จากกระทู้แรก
#NewNormal เที่ยวแบบหนาว ๆ โดยรถ Campervan ที่เกาะใต้ New Zealand 7 วัน
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเที่ยว เส้นนี้มาหลายครั้งมากแล้ว เราเล่าให้ฟังเฉพาะจุดที่เราแวะของทริปล่าสุดของเราโดยใช้ campervan และยังเป็นช่วง Covid ที่ที่บางที่ยังปิดอยู่ บางที่ที่สำหรับคนเคยมาครั้งแรกเราก็ข้ามไป ต้องขอโทษก่อนล่วงหน้านะคะ เดี๋ยวค่อยทำกระทู้แยกตอนมีเวลาว่าง ที่เมืองนี้ควรไปที่ไหนบ้าง ฤดูแต่ละฤดูวิวต่างกันยังไง
เรามาต่อกันที่วันที่ 2 กับ 3 กันค่ะ
วันที่ 2 ตื่นเช้ามาหมอกปกคลุม Lake Pukaki มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ซึ่งปกติแล้ว Lake Pukaki จะมีสีฟ้าสดสวยมาก ๆ
จาก Free camping ground ข้าง Lake Pukaki ไป Hooker Valley Track ใน Mount Cook ใช้เวลาขับรถไม่ถึง หนึ่งชั่วโมงค่ะ
การเดิน Hooker Valley Track จัดอยู่ในประเภทแบบเดินง่าย เพราะทางไม่ชัน ไปกลับใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง คือย้อนกลับมาทางเดิม จากจุดเริ่มต้นจนถึง Hooker Lake คือ 5 กิโลเมตร มีห้องน้ำ แบบหลุมอยู่ระหว่างทาง เด็กและผู้ใหญ่สามารถเดินได้ พ่อแม่เราอายุ 70 เดินได้ หลาน 3 ขวบเดินเองได้แบบไม่ต้องอุ้ม
ระหว่างทาง มีหิมะปกคลุมตลอดทาง เนื่องจากเราไปช่วงหน้าหนาว ตอนพาพ่อแม่มาหน้าร้อนจะเป็นอีกวิวเลยค่ะ
อันนี้คือถ่ายฤดูใบไม้ผลิ (เดือนตุลา)ภาพแรก นายแบบคือหลานชายวัย 3 ขวบ และอีกภาพถ่ายหน้าหนาว (เดือนมิถุนา) ตรงช่วงทางเดินเดียวกัน
มีโต๊ะปิกนิกให้นั่งด้วย สำหรับหน้าหนาวก็เป็นที่ของ snowman ข้างหลังเป็นยอด Mt Cook ค่ะ
เราจะต้องข้ามสะพานแขวนทั้งหมด 3 สะพาน ค่ะ
และนี่ก็คือ Hooker Lake เดินมา 5 กิโลเพื่อวิวนี้ ค่ะ
ยอด Aoraki/Mount Cook ค่ะ
นี่ก็คือ Hooker Glacier แบบ Zoom Zoom
ระหว่างทางค่ะ
ความต่างระหว่างเดินช่วงหน้าร้อนกับหนาวก็คือ
หน้าร้อนแดดแรง ร้อน แต่เดินสบาย ส่วนหน้าหนาว เย็นสบาย เดินไม่เหนื่อย แต่ทางลื่นมาก ต้องระวัง
อันนี้ห้องน้ำ เอาภาพรอบที่เดินตอนใบไม้ผลิมา ครั้งนี้ไม่ได้ถ่าย
จบละ การเดิน Hooker Valley Track ดูเป็นวีดีโอได้ที่นี่ค่ะ
ใครที่เดิน Hooker Valley Track แล้วยังไม่หนำใจ ให้ไปต่อที่ Blue Lakes and Tasman Glacier View (40mins) และ Tasman Glacier Lake (1hr) ครั้งนี้ไม่ได้ไป เพราะว่าแบตกล้องหมด เคยไปเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ดีค่ะ เอาภาพเก่ามาแปะ
อันนั้นคือเรือนะคะที่ดำ ๆ จะได้เห็น ขนาดว่า น้ำแข็งอันนั้นคือใหญ่มากกกกกก
จาก Hooker Valley Track ขับมาที่ Lake Tekapo ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางปกคลุมด้วยหิมะ
หิมะกับแสงพระอาทิตย์ตก คือดีมากค่ะ พาสเทลสุด ๆ
ขับมานอนที่ Lake Tekapo Motels & Holiday Park เป็นแบบ Powered-site $50ต่อรถหนึ่งคัน วิวดีมาก ขนาดอดได้ lake view site เพราะว่าเต็มหมดแล้วได้ Shingle site มาแทน แต่ก็ยังเห็น lake นี่คือภาพถ่ายจากกระจกรถเลย ที่นี่ห้องน้ำใหม่และสะอาด สิ่งอำนวยตวามสะดวกครบ ดีและเยอะมากค่ะ แนะนำว่าต้องจองล่วงหน้า นี่ขนาด low season แถมปิดประเทศ ยังมีรถจอดเต็มเลยค่ะ
ปิ้งย่างใช้เตาที่ติดมากับรถ เดี๋ยวจะเช่ามาไม่คุ้มถึงแม้ข้างนอกจะอากาศหนาวก็ตาม
กินอิ่มนอนหลับค่ะ
เช้าวันที่ 3 ตื่นเช้ามากค่ะ ไปดู Lake Tekapo ตรง Church of the Good Shepherd
ไปเช้ามากเค้ายังไม่เปิด เค้าเพิ่งสร้างรั้วกั้น มีเวลาเปิดปิด รั้วนี้ถ้าจำไม่ผิดเพิ่งสร้างเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ
สีน้ำคือสวยมากค่ะ ที่สีสวยอย่างนี้ เพราะน้ำมาจากธารน้ำแข็ง มีส่วนผสมของ glacier flour หรือ แป้งหิน มันก็คืออนุภาคผงเม็ดหินที่เล็กมากๆที่ละลายอยู่ในน้ำค่ะ
คนที่มาอาจจะสงสัยว่าทำไมหมาตัวนี้ถึงมีรูปปั้น สำคัญยังไง จริงๆแล้วหลาย ๆ ที่ใน New Zealand จะมีรูปปั้นหมาพันธุ์ Collie dog หรือหมาเลี้ยงแกะ ซ่อนอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้รำลึกถึงความสำคัญของหมาเหล่านี้ต่อเกษตรกรชาวNew Zealand เพราะอย่างที่รู้กัน ว่าที่นี่แกะมีเยอะกว่าคน เพราะฉะนั้นหมาต้อนแกะจึงมีส่วนสำคัญ อย่างหมาตัวนี้ก็ refer ไปถึง หมาที่ชื่อ Friday หมาของ Jame Mackenzie เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมาคล้ายๆตำนาน ไปฟังในวีดีโอได้ค่ะ
ใช้ชีวิตในรถบ้านDay 3
พอดูเสร็จเห็นเวลาเยอะ ว่าจะไปถ่ายรูป เอารถไปจอดใกล้ๆ น้ำ เหมือน campervan ในภาพแรกของกระทู้นี้ แต่ปรากฎว่า
อย่าหาทำ แง่ ๆ ๆ
ติดหล่ม!!! เราเดินไปขอความช่วยเหลือจากที่พักเรา ปรากฏว่าไม่มีใครช่วยได้ โทรไปหา call centre ของรถที่เราเช่า ไม่รับสาย เพราะเป็นวันอาทิตย์ อยู่ซักพัก ขุดดินอยู่ก็รถ campervan ใหญ่ที่มาจอดข้าง ๆ เป็นคุณลุงคุณป้า มาช่วยขุดดิน เอาไม้ที่เค้ามีไว้อยู่แล้ว มาให้ ผ่านไปซักครึ่งชั่วโมง ก็มีกลุ่มหนุ่มสาว ขับ 4x4 drive ที่มีเชือกเอามาให้แล้ว คุณลุง กับคนหนุ่มก็ช่วยขับให้ น้ำตาไหล ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ขอบคุณกันยกใหญ่ พอมาเช็คโทรศัพท์ สงสัย call centre รถเช่าโทรกลับมา แต่คุณสายไปแล้วค่ะ !!!!
ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอ และก็จริงค่ะ (ไม่ได้เกี่ยวกับฝน) ระหว่างทางเจอ Hoarfrost แวะถ่ายหน่อยเพราะว่าชอบมากก หาดูยากด้วย ค่ะ ภาพนี้แค่น้ำจิ้ม ถ้าอยากเห็นภาพชัด ๆ เรามีอีกกระทู้นึง
พาไปดูแม่คะนิ้งเมืองนอก หรือ Hoarfrost กันค่ะ เกร็ดขาว ๆ แท่ง ๆ สวย ๆ เกาะตามใบไม้ ไม่อุยเหมือนหิมะนะคะ
เข้าเมืองซักที Christchurch เมืองที่เจริญที่สุดในเกาะใต้ และประชากรเยอะเป็นอันดับ2 รองจากโอ๊คแลนด์ เมื่อก่อนคือเจริญกว่านี้อีก แต่เพราะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 2011 เลยทำให้เมืองหยุดชะงักไปเกือบ2 ปี ตอนนี้เริ่มฟื้นฟูกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อันนี้คือโบสถ์ใหม่ Cardboard Cathedral หรือ the Transitional Cathedral เพื่อแทน ChristChurch Cathedral ซึ่งโดนทำลายไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่นี่ออกแบบโดยสถาปนิก ชาวญี่ปุ่น Shigeru Ban ทำจากวัสดุหลักเลยคือกระดาษแข็ง โบสถ์นี้มีความสำคัญเพราะแสดงถึงสัญลักษณ์ของการ เริ่มต้นใหม่ของเมือง Christchurch ในขณะที่ ซากโบสถ์เก่ายังคงเก็บไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียของแผ่นดินไหวเมื่อปี 2011
ถ้ามาแล้วอย่าลืมแวะที่ 185 empty chairs หรือ 185 white chairs เป็น unofficial memorial รำลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมด 185 คน ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น
ในตัวเมืองก็มีร้านค้ามากมาย และเราก็มาสะดุดกับภาพนี้ เพราะตอนนี้ไม่มีใครดังไปกว่า นายกคนปัจจุบันของ New Zealand ....Jacinda Ardern
ส่วน Aroha ในภาษาเมารี แปลว่า รัก
Bridge of Remembrance สำหรับระลึกถึงทหารผู้เสียสละในสงคราม
คืนนี้เกเรไม่นอนในรถบ้าน มานอนในบ้าน Mum แทน มัมคือ โฮสมัมตั้งแต่รับพี่สาวมาอยู่ตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS เมื่อยี่สิบปีก่อน เหมือนเป็นคนในครอบครัว เพราะว่าลูกสาวเค้าก็มา AFS และมานอนบ้านเจ้าของกระทู้ แล้วพอเจ้าของกระทู้อายุ 13 ปี แม่ก็ส่งมาเรียนช่วง ฤดูร้อนหนึ่งเทอม มาคนเดียวตั้งแต่วัยกระเตาะ
ดูในวีดีโอได้ที่นี่นะคะ
https://www.shutterstock.com/g/parichut+wongthai
Love Eat Travel Pari & Pearl
Instagram: p_pearl, pari_area
Fb: atripfor2
Day 2-3 พาเดิน Hooker Valley Track ดู Lake Tekapo ทำรถCampervanติดหล่ม แล้วไปจบที่ Christchurch, New Zealand
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเที่ยว เส้นนี้มาหลายครั้งมากแล้ว เราเล่าให้ฟังเฉพาะจุดที่เราแวะของทริปล่าสุดของเราโดยใช้ campervan และยังเป็นช่วง Covid ที่ที่บางที่ยังปิดอยู่ บางที่ที่สำหรับคนเคยมาครั้งแรกเราก็ข้ามไป ต้องขอโทษก่อนล่วงหน้านะคะ เดี๋ยวค่อยทำกระทู้แยกตอนมีเวลาว่าง ที่เมืองนี้ควรไปที่ไหนบ้าง ฤดูแต่ละฤดูวิวต่างกันยังไง
เรามาต่อกันที่วันที่ 2 กับ 3 กันค่ะ
วันที่ 2 ตื่นเช้ามาหมอกปกคลุม Lake Pukaki มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ซึ่งปกติแล้ว Lake Pukaki จะมีสีฟ้าสดสวยมาก ๆ
จาก Free camping ground ข้าง Lake Pukaki ไป Hooker Valley Track ใน Mount Cook ใช้เวลาขับรถไม่ถึง หนึ่งชั่วโมงค่ะ
การเดิน Hooker Valley Track จัดอยู่ในประเภทแบบเดินง่าย เพราะทางไม่ชัน ไปกลับใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง คือย้อนกลับมาทางเดิม จากจุดเริ่มต้นจนถึง Hooker Lake คือ 5 กิโลเมตร มีห้องน้ำ แบบหลุมอยู่ระหว่างทาง เด็กและผู้ใหญ่สามารถเดินได้ พ่อแม่เราอายุ 70 เดินได้ หลาน 3 ขวบเดินเองได้แบบไม่ต้องอุ้ม
ระหว่างทาง มีหิมะปกคลุมตลอดทาง เนื่องจากเราไปช่วงหน้าหนาว ตอนพาพ่อแม่มาหน้าร้อนจะเป็นอีกวิวเลยค่ะ
อันนี้คือถ่ายฤดูใบไม้ผลิ (เดือนตุลา)ภาพแรก นายแบบคือหลานชายวัย 3 ขวบ และอีกภาพถ่ายหน้าหนาว (เดือนมิถุนา) ตรงช่วงทางเดินเดียวกัน
มีโต๊ะปิกนิกให้นั่งด้วย สำหรับหน้าหนาวก็เป็นที่ของ snowman ข้างหลังเป็นยอด Mt Cook ค่ะ
เราจะต้องข้ามสะพานแขวนทั้งหมด 3 สะพาน ค่ะ
และนี่ก็คือ Hooker Lake เดินมา 5 กิโลเพื่อวิวนี้ ค่ะ
ยอด Aoraki/Mount Cook ค่ะ
นี่ก็คือ Hooker Glacier แบบ Zoom Zoom
ระหว่างทางค่ะ
ความต่างระหว่างเดินช่วงหน้าร้อนกับหนาวก็คือ
หน้าร้อนแดดแรง ร้อน แต่เดินสบาย ส่วนหน้าหนาว เย็นสบาย เดินไม่เหนื่อย แต่ทางลื่นมาก ต้องระวัง
อันนี้ห้องน้ำ เอาภาพรอบที่เดินตอนใบไม้ผลิมา ครั้งนี้ไม่ได้ถ่าย
จบละ การเดิน Hooker Valley Track ดูเป็นวีดีโอได้ที่นี่ค่ะ
ใครที่เดิน Hooker Valley Track แล้วยังไม่หนำใจ ให้ไปต่อที่ Blue Lakes and Tasman Glacier View (40mins) และ Tasman Glacier Lake (1hr) ครั้งนี้ไม่ได้ไป เพราะว่าแบตกล้องหมด เคยไปเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ดีค่ะ เอาภาพเก่ามาแปะ
อันนั้นคือเรือนะคะที่ดำ ๆ จะได้เห็น ขนาดว่า น้ำแข็งอันนั้นคือใหญ่มากกกกกก
จาก Hooker Valley Track ขับมาที่ Lake Tekapo ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางปกคลุมด้วยหิมะ
หิมะกับแสงพระอาทิตย์ตก คือดีมากค่ะ พาสเทลสุด ๆ
ขับมานอนที่ Lake Tekapo Motels & Holiday Park เป็นแบบ Powered-site $50ต่อรถหนึ่งคัน วิวดีมาก ขนาดอดได้ lake view site เพราะว่าเต็มหมดแล้วได้ Shingle site มาแทน แต่ก็ยังเห็น lake นี่คือภาพถ่ายจากกระจกรถเลย ที่นี่ห้องน้ำใหม่และสะอาด สิ่งอำนวยตวามสะดวกครบ ดีและเยอะมากค่ะ แนะนำว่าต้องจองล่วงหน้า นี่ขนาด low season แถมปิดประเทศ ยังมีรถจอดเต็มเลยค่ะ
ปิ้งย่างใช้เตาที่ติดมากับรถ เดี๋ยวจะเช่ามาไม่คุ้มถึงแม้ข้างนอกจะอากาศหนาวก็ตาม
กินอิ่มนอนหลับค่ะ
เช้าวันที่ 3 ตื่นเช้ามากค่ะ ไปดู Lake Tekapo ตรง Church of the Good Shepherd
ไปเช้ามากเค้ายังไม่เปิด เค้าเพิ่งสร้างรั้วกั้น มีเวลาเปิดปิด รั้วนี้ถ้าจำไม่ผิดเพิ่งสร้างเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ
สีน้ำคือสวยมากค่ะ ที่สีสวยอย่างนี้ เพราะน้ำมาจากธารน้ำแข็ง มีส่วนผสมของ glacier flour หรือ แป้งหิน มันก็คืออนุภาคผงเม็ดหินที่เล็กมากๆที่ละลายอยู่ในน้ำค่ะ
คนที่มาอาจจะสงสัยว่าทำไมหมาตัวนี้ถึงมีรูปปั้น สำคัญยังไง จริงๆแล้วหลาย ๆ ที่ใน New Zealand จะมีรูปปั้นหมาพันธุ์ Collie dog หรือหมาเลี้ยงแกะ ซ่อนอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้รำลึกถึงความสำคัญของหมาเหล่านี้ต่อเกษตรกรชาวNew Zealand เพราะอย่างที่รู้กัน ว่าที่นี่แกะมีเยอะกว่าคน เพราะฉะนั้นหมาต้อนแกะจึงมีส่วนสำคัญ อย่างหมาตัวนี้ก็ refer ไปถึง หมาที่ชื่อ Friday หมาของ Jame Mackenzie เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมาคล้ายๆตำนาน ไปฟังในวีดีโอได้ค่ะ ใช้ชีวิตในรถบ้านDay 3
พอดูเสร็จเห็นเวลาเยอะ ว่าจะไปถ่ายรูป เอารถไปจอดใกล้ๆ น้ำ เหมือน campervan ในภาพแรกของกระทู้นี้ แต่ปรากฎว่า
อย่าหาทำ แง่ ๆ ๆ
ติดหล่ม!!! เราเดินไปขอความช่วยเหลือจากที่พักเรา ปรากฏว่าไม่มีใครช่วยได้ โทรไปหา call centre ของรถที่เราเช่า ไม่รับสาย เพราะเป็นวันอาทิตย์ อยู่ซักพัก ขุดดินอยู่ก็รถ campervan ใหญ่ที่มาจอดข้าง ๆ เป็นคุณลุงคุณป้า มาช่วยขุดดิน เอาไม้ที่เค้ามีไว้อยู่แล้ว มาให้ ผ่านไปซักครึ่งชั่วโมง ก็มีกลุ่มหนุ่มสาว ขับ 4x4 drive ที่มีเชือกเอามาให้แล้ว คุณลุง กับคนหนุ่มก็ช่วยขับให้ น้ำตาไหล ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ขอบคุณกันยกใหญ่ พอมาเช็คโทรศัพท์ สงสัย call centre รถเช่าโทรกลับมา แต่คุณสายไปแล้วค่ะ !!!!
ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอ และก็จริงค่ะ (ไม่ได้เกี่ยวกับฝน) ระหว่างทางเจอ Hoarfrost แวะถ่ายหน่อยเพราะว่าชอบมากก หาดูยากด้วย ค่ะ ภาพนี้แค่น้ำจิ้ม ถ้าอยากเห็นภาพชัด ๆ เรามีอีกกระทู้นึง
พาไปดูแม่คะนิ้งเมืองนอก หรือ Hoarfrost กันค่ะ เกร็ดขาว ๆ แท่ง ๆ สวย ๆ เกาะตามใบไม้ ไม่อุยเหมือนหิมะนะคะ
เข้าเมืองซักที Christchurch เมืองที่เจริญที่สุดในเกาะใต้ และประชากรเยอะเป็นอันดับ2 รองจากโอ๊คแลนด์ เมื่อก่อนคือเจริญกว่านี้อีก แต่เพราะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 2011 เลยทำให้เมืองหยุดชะงักไปเกือบ2 ปี ตอนนี้เริ่มฟื้นฟูกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อันนี้คือโบสถ์ใหม่ Cardboard Cathedral หรือ the Transitional Cathedral เพื่อแทน ChristChurch Cathedral ซึ่งโดนทำลายไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่นี่ออกแบบโดยสถาปนิก ชาวญี่ปุ่น Shigeru Ban ทำจากวัสดุหลักเลยคือกระดาษแข็ง โบสถ์นี้มีความสำคัญเพราะแสดงถึงสัญลักษณ์ของการ เริ่มต้นใหม่ของเมือง Christchurch ในขณะที่ ซากโบสถ์เก่ายังคงเก็บไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียของแผ่นดินไหวเมื่อปี 2011
ถ้ามาแล้วอย่าลืมแวะที่ 185 empty chairs หรือ 185 white chairs เป็น unofficial memorial รำลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมด 185 คน ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น
ในตัวเมืองก็มีร้านค้ามากมาย และเราก็มาสะดุดกับภาพนี้ เพราะตอนนี้ไม่มีใครดังไปกว่า นายกคนปัจจุบันของ New Zealand ....Jacinda Ardern
ส่วน Aroha ในภาษาเมารี แปลว่า รัก
Bridge of Remembrance สำหรับระลึกถึงทหารผู้เสียสละในสงคราม
คืนนี้เกเรไม่นอนในรถบ้าน มานอนในบ้าน Mum แทน มัมคือ โฮสมัมตั้งแต่รับพี่สาวมาอยู่ตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS เมื่อยี่สิบปีก่อน เหมือนเป็นคนในครอบครัว เพราะว่าลูกสาวเค้าก็มา AFS และมานอนบ้านเจ้าของกระทู้ แล้วพอเจ้าของกระทู้อายุ 13 ปี แม่ก็ส่งมาเรียนช่วง ฤดูร้อนหนึ่งเทอม มาคนเดียวตั้งแต่วัยกระเตาะ
ดูในวีดีโอได้ที่นี่นะคะ
https://www.shutterstock.com/g/parichut+wongthai
Love Eat Travel Pari & Pearl
Instagram: p_pearl, pari_area
Fb: atripfor2