มาเล่าประสบการณ์กับไฟล์ทพิเศษ Sydney-Bangkok และการกักตัวกันค่ะ จะเป็นยังไง เจออะไรกันบ้าง มาแชร์กัน

เพิ่งเขียนกระทู้เป็นครั้งแรก ติชมได้นะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คนไทยในออสเตรเลียหรือในต่างแดนที่อื่น ๆ ที่เตรียมตัวจะกลับไทยช่วงนี้ค่ะ

ตอนที่ 1 ไฟล์ทพิเศษ

สำหรับเราที่โดนพิษโควิด ทำให้โดนยกเลิกไฟล์ทขากลับไทยไปทั้งหมด 5 เที่ยว จาก 3 สายการบินในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเรียนจบ เราเริ่มรู้แล้วว่าเราต้องได้ไฟล์ทสถานทูตเท่านั้นถึงจะได้กลับบ้านในสถานการณ์แบบนี้ โดยสถานทูตจะจัดไฟล์ทพิเศษนี้ประมาณเดือนละครั้ง ไม่มีกำหนดวันเวลาที่แน่นอน ต้องรอตามข่าวใน Facebook เพจของสถานทูตเอา (https://web.facebook.com/sydthaiconsulate)

จองตั๋ว
ปกติเพจสถานทูตใน Facebook จะมีประกาศนัดแนะวันเวลาให้เข้าไปจองที่นั่งของไฟล์ทพิเศษกันล่วงหน้าซัก 3-4 วัน พอถึงวันที่เวลากำหนดก็นั่งรีเฟรชๆกันรัว ใส่ข้อมูลแข่งกับเวลา ใครเร็วกว่าก็ได้ที่ไป ใครช้าที่หมดก็อดกลับ

แต่แล้ววันนึง เราเปิดเพจขึ้นมา เจอว่าสถานทูตเปิดให้จองที่นั่งเดี๋ยวนั้นเลย เวลาของโพสก็ผ่านไปกว่าชั่วโมงนึงแล้ว?!?!?! เป็นกรณีพิเศษไปอีก ผมนี่รีบเลยครับ กลัวไม่ได้ที่นั่ง หลังจากนั้น ก็รอผลอย่างใจตุ้มๆต่อมๆ ลุ้นว่าจะจองทันคนอื่นเค้ามั้ยหว่า เห็นโพสช้าไปเป็นชั่วโมง
ประมาณอาทิตย์นึง ก็ได้เมล์จากสถานทูตยืนยันว่า คุณได้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้
เพี้ยนเย้
 
ในอีเมล์ก็ร่ายมายาวเหยียดว่าเราต้อง 
1. ตอบเมล์สถานทูตเพื่อยืนยัน 
2. วิธีการจ่ายเงิน 
3. ขอหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต 
4. นัดหมอขอใบรับรอง Fit to Fly 
5. ตอบคำถามในใบ ต.8 
และมีข้อมูลอื่น ๆ อีกมากมายอ่านกันจนตาลายกันไปเลย

จ่ายเงิน
ราคาบัตรเที่ยวเดียวของไฟล์ทพิเศษนี้ คือ 1,060 AUD หรือประมาณ 23,000 บาทสำหรับ economy class และ 3,020 AUD หรือประมาณ 65,000 บาทสำหรับ business class

ในอีเมล์บอกว่าต้องจ่ายเงินภายในวันและเวลาที่กำหนด โดยการโทรเข้า Thailand call center ของสายการบิน แล้ววันที่ว่านั้นก็เป็นเวลาภายใน 1 วันถ้วน ขั้นตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันกำหนดจ่าย เราได้รับแจ้งจากสถานทูตว่า ระบบของสายการบินขัดข้องและยังไม่รู้ว่าระบบจะแก้เสร็จเมื่อไหร่ เราก็รอยาวๆไปจนจะหมดเวลาที่กำหนด เลยโทรหาสถานทูตก็ได้ความว่ายังไม่ทราบและอาจจะเลื่อนการจ่ายเป็นวันพรุ่งนี้แทน แต่พรุ่งนี้เรามีสอบน่ะสิ ถ้าเลื่อนเป็นพรุ่งนี้จริงกลัวจะจ่ายไม่ทันเวลา เดี๋ยวจะอดกลับอีก นี่เลยลองเสี่ยงดวงโทรเข้า Thailand call center ของสายการบิน 5 นาทีก่อนปิดทำการดู ปรากฏว่าระบบแก้เสร็จพอดี ได้จ่าย สบายใจละ 555 พอจ่ายเสร็จไปซักพักถึงได้อีเมล์จากสถานทูตว่าเลื่อนเป็นจ่ายพรุ่งนี้แทน จ่ายเร็วกว่าคนอื่นเป็นพิเศษไปอีก
เพี้ยนหัวเราะ
 
เตรียมตัวก่อนบิน
เรามีเวลา 6 วัน หลังจากวันจ่ายเงิน เพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง

เอกสารที่ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่อง 
ก็มี 1. Passport 2. หนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต 3. ใบรับรอง Fit to Fly 4. ใบ ต.8

ขอหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต
หลังจ่ายค่าตั๋วแล้ว อย่าลืมขอหนังสือรับรองจากสถานฑูต โดยลิงค์จะอยู่ในอีเมล์ที่แจ้งว่าเราได้สิทธิเดินทางกลับค่ะ

ขอใบรับรอง Fit to Fly
ใบรับรอง Fit to Fly ต้องขอไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนบิน และการหาหมอที่ซิดนีย์ ก็ไม่ใช่ว่าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาได้เลยเหมือนที่ไทย ต้องจองก่อนถึงจะเข้าไปได้ แนะนำว่าให้ถามก่อนด้วยว่าคลินิกนั้นรับประกันสุขภาพที่เรามีหรือเปล่า ไม่งั้นเราก็จะต้องจ่ายเงินเองก่อน แล้วค่อยมายื่นเคลมเงินคืนจากบริษัทประกันเองทีหลัง ตอนเจอหมอ เราบอกหมอไปว่าขอใบ Fit to Fly หมอถามเรากลับว่าต้องเขียนอะไรลงไปบ้างนะ... เอิ่ม หมอคะ ไปไม่ถูกเลยค่ะหมอ
เพี้ยนกริบ
สุดท้ายเลยบอกหมอให้เขียนประมาณว่า เราไม่เป็นหวัดและขึ้นบินได้ มีค่าใช้จ่าย 70 AUD ถ้วน

จัดกระเป๋า
น้ำหนักกระเป๋าที่ได้รอบนี้ คือ 35 kg สำหรับกระเป๋า check-in และห้ามมี carry on แต่ให้ถือกระเป๋าคอม (เราเอาคอมใส่เป้ก็เอาขึ้นเครื่องได้) กระเป๋าถือของผู้หญิงขึ้นเครื่องได้

เพราะเราต้องกักตัวต่ออีก 14 วันก่อนจะได้กลับบ้าน และจากการอ่านรีวิวที่กักตัว รวมถึงมีคนรู้จักที่ได้กลับรอบก่อนแชร์ให้ฟังว่าการสั่งอาหารและของใช้ในที่กักตัวมีข้อจำกัดหลายอย่าง นอกจากเสื้อผ้าแล้ว อาหารและของใช้ก็ต้องเตรียมไว้ก่อน 
-        อาหาร: เรื่องกินเรื่องใหญ่สำหรับเรา เลยเตรียมของกินมาด้วย เผื่ออาหารที่กักตัวไม่พอยาไส้ เช่น ที่กักตัวบางที่ไม่มีภาชนะให้ เราเลยเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยกับ Tupperware แบบทนความร้อนและช้อนส้อมแบบพกพามาด้วย ที่กักตัวบางที่ให้ข้าวเยอะมาก เราเลยพกผงโรยข้าวมาเผื่อ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-        เครื่องใช้ไฟฟ้า: หัวแปลงไฟ ที่ชาร์ตและสายต่าง ๆ นานา เราเป็นคนอุปกรณ์เยอะเลยพกปลั๊กพ่วงมาเผื่อไว้ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-        ของใช้: สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ของใช้พื้นฐานอื่น ๆ เตรียมให้พร้อมไว้ก่อนดีกว่าค่ะ สั่งซื้อของใช้ในที่กักตัวไม่ใช่ว่าจะได้ของทันทีเสมอไปนะคะ
-        Sim Card พร้อมเน็ตที่ไทย*** อยากจะกาดอกจันซักห้าร้อยดอก ไอเทมนี้สำคัญต่อการกักตัวมากจริง ๆ ไว้จะมาเล่าให้ฟังตอนหน้าว่าทำไม

อื่น ๆ 
ถ้าเป็นการกลับไทยถาวร อย่าลืมทำเรื่องยื่นภาษี ขอคืน Super Fund กับเงิน Rental Bond กันด้วย ยื่นเอกสารให้เสร็จที่ออสเลย น่าจะง่ายกว่ากลับมาไทยแล้วติดต่อทำเรื่อง

วันเดินทาง
ไฟล์ทเวลา 9:20 สถานทูตนัดให้ไปถึงสนามบินตอน 6:20 เราไปถึงตามเวลานัดเป๊ะ ก็พบกับแถวยาวขดเป็นแม่งูเลื้อยสำหรับผู้โดยสารไฟล์ทพิเศษนี้ เจ้าหน้าที่ขอให้เรายืนเว้นระยะห่าง 1.5 เมตรในแถว 
ตอนเช็คอิน นอกจาก process ปกติแล้ว ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือการขอดูใบ Fit-to-Fly กับการถามว่าในช่วง 14 ก่อนเดินทาง เรามีอาการเจ็บป่วย ใกล้ชิดคนป่วยหรือได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงจะป่วยหรือเปล่า ถ้าใครตอบว่าใช่ ก็คงไม่ได้กลับ
และเพราะมีผู้โดยสารปริมาณมาก กว่าเราจะ check-in เสร็จและได้ตั๋วก็ 8:30 ที่พีค คือ Boarding Time บนตั๋วคือ 8:35 
เพี้ยนสายแล้ว
หลังจาก check-in เจ้าหน้าที่สถานทูตจะให้เซ็นใบยินยอมกักตัว 14 วัน และแจกถุงให้ทุกคน ข้างในมีขนม เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยและของอื่น ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิ่งเข้าเกทไปก็เจอกับแถว security ยาวเหยียด กว่าจะผ่านด่านค้นตัวกับแสกนกระเป๋าก็ 9:00 วิ่งขึ้นเครื่องตอน final ของ final call พอดิบพอดี
เพี้ยนเขิน
ขึ้นเครื่องไปก็เจอคนเต็มเครื่องเลย เค้าให้นั่งติดๆกัน ไม่ได้เว้นที่นั่ง keep social distance อย่างตอนเข้าแถวในทุกขั้นตอนที่สนามบิน แต่ทุกคนใส่หน้ากากกันพร้อมเพรียง 
 
เดี๋ยวจะมาเล่าตอนผ่านสารพัดด่านที่สุวรรณภูมิและการกักตัวในคราวต่อ ๆ ไปค่ะ ถ้าอยากได้ข้อมูลตรงจุดไหนเพิ่มเติม ถามได้นะคะ ชาวพันทิปคนไหนที่มีประสบการณ์กลับไฟล์ทพิเศษและต้องกักตัวเหมือนเรา อยากรู้ว่าเป็นยังไงเจออะไรกันบ้าง มาเม้ามอยกันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่