**แชร์ประสบการณ์ ซื้อบ้านหลังแรก ในยุคโควิด (COVID-19)**
เราและแฟนแต่งงาน ใช้ชีวิตด้วยกันมา 11 ปี มีลูก 2 คน (ก่อนซื้อบ้านอาศัยอยู่บ้านของพ่อแม่) สมาชิกในครอบครัว มีทั้งหมด 6 คน พ่อ,แม่,เรา,แฟน,ลูกคนโตผู้ชาย,ลูกคนเล็กผู้หญิง (ครอบครัวอบอุ่นดีไม่เคยมีปัญหาพ่อแม่เข้าใจวัยรุ่น) ซึ่งบ้านหลังที่อยู่นี้มีห้องนอน 3 ห้อง ไม่เพียงพอกับจำนวนสมาชิก และ ลูกคนเล็กเป็นผู้หญิง เด็กๆเมื่อโตขึ้นมาจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัว มีห้องนอนเป็นของตัวเอง เราและแฟนเลยมีความคิดที่จะซื้อบ้าน อยู่กันมาตั้งนานทำไมพึ่งมีความคิดที่จะซื้อบ้าน ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เงิน (555+) ซื้อบ้านมันต้องมีความพร้อมไม่ใช่อยู่ๆอยากจะซื้อก็ซื้อ และต้องศึกษาหาข้อมูล
เหตุผลในการซื้อบ้าน
1. อยากสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง
2. อยากสร้างรากฐานชีวิตให้กับลูกทั้ง2คน
3.เพื่ออยู่อาศัย และขยายครอบครัวในอนาคต
ลักษณะบ้านที่ต้องการ
1. บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮม ก็ได้
2. บ้าน 2 ชั้น มี 3 หรือ 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถได้ 1 คัน
(อยากได้บ้านที่มีห้องนอน อยู่ชั้นล่างด้วย เผื่ออานาคต พ่อและแม่ มาอยู่ด้วยอายุเยอะเดินขึ้นลงบันไดลำบาก)
3. หมู่บ้าน ที่มี พนง.รักษาความปลอดภัย เพราะมีเด็ก
การที่จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ใช้เวลาคิดอยู่ค่อนข้างนาน การที่จะซื้อบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตค่อนข้างเยอะอ่านให้ได้มากที่สุด ใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลไปประมาณ 4 เดือน และเรากับแฟนก็ตกลงกันว่าเอาแน่ ซื้อแน่ๆ (จะเป็นหนี้แน่ๆ) เริ่มลงสนามจริง ลงดูพื้นที่จริง เข้าไปดูแต่ละโครงการย่านสมุทรปราการ วันที่ 11/4/63 แฟนเราไปตระเวนดูบ้านในแต่ละโครงการ ไปดูประมาณ 4-5 โครงการ ในวันแรกแฟนเราไปคนเดียว และ คัดเลือกมาว่าโครงการไหน โอเค วันที่18/4/63 ออกไปดูบ้านตามโครงการที่แฟนคัดมา รอบนี้ไปกัน 2 คน เพื่อช่วยกันดูว่าชอบโครงการไหน กลับบ้านมาคิดอยู่ 6 วันและตัดสินใจเลือกมา 1 โครงการ ที่เราทั้ง2 คน มองว่าเหมาะสมกับครอบครัวของเรามากที่สุด
วันที่25/4/63 ตัดสินใจ เดินทางไปที่โครงการที่เลือกไว้ทันที เราเลือกเป็น บ้านประเภท ทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 2,460,000 เลือกหลังริม (หลังริมที่เลือกไม่มีเนื้อที่ข้างบ้าน)
โครงการนี้ดีตรงที่หลังบ้านทางโครงการมีการทำ ผนังสำเร็จ+ลงเสาเข็ม+รางน้ำ ไว้ให้แล้ว ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย ในส่วนของการต่อเติมห้องครัวไปได้เยอะ
โ
ปรโมชั่นที่ได้รับในช่วง(COVID-19)ที่อาจจะมีหลายๆโครงการ
1. Gift voucher มูลค่า 150,000.-
2. ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
3. ฟรีจดจำนอง
4. ฟรีประกันมิเตอร์น้ำ
5. ฟรีประกันมิเตอร์ไฟ
6. ฟรีอากรแสตมป์
7. ฟรีส่วนกลาง
8. ขอ Gift voucher เพิ่มได้ 20,000.-
9.ค่าจอง 999.-
*Gift voucherใช้ไม่หมดแลกเป็นเงิดสดได้ หรือ จะไม่ซื้อของแล้วแลกเป็นเงินสดทั้งหมดก็ได้*
ขั้นตอนการซื้อบ้าน ในยุคโควิด (COVID-19)
วันที่25/4/63 ค่าจอง 999.- (ปกติค่าจอง5,000บาท) ก่อนที่เซลล์ของโครงการ จะเก็บเงินค่าจอง เซลล์จะถามข้อมูลของเราคราวๆก่อน ว่าใช้ชื่อใครยื่นกู้โดยเรา และ แฟนยื่นกู้ร่วม (จดทะเบียนสมรส) เซลล์จะถามเกี่ยวกับ รายได้/รายจ่าย ว่าพอที่จะยื่นกู้ผ่านไหม
รายรับ
-เรา ฐานเงินเดือน 13,500 + ค่าคอมรับต่อเดือน25,000-28,000
-แฟนเรา ฐานเงินเดือน14,000 + ค่า Incentive รับต่อเดือน 16,000-18,000
**เรามีอาชีพเสริม ขายของออนไลน์(อาหาร)ขายหลังเลิกงาน และลงตลาดทุกวันอาทิตย์ รายรับเฉพาะขายของ ประมาณเดือนละ 10,000.-**
รายจ่าย
1. บัตรเครดิต1ใบ จ่าย 4,000 บาท/เดือน
2. ผ่อนมอเตอร์ไซค์ จ่าย 3,000 บาท/เดือน
เซลล์โครงการบอกเลยว่า ฐานเงินเดือนเราน้อยมาก เพราะบางธนาคารไม่ดูยอดรายรับโดยรวม บางธนาคารจะดูแค่ฐานเงินเดือนเป็นหลัก อาจจะกู้ได้ไม่เต็ม100% เช่น บ้านราคา 2,460,000ล้าน อาจจะกู้ได้แค่ 2,300,000 คือกู้ผ่านแน่นอนแต่อาจจะได้วงเงินกู้ไม่เต็ม100% ถ้ายื่นกู้แล้วเรากู้ได้ไม่เต็ม100% ทางโครงการจะคืนเงินจองให้ เราเลยตัดสินใจจองเพราะค่าจองถูกมากแค่ 999.-บาท เซลล์นำเอกสารมาให้กรอกเพื่อยื่นกู้กับทางธนาคาร ทั้งหมด 5 ธนาคาร แบงค์ม่วง/แบงค์ส้ม/แบงค์เหลือง/แบงค์น้ำเงิน/แบงค์เขียว
วันที่27/4/63 ส่งเอกสารให้กับทางโครงการ วันที่เข้าไปจองไม่ได้เอาเอกสารส่วนตัวไป เอกสารที่ต้องใช้
1. สำเนาบัตรปชช.
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาทะเบียนสมรส
4. สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 6 เดือน
5. หนังสือรับรองเงินเดือน
6. หนังสือรับรองสิทธิ์สวัสดิการพนง.ถ้ามี
7. statement ย้อนหลัง 6 เดือน 8.ทวิ50 ถ้ามี
(เอกสารทั้งหมด สแกนส่งทางlineหรือe-mailได้เลยไม่ต้องส่งตัวจริง)
วันที่28-29/4/63 แต่ละธนาคารมีการติดต่อเข้ามาขอเอกสารเพิ่มเช่น statementล่าสุด / ขอหน้าบุ๊คแบงค์
และทางธนาคารจะโทรเช็คเข้ามาที่ทำงานของเรา และบางธนาคารโทรเข้ามาเช็ค 2-3 รอบ
วันที่30/4/63 แค่ละธนาคารโทรมาแจ้งผล วงเงินกู้ และ อัตราดอกเบี้ย บางธนาคารก็ให้กู้ ได้แค่95% และ บางธนาคารให้กู้ ได้เต็ม100% เราตัดสินใจเลือก แบงค์น้ำเงิน กู้ได้เต็ม100% และเจ้าหน้าที่ของธนาคารบริการค่อนข้างดี
วันที่5/5/63 แบงค์น้ำเงิน แจ้งข้อมูลต่างๆมาให้เราตรวจดู เช่น วงเงินกู้ , อัตราดอกเบี้ย,แถมประกันอัคคีภัย เมื่อเราตรวจดูแล้วข้อมูลถูกต้องตามที่ได้คุยกันไว้ ก็แจ้งตกลงนัดเซ็นสัญญาได้เลย
วันที่7/5/63 เจ้าหน้าที่ของธนาคารนำสัญญามาให้เซ็น(ผ่อนต่อเดือน 9,400บาท ดอกเบี้ย 2.345%) โดยเอกสารจะเป็นพวก สัญญารายละเอียดการกู้ และ ใบมอบอำนาจเพื่อให้ทางธนาคารไปทำเรื่องที่ กรมที่ดิน เราไม่ว่างไปด้วยตัวเองเลยให้ทางธนาคารจัดการให้ เซ็นอย่างเยอะ แต่ก็อ่านมันทุกบรรทัดนั่นแระ **ต้องอ่านให้ครบทุกบรรทัด**
วันที่8/5/63 เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ไปทำเรื่องโอนที่กรมที่ดิน และโทรแจ้งเราให้เข้าไปที่โครงการรับเอกสาร และ นัดตรวจบ้านได้เลย (ของเราโอนก่อนตรวจ จ้างตรวจ เพราะตรวจเองจะไม่ละเอียด)
วันที่11/5/63 เราเข้าไปที่โครงการ ตรวจเอกสารต่างๆ ก็อ่านมันทุกบรรทัดเหมือนเดิม ในส่วนของการตรวจบ้านตรวจรอบแรก เค้าก็ตรวจไปราวๆ3ชั่วโมง โดยรวมค่อนข้างโอเค(จ้างตรวจ5,000บาท เข้าตรวจ2รอบ ถ้ามีรอบ 3 จ่ายเพิ่ม) ทางคนตรวจจะเรียกช่างโครงการมาฟังผลการตรวจด้วย ว่ามีแก้ตรงไหนบ้าง ใช้เวลาแก้ไข ประมาณ15วัน ในระหว่างวันที่ช่างแก้งาน เราก็เข้าไปดูบ้านตลอดๆๆ
วันที่7/6/63 นัดจ้างตรวจ และ วิศวกรโครงการ ตรวจบ้านครั้งที่2 ตรวจรอบ2 มีงานเก็บสีนิดหน่อย และเซ็นรับบ้าน ณ วันนั้นเลย ทางวิศวกรของโครงการแจ้งว่าถ้าจะต่อเติมบ้านสามารถทำได้เลย
และก็มาถึงงานต่อเติมบ้าน
หน้าบ้าน ต่อเติมหลังคาหน้าบ้าน / ประตูบานเลื่อน
หลังบ้าน ต่อเติมหลังคา,เคาเตอร์ครัว,ซักล้าง
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (บอกเป็นตัวเลขกลมๆเพราะจำไม่ค่อยได้)
1. ต่อเติมหน้าบ้าน/หลังบ้าน ประมาณ 90,000.-
(เราไม่ได้จ้างผู้รับเหมา พ่อเราและทีมงานเป็นคนจัดการ 90,000 นี่คือรวมค่าอุปกรณ์ต่อเติม/ค่าแรง/ค่าข้าว/ ของทีมงานแล้วนะ)
2. เราใช้ Gift voucher ที่โครงการแถมให้ไปซื้อพวกของใช้ เช่น กระเบื้อง,ตู้แขวน,บานประตู,เตาแก๊ส,ฮูด และอื่นๆ ใช้ไปประมาณ 90,000.- เมื่อได้ครบตามที่ ลิสรายการไว้แล้ว ยอดเงินใน Gift voucher เหลือเราก็แลกเป็นเงินสดมาใช้จ่ายอื่นๆ แต่จะได้ส่วนที่เหลือไม่เต็มเค้าจะหัก5% ได้เงินสดมาประมาณ 76,000.- (ก่อนจะไปเลือกซื้อของ เราลิสรายการของที่จำเป็นที่จะต้องซื้อ และตั้งราคาของชิ้นนั้นๆไปด้วยเพื่อคุมราคา อันไหนลดได้ลด อันไหนเพิ่มได้เพิ่ม)
3. ติดแอร์ 2 ตัว 42,000.-
4. ผ้าม่าน 16,900.-
5. มุ้งลวดเหล็กดัด 25,000.-
สรุปคือใช้เงินส่วนตัวไปประมาณ 98,000 บาท (+ค่าตรวจอีก 5,000 เป็น 103,000 บาท )
*เฟอร์นิเจอร์ ใช้ของที่มีอยู่บ้านเดิม*
***ซื้อบ้าน ยุคโควิด (COVID-19) ปี2563***
**แชร์ประสบการณ์ ซื้อบ้านหลังแรก ในยุคโควิด (COVID-19)**
เราและแฟนแต่งงาน ใช้ชีวิตด้วยกันมา 11 ปี มีลูก 2 คน (ก่อนซื้อบ้านอาศัยอยู่บ้านของพ่อแม่) สมาชิกในครอบครัว มีทั้งหมด 6 คน พ่อ,แม่,เรา,แฟน,ลูกคนโตผู้ชาย,ลูกคนเล็กผู้หญิง (ครอบครัวอบอุ่นดีไม่เคยมีปัญหาพ่อแม่เข้าใจวัยรุ่น) ซึ่งบ้านหลังที่อยู่นี้มีห้องนอน 3 ห้อง ไม่เพียงพอกับจำนวนสมาชิก และ ลูกคนเล็กเป็นผู้หญิง เด็กๆเมื่อโตขึ้นมาจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัว มีห้องนอนเป็นของตัวเอง เราและแฟนเลยมีความคิดที่จะซื้อบ้าน อยู่กันมาตั้งนานทำไมพึ่งมีความคิดที่จะซื้อบ้าน ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เงิน (555+) ซื้อบ้านมันต้องมีความพร้อมไม่ใช่อยู่ๆอยากจะซื้อก็ซื้อ และต้องศึกษาหาข้อมูล
เหตุผลในการซื้อบ้าน
1. อยากสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง
2. อยากสร้างรากฐานชีวิตให้กับลูกทั้ง2คน
3.เพื่ออยู่อาศัย และขยายครอบครัวในอนาคต
ลักษณะบ้านที่ต้องการ
1. บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮม ก็ได้
2. บ้าน 2 ชั้น มี 3 หรือ 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถได้ 1 คัน
(อยากได้บ้านที่มีห้องนอน อยู่ชั้นล่างด้วย เผื่ออานาคต พ่อและแม่ มาอยู่ด้วยอายุเยอะเดินขึ้นลงบันไดลำบาก)
3. หมู่บ้าน ที่มี พนง.รักษาความปลอดภัย เพราะมีเด็ก
การที่จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ใช้เวลาคิดอยู่ค่อนข้างนาน การที่จะซื้อบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตค่อนข้างเยอะอ่านให้ได้มากที่สุด ใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลไปประมาณ 4 เดือน และเรากับแฟนก็ตกลงกันว่าเอาแน่ ซื้อแน่ๆ (จะเป็นหนี้แน่ๆ) เริ่มลงสนามจริง ลงดูพื้นที่จริง เข้าไปดูแต่ละโครงการย่านสมุทรปราการ วันที่ 11/4/63 แฟนเราไปตระเวนดูบ้านในแต่ละโครงการ ไปดูประมาณ 4-5 โครงการ ในวันแรกแฟนเราไปคนเดียว และ คัดเลือกมาว่าโครงการไหน โอเค วันที่18/4/63 ออกไปดูบ้านตามโครงการที่แฟนคัดมา รอบนี้ไปกัน 2 คน เพื่อช่วยกันดูว่าชอบโครงการไหน กลับบ้านมาคิดอยู่ 6 วันและตัดสินใจเลือกมา 1 โครงการ ที่เราทั้ง2 คน มองว่าเหมาะสมกับครอบครัวของเรามากที่สุด
วันที่25/4/63 ตัดสินใจ เดินทางไปที่โครงการที่เลือกไว้ทันที เราเลือกเป็น บ้านประเภท ทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 2,460,000 เลือกหลังริม (หลังริมที่เลือกไม่มีเนื้อที่ข้างบ้าน) โครงการนี้ดีตรงที่หลังบ้านทางโครงการมีการทำ ผนังสำเร็จ+ลงเสาเข็ม+รางน้ำ ไว้ให้แล้ว ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย ในส่วนของการต่อเติมห้องครัวไปได้เยอะ
โปรโมชั่นที่ได้รับในช่วง(COVID-19)ที่อาจจะมีหลายๆโครงการ
1. Gift voucher มูลค่า 150,000.-
2. ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
3. ฟรีจดจำนอง
4. ฟรีประกันมิเตอร์น้ำ
5. ฟรีประกันมิเตอร์ไฟ
6. ฟรีอากรแสตมป์
7. ฟรีส่วนกลาง
8. ขอ Gift voucher เพิ่มได้ 20,000.-
9.ค่าจอง 999.-
*Gift voucherใช้ไม่หมดแลกเป็นเงิดสดได้ หรือ จะไม่ซื้อของแล้วแลกเป็นเงินสดทั้งหมดก็ได้*
ขั้นตอนการซื้อบ้าน ในยุคโควิด (COVID-19)
วันที่25/4/63 ค่าจอง 999.- (ปกติค่าจอง5,000บาท) ก่อนที่เซลล์ของโครงการ จะเก็บเงินค่าจอง เซลล์จะถามข้อมูลของเราคราวๆก่อน ว่าใช้ชื่อใครยื่นกู้โดยเรา และ แฟนยื่นกู้ร่วม (จดทะเบียนสมรส) เซลล์จะถามเกี่ยวกับ รายได้/รายจ่าย ว่าพอที่จะยื่นกู้ผ่านไหม
รายรับ
-เรา ฐานเงินเดือน 13,500 + ค่าคอมรับต่อเดือน25,000-28,000
-แฟนเรา ฐานเงินเดือน14,000 + ค่า Incentive รับต่อเดือน 16,000-18,000
**เรามีอาชีพเสริม ขายของออนไลน์(อาหาร)ขายหลังเลิกงาน และลงตลาดทุกวันอาทิตย์ รายรับเฉพาะขายของ ประมาณเดือนละ 10,000.-**
รายจ่าย
1. บัตรเครดิต1ใบ จ่าย 4,000 บาท/เดือน
2. ผ่อนมอเตอร์ไซค์ จ่าย 3,000 บาท/เดือน
เซลล์โครงการบอกเลยว่า ฐานเงินเดือนเราน้อยมาก เพราะบางธนาคารไม่ดูยอดรายรับโดยรวม บางธนาคารจะดูแค่ฐานเงินเดือนเป็นหลัก อาจจะกู้ได้ไม่เต็ม100% เช่น บ้านราคา 2,460,000ล้าน อาจจะกู้ได้แค่ 2,300,000 คือกู้ผ่านแน่นอนแต่อาจจะได้วงเงินกู้ไม่เต็ม100% ถ้ายื่นกู้แล้วเรากู้ได้ไม่เต็ม100% ทางโครงการจะคืนเงินจองให้ เราเลยตัดสินใจจองเพราะค่าจองถูกมากแค่ 999.-บาท เซลล์นำเอกสารมาให้กรอกเพื่อยื่นกู้กับทางธนาคาร ทั้งหมด 5 ธนาคาร แบงค์ม่วง/แบงค์ส้ม/แบงค์เหลือง/แบงค์น้ำเงิน/แบงค์เขียว
วันที่27/4/63 ส่งเอกสารให้กับทางโครงการ วันที่เข้าไปจองไม่ได้เอาเอกสารส่วนตัวไป เอกสารที่ต้องใช้
1. สำเนาบัตรปชช.
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาทะเบียนสมรส
4. สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 6 เดือน
5. หนังสือรับรองเงินเดือน
6. หนังสือรับรองสิทธิ์สวัสดิการพนง.ถ้ามี
7. statement ย้อนหลัง 6 เดือน 8.ทวิ50 ถ้ามี
(เอกสารทั้งหมด สแกนส่งทางlineหรือe-mailได้เลยไม่ต้องส่งตัวจริง)
วันที่28-29/4/63 แต่ละธนาคารมีการติดต่อเข้ามาขอเอกสารเพิ่มเช่น statementล่าสุด / ขอหน้าบุ๊คแบงค์
และทางธนาคารจะโทรเช็คเข้ามาที่ทำงานของเรา และบางธนาคารโทรเข้ามาเช็ค 2-3 รอบ
วันที่30/4/63 แค่ละธนาคารโทรมาแจ้งผล วงเงินกู้ และ อัตราดอกเบี้ย บางธนาคารก็ให้กู้ ได้แค่95% และ บางธนาคารให้กู้ ได้เต็ม100% เราตัดสินใจเลือก แบงค์น้ำเงิน กู้ได้เต็ม100% และเจ้าหน้าที่ของธนาคารบริการค่อนข้างดี
วันที่5/5/63 แบงค์น้ำเงิน แจ้งข้อมูลต่างๆมาให้เราตรวจดู เช่น วงเงินกู้ , อัตราดอกเบี้ย,แถมประกันอัคคีภัย เมื่อเราตรวจดูแล้วข้อมูลถูกต้องตามที่ได้คุยกันไว้ ก็แจ้งตกลงนัดเซ็นสัญญาได้เลย
วันที่7/5/63 เจ้าหน้าที่ของธนาคารนำสัญญามาให้เซ็น(ผ่อนต่อเดือน 9,400บาท ดอกเบี้ย 2.345%) โดยเอกสารจะเป็นพวก สัญญารายละเอียดการกู้ และ ใบมอบอำนาจเพื่อให้ทางธนาคารไปทำเรื่องที่ กรมที่ดิน เราไม่ว่างไปด้วยตัวเองเลยให้ทางธนาคารจัดการให้ เซ็นอย่างเยอะ แต่ก็อ่านมันทุกบรรทัดนั่นแระ **ต้องอ่านให้ครบทุกบรรทัด**
วันที่8/5/63 เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ไปทำเรื่องโอนที่กรมที่ดิน และโทรแจ้งเราให้เข้าไปที่โครงการรับเอกสาร และ นัดตรวจบ้านได้เลย (ของเราโอนก่อนตรวจ จ้างตรวจ เพราะตรวจเองจะไม่ละเอียด)
วันที่11/5/63 เราเข้าไปที่โครงการ ตรวจเอกสารต่างๆ ก็อ่านมันทุกบรรทัดเหมือนเดิม ในส่วนของการตรวจบ้านตรวจรอบแรก เค้าก็ตรวจไปราวๆ3ชั่วโมง โดยรวมค่อนข้างโอเค(จ้างตรวจ5,000บาท เข้าตรวจ2รอบ ถ้ามีรอบ 3 จ่ายเพิ่ม) ทางคนตรวจจะเรียกช่างโครงการมาฟังผลการตรวจด้วย ว่ามีแก้ตรงไหนบ้าง ใช้เวลาแก้ไข ประมาณ15วัน ในระหว่างวันที่ช่างแก้งาน เราก็เข้าไปดูบ้านตลอดๆๆ
วันที่7/6/63 นัดจ้างตรวจ และ วิศวกรโครงการ ตรวจบ้านครั้งที่2 ตรวจรอบ2 มีงานเก็บสีนิดหน่อย และเซ็นรับบ้าน ณ วันนั้นเลย ทางวิศวกรของโครงการแจ้งว่าถ้าจะต่อเติมบ้านสามารถทำได้เลย
และก็มาถึงงานต่อเติมบ้าน
หน้าบ้าน ต่อเติมหลังคาหน้าบ้าน / ประตูบานเลื่อน
หลังบ้าน ต่อเติมหลังคา,เคาเตอร์ครัว,ซักล้าง
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (บอกเป็นตัวเลขกลมๆเพราะจำไม่ค่อยได้)
1. ต่อเติมหน้าบ้าน/หลังบ้าน ประมาณ 90,000.-
(เราไม่ได้จ้างผู้รับเหมา พ่อเราและทีมงานเป็นคนจัดการ 90,000 นี่คือรวมค่าอุปกรณ์ต่อเติม/ค่าแรง/ค่าข้าว/ ของทีมงานแล้วนะ)
2. เราใช้ Gift voucher ที่โครงการแถมให้ไปซื้อพวกของใช้ เช่น กระเบื้อง,ตู้แขวน,บานประตู,เตาแก๊ส,ฮูด และอื่นๆ ใช้ไปประมาณ 90,000.- เมื่อได้ครบตามที่ ลิสรายการไว้แล้ว ยอดเงินใน Gift voucher เหลือเราก็แลกเป็นเงินสดมาใช้จ่ายอื่นๆ แต่จะได้ส่วนที่เหลือไม่เต็มเค้าจะหัก5% ได้เงินสดมาประมาณ 76,000.- (ก่อนจะไปเลือกซื้อของ เราลิสรายการของที่จำเป็นที่จะต้องซื้อ และตั้งราคาของชิ้นนั้นๆไปด้วยเพื่อคุมราคา อันไหนลดได้ลด อันไหนเพิ่มได้เพิ่ม)
3. ติดแอร์ 2 ตัว 42,000.-
4. ผ้าม่าน 16,900.-
5. มุ้งลวดเหล็กดัด 25,000.-
สรุปคือใช้เงินส่วนตัวไปประมาณ 98,000 บาท (+ค่าตรวจอีก 5,000 เป็น 103,000 บาท )
*เฟอร์นิเจอร์ ใช้ของที่มีอยู่บ้านเดิม*
***ซื้อบ้าน ยุคโควิด (COVID-19) ปี2563***