🍟🍟🍟🍟/มาลาริน/ข่าวดีค่ะ...ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ รับฟ้องคดี 5 แกนนำนปช.ล้มประชุมอาเซียนซัมมิท

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ รับฟ้องคดี 5 แกนนำนปช.ล้มประชุมอาเซียนซัมมิท



30 ก.ค.63 - ที่ศาลจังหวัดพัทยา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นายอดิศร เพียงเกษ อดีตแกนนำนปช. และโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน มาศาลตามนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรณีอัยการพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คนประกอบด้วย นายจตุพร นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นพ.เหวง โตจิราการ และนายอดิศร เพียงเกษ กรณีถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ล้มการประชุมอาเซียนเมื่อปี2552  ซึ่งคดีนี้ศาลพัทยาพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำซ้อนกับฟ้องที่ศาลอาญาในกรุงเทพฯ ที่ประทับรับฟ้องไว้แล้วในกรณีของการชุมนุมเมื่อปี 2552 หากอัยการประสงค์ ที่จะไปแก้ไขเพิ่มเติมก็สามารถไปดำเนินการในคดีอาญาที่ศาลอาญากรุงเทพได้ แต่อัยการพัทยายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว โดยจำเลยทั้งหมด ถูกฟ้องข้อหายุยงส่งเสริมปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน และสมคบกันเกิน 10 คนขึ้นไป กรณีสนับสนุนให้กลุ่มมวลชน ยกขบวนไปปิดล้อมและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ อาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552   

สำหรับนายจตุพรและพวก ถูกฟ้องและอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรมของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในคดีการชุมนุมปี 2552 ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ในข้อหาร่วมกัน ยุยงส่งเสริมก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และต่อเนื่องมาเป็นคดีที่พัทยา  
 
ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องในคดีนี้ส่งผลให้แกนนำนปช.ทั้ง 5 คนตกเป็นจำเลยตามที่อัยการพัทยายื่นฟ้อง  

นายจตุพรให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังคำพิพากษา ว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าเป็นการฟ้องไม่ซ้ำ ก็ต้องเริ่มกระบวนการประกันตัวใหม่ วันนี้ตนกับนายอดิศรเดินทางมาที่ศาลส่วนจำเลยที่เหลือ คือ นายวีระกานต์ นพ.เหวง ได้ Video Conference มาจากโรงพยาบาลเรือนจำราชทัณฑ์ ส่วนนายณัฐวุฒิ มาฟังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากนี้ทางทีมทนายความจะยื่นฎีกาคำสั่งฟ้องซ้ำ เพราะคดีนี้ในศาลอาญา มีการพิจารณาโดยมีพยานหลายคน ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันที่มาเบิกความของคดีพัทยาในคดีแรก และทนายได้ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ฟ้องตนที่ศาลพัทยา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจขณะนั้น ที่รับผิดชอบในภาค 2 บอกว่าความผิดของตนอยู่ในกรุงเทพฯ และปรากฏว่าคดีที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญานั้นพยานบุคคลที่ 2 ที่ทางอัยการนำมาสืบนั้น ก็เป็นบุคคลที่เป็นอดีตผู้บัญชาการภาค 2 ซึ่งเคยเบิกความที่ศาลพัทยา เหล่านี้ยังมีหลากหลายประเด็นก็เป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติเกี่ยวเรื่องการวินิจฉัยฟ้องศาล
  
นายจตุพรกล่าวว่า ในวันที่31 ก.ค. ตนต้องไปศาลอาญา ในประเด็นที่มีความเกี่ยวพันกัน ซึ่งทางตำรวจเคยรายงานว่าได้แยกออกเป็น 2 สำนวนคือ สำนวนที่พัทยาและสำนวนที่กรุงเทพฯ ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวออกมาก็ต้องทำตามขั้นตอน  

https://www.thaipost.net/main/detail/72949

คิดว่าเป็นข่าวดีอีกข่าวค่ะ

คดีนี้เกิดที่พัทยา  ก็อยากให้ฟ้องเพิ่มอีกคดี  

นึกถึงภาพที่ทูต หนีออกจากโรงแรมที่ประชุมอาเซียนอย่างทุลักทุเล

รู้สึกอายอย่างที่สุดในฐานะเป็นคนไทยค่ะ

ประเทศต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกเป็นอันขาด

หากใครใช้ความรุนแรงปลุกม็อบ  ทำลายประเทศก็จงเอาผิดให้สาสมค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่