ศีลเป็นการชี้แนะ ไม่ได้บังคับว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ

ศีลเป็นการชี้แนะ ไม่ได้บังคับว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ

    "๑. ศีลในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพุทธธรรม มิใช่เป็นเทวโองการ หรือคำสั่งบังคับสำเร็จรูป ที่กำหนดให้ศาสนิกประพฤติปฏิบัติอย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้าง สุดแต่เทวประสงค์ ด้วยอาศัยศรัทธาแบบภักดี ซึ่งไม่จำเป็นต้องทราบเหตุผลที่เชื่อมโยงต่อเนื่องมา" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). ๒๕๕๕. พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย กรุงเทพ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๗๑๓-๗๑๔.

อธิบายเพิ่มเติม

    ศีลเป็นการชี้แนะ ไม่ได้บังคับว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ คุณทำดีก็ได้รับผลดี คุณไม่ทำดีคุณก็ได้รับผลเสียหาย

    สิ่งที่ดียกขึ้นมา ดียังไงก็บอกเขา คุณต้องการคุณไปทำคุณจะได้ดีอะไร คุณไม่ทำคุณจะได้อะไร นี่คือ จริต นิสัย ปรัชญาของพระพุทธเจ้า เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่มีการไปบังคับใครให้ทำ

    เพราะว่าพระพุทธเจ้าถึงหลักประกาศชัดเจนเลยว่า "ทางสายกลาง" ถ้าพระพุทธเจ้าไปทำอย่างนั้น ก็จะผิดสายกลาง แต่ถามว่ามีการบังคับไหม? ก็มีเหมือนกัน แต่บังคับล่างๆ ขึ้นมา ตามกติกา ตามภูมิ ตามภาวะกรรม หรือสภาวธรรม 

    คุณพร้อมแล้ว คุณฟังแล้วคุณดีแล้ว พร้อมแล้วที่จะมาเป็นพระสงฆ์ ก็ต้องเข้ากติกาแล้ว พอเราฟังให้ดีแล้ว เราอยากจะเป็นอุบาสก อุบาสิกาถือศีล ๘ แล้ว เห็นไหม? คุณต้องสมัครใจก่อน พอถึงขั้นนี้แล้วก็จะมีขบวนการว่าจะให้ฝึกสอนยังไงเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย

    พระพุทธเจ้าจะคุยให้ฟังให้เกิดวิชชา ให้สรุปแล้วว่าจะต้องทำอย่างนี้ ถ้าเราบอกว่าจะเอาอย่างนี้เอา พระพุทธเจ้าท่านก็จะบอกว่าขั้นตอนที่ ๑ ถือศีล ๕ ก่อน ตอนที่ ๒ ถือศีล ๘  ขั้นตอนที่ ๓ ถือศีล ๒๒๗ ข้อ เป็นขั้นๆ ตอนไป

^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่