นี่เอง
ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่หลายต่อหลายคนนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจ
เพราะเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความเข้าใจในการทำงานของระบบ
ซึ่งเราขอย้ำว่า
เชื่อได้เลยว่าระบบของ google และ Facebook นั้น
รันอยู่บน super computer ที่มี ระบบ ai เป็นเลิศอย่างเหลือเชื่อ
ที่ถึงขั้นไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะชนได้อย่างแน่นอน
ซึ่งคุณนั้นจึงเบาใจในเรื่องของระบบการนำส่งไปได้เลย
ว่าระบบนั้นจะพยายามนำส่งโฆษณาของคุณไปยังคนที่ใช่
หรือมีโอกาสทำวัตถุประสงค์ที่คุณนั้นต้องการอย่างมากที่สุดอย่างแน่นอน
เพราะว่าระบบความเกี่ยวโยงหรือ relevnce นี้
จะทำให้การคุยกับกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องของการคุยกับคนแปลกหน้าอีกต่อไป
แต่จะเป็นในลักษณะของคนคอเดียวกัน
ซึ่งการที่คุณเข้าใจในจุดนี้นั้นจะทำให้คุณนั้นสามารถที่จะ
รู้และเชื่อใจระบบนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งเราขอย้ำเลยว่าสาเหตุหลักที่ทำให้คนเรานั้นไม่ประสบความสำเร็จในกาารทำธุรกิจบนโลกดิจิตอลก็คือ
ระบบมี content อยู่อย่างมากมาย ทำไมเค้านั้นต้องหยุดดู feed ของคุณ
ในเมื่อเพียงแค่เค้านั้นเลื่อนนิ้วโป้งเค้าก็จะได้พบเจอเรื่องใหม่ๆที่เค้านั้นไม่รู้อีกมากมายนั่นเอง
และเมื่อทำให้เค้านั้นหยุดนิ้วโป้งได้แล้ว
ขั้นต่อมาคือ
ทำยังไงให้เค้านั้นสนใจ
และพิจารณาและสุดท้ายคือ
เลือกซื้อหรือใช้บริการของคุณ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์
ในสิ่งที่เรียกว่าการตลาด การขาย และการทำธุรกิจ
หามิใช่เพียงหาสินค้ามาลงขาย ยิง ads ทื่อๆแบบเมื่อ 10 ปีก่อนได้แล้วยังไงล่ะ
แต่ผู้คนยังติดกับภาพลักษณ์อย่างนั้นกันอยู่
เพราะไม่รู้ว่าการตลาดคืออะไรและต้องทำอย่างไร
เพราะว่า Facebook นั้นก็เปรียบเป็นห้าง
คุณรู้รึไม่ว่าห้างใหญ่ห้างดังนั้นเค้าก็มีระบบ screen ร้านค้าที่จะเข้าไปขายในห้าง
Facebook ก็มีเหมือนกัน เค้ามีระบบตรวจจับที่เป็นการให้คะแนนโฆษณาหรือตัวเพจ ซึ่งจะส่งผลต่อการแสดงผลของตัวโฆษณาของคุณให้มากหรือน้อยนั่นเอง
ดังนั้นถ้าคุณนั้นไม่อยากที่จะเอาเงินไปเททิ้ง
เพราะว่าแม้ว่าระบบจะเป็นเลิศมีระบบการนำส่งที่สามารถที่จะนำ content ของคุณนั้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้อย่างเป็นแม่นยำด้วยสิ่งที่ไปถึงขั้นที่เรียกว่า context หรือ บริบทนั้น
ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้านั้นจะซื้อหรือเลือกใช้บริการของคุณ
เฉกเช่นเดียวกับการที่คุณนั้นเลือกที่จะไปเปิดขายสินค้าหรูในสถานที่หรูหราก็ไม่ได้หมายความว่าคุณนั้นจะสามารถที่จะขายสินค้าได้นั้นเอง
คุณต้องมองเรื่องนี้ให้ออกก่อนที่จะเทเม็ดเงินลงไป
เพราะสิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่ไม่ได้มีใครมาบอกคุณ
Facebook ไม่มีทางบอกอยู่แล้วว่าระบบเค้าทำงานอย่างไร
และลูกค้าก็ไม่มีทางที่จะให้คำตอบเมื่อคุณถามเค้าว่าคุณชอบสินค้าหรือบริการของคุณหรือไม่นอกเสียจากการที่คุณนั้นส่ง feed ไปอยู่หน้าเค้าแล้ว
เพราะว่าตัวเค้าก็ไม่รู้และไม่มาสนใจหรอก
และเค้าผู้นั้นก็ค่อยเป็นผู้ที่จะเลือกที่จะสนหรือไม่สนนั่นเอง
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรานั้นต้องทำก็คือการวางแผนด้วยกลยุทธ์ก่อนที่จะนำส่งออกไปเพื่อให้เวลาที่เรานั้นนำส่ง content ออกไปแล้ว
เราสามารถที่จะนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดอันมีที่ไปที่มายังไงล่ะ
ว่าระบบและกลุ่มเป้าหมาย ชอบ content ของเรามากน้อยเพียงใด
เพื่อให้คุณนั้นสามารถที่จะเอาชนะระบบและลูกค้าของคุณได้
เพราะว่าระบบโฆษณาออนไลน์นั้นดังที่เราได้บอกไปว่า
เป็นโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นเองทั้งหมดทุกส่วนสามารถติด track ได้หมด Facebook สามารถตรวจจับได้หมดทุกการกระทำของคุณต่อเมื่อยาม
คุณนั้นอยู่ในระบบของเค้า นี่เป็นสาเหตุหลักที่ Facebook พยายามไม่ให้คุณนั้นออกไปไหน
และนำส่งรายละเอียดเหล่านั้นอย่างมากมายยามเมื่อคุณ
ทำโฆษณาหรือเสียเงินให้ระบบ
เพื่อพยายามที่จะบอกคุณให้ได้มากที่สุดว่าเงินที่คุณเสียไปนั้น ระบบทำอะไรให้คุณได้บ้างนั่นเอง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องมองให้ออกนั่นเอง
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101