สวัสดีค่ะ นี่คือกระทู้รีวิวแรกของเรา.... วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการจัดฟันใส Crystal Smile กันนะคะ มันคืออะไร.. ไปทำความรู้จักกันเลย...

ก่อนอื่นเราขอเล่าเรื่องย้อนไปนิด เราเคยจัดฟันแบบโลหะมาประมาณ 6 ปี แต่ด้วยความที่เวลาเราไม่ตรงกับหมอจัดฟัน มันทำให้ขาดความต่อเนื่องและฟันก็ไม่เข้าที่ เข้าทางสักที จนวันนึงเราเริ่มรู้สึกเบื่อกับการใส่เหล็กจัดฟัน และด้วยความที่อายุก็เริ่มเยอะ แก่อ่ะแหละ... หน้าที่การงานของเราที่ต้องพบปะผู้คน เรารู้สึกว่าการใส่เหล็กมันเหมือนสวยไม่เสร็จอ่ะ กินอะไรก็ติดไปหมด จึงอยากถอดเจ้าเหล็กจัดฟันออกและ แต่ว่าฟันเราก็ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ยังมีช่องว่างอยู่บ้าง ฟันหน้าก็ไม่เท่ากัน ไหนจะเหงือกร่น ปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย เราจึงเริ่มหาข้อมูลการจัดฟันใสหลายๆ ที่ จนเราได้มาเจอที่ Bangkok Smile Dental Clinic และเพื่อนเราได้จัดฟันใสที่คลินิกนี้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาจัดโปรโมชั่นพอดี เราเลยลองไปคอนซัลดู

และนี่คือโฉมหน้าของเราตอนใส่เหล็กจัดฟัน... 😅



วันที่เราไปปรึกษาหมอ เรายังไม่ได้ถอดเหล็กนะคะ ไปแบบนั้นเลย ฮ่าๆ.. ไปถึงเราไม่พูดอะไรเลย เราบอกหมอแค่ว่าอยากจัดฟันใส เพราะเราไม่มีเวลาเจอหมอบ่อยๆ และเราไม่ได้ชี้แจ้งจุดบกพร่องในช่องปากเลย แต่หมออธิบายละเอียดและตอบโจทย์เรามากๆ ปัญหาของเราก็คือ ฟันกรามล้ม เหงือกร่นทำให้เห็นช่องว่างเยอะ ปลายฟันหน้าด้านบนไม่เท่ากัน หมออธิบายและบอกว่าจะแก้ไขให้ เราค่อนข้างโอเคกับคำแนะนำของหมอ หมอบอกเราเป็นแคนดิเดทของการจัดฟันใส Crystal Smile Moderate 12 sets ระยะเวลา 6 เดือน (ราคา 49,000 บาท รวมเอ็กซเรย์, พิมพ์ฟัน แสกน 3D และรีเทนเนอร์) ซึ่งเราก็เห็นผลลัพธ์ของเพื่อนมาแล้ว เราเลยตัดสินใจวางเงินมัดจำและทำนัดถอดเหล็ก เอ็กเรย์ พิมพ์ฟันในวันนั้นเลย ใจง่ายอ่ะ ฮ่าๆๆ 

หลังจากที่ถอดเหล็กแล้ว... สังเกตุดีๆ จะเห็นว่าปลายฟันหน้าเราไม่เท่ากัน และยังมีช่องห่างเล็กๆ อยู่



ถอดเหล็กเรียบร้อย... หมอก็นัดแสกน 3D เพื่อดูการเคลื่อนที่ของฟันและหลักการทำงานของ aligner และ attachment ซึ่งขั้นตอนนี้หมอจะออกแบบการเคลื่อนที่ของฟันด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และแสดงการเคลื่อนที่ของฟันตั้งแต่เซ็ทแรกจนถึงเซ็ทสุดท้าย รวมไปถึงรีเทนเนอร์ ถ้าเราโอเคกับรูปแบบของฟัน หมอจะสั่งผลิตชิ้นงานทันที แต่ถ้าหากเราไม่โอเค สามารถชี้แจงและให้หมอแก้ไขได้จนพอใจค่ะ สำหรับเราโอเคมากๆ ไม่ต้องแก้อะไรเลย รอชิ้นงานประมาณ 1 เดือน หมอก็นัดเข้ามาใส่เครื่องมือ จะมีการติด attachment บริเวณฟันที่ต้องการให้เคลื่อนตัวมากที่สุด และใส่ aligner ชิ้นแรก 

ได้ aligners มาแล้ว เย้ๆ ที่ตัว alinger จะมีชื่อของเราและเลขแต่ละเซ็ทระบุไว้ด้วย ของเราได้เซ็ทที่ 1-6 มาก่อนค่ะ


 
ซึ่งแต่ละเซ็ทเราต้องใส่ 15 วัน วันละ 22 ชั่วโมง จะต้องเป็นคนที่มีวินัยในการใส่มากๆ นะคะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและตรงกำหนดระยะเวลาที่คุยกับหมอ มิเช่นนั้นเครื่องมืออาจจะรวนได้ค่ะ เราใส่จนถึงเซ็ทที่ 6 ก็จะครบ 3 เดือนพอดี แล้วไปพบหมอเพื่อตรวจดูว่าการเคลื่อนฟันเป็นอย่างไรบ้าง ชิ้นงานมีปัญหาอะไรไหม ของเราผ่านไปด้วยดีค่ะ 

ใส่เซ็ทที่ 1 ค่ะ ฟันหน้ายังไม่เท่ากันอยู่ 



เซ็ทที่ 1 มุมข้าง สบฟันยังไม่ชิดเท่าไหร่ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ 



เราขอกระโดดข้ามมาเซ็ทที่ 5 เลยนะคะ ฟันเริ่มสวยแล้ว 



รูปนี้คือใส่ได้ 6 เซ็ทแล้วค่ะ เห็นตัว attachment ไหมค่ะ ตัวที่มีหน้าที่เคลื่อนฟัน


3 เดือนผ่านไป ฟันกรามที่ล้มเริ่มเข้าตรงแล้วค่ะ ปลายฟันหน้าก็เริ่มขยับลงมาจะเท่ากันแล้ว ทางคลินิกก็เอาเซ็ทที่เหลือ 7-12 มาให้ใส่ต่อเลยค่ะ ช่วงนั้นไม่ได้เจอหมอเลย เพราะเป็นช่วงที่ปิดโควิดพอดี ฮ่าๆๆๆๆๆ เราใส่จนครบ 12 เซ็ท คลินิกเปิดพอดี เราก็ได้ไปเจอคุณหมออีกครั้ง 2

จัดฟันมา 6 เดือน เจอหมอ 2 ครั้ง มันดีกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ พอใส่ครบ 12 เซ็ท เราก็เจอหมอครั้งที่ 3 ค่ะ เพื่อถอด attachment และใส่รีเทนเนอร์ 

นี่คือหน้าตาของรีเทนเนอร์ ซึ่งจะมีชื่อเราเหมือนเดิม อิอิ



และสุดท้าย ถอด attachment แล้วค่ะ ฟันหน้าเรียงตัวสวย ปลายเท่ากัน ฟันล่างที่มีช่องว่างจากเหงือกร่น ก็ชิดกันดีในระดับหนึ่ง ฟันกรามที่ล้มเข้ารูป เข้าทรงสวย ส่วนอื่นๆ ก็เข้าที่เรียบร้อย ผลลัพธ์ดีค่ะ เพราะหมอ ราคา และผลลัพธ์ ทำให้เราตัดสินใจง่าย


จบแล้วว.. ขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ สวัสดีค่าาาาาา....