ขอระบายความผิดหวังในชีวิต 43 ปีที่ผ่านมาคิดว่าครั้งนี้เหมือนไม่มีใจจะสู้ชัวิตต่อ ขอคำแนะนำ ข้อคิดในการมีชีวิตต่อไปให้รอด

สืบเนื่องมาจากการเข้าไปแนะนำ จขกท ที่กำลังทุกข์เรื่องในที่ทำงาน
เพราะ เคยอยู่จุดนั้นและสถาณการณ์ แบบนั้นมาก่อนค่ะ ด้วยความที่รัก เพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัท ด้วยความทุ่มเท ด้วยความมีภาระ  ด้วยความพยายามอดทน  เลยลังเลไปมา จนเกิดเหตุการณ์ที่เพื่อนไล่ออก ไสหัวออกไปเลยนะ กูไล่ออกแล้ว   ความผิดคือ ทำงานไม่ทันเพราะโหลดงานเยอะมาก และเป็นงานที่ไม่เคยทำ ต้องใช้เวลาศืกษา เลยไปจ้างน้องที่เค้ารับทำ บัญชี ให้บริษัทช่วยทำ ด้วยเงินตัวเอง  แต่กว่าจะได้งาน คือ นานมาก ต้อฃโทรจี้ จนเดดไลน์  เลยพูดว่า น้องทำยังงี้ก็ดีพี่จะได้เตือนเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัท ให้ระวังบ้าง เพราะเค้าจ้างน้องปิดงบบัญชี  เขียนไลน์ส่งให้มันแค่นี้ค่ะ (ในใจคือติดว่า กรูจ้างสี่พันห้ายังต้องตามเลือดตาแทบกระเด็น เพื่อนจ้าง ในราคา แสนห้า ไม่ตามมากกรูล้านเท่า)

น้องนรก มันโทรหา เพื่อนเราค่ะ ซึ่งข้อตกลงคือห้ามให้รู้ เพราะโดนแน่ๆ เราไม่ไหวจริงๆถึงยอมจ้าง น้องนรกคนนั้น มันบอกเพื่อนเราว่า เราพูดว่า บริษัท..........จะไม่ส่งงานให้มันอีก  ซึ่งเราไม่ได้พูด และไม่เคยส่งข้อตวามนี้ไปให้น้องนรกเลย เราบอกเพื่อนเพื่อนไม่เชื่อ  ขอดูไลน์ที่คุย พอให้ดู มันบอกว่า  เราเอาชื่อมันกับ บริษัท ไปยุ่งทำไม ซึ่งไม่ตรงกับที่น้องนรกนั้นบอก พูดไม่ออก เลยบอกว่า เออ กูผิดเอง แล้วก็เดินออกมา เพราะเห็นเพื่อนเหมือนจะคุมสติไม่อยู่ แล้วก็จริงๆค่ะ มันกระโดดขวาง แล้วก็ไล่ออก ไม่พอ มันตามไปไล่ในออฟฟิศ ด้วยประโบค  ไสหัวออกไปเลยนะ กูไล่ออกแล้ว โดนตั้งแต่วันที่ 21 มีค ที่ผ่านมา ได้เงินเลิกจ้าง 3 เดือน แค่เพื่อนหักไป 1 ส่วนสาม หลักหมื่น มันยอกว่าเราทำเอกสารช้า และผิดเลยโดนปรับ อึ้งพูดไม่ออก แอบโทรไป๓าม คนที่ดำเนินการเรื่องนี้ เค้าบอกว่าเต่ไม้เห็นรู้เลยว่าทางบริษัทใหญ่ เรียกปรับค่าเสียหายกับเรา เจ็บค่ะ การที่เป็นเจ้าของกิจการ ต้องดูแล พนักงานไม่ถึง 50 คน  ต้องเด็ดขาดและไม่เสียเปรียบลูกจ้าง เราไม่โต้กลับ ยอมให้มันหัก ไม่อยากวุ่นวายใดใดอีก 

นอนเสียใจ มา 2 เดือน ปรับยาซึมเศร้า เพราะตอนที่เพื่อนให้ไปช่วยทำ  เคยขอมันว่า กูอยากมีบ้าน  แม่กูไม่เหลืออะไรแล้ว พูดน้ำตาคลอ มันบอกได้เลย กูไม่ทิ้งอยู่แล้ว  ขออธิบายค่ะ เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทตั้งแค่ 4 ขวบอยู่หอพัก นอน กิน ด้วยกัน จบจบ ม ต้น เพื่อนเรียนที่โรงเรียนเดิม แต่เราย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ช่วงนั้นก็มีติดต่อกันบ้าง ครั้งสุดท้ายที่เจอ คือ เรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 แล้วก็ขาดการติดต่อไป แตาเรานึกถึงมันตลอด สุดท้ายตามเจอ หายกันไปประมาณ 25 ปี เจอมันครั้งแรกเราร้องไห้เลยบอกกูตามหามาตั้งนาน หาไม่เจอ อยากเจอมาก  ซึ่งเราคิดว่า ไม่อดตายแล้ว ทั้งเราและครอบครัว  เพราะเพื่อนเป็นคนที่นิสัยดีมาก และขยันทำมาหากิน คงมีลู่ทางให้เราแน่ๆ

แต่พอได้มาทำงานเป็น ผู้ช่วยเพื่อน ได้เห็น ได้รู้ ว่าเพื่อนเปลี่ยนไปมาก ดูสภาพแย่มาก งานมีตลอด ระดับเอพลัส แต่เพื่อนกลับยังมีหนี้สินเหมือนเดิม และ ยังงานหนักตลอด และแฟนเพื่อนก็เห็นแก่ตัวมาก เราเลยเตือนให้เพื่อนรู้ตัวเพราะความหวังดีจริงๆ  แฟนมันเป็นคนต่อหน้ามันดีมากกกกก แต่ ถ้ามันไม่อยู่ คนละอย่าง ทั้งดูถูก ไม่ให้ความร่วมมือ ขัดขวางการพัฒนา ทุกอย่าง นิสัยเห็นแก่ตัว อู้งาน โยนความผิดให้ลูกน้อง  แต่เพื่อนดูรักมากเหมือนจะตีกลับปกป้องแฟนคนนี้มาก เราเลยไม่ยุ่ง อยากจะรักก็รักไป แต่ขออย่ามา กวนตีนเรื่องงาน เราเลยไม่คุยกับแฟนมันค่ะ รับไม่ได้ เรื่องสภาพ สันดร อากัปกริยา ถ้าเพื่อนไม่อยู่ แต่ก็ต่างคนต่างทำงาน ในใจลึกๆอยากให้เพื่อนได้แฟนดีดี เพราะเพื่อนมีลูก สองคนกับสามีเก่าที่เลิกไป และเสียดายที่เพื่อนนิสัยดี จิตใจดี ทำไมมาได้แบบนี้ แต่ก็ไปห้ามเค้าไม่ได้ ก็เลยไม่ได้เตือนอะไรอีก  

พองานที่เพื่อนให้ช่วยจบโปรเจ็ค เราก็ต้องมารับหน้าที่งานใหม่ ซึ่งไม่เคยทำและ งง ทำให้ช้า ลึกๆเครียดมาก เพราะอยากทำให้เป็นและถูกต้องเพราะภ้าพลาด จะเสียหายบริษัท  เลยโดนเพื่อนว่าบ่อยๆ ช่วงนั้น และเรามาทำงาน 9 โมง ตามที่คุยตกลงกันไว้ แต่เอาจริงๆ ทุกคน มา 8 โมง เพื่อนมาเร็วเราก็ดูมาสาย จุดนี้ ถ้าบกเป็นความผิด เราก็ยอมรับผิด แต่ผิดยังไง เราก็ำม่ควรโดนไล่เหมือนหมาขนาดนี้ เสียใจมาก ชีวิตผิดหวัง จนไม่มีใจจะทำอะไร ค่อยๆรักษาตัวเอง จนดีขึ้น แต่บาดแผลครั้งนี้ยังไม่หาย ยังเจ็บอยู่ทุกวัน  

พนักงานที่ทำงานอยู่เป็น ธุรการ เราก็เลือกมาให้ ไม่ได้ทวงบุญคุณ แต่เจ็บที่ได้ยินมาว่า น้องพูดว่า งานเราง่ายๆ แค่ใส่ข้อมูลในระบบ แล้วก็ปรินท์ออกมา  ก่อนที่มันจะง่ายที่ทุกคนทำได้ กรูเนี่ยแหล่ะ เป็นคนรวบรวมข้อมูล ปรับระบบให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ผมหงอกเต็มเลย อยากจะบอกมันมาก แต่บอกไปก็เท่านั้น เพราะหมดใจกับน้องไปตั้งแต่น้องพูดว่า น้องไม่ได้อยู่ตอนเราคุยกับน้องนรก เลยไม่รู้ว่าเราพูดหรือไม่ เจ็บมาก เพราะเราคุยผ่านไลน์ พอน้องนรกโทรมา เราก็ให้น้องคุยเพราะไม่อยากโมโห งานตรงส่วนนี่ น้องช่วยเราทำ แต่เราไม่มีเวลาศึกษา เรียนรู้ และ สอนน้อง เลย บอกว่าปีนี้ เอาแบบนี้ไปก่อนให้พี่เคลียร์งานเสร็จแล้วเอาเอกสารที่จ้างน้องนรกมาเรียนรู้ดูกัน แต่น้องไม่ได้ช่วยบอกอะไร มีแต่ประโยคตามข้างบนที่เราเขียนให้ดู

จุดที่เราเจ็บสุดคือ เราพยายามสะสมระยะเวลา และ ทำระบบ เงินเดือน ให้เป็นแบบคาร์บอน เพราะจะกู้บ้าน เรากู่ได้ กพ 63 ทำเรื่องกำเนินเรียบร้อย ย้ายเข้าอยู่ เพื่อนไล่เราออกสิ้นดือน มีค 63 ยังโชคดีที่คุณแม่ ดูแลค่างวดส่งให้ไปก่อน จนกว่าเราจะเริ่มมีรายได้พอผ่อนเองได้

  สมัครงานแถว ตจว  ก็หมดหวังค่ะ เค้าระบุไม่เกิน 30 ปีแทบทุกริษัท เลยจะหาของขาย พอคิดจะขาย ฮึดช่วงแรก แต่พอจะเริ่มกลับท้อมาก เพราะทำงานเอกสารมาตลอด ไม่ชอบค้าขาย แต่ครั้งนี้ จะเริ่มลองขายไส้กรอกวุ้นเส้น ที่เค้าต้องการตัวแทนรับไปขายตรงจุดนั้นอยู่ เราก็รู้สึกละอายใจ และคิดว่า ถ้าเพื่อน กับ แฟนเพื่อนรู้ คงจะดูถูกเรายิ่งกว่าเก่า รวมทั้ง พนักงานที่ทำงานทั้งหมด ที่เคยได้เงินเดือนน้อยกว่าเรา แต่ตอนนี้ เรากลับมาเป็นคนที่ต้องขายรายวัน ซึ่งไม่รู้จะขายได้หรือเปล่า  เทียบกับพวกเค้าไม่ได้เลย ที่เค้าอาจจะได้รับรู้ เพราะสามีเรา ยังต้องพี่งพา บริษัทเพื่อนคนนี้อยู่ อต่เราไม่ยุ่งใดใด และกลุ่มเพื่อนๆ ก็ยังมีกลุ่มเดียวกันอยู่ นี่แหล่ะค่ะ ชีวิตบัดซบของเรา ทุกวันนี้ ยังพยายามหางาน หาอาชีพค้าขาย ให้มีรายได้ให้ได้ แต่รู้สึกท้อ เหนื่อย ไม่มีพลังใจ คิดวิธีที่ทำให้เราก้าวต่อไปได้ไม่ออกค่ะ ขอคำแนะนำ กำลังใจ วิธีคิด หรือประสบการณืท่านที่ผ่านมาแล้ว ในการเริ่มชีวืตใหม่ด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ในฐานะที่ผมเอง สถิตอยู่ในห้องนี้
ย่างวัย 41 เกิดความเสื่อมทางจิต จนเข้าหาพระธรรม
สิ่งที่ได้พอมาสอนชาวบ้าน
1.อย่าปรุงแต่งจิต คือคิดไปไกล เอากลับมาเล่นต่อ วนเวียน เติมความคิดใหม่ ความเห็นลงไป รวมๆคือความปรุงแต่ง
2.เสียใจหรือโกรษ ใดๆ จงรู้ทันเสียใจและโกรษ ไม่ห้าม แต่จงรู้ว่ากำลังเป็น
3.เมื่อใดเกิดความคิด อกุศลจิจ จงมีสติ เอาสติมาดูลมหายใจเข้า ออก จะเห็นว่าความคิดหายไป
4.ทั้งนี้คุณต้องพึงการออกกำลังกาย และกิจกรรมดีงามอื่นๆ
5.จงมองหาแต่ข้อดี ให้มาก มากที่หาและคิดได้ อัดข้อดีออกมา เขียนมันออกมา ข้อดีของการโดนไล่ออก ข้อดีของเพื่อน เพื่อความสุขใจ
6.รับรู้ความจริงตรงหน้า บอกตัวเองถึงข้อดีของการตกงาน อย่าโหยหาสิ่งที่ไม่มีแล้ว
7.กลับมาเรื่องปรุงแต่งจิต คือคิดต่อ คิดต่อ คิดลบ ลบ ตกต่ำ กลับไปข้อแรก
ดึงจิตมารู้กาย อาาปานสติ หาข้อมูลเอาครับ
มันไม่หายดังใจครับ แต่จะทุเลาเบาบางลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่