วันที่ 23 มิถุนายน 2020 เราเข้ารับการตรวจร่างกายที่รพ.เปาโล(รถไฟฟ้าสนามเป้า)ค่ะ เนื่องจากทำประกันกับAIA ไว้ แล้วถ้าตรวจที่รพ.นี้ เขาแถมultrasound ฟรี ที่ช่องท้องส่วนบนหรือส่วนล่างก็ได้ 1 ที่ เราเลยไปตรวจค่ะ
เราไม่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนเลยตั้งแต่เกิดมา มีแค่อาการหนักๆวันแรกหรือวันที่สองนิดหน่อย แต่ทำกิจกรรมอื่นๆได้สบายมากค่ะ
ปกติการตรวจร่างกาย จะตรวจเลือด พวกน้ำตาล / cholesterol / x-ray อะไรพวกนี้ แต่นี่เขาแถม เราเลือกช่องท้องส่วนล่างค่ะ
พอไปultrasound ก็นับว่าทำบุญมาดีด้วย เพราะเจอcyst 1 ก้อนในรังไข่ น่าจะเป็นchocolate cyst (ที่บอกว่าทำบุญมาดี เพราะถ้าเขาไม่แถม ก็ไม่เจอcystค่ะ) หมอบอกว่าขนาด 4.4cm ต้องรักษา ปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้ ต้องปรึกษาหมอเฉพาะทางค่ะ
ตกบ่ายเราก็โทรนัดหมอที่รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ เพราะตั้งแต่ปี 2015 เราหาหมอที่รพ.นี้ และประทับใจทุกอย่างของรพ.นี้ เลยรักษาที่นี่ต่อไปค่ะ
ขั้นตอนการเลือกหมอ เราเลือกแบบนี้นะคะ
1. เข้าwebsite โรงพยาบาล siphhospital.com
2. เลือกที่ค้นหาแพทย์ ในเว็บมีให้ค้นหารายชื่อจากศูนย์เฉพาะทาง ของเราเป็นcystในรังไข่ ก็เลือกศูนย์นรีเวชค่ะ
3. เลือกหมอตามอัธยาศัยเลยค่ะ โดยเราเลือกจาก
3.1 ยศหน้าชื่อ - เราคิดเอาเองว่าพวก ศ. รศ. ผศ. ต้องเก่งแน่ๆเลย เพราะการแพทย์เป็นวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ต้องมีงานวิจัยใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ หมอที่เก่งด้านวิชาการนี้ จะต้องเก่งทางด้านการรักษา (มั๊ง)
3.2 การศึกษา/ความเชี่ยวชาญ - หมอต้องspecializeด้านผ่าตัดส่องกล้องเล็ก อันนี้ต้องมีความรู้พื้นฐานนิดนึงด้วย อย่างของเราcystค่อนข้างใหญ่ ถ้าเกิน6cm จะถือว่าใหญ่ ก็มีการรักษาคือกินยา กับผ่าตัด หมอบางท่านจบด้าน fetal (ตัวอ่อนในครรภ์) เราก็ไม่เลือก หรือบางท่านspecializeทางด้านreproductive หรือจากมีบุตร เราไม่ได้จะมี ก็ไม่เลือกค่ะ
ความรู้ทั่วไปนี้หามาจากไหน? เราsearch internetเลยอ่ะ อ่านๆเอา เดี๋ยวก็เข้าใจค่ะ
แล้วเราก็ชอบรักษากับหมอที่ไปfellowshipที่ต่างประเทศมาด้วย รู้สึกสบายใจค่ะ เราเป็นผู้รับการรักษา เราเลือกได้ค่ะ
3.3 หน้าตาของคุณหมอ - ไม่ใช่ว่าหล่อสวย แต่เราจะต้องคุยกับหมอหลายทีหลายครั้ง ดังนั้น เลือกหน้าตาที่เรามองแล้วสบายตา อยากคุยด้วยค่ะ เพราะผ่านข้อ3.2ไป ประวัติการศึกษาจะคล้ายๆกันแล้ว
โชคดีว่าหมอที่เราเลือก ออกตรวจที่รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ในวันถัดไปพอดี ได้คิวตอนประมาณ 18.00 น. เราก็นัดเลยค่ะ มีประวัติอยู่ที่รพ.อยู่แล้ว ไปก่อนเวลานัดประมาณ 15 นาทีก็พอค่ะ
สำหรับคนที่ไม่รู้ รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ เป็นรพ.เอกชน บริหารแยกออกมาจากรพ.ศิริราช ดังนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินการแบบเอกชน เช่น นัดหมอได้ ไม่ต้องรอคิว / เลือกหมอได้ อยากเจอคนไหนเจาะจงก็ระบุไปเลย / พนักงานจะเรียกคุณว่าคุณผู้หญิงทุกคำ ตั้งแต่พยาบาลไปจนถึงพนักงานการเงิน / พนักงานทุกคนสุภาพ ตั้งแต่หมอจนถึงพนักงานเข็นรถเข็น
เราอ่านreviewในpantip หลายreviewบอกว่ารพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ ไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เราขอเถียงขาดใจเลยค่ะ ทุกครั้งที่เราหาหมอ หมอดี (ก็เลือกมาแล้ว) / การบริการดี / เทียบราคากับโรงพยาบาลเอกชนระดับบนแล้ว ราคายังต่ำกว่าค่ะ (เราเทียบกับบำรุงราษฎร์ และ สมิติเวชนะคะ เคยไปหาหมอมาแล้วทั้ง 2 โรงพยาบาลค่ะ เราคิดว่ารพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์นี้ ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ)
วันที่ 24 มิถุนายน 2020
เราก็เข้าพบ รศ. นพ. กรกฎ ศิริมัย ตามที่นัดไว้ค่ะ
หมอก็ตรวจภายในค่ะ โดยultrasound ผ่านช่องคลอด ก็มีไอ้แท่งๆใส่เข้าไปในจุ๋มจิ๋มเนี่ยแหละค่ะ เจ็บนิดๆ ทนได้ เราโอเค
สรุปว่าเจอchocolate cyst 3 ก้อนค่ะ 5cm / 2.3cm / 1.9 cm ค่ะ
หมอแนะนำให้ผ่าตัด เราก็ถามว่า ถ้าไม่ผ่าเป็นอะไรไหม หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่า แล้วcystโตขึ้น จะเอาออกยาก แล้วอาจต้องเอารังไข่ออกมาทั้งยวง แล้วคนไข้จะเสียดาย เราก็ตกลงผ่าค่ะ โดยการส่งกล้องเข้าไปในท้อง นัดวันผ่าเป็น 7 กรกฎาคม 2020
คุณหมอแนะนำดีมากกก ว่าต้องเตรียมตัวยังไงก่อนผ่าตัดบ้าง คือเราต้องเคลียร์ลำไส้ ไม่ให้มีกากอาหารตกค้างก่อนผ่าตัด ก็ลดผักผลไม้ 7 วันก่อนผ่าตัด และอื่นๆ
พอเราออกมารอหน้าห้อง ซักพัก พนักงานฝ่ายการเงินก็มาแจ้งประเมินเรื่องค่าผ่าตัดค่ะ เขาประเมินมา 250,000 - 300,000 บาท แล้วเราก็ให้เลขกรมธรรม์ของ AIA ที่เรามีไป เขาก็ไปworkกับ AIA เพื่อดูว่าจะcoverค่าผ่าตัดได้เท่าไหร่บ้างค่ะ โดยตรงนี้ใช้เวลา เขาจะแจ้งกลับคนไข้ทางอีเมลค่ะ
อ่ะ สรุปว่าผ่า แต่ช้าก่อออนนนน คนอย่างเรา ต้องหาsecond opinion ค่ะ เผื่อไม่ต้องผ่าก็ได้
เราก็ให้เพื่อนที่เป็นหมอ แนะนำหมอด้านนรีเวชมาค่ะ ก็ได้ไปปรึกษาคุณหมออีกท่านนึง จากรพ.จุฬา
แต่เนื่องจากรพ.จุฬา เข้าใจว่าต้องรอคิวหมอนานมาก แม้แต่ไปคลินิคพิเศษนอกเวลาราชการก็ตาม เราไม่สะดวกค่ะ (หาข้อมูลจากpantipเนี่ยแหละค่ะ) เราต้องการความสะดวกสบาย searchชื่อคุณหมอที่เพื่อนให้มา คุณหมอออกตรวจที่รพ.บำรุงราษฎร์ด้วย เราเลยโทรนัดที่รพ.บำรุงราษฎร์ค่ะ นัดได้วันที่ 28 มิถุนายน 2020 ค่ะ
วันที่ 28 มิถุนายน 2020
ไปเจอหมอที่รพ.บำรุงราษฎร์ตามนัด คุณหมอบอกว่ายังไม่ผ่าก็ได้ แต่อีก 2 เดือนต้องไปultrasoundใหม่
การกินยา จะไม่ทำให้cystเล็กลง จาก5cm เป็น 2cm
และเราไม่มีการปวดท้องประจำเดือนเลย คนไข้อื่นหมอจะให้กินยา เพราะปวดท้อง เราไม่ปวด ไม่จำเป็นต้องให้ยา
หมอก็ไม่ได้ฟันธงค่ะ ว่าควรผ่าหรือไม่ผ่า เพราะcystยังไม่ได้ใหญ่เว่อร์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสแตก เราก็กลัวcystแตกค่ะ ไม่อยากปวดท้อง ผ่าตัดฉุกเฉิน
หมอพูดมาคำนึง หมอบอกว่า "ถ้าต้องผ่าตัดฉุกเฉิน อาจต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง" เหตุผลว่า อาจจะไม่มีหมอที่ผ่าตัดทางการส่องกล้องเป็น ณ ที่นั้น เราเลยตัดสินใจผ่านค่ะ ไม่อยากผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ไม่อยากปวดcyst แถมอีกแค่ 2 เดือนต้องไปultrasoundทางช่องคลอดใหม่ ไม่ใช่6เดือนปีนึง เราก็เลยตัดสินใจผ่าตามscheduleที่นัดไว้ ไม่รู้จะต้องรออะไร
ก่อนวันที่ 7 กรกฎาคม ก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาconfirmเรื่องการผ่าตัดเรื่อยๆค่ะ
วันที่ 5 โทรมาให้งดผักผลไม้
วันที่ 6 โทรมาให้งดน้ำงดอาหารวันที่ 7 ตอน 8.00 น.
เราว่าบริการดีมากนะคะ detailsของคนไข้ก็เป๊ะมากค่ะ
วันที่ 7 กรกฎาคม 2020 เราก็ไปถึงรพ.ตอน 12.00 น. ตามเวลานัดค่ะ
ไปถึงก็ไปที่lobby บอกพนักงานว่านัดผ่าตัดไว้ admit พนักงานก็นำไปที่ลงทะเบียนผู้ป่วยในค่ะ
ใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 20 นาที แล้วก็มีเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปบนห้องค่ะ (ตรงนี้ยังเดินได้เอง ก็ยังไม่ได้ผ่า)
ไปถึงห้อง ก็เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดของรพ. ซักพักก็มีจนท.มาเจาะเลือด เพื่อตรวจอะไรซักอย่างเพิ่ม แล้วก็คาเข็มน้ำเกลือไว้ที่แขนเราเลย (แต่ยังไม่ต่อสายน้ำเกลือนะ) ซักพักก็มีจนท.มาสวนล้างลำไส้ เหมือนเขาเอาน้ำอะไรซักอย่างใส่หลอดเข้าไปทางรูก้น ซักประมาณ 5-10 นาที เราก็วิ่งไปอึที่ห้องน้ำ
ห้องพักเป็นห้องแบบถูกสุดนะคะ 33ตร.ม. ราคา 6,000 บาท รวมพวกค่าพยาบาลแล้ว ไม่รวมอาหารค่ะ (เดี๋ยวมีรูปในcommentนะคะ) เป็นห้องเดี่ยว จำเป็นต้องมีคนนอนเฝ้าค่ะ
หมอนัดผ่าตัด 16.30 น. เราก็นอนรอบนเตียงผู้ป่วยในห้องพัก พอประมาณ 15.30 น. ก็มีจนท.จากห้องผ่าตัดมารับเราไปที่OR ค่ะ (Operating Room) เราก็นอนไปค่ะ ไม่ใส่เครื่องประดับ ฟันปลอม contact lens / ไม่ทาครีมใดๆที่หน้าและตัว / อาบน้ำสระผมให้สะอาด (อันนี้ทำตั้งแต่คืนก่อนหน้า) ถอดรองเท้าไว้ที่ห้องพัก เพราะจากนี้เท้าเราไม่แตะพื้นเลยค่ะ
ไปถึงareaห้องผ่าตัด โดยเตียงเข็น ยังไม่เข้าOR นะคะ พอถึงข้างหน้าareaห้องผ่าตัด (ญาติเข้าไม่ได้แล้ว) ต้องย้ายเตียงอีกทีนึง กระดึ๊บๆย้ายตัวเองเอา จนท.เข็นไปห้องอะไรซักอย่าง จนท.ก็สวนล้างช่องคลอดค่ะ
เสร็จเรียบร้อย ซักพัก (10 นาที) จนท.ก็เข็นไปที่ห้องรอผ่าตัดค่ะ เป็นareaที่มีผู้ป่วยอีกเตียงนึงอยู่ตรงข้าม ตรงนั้นวางผู้ป่วยได้ทั้งหมด 6 เตียง ฝั่งเรา3 ฝั่งตรงข้าม3 แต่เขาหลับอยู่ ไม่รู้ว่าเพิ่งออกมาหรือกำลังจะเข้าOR
นอนลืมตาซักพัก จนท.ก็เอาน้ำเกลือ (หรืออะไรซักอย่าง) มาต่อกับเข็มน้ำเกลือที่เจาะเราไว้ค่ะ
อีกซักพัก ก็มีวิสัญญีแพทย์ หรือคุณหมอที่ให้ยาสลบ มาคุยกับเราค่ะ ซักถามประวัติ เราก็บอกไป
อีกซักพัก คุณหมอกรกฎ ที่จะผ่าตัดเราก็มาคุยด้วยค่ะ ว่าจะมีขั้นตอนการผ่าตัดยังไง จะเก็บรังไข่เราไว้ และอื่นๆ (เราอายุ 34 ค่ะ ยังน้อยอยู่)
16.15 น. เขาก็เข็นเราไปที่ OR ค่ะ
ไปถึงOR ต้องกระดึ๊บอีก ย้ายตัวเองจากเตียงที่นอนอยู่ ไปที่แท่นผ่าตัด เขาจับเรากางแขน มีแผ่นวัดความดันมาพันที่แขน เอานู่นนี่แปะตามหน้าอก คุณหมอวิสัญญีเอาหน้ากากoxygenมาครอบ ระหว่างนี้ก็ฉีดยาสลบเข้าทางสายน้ำเกลือที่แขนเราด้วย หายใจเข้าออกลึกๆ 3-4 ครั้งก็เริ่มง่วง ได้ยินคุณหมอพูดว่า "ยาเข้าแล้วนะคะ ปวดรึเปล่าคะ" เราไม่ปวด แต่ไมไ่ด้ตอบ หลับแบบเครื่องดับไปเลยค่ะ
ระหว่างหลับไปก็ไม่เป็นไงนะ ไม่รู้สึกอะไร เหมือนโลกดับค่ะ คิดว่าตอนตายแล้วคงรู้สึกอย่างนี้นี่เอง ไม่ได้รู้สึกเหมือนนอนอยู่ รู้สึกว่าดับไปเลย
รู้สึกตัวอีกที อยู่ในห้องรอหลังผ่าตัดแล้วค่ะ (ไม่ใช่ห้องพักในwardนะ) จนท.มาเรียกชื่อ นอนรอซักพัก ไม่รู้นานเท่าไหร่ (เมายาอยู่) ก็เข็นเราไปที่ห้องพักที่wardค่ะ
ไม่ปวดแผลเลยค่ะ แต่คลื่นไส้มาก เมายาสลบ ไปถึงห้องก็มีจนท.จับเรายก(มีผ้ารองเราอยู่ เขายกที่ผ้า) ย้ายเราไปที่เตียงผู้ป่วยที่อยู่ในห้อง พอเราลงเตียงแล้ว ก็ต้องเอนซ้ายเอนขวาให้เอาผ้าออก ตรงนี้เราถึงขั้นร้องโอดโอย คิดในใจ แต่ไม่มีแรงพูดว่า ไอ้ผ้านั่นปล่อยเอาไว้ก่อนได้ม๊ายยย จะอ้วกอยู่แล้ว ขยับตัวไม่ไหว
คืนนั้นก็มีอ้วกไปครั้งนึงค่ะ แต่มีแค่น้ำออกมา เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ 8.00 น.วันที่ 7 กรกฎาคม มีขย้อน แต่ไม่มีอะไรออกมาอีก 1 ครั้ง ค่ะ ไม่ปวดแผล แต่คลื่นไส้สุดๆ
ตอนกลางคืนก็มีพยาบาลมาวัดความดันและให้ยาเรื่อยๆค่ะ นอนไม่ค่อยสบายนักหรอก คนป่วยน่ะเนอะ
วันที่ 8 กรกฎาคม
ตื่นมา 8.00 น. อาการคลื่นไส้ดีขึ้นมาก กินอาหารเช้า เรากินเหลวๆค่ะ
จากนั้นก็เช็ดตัว จนท.มาเอาสายสวนปัสสาวะออก ให้เดินไปฉี่เองได้แล้ว มีการพูดว่า ถ้าภายในบ่ายนี้ไม่ปัสสาวะ จะต้องสวนกลับเข้าไปใหม่นะคะ เรานี่รีบฉี่เลยจ้าาา
12.30 น. คุณหมอ กรกฎ ศิริมัย ก็เข้ามาตรวจค่ะ
คุณหมอดีมากเลย อธิบายทุกอย่างได้ละเอียด ให้ความเข้าใจกับคนไข้ สมกับที่นั่งเลือกหมออยู่ 2 ชั่วโมงหน้าwebsite แล้วหมอก็ให้กลับบ้านค่ะ
รอเคลมประกันนานหน่อย แต่กรมธรรม์ที่coverเยอะๆเพิ่งทำใหม่ได้ไม่ถึง 1 ปี กว่าจะได้ออกจากรพ. 17.00 น. ค่ะ
รวมค่าใช้จ่าย 222,xxx บาท ค่ายา ค่าหมอ ถ้าเทียบกับรพ.เอกชนระดับบน เราว่าไม่แพงนะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าถ้าcase แบบเรา ที่BH จะคิดเงินเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เช็คค่ะ เราอยากผ่าที่นี่ (เราเคยเข้ารับการผ่าตัดที่ BH มาแล้วค่ะ เป็นโรคอื่น เราไม่happy กับที่นั่นน่ะนะ)
เมื่อวันก่อนเพิ่งไปfollow up กับคุณหมอ แผลหายดีแล้ว หมอบอกว่าทำกิจกรรมได้ทุกอย่างค่ะ วันนี้มีโอกาส ก็เลยมาเขียนในpantipค่ะ
ขอเพิ่มเติมนิดนึงว่า เราไม่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนเลย แต่ก็ยังมีcyst เจอเพราะไปตรวจสุขภาพมา ดังนั้น ก็แนะนำให้ตรวจสุขภาพกันนะคะ โดยถ้าเป็นแพ็คเกจต่ำสุด มันก็จะไม่มีultrasoundเนอะ คนที่cystแตก(หรือรั่ว)ก็มันจะพูดกันว่า ตรวจสุขภาพทุกปี ทำไมไม่เคยเจอ เอ้า ก็ตรวจแค่เลือด x-ray มันเลยไม่เจอไง
อีกเรื่องนึง ถ้ายังแข็งแรง แนะนำทำประกันไว้ก็ดีนะคะ ของเราทำประกันสุขภาพกับAIA ตอนแรกก็คิดว่า โห ปีละตั้งเท่านี้ๆ แต่พอได้ใช้ขึ้นมา คิดว่าจะเพิ่มการcoverเลยค่ะ (ก็ต้องเสียเบี้ยประกันมากขึ้น) เผื่อครั้งหน้าเป็นอะไรร้ายแรง แล้วใช้เงินเยอะในการรักษา (ไม่ได้ขายนะคะ ไปหาซื้อกันเอาเองค่ะ) ของเรา เคสนี้ประกันcoverหมด เราก็สบายใจค่ะ
[CR] แชร์ประสบการณ์ - เข้ารับการรักษา chocolate cyst ที่รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์
เราไม่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนเลยตั้งแต่เกิดมา มีแค่อาการหนักๆวันแรกหรือวันที่สองนิดหน่อย แต่ทำกิจกรรมอื่นๆได้สบายมากค่ะ
ปกติการตรวจร่างกาย จะตรวจเลือด พวกน้ำตาล / cholesterol / x-ray อะไรพวกนี้ แต่นี่เขาแถม เราเลือกช่องท้องส่วนล่างค่ะ
พอไปultrasound ก็นับว่าทำบุญมาดีด้วย เพราะเจอcyst 1 ก้อนในรังไข่ น่าจะเป็นchocolate cyst (ที่บอกว่าทำบุญมาดี เพราะถ้าเขาไม่แถม ก็ไม่เจอcystค่ะ) หมอบอกว่าขนาด 4.4cm ต้องรักษา ปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้ ต้องปรึกษาหมอเฉพาะทางค่ะ
ตกบ่ายเราก็โทรนัดหมอที่รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ เพราะตั้งแต่ปี 2015 เราหาหมอที่รพ.นี้ และประทับใจทุกอย่างของรพ.นี้ เลยรักษาที่นี่ต่อไปค่ะ
ขั้นตอนการเลือกหมอ เราเลือกแบบนี้นะคะ
1. เข้าwebsite โรงพยาบาล siphhospital.com
2. เลือกที่ค้นหาแพทย์ ในเว็บมีให้ค้นหารายชื่อจากศูนย์เฉพาะทาง ของเราเป็นcystในรังไข่ ก็เลือกศูนย์นรีเวชค่ะ
3. เลือกหมอตามอัธยาศัยเลยค่ะ โดยเราเลือกจาก
3.1 ยศหน้าชื่อ - เราคิดเอาเองว่าพวก ศ. รศ. ผศ. ต้องเก่งแน่ๆเลย เพราะการแพทย์เป็นวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ต้องมีงานวิจัยใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ หมอที่เก่งด้านวิชาการนี้ จะต้องเก่งทางด้านการรักษา (มั๊ง)
3.2 การศึกษา/ความเชี่ยวชาญ - หมอต้องspecializeด้านผ่าตัดส่องกล้องเล็ก อันนี้ต้องมีความรู้พื้นฐานนิดนึงด้วย อย่างของเราcystค่อนข้างใหญ่ ถ้าเกิน6cm จะถือว่าใหญ่ ก็มีการรักษาคือกินยา กับผ่าตัด หมอบางท่านจบด้าน fetal (ตัวอ่อนในครรภ์) เราก็ไม่เลือก หรือบางท่านspecializeทางด้านreproductive หรือจากมีบุตร เราไม่ได้จะมี ก็ไม่เลือกค่ะ
ความรู้ทั่วไปนี้หามาจากไหน? เราsearch internetเลยอ่ะ อ่านๆเอา เดี๋ยวก็เข้าใจค่ะ
แล้วเราก็ชอบรักษากับหมอที่ไปfellowshipที่ต่างประเทศมาด้วย รู้สึกสบายใจค่ะ เราเป็นผู้รับการรักษา เราเลือกได้ค่ะ
3.3 หน้าตาของคุณหมอ - ไม่ใช่ว่าหล่อสวย แต่เราจะต้องคุยกับหมอหลายทีหลายครั้ง ดังนั้น เลือกหน้าตาที่เรามองแล้วสบายตา อยากคุยด้วยค่ะ เพราะผ่านข้อ3.2ไป ประวัติการศึกษาจะคล้ายๆกันแล้ว
โชคดีว่าหมอที่เราเลือก ออกตรวจที่รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ในวันถัดไปพอดี ได้คิวตอนประมาณ 18.00 น. เราก็นัดเลยค่ะ มีประวัติอยู่ที่รพ.อยู่แล้ว ไปก่อนเวลานัดประมาณ 15 นาทีก็พอค่ะ
สำหรับคนที่ไม่รู้ รพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ เป็นรพ.เอกชน บริหารแยกออกมาจากรพ.ศิริราช ดังนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินการแบบเอกชน เช่น นัดหมอได้ ไม่ต้องรอคิว / เลือกหมอได้ อยากเจอคนไหนเจาะจงก็ระบุไปเลย / พนักงานจะเรียกคุณว่าคุณผู้หญิงทุกคำ ตั้งแต่พยาบาลไปจนถึงพนักงานการเงิน / พนักงานทุกคนสุภาพ ตั้งแต่หมอจนถึงพนักงานเข็นรถเข็น
เราอ่านreviewในpantip หลายreviewบอกว่ารพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ ไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เราขอเถียงขาดใจเลยค่ะ ทุกครั้งที่เราหาหมอ หมอดี (ก็เลือกมาแล้ว) / การบริการดี / เทียบราคากับโรงพยาบาลเอกชนระดับบนแล้ว ราคายังต่ำกว่าค่ะ (เราเทียบกับบำรุงราษฎร์ และ สมิติเวชนะคะ เคยไปหาหมอมาแล้วทั้ง 2 โรงพยาบาลค่ะ เราคิดว่ารพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์นี้ ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ)
วันที่ 24 มิถุนายน 2020
เราก็เข้าพบ รศ. นพ. กรกฎ ศิริมัย ตามที่นัดไว้ค่ะ
หมอก็ตรวจภายในค่ะ โดยultrasound ผ่านช่องคลอด ก็มีไอ้แท่งๆใส่เข้าไปในจุ๋มจิ๋มเนี่ยแหละค่ะ เจ็บนิดๆ ทนได้ เราโอเค
สรุปว่าเจอchocolate cyst 3 ก้อนค่ะ 5cm / 2.3cm / 1.9 cm ค่ะ
หมอแนะนำให้ผ่าตัด เราก็ถามว่า ถ้าไม่ผ่าเป็นอะไรไหม หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่า แล้วcystโตขึ้น จะเอาออกยาก แล้วอาจต้องเอารังไข่ออกมาทั้งยวง แล้วคนไข้จะเสียดาย เราก็ตกลงผ่าค่ะ โดยการส่งกล้องเข้าไปในท้อง นัดวันผ่าเป็น 7 กรกฎาคม 2020
คุณหมอแนะนำดีมากกก ว่าต้องเตรียมตัวยังไงก่อนผ่าตัดบ้าง คือเราต้องเคลียร์ลำไส้ ไม่ให้มีกากอาหารตกค้างก่อนผ่าตัด ก็ลดผักผลไม้ 7 วันก่อนผ่าตัด และอื่นๆ
พอเราออกมารอหน้าห้อง ซักพัก พนักงานฝ่ายการเงินก็มาแจ้งประเมินเรื่องค่าผ่าตัดค่ะ เขาประเมินมา 250,000 - 300,000 บาท แล้วเราก็ให้เลขกรมธรรม์ของ AIA ที่เรามีไป เขาก็ไปworkกับ AIA เพื่อดูว่าจะcoverค่าผ่าตัดได้เท่าไหร่บ้างค่ะ โดยตรงนี้ใช้เวลา เขาจะแจ้งกลับคนไข้ทางอีเมลค่ะ
อ่ะ สรุปว่าผ่า แต่ช้าก่อออนนนน คนอย่างเรา ต้องหาsecond opinion ค่ะ เผื่อไม่ต้องผ่าก็ได้
เราก็ให้เพื่อนที่เป็นหมอ แนะนำหมอด้านนรีเวชมาค่ะ ก็ได้ไปปรึกษาคุณหมออีกท่านนึง จากรพ.จุฬา
แต่เนื่องจากรพ.จุฬา เข้าใจว่าต้องรอคิวหมอนานมาก แม้แต่ไปคลินิคพิเศษนอกเวลาราชการก็ตาม เราไม่สะดวกค่ะ (หาข้อมูลจากpantipเนี่ยแหละค่ะ) เราต้องการความสะดวกสบาย searchชื่อคุณหมอที่เพื่อนให้มา คุณหมอออกตรวจที่รพ.บำรุงราษฎร์ด้วย เราเลยโทรนัดที่รพ.บำรุงราษฎร์ค่ะ นัดได้วันที่ 28 มิถุนายน 2020 ค่ะ
วันที่ 28 มิถุนายน 2020
ไปเจอหมอที่รพ.บำรุงราษฎร์ตามนัด คุณหมอบอกว่ายังไม่ผ่าก็ได้ แต่อีก 2 เดือนต้องไปultrasoundใหม่
การกินยา จะไม่ทำให้cystเล็กลง จาก5cm เป็น 2cm
และเราไม่มีการปวดท้องประจำเดือนเลย คนไข้อื่นหมอจะให้กินยา เพราะปวดท้อง เราไม่ปวด ไม่จำเป็นต้องให้ยา
หมอก็ไม่ได้ฟันธงค่ะ ว่าควรผ่าหรือไม่ผ่า เพราะcystยังไม่ได้ใหญ่เว่อร์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสแตก เราก็กลัวcystแตกค่ะ ไม่อยากปวดท้อง ผ่าตัดฉุกเฉิน
หมอพูดมาคำนึง หมอบอกว่า "ถ้าต้องผ่าตัดฉุกเฉิน อาจต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง" เหตุผลว่า อาจจะไม่มีหมอที่ผ่าตัดทางการส่องกล้องเป็น ณ ที่นั้น เราเลยตัดสินใจผ่านค่ะ ไม่อยากผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ไม่อยากปวดcyst แถมอีกแค่ 2 เดือนต้องไปultrasoundทางช่องคลอดใหม่ ไม่ใช่6เดือนปีนึง เราก็เลยตัดสินใจผ่าตามscheduleที่นัดไว้ ไม่รู้จะต้องรออะไร
ก่อนวันที่ 7 กรกฎาคม ก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาconfirmเรื่องการผ่าตัดเรื่อยๆค่ะ
วันที่ 5 โทรมาให้งดผักผลไม้
วันที่ 6 โทรมาให้งดน้ำงดอาหารวันที่ 7 ตอน 8.00 น.
เราว่าบริการดีมากนะคะ detailsของคนไข้ก็เป๊ะมากค่ะ
วันที่ 7 กรกฎาคม 2020 เราก็ไปถึงรพ.ตอน 12.00 น. ตามเวลานัดค่ะ
ไปถึงก็ไปที่lobby บอกพนักงานว่านัดผ่าตัดไว้ admit พนักงานก็นำไปที่ลงทะเบียนผู้ป่วยในค่ะ
ใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 20 นาที แล้วก็มีเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปบนห้องค่ะ (ตรงนี้ยังเดินได้เอง ก็ยังไม่ได้ผ่า)
ไปถึงห้อง ก็เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดของรพ. ซักพักก็มีจนท.มาเจาะเลือด เพื่อตรวจอะไรซักอย่างเพิ่ม แล้วก็คาเข็มน้ำเกลือไว้ที่แขนเราเลย (แต่ยังไม่ต่อสายน้ำเกลือนะ) ซักพักก็มีจนท.มาสวนล้างลำไส้ เหมือนเขาเอาน้ำอะไรซักอย่างใส่หลอดเข้าไปทางรูก้น ซักประมาณ 5-10 นาที เราก็วิ่งไปอึที่ห้องน้ำ
ห้องพักเป็นห้องแบบถูกสุดนะคะ 33ตร.ม. ราคา 6,000 บาท รวมพวกค่าพยาบาลแล้ว ไม่รวมอาหารค่ะ (เดี๋ยวมีรูปในcommentนะคะ) เป็นห้องเดี่ยว จำเป็นต้องมีคนนอนเฝ้าค่ะ
หมอนัดผ่าตัด 16.30 น. เราก็นอนรอบนเตียงผู้ป่วยในห้องพัก พอประมาณ 15.30 น. ก็มีจนท.จากห้องผ่าตัดมารับเราไปที่OR ค่ะ (Operating Room) เราก็นอนไปค่ะ ไม่ใส่เครื่องประดับ ฟันปลอม contact lens / ไม่ทาครีมใดๆที่หน้าและตัว / อาบน้ำสระผมให้สะอาด (อันนี้ทำตั้งแต่คืนก่อนหน้า) ถอดรองเท้าไว้ที่ห้องพัก เพราะจากนี้เท้าเราไม่แตะพื้นเลยค่ะ
ไปถึงareaห้องผ่าตัด โดยเตียงเข็น ยังไม่เข้าOR นะคะ พอถึงข้างหน้าareaห้องผ่าตัด (ญาติเข้าไม่ได้แล้ว) ต้องย้ายเตียงอีกทีนึง กระดึ๊บๆย้ายตัวเองเอา จนท.เข็นไปห้องอะไรซักอย่าง จนท.ก็สวนล้างช่องคลอดค่ะ
เสร็จเรียบร้อย ซักพัก (10 นาที) จนท.ก็เข็นไปที่ห้องรอผ่าตัดค่ะ เป็นareaที่มีผู้ป่วยอีกเตียงนึงอยู่ตรงข้าม ตรงนั้นวางผู้ป่วยได้ทั้งหมด 6 เตียง ฝั่งเรา3 ฝั่งตรงข้าม3 แต่เขาหลับอยู่ ไม่รู้ว่าเพิ่งออกมาหรือกำลังจะเข้าOR
นอนลืมตาซักพัก จนท.ก็เอาน้ำเกลือ (หรืออะไรซักอย่าง) มาต่อกับเข็มน้ำเกลือที่เจาะเราไว้ค่ะ
อีกซักพัก ก็มีวิสัญญีแพทย์ หรือคุณหมอที่ให้ยาสลบ มาคุยกับเราค่ะ ซักถามประวัติ เราก็บอกไป
อีกซักพัก คุณหมอกรกฎ ที่จะผ่าตัดเราก็มาคุยด้วยค่ะ ว่าจะมีขั้นตอนการผ่าตัดยังไง จะเก็บรังไข่เราไว้ และอื่นๆ (เราอายุ 34 ค่ะ ยังน้อยอยู่)
16.15 น. เขาก็เข็นเราไปที่ OR ค่ะ
ไปถึงOR ต้องกระดึ๊บอีก ย้ายตัวเองจากเตียงที่นอนอยู่ ไปที่แท่นผ่าตัด เขาจับเรากางแขน มีแผ่นวัดความดันมาพันที่แขน เอานู่นนี่แปะตามหน้าอก คุณหมอวิสัญญีเอาหน้ากากoxygenมาครอบ ระหว่างนี้ก็ฉีดยาสลบเข้าทางสายน้ำเกลือที่แขนเราด้วย หายใจเข้าออกลึกๆ 3-4 ครั้งก็เริ่มง่วง ได้ยินคุณหมอพูดว่า "ยาเข้าแล้วนะคะ ปวดรึเปล่าคะ" เราไม่ปวด แต่ไมไ่ด้ตอบ หลับแบบเครื่องดับไปเลยค่ะ
ระหว่างหลับไปก็ไม่เป็นไงนะ ไม่รู้สึกอะไร เหมือนโลกดับค่ะ คิดว่าตอนตายแล้วคงรู้สึกอย่างนี้นี่เอง ไม่ได้รู้สึกเหมือนนอนอยู่ รู้สึกว่าดับไปเลย
รู้สึกตัวอีกที อยู่ในห้องรอหลังผ่าตัดแล้วค่ะ (ไม่ใช่ห้องพักในwardนะ) จนท.มาเรียกชื่อ นอนรอซักพัก ไม่รู้นานเท่าไหร่ (เมายาอยู่) ก็เข็นเราไปที่ห้องพักที่wardค่ะ
ไม่ปวดแผลเลยค่ะ แต่คลื่นไส้มาก เมายาสลบ ไปถึงห้องก็มีจนท.จับเรายก(มีผ้ารองเราอยู่ เขายกที่ผ้า) ย้ายเราไปที่เตียงผู้ป่วยที่อยู่ในห้อง พอเราลงเตียงแล้ว ก็ต้องเอนซ้ายเอนขวาให้เอาผ้าออก ตรงนี้เราถึงขั้นร้องโอดโอย คิดในใจ แต่ไม่มีแรงพูดว่า ไอ้ผ้านั่นปล่อยเอาไว้ก่อนได้ม๊ายยย จะอ้วกอยู่แล้ว ขยับตัวไม่ไหว
คืนนั้นก็มีอ้วกไปครั้งนึงค่ะ แต่มีแค่น้ำออกมา เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ 8.00 น.วันที่ 7 กรกฎาคม มีขย้อน แต่ไม่มีอะไรออกมาอีก 1 ครั้ง ค่ะ ไม่ปวดแผล แต่คลื่นไส้สุดๆ
ตอนกลางคืนก็มีพยาบาลมาวัดความดันและให้ยาเรื่อยๆค่ะ นอนไม่ค่อยสบายนักหรอก คนป่วยน่ะเนอะ
วันที่ 8 กรกฎาคม
ตื่นมา 8.00 น. อาการคลื่นไส้ดีขึ้นมาก กินอาหารเช้า เรากินเหลวๆค่ะ
จากนั้นก็เช็ดตัว จนท.มาเอาสายสวนปัสสาวะออก ให้เดินไปฉี่เองได้แล้ว มีการพูดว่า ถ้าภายในบ่ายนี้ไม่ปัสสาวะ จะต้องสวนกลับเข้าไปใหม่นะคะ เรานี่รีบฉี่เลยจ้าาา
12.30 น. คุณหมอ กรกฎ ศิริมัย ก็เข้ามาตรวจค่ะ
คุณหมอดีมากเลย อธิบายทุกอย่างได้ละเอียด ให้ความเข้าใจกับคนไข้ สมกับที่นั่งเลือกหมออยู่ 2 ชั่วโมงหน้าwebsite แล้วหมอก็ให้กลับบ้านค่ะ
รอเคลมประกันนานหน่อย แต่กรมธรรม์ที่coverเยอะๆเพิ่งทำใหม่ได้ไม่ถึง 1 ปี กว่าจะได้ออกจากรพ. 17.00 น. ค่ะ
รวมค่าใช้จ่าย 222,xxx บาท ค่ายา ค่าหมอ ถ้าเทียบกับรพ.เอกชนระดับบน เราว่าไม่แพงนะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าถ้าcase แบบเรา ที่BH จะคิดเงินเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เช็คค่ะ เราอยากผ่าที่นี่ (เราเคยเข้ารับการผ่าตัดที่ BH มาแล้วค่ะ เป็นโรคอื่น เราไม่happy กับที่นั่นน่ะนะ)
เมื่อวันก่อนเพิ่งไปfollow up กับคุณหมอ แผลหายดีแล้ว หมอบอกว่าทำกิจกรรมได้ทุกอย่างค่ะ วันนี้มีโอกาส ก็เลยมาเขียนในpantipค่ะ
ขอเพิ่มเติมนิดนึงว่า เราไม่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนเลย แต่ก็ยังมีcyst เจอเพราะไปตรวจสุขภาพมา ดังนั้น ก็แนะนำให้ตรวจสุขภาพกันนะคะ โดยถ้าเป็นแพ็คเกจต่ำสุด มันก็จะไม่มีultrasoundเนอะ คนที่cystแตก(หรือรั่ว)ก็มันจะพูดกันว่า ตรวจสุขภาพทุกปี ทำไมไม่เคยเจอ เอ้า ก็ตรวจแค่เลือด x-ray มันเลยไม่เจอไง
อีกเรื่องนึง ถ้ายังแข็งแรง แนะนำทำประกันไว้ก็ดีนะคะ ของเราทำประกันสุขภาพกับAIA ตอนแรกก็คิดว่า โห ปีละตั้งเท่านี้ๆ แต่พอได้ใช้ขึ้นมา คิดว่าจะเพิ่มการcoverเลยค่ะ (ก็ต้องเสียเบี้ยประกันมากขึ้น) เผื่อครั้งหน้าเป็นอะไรร้ายแรง แล้วใช้เงินเยอะในการรักษา (ไม่ได้ขายนะคะ ไปหาซื้อกันเอาเองค่ะ) ของเรา เคสนี้ประกันcoverหมด เราก็สบายใจค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้