สวัสดีหลายๆคนที่เข้ามาอ่าน หาข้อมูล หรือกำลังจะผ่าตัดเนื้องอกในสมองนะคะ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ของคุณพ่อวัยอายุ 65 ปี ที่ต้องเป็นเนื้องอกในสมอง แบบกระทันหันมาก ปุ๊ปปั๊ป เกิดขึ้นเร็วมาก และผ่านไปเร็วมากค่ะ เริ่มเลยนะคะ
จุดเริ่มต้นก็คือ เดิมทีพ่อเรามีโรคประจำตัว ความดัน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด หอบหืด ลมชัก ถุงลมโป่งพอง กระเพาะเรื้อรัง และมีติดเชื้อในลำไส้/ปัสสาวะร่วมด้วย คนเดียวมาเป็นแพ็คเกจ 5555 มาเป็นชุด เป็นมาเกือบ 10 ปี แล้ว ก็รักษากันแบบนี้มาเรื่อยๆ ก็ไม่มีปัญหา พอระยะ 1-2 ปีเริ่มมีอาการ พูดไม่ชัด คิดนาน จะพูดเรื่องนึงก็คือกว่าจะจบ นานมาก ชอบพูดวนไปวนมาเรื่องเดิม หลงๆลืมๆเรื่องที่กำลังจะทำ หรือพึ่งทำไป นิ้วมือเริ่มไม่กระดิก เป็นบางนิ้วนะคะ ก็จะคิดว่าแกเป็นแค่โรคคนแก่ ก็เลยให้แกนวดมือนวดนิ้ว กำมือคลายมือปกติเหมือนใน Google สอน ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ
เมื่อสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2563 พ่อลืมกินยากันชัก เพราะอาการหลงๆลืมๆ ทำให้ชักในห้องน้ำ หัวแกก็ไปโขกเข้ากับเก้าอี้พลาสติกเล็กๆที่เอาไว้นั่งขัดเท้า ไม่งั้นก็ถังใส่น้ำ ก็ไม่มีใครทราบว่าโขกกับอะไร เพราะไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ดีหัวไม่แตก มีแค่ช้ำหน่อยๆ แม่อยู่บ้านพอดี ก็เรียกญาติข้างบ้านที่ทำงานอยู่มาช่วยเปิดประตู เพราะพ่อล็อคประตูห้องน้ำ พอช่วยออกมาได้ก็โทรเรียกรถ 1669 มา เค้าก็พาไปส่งโรงพยาบาลรัฐในตัวจังหวัด มีแต่แม่ที่ไปด้วย เค้าก็เอาพ่อไป CT Scan ที่หัว ปรากฎว่าไม่มีเลือดคลั่งในสมอง แต่พบก้อนเนื้อขนาด 5 ซม. ในสมองซีกขวา บร๊ะเจ้าาาาาา เตรียมใจไม่ทันจริงๆ จากนั้นพ่อก็ได้นอนดูอาการชักที่รพ.ไปอีก 3 วัน ก็ได้ออกรพ.ค่ะ
กลางเดือน พฤษภาคม 2563 คุณหมอนัดพบ คุยถึงเรื่องอาการ สาเหตุ การรักษา หมอบอกก้อนเนื้องอกอยู่ทางสมองซีกขวา ขนาด 5 ซม. ก็ถือว่าใหญ่แล้ว น่าจะเป็นมานานแล้ว เป็นก้อนอะไร หมอก็ตอบแน่ชัดไม่ได้ หมอเลยแนะนำให้ผ่าตัดเอาออก เพื่อที่จะเอามาตรวจดูว่าเป็นก้อนเนื้อดีหรือก้อนร้าย ผ่าแล้วมีผลดีและเสีย ดีก็คือมีโอกาสหาขาด เสียคือแขนขาข้างซ้ายจะอ่อนแรงลงหลังผ่าตัด ต้นฝึกกายภาพบำบัดหลังผ่าถ้าไม่ผ่าก็ต้องนัดตรวจ CT Scan อีก 3 เดือนข้างหน้าว่าก้อนมันมีขนาดใหญ่ขึ้นมั้ย ไอ้เราก็ช่วยพ่อคิดและถามความสมัครใจว่าจะผ่านมั้ย พ่อก็ลังเล มันเป็นเรื่องปุ๊ปปั๊ปและใหม่เกินไปสำหรับครอบครัวเรา พ่อก็บอกตามใจลูก ไอ้ลูกก็เลยสงสารพ่อ กลัวไม่ได้เตรียมใจ เลยตัดสินใจว่า ยังไม่ผ่า ขอรอดูอาการไปก่อนอีก 3 เดือน 6 เดือน หมอบอกถ้ามีอาการปวดหัว แขนขาอ่อนแรงให้รีบมาที่รพ.เลยนะ เราก็ตกลงตามนี้ หมอก็ให้แกยกแขนขาข้างซ้ายก็ยกได้ปกติ ไม่มีปัญหายังมีแรง ก็ให้ยาลดสมองบวมมากินที่บ้าน และนัดอีกที เดือนสิงหาคมค่ะ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ยังไม่ทันถึงวันนัด อาการก็แสดงออกชัดแล้วจ้า พ่อบอกว่าขาซ้ายรู้สึกเบา เดินยกขาไม่ขึ้น ขึ้นเตียงก็ยกขาไม่ไปแล้วค่ะเวลาพ่อเป็นอะไรนิดหน่อยเค้าจะคุยกับเราทันที พอคุยกัน ก็ตกลงกันไปรพ. ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ไปที่ห้องฉุกเฉิน บอกเค้าว่าแขนขาอ่อนแรงข้างซ้าย เพราะเป็นก้อนเนื้องอกในสมองข้างขวา เค้าก็พาเข้าห้องฉุกเฉิน ไม่เกิน 1 ชม. เค้าเรียกญาติไปคุย เค้าทำการ CT Scan เหมือนเดิมปรากฎว่าก้อนเนื้อใหญ่ขึ้น 1 ซม. จาก 5 ซม. เป็น 6 ซม. น่าจะไปเบียดสมองเส้นเลือดสมองส่วนที่สั่งการแขนขาข้างซ้าย หมอถามจะผ่าตัดมั้ยหากไม่ผ่าปล่อยไว้ ได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงในวัย 65 ปี แน่นอน เรากับพ่อก็มีการคุยกันไว้แล้ว ถ้ามันจำเป็นต้องผ่า ก็ผ่า เสี่ยงเอา เพราะแกกลัวเป็นภาระครอบครัว ก็เลยตกลงว่าจะผ่าตัดทันที เค้าก็ให้นอนรพ.ก่อน ตกอีกวัน เค้าให้ไปทำ MRT ที่คลินิกแห่งนึก เพื่อให้เห็นตำแหน่งของก้อนเนื้อชัดขึ้น ง่ายต่อการผ่าตัดของคุณหมอ แล้วได้คิวผ่าตัดอีกที วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 หมอเลยถามจะนอนรอที่รพมั้ย หรือจะกลับไปนอนที่บ้านก็ได้ เพราะหลายวันกว่าจะได้ผ่า พ่ออยากกลับไปพักผ่อน เดินเล่นที่บ้าน ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านค่ะ
พอถึงวันที่ 7กรกฎาคม 2563 มาถึง ตอนเช้าได้ทำการไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดที่นับถือ ไปไหว้พระที่หน้ารพ. เพื่อเป็นที่ยึกเหนี่ยวจิตใจของพ่อ สร้างกำลังใจกันค่ะ เพราะไม่รู้ผลหลังผ่าตัดจะเป็นยังไง ไอ้เราก็คิดไปต่างๆนาๆ หวังให้พ่อผ่าแล้วกลับมาปกติที่สุด พอมาถึงรพ. เค้าก็ให้นอนรอ เจาะเลือดตรวจความดันอาการก่อนผ่าตัดโน่นนี่ วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 วันผ่าตัดจริง ให้งดข่าว งดน้ำ 9.30 น. มีทีมผ่าตัดใส่ชุดสีเขียวมาเข็นรถเข็นพ่อไปห้องผ่าตัด ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ค่ะ เราไปทำงาน กะว่าเลิกงานพ่อก็ผ่าตัดเสร็จพอดี มีแม่กับญาติพ่อมารอการผ่าตัดครั้งนี้ หมอบอกใช้วิธีดมยาสลบ แล้วผ่าตัด เริ่มผ่าตัด เวลา 10.00 น. - 14.00 น. ใช้เวลาผ่า 4 ชม. ผ่าเสร็จก็เข็นมาดูอาการห้อง ICU ทันที ญาติยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ ต้องรอ 17.00 น. ตามเวลาห้องที่เค้าจะให้เยี่ยม พอเราเลิกงานก็พอดีเลยค่ะ ไปถึงห้อง ICU พ่อหลับตา มีผ้าทำแผลแปะบนหัวใหญ่มาก มีสายยางเป็นหลอดซุกที่หัวเพื่อดูดเลือดและน้ำในสมอง ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วพยาบาลก็เดินมาบอกว่าหมอเอาก้อนเนื้อออกหมดแล้วนะ เพราะก่อนหน้าจะผ่าน หมอบอกจะเอาออกไม่หมด กลัวไปกระทบกับสมองส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน และบอกว่าพ่อเริ่มลืมตาแล้วนะ คุยแล้วด้วย แล้วก็เรียกพ่อตื่น บอกว่ามีลูกกับภรรยามาหาให้ตื่นดูก่อน เค้าพยายามเรียกให้คนไข้ตื่นมาคุย ให้มีสติ ได้ตื่นตัวค่ะ พ่อก็พูดว่าหนาว เจ็บ พูดอยู่แค่นี้ แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณดีค่ะ ที่ฟื้นมาแล้วรู้สึกหนาว รู้สึกเจ็บ
วันที่ 9 กรกฎาคม 63 พยาบาลบอกพ่อเป็นถุงลมโป่งพองหายใจเองยังไม่ได้นัก เลยโทรมาบอกว่าจะใส่เครื่องช่วยหายใจนะ เราก็อนุญาตให้ใส่เพราะพ่อเคยอยู่ ICU ใส่ท่อแบบนี้มา 7 วันแล้ว ก็น่าจะเคยแล้ว ใส่ได้เพียง 1 วันครึ่งเท่านั้น ก็ถอดเครื่องช่วยหายใจออก วันที่ 10 กรกฎาคม 63 พ่อเริ่มคุยรู้เรื่อง จำชื่อลูกได้ แต่จะมีจำไม่ได้ว่าผ่าตัดเสร็จแล้ว แกจะถามว่าผ่าตัดไปรึยัง นึกว่ายังไม่ได้ผ่า แล้วมีอาการฝันว่าอยู่บ้านงี้ และก็ยังไม่ได้กินข้าว น้ำในสมองก็เริ่มแห้งแล้วค่ะ วันที่ 11 กรกฎาคม 63 เวลาประมาณ 11.00 น. พยาบาลให้มาอยู่ห้องรวมธรรมดาได้แล้วค่ะ ดีใจมากค่ะ ก็กินข้าวได้แล้ว กินเป็นอาหารอ่อน ข้าวต้ม เพราะเป็นกระเพาะค่ะ ก็เริ่มให้ลุกนั่งได้แล้ว ต้องประคอง เหมือนจะไม่มีแรงนั่ง ต้องใช้เวลานิดนึง พอตกดึงเริ่มมีอาการแปลกๆ แกนอนไม่หลับ ด้วยความเป็นห้องรวมก็จะมีเสียงอะไรดังไปหมด เสียงคนไข้ เสียงรถเข็นลากไปมา พอนอนไม่หลับ เริ่มโวยวายลุกจะออกจากเตียง จะกลับไปนอนบ้านค่ะ ก็เป็นแบบนี้ทั้งคืน พอใกล้เช้าก็หลอนอีก มองไปที่หน้าตาแล้วบอกมีใครยืนอยู่ตรงนั้น มองไปก็ไม่มีใคร เราคิดในใจ บ้าแล้ว ผีหลอกรึปล่าว5555 แต่ก็คิดอีกแบบคือสมองแกน่าจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ตอนเช้ามาก็บอกว่าเมื่อคืนฝันว่าอยู่บ้าน ทั้งที่เมื่อคืนไม่ได้หลับ ก็เป็นประมาณนี้แหละค่ะ ช่วงแรกต้องปรับอารมณ์ตามให้ทัน เราต้องค่อยพูดให้เค้าเข้าใจ ค่อยๆสอน เค้าจะกลับไปเหมือนเด็กอะค่ะ
ผ่านไปจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 63 พ่อได้ออกมาอยู่บ้านแล้ว อาการดี คุยรู้เรื่อง แต่จะมีปวดตาบ่อย ไม่รู้ว่าเกิดเส้นประสาทตาเป็นอะไรรึปล่าวหัวไม่ปวดแล้วค่ะ แล้วมีแขนขาอ่อนแรงข้างซ้ายค่ะ ต้องใช้วอร์คเกอร์ 4 ขา ช่วยเดินค่ะ ก่อนออกรพ.ก็จะมีนักกายภาบำบัดมาหัดท่ากายภาพและช่วยสอนเดิน เพื่อที่กลับบ้านไป คนไข้และญาติจะได้รู้ท่า ไปฝึกที่บ้านได้เองค่ะ แล้วหมอก็นัดดูอาการและบอกผลก้อนเนื้ออีกทีกลางเดือนสิงหาคม 63 และนัดมาเอาแม็กเย็บที่หัวออก วันที่ 16 กรกฎาคม 63 ค่ะ
ปุ๊ปปั๊ปจริงๆค่ะ ในเคสพ่อเราดีที่ฟื้นมายังใช้ชีวิตได้ปกติอยู่ โชคดีที่การชักในคราวนั้น ทำให้รู้ทันว่ามีก้อนเนื้องอกในสมอง ไม่งั้นคงเดากันไปต่างๆนาๆ โชคดีที่พ่อเป็นคนสังเกตตัวเอง เป็นอะไรนิดหน่อยไปหาหมอทันที อ้อ แล้วที่พ่อฟื้นเร็วไม่รู้เกี่ยวกับอาหารเสริมมั้ย เพราะก่อนหน้าที่จะผ่าตัด 1 เดือนกว่า มีคนแนะนำให้ทานเอนชัวร์ แกเป็นคนแก่อายุ 70+ บอกดื่มแล้วดี ทั้งก่อนผ่าและหลังผ่าก็ให้พ่อดื่มทุกวันค่ะ และตอนนี้กำลังอยู่ช่วยกายภาพบำบัดค่ะ เดี๋ยวถ้ามีการพัฒนาขึ้น จะมาแชร์ประสบการณ์อีกนะคะ เผื่อหลายคนกังวลอยู่ ขอบคุณค่ะ
***พ่อรักษาโรงพยาบาลรัฐตามขั้นตอน ไม่เสียเงินสักบาท เพราะใช้บัตรทอง 30 บาท และมีประกันสังคม ออกรพ.ก็ได้เงินค่าประกันสังคมเป็นค่ากินค่าอยู่ของคนเฝ้าค่ะ BB
ประสบการณ์ เมื่อคุณพ่อต้องผ่าตัดเนื้องอกในสมอง [ เกิดขึ้นเร็วอย่างกับ The fast ]
จุดเริ่มต้นก็คือ เดิมทีพ่อเรามีโรคประจำตัว ความดัน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด หอบหืด ลมชัก ถุงลมโป่งพอง กระเพาะเรื้อรัง และมีติดเชื้อในลำไส้/ปัสสาวะร่วมด้วย คนเดียวมาเป็นแพ็คเกจ 5555 มาเป็นชุด เป็นมาเกือบ 10 ปี แล้ว ก็รักษากันแบบนี้มาเรื่อยๆ ก็ไม่มีปัญหา พอระยะ 1-2 ปีเริ่มมีอาการ พูดไม่ชัด คิดนาน จะพูดเรื่องนึงก็คือกว่าจะจบ นานมาก ชอบพูดวนไปวนมาเรื่องเดิม หลงๆลืมๆเรื่องที่กำลังจะทำ หรือพึ่งทำไป นิ้วมือเริ่มไม่กระดิก เป็นบางนิ้วนะคะ ก็จะคิดว่าแกเป็นแค่โรคคนแก่ ก็เลยให้แกนวดมือนวดนิ้ว กำมือคลายมือปกติเหมือนใน Google สอน ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ
เมื่อสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2563 พ่อลืมกินยากันชัก เพราะอาการหลงๆลืมๆ ทำให้ชักในห้องน้ำ หัวแกก็ไปโขกเข้ากับเก้าอี้พลาสติกเล็กๆที่เอาไว้นั่งขัดเท้า ไม่งั้นก็ถังใส่น้ำ ก็ไม่มีใครทราบว่าโขกกับอะไร เพราะไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ดีหัวไม่แตก มีแค่ช้ำหน่อยๆ แม่อยู่บ้านพอดี ก็เรียกญาติข้างบ้านที่ทำงานอยู่มาช่วยเปิดประตู เพราะพ่อล็อคประตูห้องน้ำ พอช่วยออกมาได้ก็โทรเรียกรถ 1669 มา เค้าก็พาไปส่งโรงพยาบาลรัฐในตัวจังหวัด มีแต่แม่ที่ไปด้วย เค้าก็เอาพ่อไป CT Scan ที่หัว ปรากฎว่าไม่มีเลือดคลั่งในสมอง แต่พบก้อนเนื้อขนาด 5 ซม. ในสมองซีกขวา บร๊ะเจ้าาาาาา เตรียมใจไม่ทันจริงๆ จากนั้นพ่อก็ได้นอนดูอาการชักที่รพ.ไปอีก 3 วัน ก็ได้ออกรพ.ค่ะ
กลางเดือน พฤษภาคม 2563 คุณหมอนัดพบ คุยถึงเรื่องอาการ สาเหตุ การรักษา หมอบอกก้อนเนื้องอกอยู่ทางสมองซีกขวา ขนาด 5 ซม. ก็ถือว่าใหญ่แล้ว น่าจะเป็นมานานแล้ว เป็นก้อนอะไร หมอก็ตอบแน่ชัดไม่ได้ หมอเลยแนะนำให้ผ่าตัดเอาออก เพื่อที่จะเอามาตรวจดูว่าเป็นก้อนเนื้อดีหรือก้อนร้าย ผ่าแล้วมีผลดีและเสีย ดีก็คือมีโอกาสหาขาด เสียคือแขนขาข้างซ้ายจะอ่อนแรงลงหลังผ่าตัด ต้นฝึกกายภาพบำบัดหลังผ่าถ้าไม่ผ่าก็ต้องนัดตรวจ CT Scan อีก 3 เดือนข้างหน้าว่าก้อนมันมีขนาดใหญ่ขึ้นมั้ย ไอ้เราก็ช่วยพ่อคิดและถามความสมัครใจว่าจะผ่านมั้ย พ่อก็ลังเล มันเป็นเรื่องปุ๊ปปั๊ปและใหม่เกินไปสำหรับครอบครัวเรา พ่อก็บอกตามใจลูก ไอ้ลูกก็เลยสงสารพ่อ กลัวไม่ได้เตรียมใจ เลยตัดสินใจว่า ยังไม่ผ่า ขอรอดูอาการไปก่อนอีก 3 เดือน 6 เดือน หมอบอกถ้ามีอาการปวดหัว แขนขาอ่อนแรงให้รีบมาที่รพ.เลยนะ เราก็ตกลงตามนี้ หมอก็ให้แกยกแขนขาข้างซ้ายก็ยกได้ปกติ ไม่มีปัญหายังมีแรง ก็ให้ยาลดสมองบวมมากินที่บ้าน และนัดอีกที เดือนสิงหาคมค่ะ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ยังไม่ทันถึงวันนัด อาการก็แสดงออกชัดแล้วจ้า พ่อบอกว่าขาซ้ายรู้สึกเบา เดินยกขาไม่ขึ้น ขึ้นเตียงก็ยกขาไม่ไปแล้วค่ะเวลาพ่อเป็นอะไรนิดหน่อยเค้าจะคุยกับเราทันที พอคุยกัน ก็ตกลงกันไปรพ. ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ไปที่ห้องฉุกเฉิน บอกเค้าว่าแขนขาอ่อนแรงข้างซ้าย เพราะเป็นก้อนเนื้องอกในสมองข้างขวา เค้าก็พาเข้าห้องฉุกเฉิน ไม่เกิน 1 ชม. เค้าเรียกญาติไปคุย เค้าทำการ CT Scan เหมือนเดิมปรากฎว่าก้อนเนื้อใหญ่ขึ้น 1 ซม. จาก 5 ซม. เป็น 6 ซม. น่าจะไปเบียดสมองเส้นเลือดสมองส่วนที่สั่งการแขนขาข้างซ้าย หมอถามจะผ่าตัดมั้ยหากไม่ผ่าปล่อยไว้ ได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงในวัย 65 ปี แน่นอน เรากับพ่อก็มีการคุยกันไว้แล้ว ถ้ามันจำเป็นต้องผ่า ก็ผ่า เสี่ยงเอา เพราะแกกลัวเป็นภาระครอบครัว ก็เลยตกลงว่าจะผ่าตัดทันที เค้าก็ให้นอนรพ.ก่อน ตกอีกวัน เค้าให้ไปทำ MRT ที่คลินิกแห่งนึก เพื่อให้เห็นตำแหน่งของก้อนเนื้อชัดขึ้น ง่ายต่อการผ่าตัดของคุณหมอ แล้วได้คิวผ่าตัดอีกที วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 หมอเลยถามจะนอนรอที่รพมั้ย หรือจะกลับไปนอนที่บ้านก็ได้ เพราะหลายวันกว่าจะได้ผ่า พ่ออยากกลับไปพักผ่อน เดินเล่นที่บ้าน ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านค่ะ
พอถึงวันที่ 7กรกฎาคม 2563 มาถึง ตอนเช้าได้ทำการไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดที่นับถือ ไปไหว้พระที่หน้ารพ. เพื่อเป็นที่ยึกเหนี่ยวจิตใจของพ่อ สร้างกำลังใจกันค่ะ เพราะไม่รู้ผลหลังผ่าตัดจะเป็นยังไง ไอ้เราก็คิดไปต่างๆนาๆ หวังให้พ่อผ่าแล้วกลับมาปกติที่สุด พอมาถึงรพ. เค้าก็ให้นอนรอ เจาะเลือดตรวจความดันอาการก่อนผ่าตัดโน่นนี่ วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 วันผ่าตัดจริง ให้งดข่าว งดน้ำ 9.30 น. มีทีมผ่าตัดใส่ชุดสีเขียวมาเข็นรถเข็นพ่อไปห้องผ่าตัด ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ค่ะ เราไปทำงาน กะว่าเลิกงานพ่อก็ผ่าตัดเสร็จพอดี มีแม่กับญาติพ่อมารอการผ่าตัดครั้งนี้ หมอบอกใช้วิธีดมยาสลบ แล้วผ่าตัด เริ่มผ่าตัด เวลา 10.00 น. - 14.00 น. ใช้เวลาผ่า 4 ชม. ผ่าเสร็จก็เข็นมาดูอาการห้อง ICU ทันที ญาติยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ ต้องรอ 17.00 น. ตามเวลาห้องที่เค้าจะให้เยี่ยม พอเราเลิกงานก็พอดีเลยค่ะ ไปถึงห้อง ICU พ่อหลับตา มีผ้าทำแผลแปะบนหัวใหญ่มาก มีสายยางเป็นหลอดซุกที่หัวเพื่อดูดเลือดและน้ำในสมอง ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วพยาบาลก็เดินมาบอกว่าหมอเอาก้อนเนื้อออกหมดแล้วนะ เพราะก่อนหน้าจะผ่าน หมอบอกจะเอาออกไม่หมด กลัวไปกระทบกับสมองส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน และบอกว่าพ่อเริ่มลืมตาแล้วนะ คุยแล้วด้วย แล้วก็เรียกพ่อตื่น บอกว่ามีลูกกับภรรยามาหาให้ตื่นดูก่อน เค้าพยายามเรียกให้คนไข้ตื่นมาคุย ให้มีสติ ได้ตื่นตัวค่ะ พ่อก็พูดว่าหนาว เจ็บ พูดอยู่แค่นี้ แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณดีค่ะ ที่ฟื้นมาแล้วรู้สึกหนาว รู้สึกเจ็บ
วันที่ 9 กรกฎาคม 63 พยาบาลบอกพ่อเป็นถุงลมโป่งพองหายใจเองยังไม่ได้นัก เลยโทรมาบอกว่าจะใส่เครื่องช่วยหายใจนะ เราก็อนุญาตให้ใส่เพราะพ่อเคยอยู่ ICU ใส่ท่อแบบนี้มา 7 วันแล้ว ก็น่าจะเคยแล้ว ใส่ได้เพียง 1 วันครึ่งเท่านั้น ก็ถอดเครื่องช่วยหายใจออก วันที่ 10 กรกฎาคม 63 พ่อเริ่มคุยรู้เรื่อง จำชื่อลูกได้ แต่จะมีจำไม่ได้ว่าผ่าตัดเสร็จแล้ว แกจะถามว่าผ่าตัดไปรึยัง นึกว่ายังไม่ได้ผ่า แล้วมีอาการฝันว่าอยู่บ้านงี้ และก็ยังไม่ได้กินข้าว น้ำในสมองก็เริ่มแห้งแล้วค่ะ วันที่ 11 กรกฎาคม 63 เวลาประมาณ 11.00 น. พยาบาลให้มาอยู่ห้องรวมธรรมดาได้แล้วค่ะ ดีใจมากค่ะ ก็กินข้าวได้แล้ว กินเป็นอาหารอ่อน ข้าวต้ม เพราะเป็นกระเพาะค่ะ ก็เริ่มให้ลุกนั่งได้แล้ว ต้องประคอง เหมือนจะไม่มีแรงนั่ง ต้องใช้เวลานิดนึง พอตกดึงเริ่มมีอาการแปลกๆ แกนอนไม่หลับ ด้วยความเป็นห้องรวมก็จะมีเสียงอะไรดังไปหมด เสียงคนไข้ เสียงรถเข็นลากไปมา พอนอนไม่หลับ เริ่มโวยวายลุกจะออกจากเตียง จะกลับไปนอนบ้านค่ะ ก็เป็นแบบนี้ทั้งคืน พอใกล้เช้าก็หลอนอีก มองไปที่หน้าตาแล้วบอกมีใครยืนอยู่ตรงนั้น มองไปก็ไม่มีใคร เราคิดในใจ บ้าแล้ว ผีหลอกรึปล่าว5555 แต่ก็คิดอีกแบบคือสมองแกน่าจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ตอนเช้ามาก็บอกว่าเมื่อคืนฝันว่าอยู่บ้าน ทั้งที่เมื่อคืนไม่ได้หลับ ก็เป็นประมาณนี้แหละค่ะ ช่วงแรกต้องปรับอารมณ์ตามให้ทัน เราต้องค่อยพูดให้เค้าเข้าใจ ค่อยๆสอน เค้าจะกลับไปเหมือนเด็กอะค่ะ
ผ่านไปจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 63 พ่อได้ออกมาอยู่บ้านแล้ว อาการดี คุยรู้เรื่อง แต่จะมีปวดตาบ่อย ไม่รู้ว่าเกิดเส้นประสาทตาเป็นอะไรรึปล่าวหัวไม่ปวดแล้วค่ะ แล้วมีแขนขาอ่อนแรงข้างซ้ายค่ะ ต้องใช้วอร์คเกอร์ 4 ขา ช่วยเดินค่ะ ก่อนออกรพ.ก็จะมีนักกายภาบำบัดมาหัดท่ากายภาพและช่วยสอนเดิน เพื่อที่กลับบ้านไป คนไข้และญาติจะได้รู้ท่า ไปฝึกที่บ้านได้เองค่ะ แล้วหมอก็นัดดูอาการและบอกผลก้อนเนื้ออีกทีกลางเดือนสิงหาคม 63 และนัดมาเอาแม็กเย็บที่หัวออก วันที่ 16 กรกฎาคม 63 ค่ะ
ปุ๊ปปั๊ปจริงๆค่ะ ในเคสพ่อเราดีที่ฟื้นมายังใช้ชีวิตได้ปกติอยู่ โชคดีที่การชักในคราวนั้น ทำให้รู้ทันว่ามีก้อนเนื้องอกในสมอง ไม่งั้นคงเดากันไปต่างๆนาๆ โชคดีที่พ่อเป็นคนสังเกตตัวเอง เป็นอะไรนิดหน่อยไปหาหมอทันที อ้อ แล้วที่พ่อฟื้นเร็วไม่รู้เกี่ยวกับอาหารเสริมมั้ย เพราะก่อนหน้าที่จะผ่าตัด 1 เดือนกว่า มีคนแนะนำให้ทานเอนชัวร์ แกเป็นคนแก่อายุ 70+ บอกดื่มแล้วดี ทั้งก่อนผ่าและหลังผ่าก็ให้พ่อดื่มทุกวันค่ะ และตอนนี้กำลังอยู่ช่วยกายภาพบำบัดค่ะ เดี๋ยวถ้ามีการพัฒนาขึ้น จะมาแชร์ประสบการณ์อีกนะคะ เผื่อหลายคนกังวลอยู่ ขอบคุณค่ะ
***พ่อรักษาโรงพยาบาลรัฐตามขั้นตอน ไม่เสียเงินสักบาท เพราะใช้บัตรทอง 30 บาท และมีประกันสังคม ออกรพ.ก็ได้เงินค่าประกันสังคมเป็นค่ากินค่าอยู่ของคนเฝ้าค่ะ BB