มันมีเพียงแต่คำว่า คุณซ้อมจนถึงจุดที่จะเปลี่ยนสิ่งต่างๆรอบข้าง ให้มาเป็นโอกาสของคุณได้รึเปล่า
- เมื่อปี 2005 มิลานชุดที่แกร่งทั่วแผ่น พบกับลิ้วพูลในรอบชิง UCL
มิลานแพ้จุดโทษให้กับลิ้วพูลไปแบบน่าเจ็บใจที่สุด จนเกิดเป็นปรากฎการณ์แห่งอิสตัลบลู ค่ำคืนแห่งการคัมแบ็คที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง นักเตะมิลานและแฟนมิลานทั่วโลกต่างไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง แฟนบอลมิลานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลิ้วพูลมากับดวง แต่...หารู้ไม่ว่า การที่ลิ้วพูลสามารถคัมแบ็คกลับมาได้มันเกิดจากการซ้อมและฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง หาใช่ความโชคดีใดๆไม่ (ลิ้วพูลแสดงให้เห็นการคัมแบ็คของพวกเขามาตลอด ล่าสุดคือเกมกับบาซ่า) มันจึงไม่ใช่ความโชคดีใดๆทั้งสิ้น แต่มันเกิดจากความพยายาม แฟนบอลมิลานแบบผมจึงสะสมความชอกช้ำครั้งนั้นไว้ในใจ อยากจะรีแมทซ์กับลิ้วพูลโดยเร็วที่สุด
- แต่แล้วเหมือนฟ้าเบื้องบนจะทรงโปรด มิลานและลิ้วพูลได้มาพบกันอีกครั้ง ในปี2007 แต่ครั้งนี้ มิลานมีเดิมพันธ์ที่สูงมาก (ด้วยการที่ลิ้วพูลได้แชมป์ยุโรป5สมัยและมิลาน6สมัย) ถ้ามิลานแพ้ลิ้วพูลอีก ถ้วยแชมป์จะเท่ากันทันที และจะเป็นการย้ำแค้นจากปี2005ด้วย ลิ้วพูลชุดปี 2007 รัดกุมและเล่นได้ดีกว่าปี 2005 มาก (ต้องยอมรับว่าเล่นได้เหนือกว่ามิลานเล็กน้อยด้วยซ้ำไป) แต่...มันก็มีนักเตะคนนึง ผู้ที่ทำลายกำพงหนาของลิ้วพูลในวันนั้นได้ ไม่ว่าเขาจะล้ำหน้ากี่ครั้ง จะไม่มีเทคนิคที่เลิศหรูอลังการ ร่างกายไม่ได้แข็งแกร่ง แต่...เมื่อใดก็ตามที่นักเตะผู้นี้หลุดกับดักล้ำหน้า นั่นหมายถึงการผลิต 1 สกอร์ ให้กับมิลานและนักเตะคนนั้นเขาชื่อว่า
พิลิปโป้ อินซากี้
- แสงไฟทุกดวงในค่ำคืนแห่งเอเธน ได้ส่องมาที่พี่กุ้ง จังหวะได้ฟรีคิกในระยะสุดอันตราย ปิร์โล คือผู้อยู่กับบอล ทุกสายตาผู้ชมทั่วโลกรวมทั้งนักเตะลิ้วพูลเอง ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปิร์โล่ว่าจะยิงฟรีคิกมาไม้ไหน โดยหารู้ไม่ว่า อินซากี้กำลังรอจังหวะเวลาที่จะส่งลิ้วพูลเข้าห้องเชือด
- วินาทีที่ปิร์โลตะบันฟรีคิก เป็นจังหวะเดียวกับที่อินซากี้วิ่งเล่นกับไลน์กองหลังและหลุดกับดักล้ำหน้า วิ่งไปใช้ลำตัวเปลี่ยนวิถีบอลเข้าไปตุงตาข่าย เขาไม่ต้องการความสวยงาม เขาไม่ต้องการความคลาสสิค หน้าที่ของอินซากี้ในวันนั้นคือ จะใช้ส่วนใดของร่างกายก็ได้ ขอให้ทำประตูได้เป็นพอ นั่นคือครั้งแรกที่กองหลังลิ้วพูลพลาด หลังจากนั้น อินซากี้ก็เล่นไลน์กับกองหลังลิ้วพูลอีกหลายครั้ง และ เมื่อหลังลิ้วพูลเช็คไลน์พลาดครั้งที่2 ประตูที่2ของตัวเขาก็ตามมา
- ภารกิจของอินซากี้ก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับพาถ้วยหูยักษ์กลับสู่เมืองมิลานอีกครั้ง ด้วยคำที่แฟนบอลหลายๆทีมค่อนขอดกันว่า ฟลุ๊ค โชคดี มีดวง แต่...ความจริงแล้ว ความโชคดีในโลกของฟุตบอล มันไม่มีจริง การเล่นลูกฟรีคิกลูกนั้น อินซากี้ ปิร์โล ซ้อมกันมาเป็นร้อย เป็นพันครั้ง และด้วยความพยายามของพวกเขา ก็นำพามาซึ่งความสำเร็จ
- เหมือนดังสุภาษิตไทย ที่ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ คือ
"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เคสนี้ขอยกตัวอย่างทีมลิ้วพูลฤดูกาลล่าสุด ขอแสดงความยินดีกับแฟนลิ้วพูลอีกครั้ง ความพยายามมันไม่เคยสูญเปล่าครับ เพียงแค่มันจะมาช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
ป.ล. กระทู้นี้แม้จะเหมือนการรำลึกอดีต แต่...ถ้าไม่ตั้งกระทู้ในปีนี้ ก็ไม่รู้จะไปตั้งปีไหนอีก เพราะมีเคสตัวอย่างของทีมๆนึงที่ใช้ความพยายามกว่า30ปี จนสำเร็จ เราและท่านๆก็ได้ทราบกันไปแล้ว
** แม้กระทู้นี้จะแสดงความยินดีกับลิ้วพูล แต่ก็จะยังตามแช่งใน UCL ตลอดไป เหตุผลสำคัญได้บอกไว้ในกระทู้แล้ว นั่นคือว่า ลิ้วพูลคือทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะถีบแชมป์ยุโรป7สมัยของมิลานลงมาเป็นที่3 ยิ่งยุคปัจจุบัน ความเป็นไปได้นั้นมันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามิลานยังยกระดับทีมมาเหมือนช่วงยุคมิลเลนเนี่ยมไม่ได้ละก็ อีกไม่กี่ปีเร็วๆนี้ แฟนมิลานแบบผมคงได้ฟังข่าวร้ายนั้นแน่ๆครับ **
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "ความโชคดีในโลกของฟุตบอลไม่มีจริง"
- เมื่อปี 2005 มิลานชุดที่แกร่งทั่วแผ่น พบกับลิ้วพูลในรอบชิง UCL
มิลานแพ้จุดโทษให้กับลิ้วพูลไปแบบน่าเจ็บใจที่สุด จนเกิดเป็นปรากฎการณ์แห่งอิสตัลบลู ค่ำคืนแห่งการคัมแบ็คที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง นักเตะมิลานและแฟนมิลานทั่วโลกต่างไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง แฟนบอลมิลานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลิ้วพูลมากับดวง แต่...หารู้ไม่ว่า การที่ลิ้วพูลสามารถคัมแบ็คกลับมาได้มันเกิดจากการซ้อมและฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง หาใช่ความโชคดีใดๆไม่ (ลิ้วพูลแสดงให้เห็นการคัมแบ็คของพวกเขามาตลอด ล่าสุดคือเกมกับบาซ่า) มันจึงไม่ใช่ความโชคดีใดๆทั้งสิ้น แต่มันเกิดจากความพยายาม แฟนบอลมิลานแบบผมจึงสะสมความชอกช้ำครั้งนั้นไว้ในใจ อยากจะรีแมทซ์กับลิ้วพูลโดยเร็วที่สุด
- แต่แล้วเหมือนฟ้าเบื้องบนจะทรงโปรด มิลานและลิ้วพูลได้มาพบกันอีกครั้ง ในปี2007 แต่ครั้งนี้ มิลานมีเดิมพันธ์ที่สูงมาก (ด้วยการที่ลิ้วพูลได้แชมป์ยุโรป5สมัยและมิลาน6สมัย) ถ้ามิลานแพ้ลิ้วพูลอีก ถ้วยแชมป์จะเท่ากันทันที และจะเป็นการย้ำแค้นจากปี2005ด้วย ลิ้วพูลชุดปี 2007 รัดกุมและเล่นได้ดีกว่าปี 2005 มาก (ต้องยอมรับว่าเล่นได้เหนือกว่ามิลานเล็กน้อยด้วยซ้ำไป) แต่...มันก็มีนักเตะคนนึง ผู้ที่ทำลายกำพงหนาของลิ้วพูลในวันนั้นได้ ไม่ว่าเขาจะล้ำหน้ากี่ครั้ง จะไม่มีเทคนิคที่เลิศหรูอลังการ ร่างกายไม่ได้แข็งแกร่ง แต่...เมื่อใดก็ตามที่นักเตะผู้นี้หลุดกับดักล้ำหน้า นั่นหมายถึงการผลิต 1 สกอร์ ให้กับมิลานและนักเตะคนนั้นเขาชื่อว่า พิลิปโป้ อินซากี้
- แสงไฟทุกดวงในค่ำคืนแห่งเอเธน ได้ส่องมาที่พี่กุ้ง จังหวะได้ฟรีคิกในระยะสุดอันตราย ปิร์โล คือผู้อยู่กับบอล ทุกสายตาผู้ชมทั่วโลกรวมทั้งนักเตะลิ้วพูลเอง ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปิร์โล่ว่าจะยิงฟรีคิกมาไม้ไหน โดยหารู้ไม่ว่า อินซากี้กำลังรอจังหวะเวลาที่จะส่งลิ้วพูลเข้าห้องเชือด
- วินาทีที่ปิร์โลตะบันฟรีคิก เป็นจังหวะเดียวกับที่อินซากี้วิ่งเล่นกับไลน์กองหลังและหลุดกับดักล้ำหน้า วิ่งไปใช้ลำตัวเปลี่ยนวิถีบอลเข้าไปตุงตาข่าย เขาไม่ต้องการความสวยงาม เขาไม่ต้องการความคลาสสิค หน้าที่ของอินซากี้ในวันนั้นคือ จะใช้ส่วนใดของร่างกายก็ได้ ขอให้ทำประตูได้เป็นพอ นั่นคือครั้งแรกที่กองหลังลิ้วพูลพลาด หลังจากนั้น อินซากี้ก็เล่นไลน์กับกองหลังลิ้วพูลอีกหลายครั้ง และ เมื่อหลังลิ้วพูลเช็คไลน์พลาดครั้งที่2 ประตูที่2ของตัวเขาก็ตามมา
- ภารกิจของอินซากี้ก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับพาถ้วยหูยักษ์กลับสู่เมืองมิลานอีกครั้ง ด้วยคำที่แฟนบอลหลายๆทีมค่อนขอดกันว่า ฟลุ๊ค โชคดี มีดวง แต่...ความจริงแล้ว ความโชคดีในโลกของฟุตบอล มันไม่มีจริง การเล่นลูกฟรีคิกลูกนั้น อินซากี้ ปิร์โล ซ้อมกันมาเป็นร้อย เป็นพันครั้ง และด้วยความพยายามของพวกเขา ก็นำพามาซึ่งความสำเร็จ
- เหมือนดังสุภาษิตไทย ที่ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ คือ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เคสนี้ขอยกตัวอย่างทีมลิ้วพูลฤดูกาลล่าสุด ขอแสดงความยินดีกับแฟนลิ้วพูลอีกครั้ง ความพยายามมันไม่เคยสูญเปล่าครับ เพียงแค่มันจะมาช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
ป.ล. กระทู้นี้แม้จะเหมือนการรำลึกอดีต แต่...ถ้าไม่ตั้งกระทู้ในปีนี้ ก็ไม่รู้จะไปตั้งปีไหนอีก เพราะมีเคสตัวอย่างของทีมๆนึงที่ใช้ความพยายามกว่า30ปี จนสำเร็จ เราและท่านๆก็ได้ทราบกันไปแล้ว
** แม้กระทู้นี้จะแสดงความยินดีกับลิ้วพูล แต่ก็จะยังตามแช่งใน UCL ตลอดไป เหตุผลสำคัญได้บอกไว้ในกระทู้แล้ว นั่นคือว่า ลิ้วพูลคือทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะถีบแชมป์ยุโรป7สมัยของมิลานลงมาเป็นที่3 ยิ่งยุคปัจจุบัน ความเป็นไปได้นั้นมันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามิลานยังยกระดับทีมมาเหมือนช่วงยุคมิลเลนเนี่ยมไม่ได้ละก็ อีกไม่กี่ปีเร็วๆนี้ แฟนมิลานแบบผมคงได้ฟังข่าวร้ายนั้นแน่ๆครับ **