เมื่อเราตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ ที่ศูนย์จิตรักษ์โรงพยาบาลกรุงเทพ (พร้อมขันตอนการนัดแพทย์และค่าใช้จ่าย)

ขอเล่า Background ของตัวเองคร่าวๆ ก่อนนะครับ

ผมอายุ 31 ปี
ก่อนหน้านี้ ทำงานเกี่ยวกับวิทยุ โทรทัศน์ รวมๆ 5 ปี
และตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับ Advertising Agency 3 ปีกว่าๆ

ตอนทำเกี่ยวกับ วิทยุ โทรทัศน์ เราก็เป็น Creative รายการซึ่งเป็นงานที่สนุกได้เจอกับผู้คนที่เป็นคนกลุ่ม คล้ายๆกัน

หลังจากนั้นอยาก Challenge ตัวเองเลยย้ายสายงานมาทำ Advertising Agency
ที่แรกงานดีสนุกเพื่อนร่วมงานดี ดีแบบดีมาก work life balance คือสุด
ส่วนที่ที่สองเนี่ยงานมันก็ Challenge ขึ้นเพราะเพื่อนร่วมงานเก่งทุกคน ดังนั้นเราเลยต้องตามให้ทัน

ซึ่ง Advertising Agency ที่ที่สองนี่แหล่ะ ทำให้ผมตัดสินใจไปพบจิตรแพทย์ ที่ศูนย์จิตรัษ์โรงพยาบาลกรุงเทพ
เนื่องจากช่วง Week นั้นประมาณ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา
งานยุ่งแบบยุ่งมาก มันมาพร้อมกับแรงกดดัน และคำพูดต่างๆ ที่ค่อนข้างจี้จุด (ไม่ขอลงรายละเอียดลึกนะครับ)
แล้วเวลาเดินออกจากออฟฟิศมา มันไม่สามารถทิ้งเรื่องงาน เรื่องคำพูดคนไว้ที่ออฟฟิศได้ แต่มันดันตามมากับเราถึงบ้าน
จนหัวถึงหมอนเราก็ยังคิดอยู่ ปกติเรานอน 5 ทุ่มนิดๆ ตื่น 6-7 โมงเช้า
แต่นี่คือเรานอนตี 4-5 ตื่น 6 โมงเช้า ทำเอาร่างการเราเพลียมาก
และวันที่ตัดสินใจไปพบแพทย์เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนักคือ เห็น e-mail เด้งมาแล้วใจสั่น พร้อมกับอ้วก กินข้าวไม่ได้ทั้งวัน

การทำการนัดคือ เราโทรไปที่ ศูนย์จิตรักษ์โรงพยาบาลกรุงเทพ 02 310 3027
ทำไมเราถึงเลือกที่นี่ เพราะว่าเราโทรไป รพ ประมาณ 5-6 ที่แต่ทุกที่คิวเต็มไม่ว่างเลย เราเลยเลือกที่นี่ เพราะเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง

ศูนย์จิตรักษ์โรงพยาบาลกรุงเทพ อยู่ตึก C ชั้น 5
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งหลังจากผ่านประตูเข้าไปในศูนย์ ภายในก็จะตกแต่งประมาณนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากเข้าไปแล้ว เรามาครั้งแรงพยาบาลก็จะมีถามประวัติและมีเอกสารให้กรอกตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเราก็ได้พบกับแพท์ ซึ่งได้พูดคุยกันโน้นนั่นนี่ ประมาณ 1 ชั่วโมง
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะร้องไห้ไปประมาณ 10 นาที
เพราะมีหลายเรื่องพูดคุย 

หลังจากนั้นคุณหมอก็ได้วินิจฉัย อาการของเรา พร้อมกับจ่ายยา
และไปรับยาพร้อมชำระเงินประมาณ 3,xxx บาท

เอาจริงๆ นี่ว่าการพบจิตแพทย์ของตัวเราเองถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ กับอาการที่ตัวเองเป็นอยู่
เพราะทุกวันนี้กลับมากินข้าวได้ นอนหลับสนิท ตื่นแล้วไม่เพลีย ไปทำงานได้แบบสดใสเต็มวัน

ไม่รู้ว่ากระทู้เป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหนไหม แต่อยากเล่าให้ฟังครับ

ปล. ช่วงก่อนไปพบแพทย์จากเรื่องงานที่ว่าหนักแฟนยังมาบอกผ่าน Line เราไม่มีนำตาสักหยด เพราะเหมือนยังจัดการความคิดตัวเองไม่ได้
แต่ตอนนี้ร้องไห้ไปแล้ว แล้วมันก็กำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่