.
หัวใจโต (Cardiomegaly) ไม่ใช่โรค แต่เป็นภาวะที่หัวใจมีขนาดใหญ่หรือหนากว่าปกติ ทั่วไปจะเรียกว่า ภาวะหัวใจโต เพราะขนาดของหัวใจทุกคนจะมีขนาดเท่ากับกำปั้น หัวใจโตสาเหตุเกิดได้หลายอย่าง ส่วนใหญ่มาจาก ความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ และสาเหตุจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้การทำงานของหัวใจบกพร่องได้
.
ใครบ้างที่เสี่ยงหัวใจโต
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เช่น โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ , โรคหัวใจเต้นผิดปกติ, โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด,โรคลิ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่มีอาการของโรคอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
- ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไป หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับโปรตีน
.
.
ภาวะหัวใจโต มีอาการอย่างไร?
ภาวะหัวใจโตในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือกรณีที่เป็นภาวะหัวใจโต จากโรคอื่น เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ หรือลิ้นหัวใจตีบ หัวใจรั่ว อาการที่เจอก็อาจมีเหนื่อยหอบผิดปกติ เพราะฉะนั้นอาการของภาวะหัวใจโตมักจะขึ้นกับโรคที่เป็น แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดีพอก็อาจทำให้มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้
.
-หายใจลำบาก
-เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
-หายใจเร็ว
-เวียนศีรษะ อ่อนเพลียง่าย
-ใจสั่น
-ไอเวลานอน
-บวมบริเวณเท้าตอนสาย ๆ
-นอนราบไม่ได้เนื่องจากแน่นหน้าอก
.
.
ภาวะหัวใจโต รักษาหายไหม?
โดยทั่วไปถ้าหัวใจโตแล้ว โอกาสจะหายน้อย มีแค่เพียงภาวะเดียว ที่เป็นภาวะที่เรียกว่า โรคหัวใจจากการขาดวิตามิน B1 ซึ่งเจอในคนที่ติดเหล้ามาก ๆ พวกนี้ขาดสารอาหาร พอให้วิตามิน B1 แล้วก็งดเหล้าอาการก็จะดีขึ้น แต่ว่าโดยทั่วไปถ้าเป็นปัญหาอื่น เช่น ความดันสูง หัวใจโต หรือว่าลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โอกาสจะดีขึ้นค่อนข้างน้อย แต่ว่าการรักษา ก็เป็นการรักษาตามโรค ซึ่งควรต้องเข้ารับการรักษา ไม่เช่นนั้นอาการก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ
.
วิธีการรักษาภาวะหัวใจโต
.
เบื้องต้นต้องหาสาเหตุของโรคก่อน โดยคุณหมอจะทำการรักษาตามสาเหตุและอาการ ซึ่งรูปแบบการรักษา มีทั้ง
การใช้ยารักษาตามโรคที่พบ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือถ้าโรคหัวใจโต จากลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว อาจจะต้องรักษาด้วยยา หรือการรักษาโดยการผ่าตัดแก้ไข ถ้ามีปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ ทั้งหลอดเลือดหัวใจโต กล้ามเนื้ออ่อนแรง การรักษาก็อาจจะกินยารักษาโรคหัวใจตีบ หรือต้องไปฉีดสีที่ศูนย์หัวใจ ทำบอลลูน หรือผ่าตัดแก้ไข ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น
.
การตรวจหาเพื่อหาสาเหตุของโรค คุณหมออาจจะให้การเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือวินิจฉัยด้วยการการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ส่วนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือการตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (Echocardiography) ช่วยให้เห็นห้องหัวใจและสามารถวัดขนาดได้ว่าโต หรือไม่ การตรวจชนิดนี้ช่วยให้เห็นการทำงานของลิ้นหัวใจ ลักษณะของกล้ามเนื้อหัวใจ และความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ
.
การป้องกันภาวะหัวใจโต
-ท่านที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เช่น อ้วน ไม่ได้ออกกำลังกาย มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม -เพื่อลดโอกาสการเกิดความดันโลหิตสูง ท่านที่มีภาวะความดันโลหิตสูงต้องรับประทานยา และปฏิบัติตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด
-ประวัติโรคทางพันธุกรรมของครอบครัว หากมีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา
-รักษาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
-บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ
.
หัวใจโต เกิดจากอะไร?
.
ใครบ้างที่เสี่ยงหัวใจโต
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เช่น โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ , โรคหัวใจเต้นผิดปกติ, โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด,โรคลิ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่มีอาการของโรคอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
- ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไป หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับโปรตีน
.
ภาวะหัวใจโตในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือกรณีที่เป็นภาวะหัวใจโต จากโรคอื่น เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ หรือลิ้นหัวใจตีบ หัวใจรั่ว อาการที่เจอก็อาจมีเหนื่อยหอบผิดปกติ เพราะฉะนั้นอาการของภาวะหัวใจโตมักจะขึ้นกับโรคที่เป็น แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดีพอก็อาจทำให้มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้
.
-หายใจลำบาก
-เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
-หายใจเร็ว
-เวียนศีรษะ อ่อนเพลียง่าย
-ใจสั่น
-ไอเวลานอน
-บวมบริเวณเท้าตอนสาย ๆ
-นอนราบไม่ได้เนื่องจากแน่นหน้าอก
.
โดยทั่วไปถ้าหัวใจโตแล้ว โอกาสจะหายน้อย มีแค่เพียงภาวะเดียว ที่เป็นภาวะที่เรียกว่า โรคหัวใจจากการขาดวิตามิน B1 ซึ่งเจอในคนที่ติดเหล้ามาก ๆ พวกนี้ขาดสารอาหาร พอให้วิตามิน B1 แล้วก็งดเหล้าอาการก็จะดีขึ้น แต่ว่าโดยทั่วไปถ้าเป็นปัญหาอื่น เช่น ความดันสูง หัวใจโต หรือว่าลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โอกาสจะดีขึ้นค่อนข้างน้อย แต่ว่าการรักษา ก็เป็นการรักษาตามโรค ซึ่งควรต้องเข้ารับการรักษา ไม่เช่นนั้นอาการก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ
.
วิธีการรักษาภาวะหัวใจโต
.
เบื้องต้นต้องหาสาเหตุของโรคก่อน โดยคุณหมอจะทำการรักษาตามสาเหตุและอาการ ซึ่งรูปแบบการรักษา มีทั้ง
การใช้ยารักษาตามโรคที่พบ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือถ้าโรคหัวใจโต จากลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว อาจจะต้องรักษาด้วยยา หรือการรักษาโดยการผ่าตัดแก้ไข ถ้ามีปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ ทั้งหลอดเลือดหัวใจโต กล้ามเนื้ออ่อนแรง การรักษาก็อาจจะกินยารักษาโรคหัวใจตีบ หรือต้องไปฉีดสีที่ศูนย์หัวใจ ทำบอลลูน หรือผ่าตัดแก้ไข ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น
.
การตรวจหาเพื่อหาสาเหตุของโรค คุณหมออาจจะให้การเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือวินิจฉัยด้วยการการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ส่วนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือการตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (Echocardiography) ช่วยให้เห็นห้องหัวใจและสามารถวัดขนาดได้ว่าโต หรือไม่ การตรวจชนิดนี้ช่วยให้เห็นการทำงานของลิ้นหัวใจ ลักษณะของกล้ามเนื้อหัวใจ และความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ
.
การป้องกันภาวะหัวใจโต
-ท่านที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เช่น อ้วน ไม่ได้ออกกำลังกาย มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม -เพื่อลดโอกาสการเกิดความดันโลหิตสูง ท่านที่มีภาวะความดันโลหิตสูงต้องรับประทานยา และปฏิบัติตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด
-ประวัติโรคทางพันธุกรรมของครอบครัว หากมีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา
-รักษาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
-บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ
.