สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
สวัสดีค่ะ ทาง บริษัท แรบบิท อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Rabbit Finance ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และขออนุญาตชี้แจงรายละเอียดดังต่อไปนี้:
- คุณ A (นามสมมุติ-บุคคลที่แอบอ้าง) ได้ติดต่อเข้ามาซื้อประกันรถยนต์กับ Rabbit Finance โดยแจ้งชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
- เจ้าหน้าที่ Rabbit Finance ได้สอบถามคุณ A ถึงความเป็นเจ้าของบัตร โดย คุณ A ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ Rabbit Finance ว่าบัตรที่ใช้ชำระเงินเป็นของตนเอง และยืนยันอนุญาตให้ทาง Rabbit Finance ตัดชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตดังกล่าว
- หลังจากการชำระเงินดังกล่าว Rabbit Finance ได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เพื่อเตรียมจัดส่งให้กับ คุณ A
- คุณ B (นามสมมุติ-เจ้าของกระทู้) ได้ติดต่อเข้ามายัง Rabbit Finance และได้ทำการสอบถามถึงความล่าช้าในการจัดส่งกรมธรรม์ของตน
- ทาง Rabbit Finance จึงได้ประสานงานตรวจสอบถึงปัญหาการจัดส่งล่าช้า และพบว่ารถของ คุณ B ไม่เคยลงทะเบียนเพื่อซื้อประกันรถยนต์กับ Rabbit Finance
- คุณ B ได้ยืนยันว่า ทาง Rabbit Finance ได้ตัดบัตรของ คุณ B ทาง Rabbit Finance จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติม และพบว่าบัตรนี้ถูกนำไปใช้ชำระเงินประกันภัยของรถคันอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของ คุณ B
- ทาง Rabbit Finance จึงตรวจสอบข้อมูลในระบบพบว่า คุณ A ได้ลงทะเบียนเข้ามาเองอย่างถูกต้องตามกฎบริษัทฯ และไฟล์เสียงที่บันทึกการสนทนาพบว่า คุณ A เป็นผู้แจ้งหมายเลขบัตรเครดิตของคุณ B เพื่อชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของตัวเอง โดยแอบอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นบัตรเครดิตของตน
- ดังนั้น ทาง Rabbit Finance ได้ติดต่อไปยัง คุณ A ซึ่งต่อมากลับคำว่า ตนไม่ใช่เจ้าของบัตรเครดิต แต่เป็นเพื่อนของเจ้าของบัตรเครดิต ทาง Rabbit Finance จึงได้ติดต่อไปยัง คุณ B เพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าว และสรุปได้ว่าเคสนี้ เป็นการแอบอ้างและลักทรัพย์ โดยใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ทั้งนี้ ทาง Rabbit Finance จึงทำการคืนเงินไปยังคุณ B ทันที และอยู่ในระหว่างการขยายผลดำเนินคดี คุณ A ตามคดีอาญาให้ถึงที่สุด
เพื่อความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทาง Rabbit Finance จึงขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
- คุณ A ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับทาง Rabbit Finance ทั้งสิ้น และไม่เคยมีสถานะเป็นลูกจ้างของทาง Rabbit Finance แต่อย่างใด
- ปัจจุบัน ทาง Rabbit Finance มีช่องทางในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหลายช่องทางด้วยกัน
1. การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยตนเอง ผ่านระบบรับชำระเงินที่ได้รับการรับรองโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
2. การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์ โดยใช้เครื่อง EDC ของธนาคารคู่สัญญา
3. การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่สำนักงานใหญ่ของ Rabbit Finance
- ในการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์ โดยใช้เครื่อง EDC ของธนาคารคู่สัญญา ทาง Rabbit Finance มีนโยบายไม่ให้ขอสำเนาบัตรเครดิตเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและมีบทยืนยันเพื่อเป็นหลักฐานในการอนุญาตตัดชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หากลูกค้าพบว่ามีรายการตัดชำระเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถติดต่อมาทาง Rabbit Finance เพื่อตรวจสอบและยกเลิกรายการดังกล่าวได้ทันที
- คุณ A (นามสมมุติ-บุคคลที่แอบอ้าง) ได้ติดต่อเข้ามาซื้อประกันรถยนต์กับ Rabbit Finance โดยแจ้งชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
- เจ้าหน้าที่ Rabbit Finance ได้สอบถามคุณ A ถึงความเป็นเจ้าของบัตร โดย คุณ A ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ Rabbit Finance ว่าบัตรที่ใช้ชำระเงินเป็นของตนเอง และยืนยันอนุญาตให้ทาง Rabbit Finance ตัดชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตดังกล่าว
- หลังจากการชำระเงินดังกล่าว Rabbit Finance ได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เพื่อเตรียมจัดส่งให้กับ คุณ A
- คุณ B (นามสมมุติ-เจ้าของกระทู้) ได้ติดต่อเข้ามายัง Rabbit Finance และได้ทำการสอบถามถึงความล่าช้าในการจัดส่งกรมธรรม์ของตน
- ทาง Rabbit Finance จึงได้ประสานงานตรวจสอบถึงปัญหาการจัดส่งล่าช้า และพบว่ารถของ คุณ B ไม่เคยลงทะเบียนเพื่อซื้อประกันรถยนต์กับ Rabbit Finance
- คุณ B ได้ยืนยันว่า ทาง Rabbit Finance ได้ตัดบัตรของ คุณ B ทาง Rabbit Finance จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติม และพบว่าบัตรนี้ถูกนำไปใช้ชำระเงินประกันภัยของรถคันอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของ คุณ B
- ทาง Rabbit Finance จึงตรวจสอบข้อมูลในระบบพบว่า คุณ A ได้ลงทะเบียนเข้ามาเองอย่างถูกต้องตามกฎบริษัทฯ และไฟล์เสียงที่บันทึกการสนทนาพบว่า คุณ A เป็นผู้แจ้งหมายเลขบัตรเครดิตของคุณ B เพื่อชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของตัวเอง โดยแอบอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นบัตรเครดิตของตน
- ดังนั้น ทาง Rabbit Finance ได้ติดต่อไปยัง คุณ A ซึ่งต่อมากลับคำว่า ตนไม่ใช่เจ้าของบัตรเครดิต แต่เป็นเพื่อนของเจ้าของบัตรเครดิต ทาง Rabbit Finance จึงได้ติดต่อไปยัง คุณ B เพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าว และสรุปได้ว่าเคสนี้ เป็นการแอบอ้างและลักทรัพย์ โดยใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ทั้งนี้ ทาง Rabbit Finance จึงทำการคืนเงินไปยังคุณ B ทันที และอยู่ในระหว่างการขยายผลดำเนินคดี คุณ A ตามคดีอาญาให้ถึงที่สุด
เพื่อความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทาง Rabbit Finance จึงขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
- คุณ A ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับทาง Rabbit Finance ทั้งสิ้น และไม่เคยมีสถานะเป็นลูกจ้างของทาง Rabbit Finance แต่อย่างใด
- ปัจจุบัน ทาง Rabbit Finance มีช่องทางในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหลายช่องทางด้วยกัน
1. การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยตนเอง ผ่านระบบรับชำระเงินที่ได้รับการรับรองโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
2. การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์ โดยใช้เครื่อง EDC ของธนาคารคู่สัญญา
3. การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่สำนักงานใหญ่ของ Rabbit Finance
- ในการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์ โดยใช้เครื่อง EDC ของธนาคารคู่สัญญา ทาง Rabbit Finance มีนโยบายไม่ให้ขอสำเนาบัตรเครดิตเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและมีบทยืนยันเพื่อเป็นหลักฐานในการอนุญาตตัดชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หากลูกค้าพบว่ามีรายการตัดชำระเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถติดต่อมาทาง Rabbit Finance เพื่อตรวจสอบและยกเลิกรายการดังกล่าวได้ทันที
ความคิดเห็นที่ 31
อัพเดตกระทู้ค่ะ : 7/17/2020
ทุกๆคนคะ เราอยากให้หลายๆคน อ่านรายละเอียดที่เราได้ทราบมาอย่างถูกต้องในวันนี้อีกครั้งค่ะ เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับใครหลายๆคน เกี่ยวกับบุคคลที่เราอ้างถึงทุกๆคนนะคะ ทั้งในส่วนของโบรกเกอร์ต่างๆ และในส่วนของรายละเอียดบางอย่างที่ตกหล่นไป เราอยากเข้ามาอัพเดตกระทู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรนะคะ เราจะพยายามเขียนให้กระชับที่สุด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตือนภัยให้กับทุกๆคนที่มีโอกาสที่จะเป็นผู้เสียหายได้จากการหลอกลวงในลักษณะนี้ได้ในอนาคตค่ะ
ขออัพเดตก่อนนะคะ ว่า ณ วันที่เราเขียนนี้ เราได้รับเงินคืนครบตามจำนวนที่ตัดผ่านบัตรเครดิตไปเรียบร้อยแล้ว จากการผสานงานระหว่างบริษัท Rabbit Insurance Broker และ บริษัทบัตรเครดิตกรุงศรีนะคะ ขอบพระคุณทั้งสองบริษัทที่ช่วยดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว อย่างที่เราเคยกล่าวไว้ในครั้งก่อนๆทางด้านล่างที่เคยเอ่ยไปแล้วค่ะ
การหลอกลวงในครั้งนี้ ที่ทำให้พวกเรางุนงงสงสัย ว่าเป็นไปได้อย่างไร โบรกเกอร์ Rabbit มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในครั้งนี้หรือไม่ เราขอเล่าให้ฟังแบบนี้นะคะ
เรื่องราวการฉ้อฉลในครั้งนี้ มีผู้เสียหายทั้งหมด 3 ราย และ 1 คนโกงค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 1 ขอใช้ตัวย่อว่า A: คนที่ถูกโกงคนแรกค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 2 ขอใช้ตัวย่อว่า B : เราเองค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 3 ขอใช้ตัวย่อว่า C : Rabbit Broker ค่ะ
คนโกง ขอเรียกว่า "ตา" เลยนะคะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
1.> ตา ถูกบริษัท ...L ไล่ออก เนื่องจากการทำทุจริตต่อบริษัท และต่อลูกค้าที่ใช้บริการกับทางบริษัท จึงถูกให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน พร้อมการฟ้องร้อง และคดีความที่ติดตัวมาเนื่องจากการฉ้อโกง
2.> ตา นำเอกสารที่มีข้อมูลของลูกค้าเก่าของบริษัท ....L ติดตัวออกมาด้วย เธอจึงมีทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ของลูกค้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ และรวมถึงวันที่เริ่ม และหมดอายุประกันภัย ดังนั้นจึงไม่ยากที่ลูกค้าที่ถูก ตา โทรหาจะไม่สงสัยว่า ตา ไม่ใช่โบรกเกอร์ เพราะข้อมูลที่เธอมีนั้นแน่นมาก
3.> ตา โทรหา A เพื่อขายประกันให้ เพราะ A เป็นลูกค้าเก่าของ ....L ข้อมูลที่มีก็ตรงกับที่ ตา มี ดังนั้น A จึงตกลงซื้อประกันกับ ตา โดยเลือกวิธีการชำระด้วยเงินสด และโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ ตา
4.> ตา โทรหา B เพื่อขายประกันให้ เสนอประกันราคาถูก จน B ตกลงทำประกันกับ ตา แต่เลือกวิธีการชำระด้วยบัตรเครดิตแบบผ่อน 0% 10 เดือน
5.> ตา โทรหา C เพื่อติดต่อขอซื้อประกันจาก C ดังนั้น ตามกระบวนการ การซื้อขาย C ก็ทำการอัดเสียง ซื้อขายออนไลน์กันตามปกติ โดย ตา บอก C ว่า จะชำระด้วยบัตรเครดิต โดยยื่นเอกสารข้อมูลเพื่อออกกรมธรรม์ เป็นข้อมูลของ A และใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของ B ชำระให้กับ C ทันที
6.> ณ ตอนนี้ ผลที่เกิดขึ้นคือ
- ตา ได้รับเงินสดไปถลุงเล่นจาก A
- A ได้รับกรมธรรม์จาก C
- B โดนตัดค่าบัตรเครดิต แต่ไม่ได้รับกรมธรรม์ใดๆ
- C ขายประกันได้รับค่าประกันตามปกติ โดยคิดว่าขายให้กับ A เรียบร้อย ส่งกรมธรรม์ให้ A เรียบร้อย
จนถึงตรงนี้ ทุกคนเห็นแล้วนะคะ ว่าทุกคนจะวินวินเลย ถ้า B ดันไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ว่าทำไมกรูไม่ได้กรมธรรม์ ทั้งๆที่ตัดเงินไปแล้ว และประกันกำลังจะหมดลง นั่นเป็นเพราะ ตา ยังหลอกลูกค้ารายใหม่เพื่อนำเงินมาหมุนจ่ายซื้อกรมธรรม์ให้ B ได้ไม่ทันนั่นเองค่ะ
จากกระทู้เลยนะคะ B ซึ่งก็คือเรา
- ผสานงานไปที่บริษัทประกันก่อนว่ามีทะเบียนรถเราแจ้งเรื่องเข้ามาไหม เมื่อไม่มี
- เรา เลยผสานงานกลับไปที่กรุงศรี ว่าขอยกเลิกยอด เพราะเราคิดว่าเราโดนโกงแน่ๆแล้ว กรุงศรีบอกว่าต้องให้บริษัทที่ตัดบัตรเป็นคนยกเลิกยอดจ้า
- เรา ผสานงานกลับไปที่ C - Rabbit ว่ายูตัดบัตรเราไปนะ ยกเลิกยอดให้เราหน่อย เราไม่ได้กรมธรรม์อ่ะ C ตกใจ ขอตรวจสอบข้อมูล และเห็นความผิดปกติบางอย่าง แต่ก็ขอให้เราไปออกเอกสารจากทางธนาคาร ว่าเขาตัดบัตรเราไปจริงๆที่ยอดนี้จริงๆในวันนี้จริงๆ
- เรา ผสานกลับไปขอเอกสารที่กรุงศรี และกรุงศรีก็ออกเอกสารให้ในวันรุ่งขึ้นทันที
- เรา ส่งเอกสารไปให้ Rabbit และ Rabbit ทำการวอยเงินคืนเข้าบัตรเครดิตเราในทันทีช่วงบ่าย
เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันคือ
- ตา ยังคงลอยนวลพร้อมเงินสดที่ได้ไปจาก A
- Rabbit ซวยมาก เพราะออกกรมธรรม์ไปให้ A แล้ว และเงินที่จ่ายไปที่จริงๆคือเงินของเรา Rabbit ก็คืนให้กับ เราแล้ว แต่เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เราเชื่อมากว่าด้วยสปิริตของเขา Rabbit น่าจะยอมออกกรมธรรม์ให้กับ A ฟรีๆ เพราะ A นี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย จ่ายเงินสด ได้กรมธรรม์ แต่เงินสดดันไปเข้ากระเป๋า ตา แต่วันนี้น่าจะรู้ตัวแล้วนะ
- เรา ได้เงินคืนแล้ว และใจเสียหน่อยๆ เลยมาเขียนกระทู้เตือนภัยให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบ ตอนนี้เราเริ่มว่างจากงานประจำแล้ว เพราะหัวหน้าลายันวันจันทร์ เลยจะไปแจ้งความที่ สน เพื่อนำเอกสารที่ได้มา ไปดำเนินการต่อกับทางคนโกง เอกสารแจ้งความนี้ เราจะส่งให้ Rabbit ด้วยค่ะ เพราะเขาเสียหายมาก
- ตา คือตัวกลางของทุกๆอย่าง ทุกๆคนในเรื่องนี้เลย น่าตบด้วยลูกกรง โกรธมากอ่ะ โกรธจนน้ำตาไหล เพราะเสียเวลามากเลย แต่สุดท้าย เราก็ตกลงซื้อประกันผ่านทาง Rabbit นะคะ เพราะเขาดำเนินการตรวจสอบอะไรปุ๊บปั๊บ ฉับไว ไม่ดองเรื่อง ดองเงินลูกค้าค่ะ เราเลยมั่นใจระดับนึง ซื้อกับเขานี่แหละ แค่ส่งโบรกเกอร์ที่มี license มาให้เราก็พอ ประกันเรากำลังจะหมดแล้วอะไรแบบนี้ค่ะ
เรื่องราวก็จบลงด้วยประการฉะนี้ มีหลายคนเลยค่ะ ที่หลังไมค์มาหาเรา เปิดหน้า เปิดชื่อจริง นามสกุลจริง พร้อมเอกสารยืนยันจริงๆว่าใช่คนนี้ไหม ใช่ตา นี้หรือเปล่า บางตา ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่สองสามรายชื่อตา พร้อมชื่อนามสกุลนี่ใช่เลย หัวอกเดียวกันนะคะ คนๆนี้คือคนอันตราย สร้างความเสียหายไปทั่ว ปล่อยไปก็หนักแผ่นดินค่ะ แต่แผ่นดินเราขยะมันเยอะเกิน กฎหมายอ่อนจนแทบจะกลายเป็นวุ้น ไม่รู้ทำไมคนๆนี้ยังหลุดรอดออกมาลอยนวลหลอกชาวบ้านเขาไปทั่วแบบนี้ได้อีกนะคะ ทุกคนคะ ช่วยกันดันกระทู้ทีค่ะ นี่ไม่ใช่แค่กระทู้อุทาหรณ์
แต่มันคือการเตือนภัย
จะมีคนเสียหายแบบเราอีกมากมาย เราอยากให้คนที่สงสัยว่าใช่ไหมนะ เราโดนแล้วไหมนะ หลังไมค์มาหาเราได้เลยค่ะ ถ้าใช่คือใช่ ไม่ใช่ ก็ต้องแจ้งความนะคะทุกคน เสียหายหลักล้านนะคะ ถ้าหลายๆคนโดนพร้อมๆกัน เรามาช่วยกันเตือนภัยนะคะ สังคมพันทิบ น่าอยู่ที่สุดในโลกค่ะ!
=========================================================================
ทุกๆคนคะ เราอยากให้หลายๆคน อ่านรายละเอียดที่เราได้ทราบมาอย่างถูกต้องในวันนี้อีกครั้งค่ะ เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับใครหลายๆคน เกี่ยวกับบุคคลที่เราอ้างถึงทุกๆคนนะคะ ทั้งในส่วนของโบรกเกอร์ต่างๆ และในส่วนของรายละเอียดบางอย่างที่ตกหล่นไป เราอยากเข้ามาอัพเดตกระทู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรนะคะ เราจะพยายามเขียนให้กระชับที่สุด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตือนภัยให้กับทุกๆคนที่มีโอกาสที่จะเป็นผู้เสียหายได้จากการหลอกลวงในลักษณะนี้ได้ในอนาคตค่ะ
ขออัพเดตก่อนนะคะ ว่า ณ วันที่เราเขียนนี้ เราได้รับเงินคืนครบตามจำนวนที่ตัดผ่านบัตรเครดิตไปเรียบร้อยแล้ว จากการผสานงานระหว่างบริษัท Rabbit Insurance Broker และ บริษัทบัตรเครดิตกรุงศรีนะคะ ขอบพระคุณทั้งสองบริษัทที่ช่วยดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว อย่างที่เราเคยกล่าวไว้ในครั้งก่อนๆทางด้านล่างที่เคยเอ่ยไปแล้วค่ะ
การหลอกลวงในครั้งนี้ ที่ทำให้พวกเรางุนงงสงสัย ว่าเป็นไปได้อย่างไร โบรกเกอร์ Rabbit มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในครั้งนี้หรือไม่ เราขอเล่าให้ฟังแบบนี้นะคะ
เรื่องราวการฉ้อฉลในครั้งนี้ มีผู้เสียหายทั้งหมด 3 ราย และ 1 คนโกงค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 1 ขอใช้ตัวย่อว่า A: คนที่ถูกโกงคนแรกค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 2 ขอใช้ตัวย่อว่า B : เราเองค่ะ
ผู้เสียหายคนที่ 3 ขอใช้ตัวย่อว่า C : Rabbit Broker ค่ะ
คนโกง ขอเรียกว่า "ตา" เลยนะคะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
1.> ตา ถูกบริษัท ...L ไล่ออก เนื่องจากการทำทุจริตต่อบริษัท และต่อลูกค้าที่ใช้บริการกับทางบริษัท จึงถูกให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน พร้อมการฟ้องร้อง และคดีความที่ติดตัวมาเนื่องจากการฉ้อโกง
2.> ตา นำเอกสารที่มีข้อมูลของลูกค้าเก่าของบริษัท ....L ติดตัวออกมาด้วย เธอจึงมีทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ของลูกค้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ และรวมถึงวันที่เริ่ม และหมดอายุประกันภัย ดังนั้นจึงไม่ยากที่ลูกค้าที่ถูก ตา โทรหาจะไม่สงสัยว่า ตา ไม่ใช่โบรกเกอร์ เพราะข้อมูลที่เธอมีนั้นแน่นมาก
3.> ตา โทรหา A เพื่อขายประกันให้ เพราะ A เป็นลูกค้าเก่าของ ....L ข้อมูลที่มีก็ตรงกับที่ ตา มี ดังนั้น A จึงตกลงซื้อประกันกับ ตา โดยเลือกวิธีการชำระด้วยเงินสด และโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ ตา
4.> ตา โทรหา B เพื่อขายประกันให้ เสนอประกันราคาถูก จน B ตกลงทำประกันกับ ตา แต่เลือกวิธีการชำระด้วยบัตรเครดิตแบบผ่อน 0% 10 เดือน
5.> ตา โทรหา C เพื่อติดต่อขอซื้อประกันจาก C ดังนั้น ตามกระบวนการ การซื้อขาย C ก็ทำการอัดเสียง ซื้อขายออนไลน์กันตามปกติ โดย ตา บอก C ว่า จะชำระด้วยบัตรเครดิต โดยยื่นเอกสารข้อมูลเพื่อออกกรมธรรม์ เป็นข้อมูลของ A และใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของ B ชำระให้กับ C ทันที
6.> ณ ตอนนี้ ผลที่เกิดขึ้นคือ
- ตา ได้รับเงินสดไปถลุงเล่นจาก A
- A ได้รับกรมธรรม์จาก C
- B โดนตัดค่าบัตรเครดิต แต่ไม่ได้รับกรมธรรม์ใดๆ
- C ขายประกันได้รับค่าประกันตามปกติ โดยคิดว่าขายให้กับ A เรียบร้อย ส่งกรมธรรม์ให้ A เรียบร้อย
จนถึงตรงนี้ ทุกคนเห็นแล้วนะคะ ว่าทุกคนจะวินวินเลย ถ้า B ดันไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ว่าทำไมกรูไม่ได้กรมธรรม์ ทั้งๆที่ตัดเงินไปแล้ว และประกันกำลังจะหมดลง นั่นเป็นเพราะ ตา ยังหลอกลูกค้ารายใหม่เพื่อนำเงินมาหมุนจ่ายซื้อกรมธรรม์ให้ B ได้ไม่ทันนั่นเองค่ะ
จากกระทู้เลยนะคะ B ซึ่งก็คือเรา
- ผสานงานไปที่บริษัทประกันก่อนว่ามีทะเบียนรถเราแจ้งเรื่องเข้ามาไหม เมื่อไม่มี
- เรา เลยผสานงานกลับไปที่กรุงศรี ว่าขอยกเลิกยอด เพราะเราคิดว่าเราโดนโกงแน่ๆแล้ว กรุงศรีบอกว่าต้องให้บริษัทที่ตัดบัตรเป็นคนยกเลิกยอดจ้า
- เรา ผสานงานกลับไปที่ C - Rabbit ว่ายูตัดบัตรเราไปนะ ยกเลิกยอดให้เราหน่อย เราไม่ได้กรมธรรม์อ่ะ C ตกใจ ขอตรวจสอบข้อมูล และเห็นความผิดปกติบางอย่าง แต่ก็ขอให้เราไปออกเอกสารจากทางธนาคาร ว่าเขาตัดบัตรเราไปจริงๆที่ยอดนี้จริงๆในวันนี้จริงๆ
- เรา ผสานกลับไปขอเอกสารที่กรุงศรี และกรุงศรีก็ออกเอกสารให้ในวันรุ่งขึ้นทันที
- เรา ส่งเอกสารไปให้ Rabbit และ Rabbit ทำการวอยเงินคืนเข้าบัตรเครดิตเราในทันทีช่วงบ่าย
เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันคือ
- ตา ยังคงลอยนวลพร้อมเงินสดที่ได้ไปจาก A
- Rabbit ซวยมาก เพราะออกกรมธรรม์ไปให้ A แล้ว และเงินที่จ่ายไปที่จริงๆคือเงินของเรา Rabbit ก็คืนให้กับ เราแล้ว แต่เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เราเชื่อมากว่าด้วยสปิริตของเขา Rabbit น่าจะยอมออกกรมธรรม์ให้กับ A ฟรีๆ เพราะ A นี่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย จ่ายเงินสด ได้กรมธรรม์ แต่เงินสดดันไปเข้ากระเป๋า ตา แต่วันนี้น่าจะรู้ตัวแล้วนะ
- เรา ได้เงินคืนแล้ว และใจเสียหน่อยๆ เลยมาเขียนกระทู้เตือนภัยให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบ ตอนนี้เราเริ่มว่างจากงานประจำแล้ว เพราะหัวหน้าลายันวันจันทร์ เลยจะไปแจ้งความที่ สน เพื่อนำเอกสารที่ได้มา ไปดำเนินการต่อกับทางคนโกง เอกสารแจ้งความนี้ เราจะส่งให้ Rabbit ด้วยค่ะ เพราะเขาเสียหายมาก
- ตา คือตัวกลางของทุกๆอย่าง ทุกๆคนในเรื่องนี้เลย น่าตบด้วยลูกกรง โกรธมากอ่ะ โกรธจนน้ำตาไหล เพราะเสียเวลามากเลย แต่สุดท้าย เราก็ตกลงซื้อประกันผ่านทาง Rabbit นะคะ เพราะเขาดำเนินการตรวจสอบอะไรปุ๊บปั๊บ ฉับไว ไม่ดองเรื่อง ดองเงินลูกค้าค่ะ เราเลยมั่นใจระดับนึง ซื้อกับเขานี่แหละ แค่ส่งโบรกเกอร์ที่มี license มาให้เราก็พอ ประกันเรากำลังจะหมดแล้วอะไรแบบนี้ค่ะ
เรื่องราวก็จบลงด้วยประการฉะนี้ มีหลายคนเลยค่ะ ที่หลังไมค์มาหาเรา เปิดหน้า เปิดชื่อจริง นามสกุลจริง พร้อมเอกสารยืนยันจริงๆว่าใช่คนนี้ไหม ใช่ตา นี้หรือเปล่า บางตา ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่สองสามรายชื่อตา พร้อมชื่อนามสกุลนี่ใช่เลย หัวอกเดียวกันนะคะ คนๆนี้คือคนอันตราย สร้างความเสียหายไปทั่ว ปล่อยไปก็หนักแผ่นดินค่ะ แต่แผ่นดินเราขยะมันเยอะเกิน กฎหมายอ่อนจนแทบจะกลายเป็นวุ้น ไม่รู้ทำไมคนๆนี้ยังหลุดรอดออกมาลอยนวลหลอกชาวบ้านเขาไปทั่วแบบนี้ได้อีกนะคะ ทุกคนคะ ช่วยกันดันกระทู้ทีค่ะ นี่ไม่ใช่แค่กระทู้อุทาหรณ์
แต่มันคือการเตือนภัย
จะมีคนเสียหายแบบเราอีกมากมาย เราอยากให้คนที่สงสัยว่าใช่ไหมนะ เราโดนแล้วไหมนะ หลังไมค์มาหาเราได้เลยค่ะ ถ้าใช่คือใช่ ไม่ใช่ ก็ต้องแจ้งความนะคะทุกคน เสียหายหลักล้านนะคะ ถ้าหลายๆคนโดนพร้อมๆกัน เรามาช่วยกันเตือนภัยนะคะ สังคมพันทิบ น่าอยู่ที่สุดในโลกค่ะ!
=========================================================================
แสดงความคิดเห็น
อุทาหรณ์ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ พึ่งโดนมาสดๆร้อนๆค่ะ (ยาวซักนิดนะคะ)
รบกวนทุกๆคน อ่านได้ที่ ความคิดเห็นที่ 31 นะคะ กระทู้มันยาวเกินไป และเราไม่อยากลบที่เราเขียนไปแล้วแม้แต่บรรทัดเดียวค่ะ ช่วยๆกันนะคะ เตือนภัย เพราะตอนนี้มีคนเสียหายแบบเราหลายคนเลย อย่ามัวแต่สงสัยนะคะ รีบไปแจ้งความซะนะคะ บุคคลนี้ เป็นคนอันตรายค่ะ
==========================================================================
อัพเดตค่ะ:
วันนี้โบรกเกอร์เจ้าเดิมติดต่อมา เป็นโบรกเกอร์ตัวจริงที่มี license ค่ะ โทรมาหาเพื่อเสนอให้ต่อกับประกันเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือแนะนำตัวเองว่าขอดูแลต่อจาก (คนที่มาหลอกเรา) เขาบอกชื่อ เราจำได้ทันที เลยถามต่อเลยค่ะว่าเราพึ่งจะโดนไป พึ่งผสานงานกับบัตรเครดิต กับโบรกเกอร์ rabbit ให้วุ่นวายไปหมดกว่าจะจบเรื่องนี้ได้ ทางตัวแทนเลยเล่าให้ฟัง ว่ากรณีของเรา คือไม่ใช่ครั้งแรกเลย เพราะบริษัทเขาเองตอนนี้ก็ยังฟ้องร้องผู้หญิงคนนี้อยู่ค่ะ ความเสียหายคือโดนไปแล้วสองล้านกว่าบาท และดูว่านางยังคงไม่หยุดทำชั่วนะคะ เพราะเรื่องทุจริตนี้ บ.ที่นางเคยทำงานอยู่ด้วยเลยเชิญออก พร้อมคดีความที่ยังไม่จบสิ้น ความน่ากลัวคือคนๆนี้มีข้อมูลลูกค้าเดิมๆอยู่ในมือ ขโมยมานั่นเองเพราะตัวเองเคยทำงานที่นี่ พอต้องออกเลยเอาออกมาด้วย
เลยเป็นช่องให้นางไล่โทรหาลูกค้าเก่าทั้งหลายที่นางมีข้อมูลในมือ เพื่อขายประกันทั้งๆที่ตัวเองไม่มี license แล้ว ล่อด้วยประกันราคาถูกที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อปิดยอดกับลูกค้า โดยถ้าลูกค้าหลงกล โอนเงินสดให้ นางก็จะเอาเงินสดนั้นไปใช้ และหลอกลูกค้าคนอื่นต่อ ถ้าใครตัดบัตร เหมือนเรา นางก็จะเอาบัตรเราไปตัดให้ลูกค้าที่โอนเงินสดให้นางแทน เวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ มาโป๊ะแตกที่เรา เพราะนางคงหาลูกค้ารายอื่นไม่ทันจริงๆ และเราไม่รอ เรื่องก็เลยแดง เข้าใจว่านางคงเที่ยวไปสมัครเป็นตัวแทนขายประกันตามเวปไซต์ต่างๆ ซึ่งตรวจสอบยากมาก ไม่ก็ ถ้ามีลูกค้าตกลงซื้อประกันจริงๆ นางก็ไปติดต่อทำทีขอซื้อประกันจากโบรกต่างๆเอง ทำเหมือนตัวเองเป็นลูกค้าอะไรแบบนั้นค่ะ แต่เงินสดนี่คือไม่ได้คืนนะคะ นางฮุบเข้ากระเป๋าเรียบร้อย
เป็นคนที่ใช้ชีวิตได้ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เคยพบมา โมโหมากเลยค่ะ เรื่องนี้เราไม่ยอมอีกต่อไป ผู้หญิงคนนี้ต้องเจอการตบด้วยลูกกรงเพื่อเรียกสติค่ะ จะได้ไม่ไปทำร้ายใครได้อีก เลวมาก โกรธ!
==============================
ประสบการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้น ผ่านการผสานงานต่างๆ และได้เอกสารเพื่อเคลียร์ปัญหาเมื่อซักครู่นี้เป็นที่เรียบร้อยค่ะ ทุกๆองค์กรที่กล่าวถึงคือเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ได้ขออนุญาตทางบริษัทเพื่อมาเล่าเรื่องนี้แล้ว ไม่ผิดกฎใดๆของ ppantip.com นะคะ ดังนั้น อย่าลบกระทู้เราเลยนะคะ เพราะตั้งใจพิมพ์มาก
เรื่องนี้เริ่มมาจากประกันรถยนต์ น้อง honda city 2012 กำลังจะหมดลงในวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 นี้ค่ะ นั่นก็คือวันพุธหน้านี้เอง ดังนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะเนื้อหอมเป็นพิเศษ มีบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆติดต่อมาเพื่อให้ต่อประกันภัยล่วงหน้า เป็นปกติเลยค่ะ เราได้รับโทรศัพท์และการเสนอราคาแบบปกติที่เคยได้รับทุกๆปี แต่ปีนี้มีโทรมาน้อยหน่อย อาจจะเพราะว่าอายุรถเรามากแล้ว และตลอดมาเราต่อเป็นประกันชั้นหนึ่งมาตลอด ปีนี้เป็นปีแรกที่เราต้องซ่อมอู่ แต่เบี้ยก็ยังคงแพงเป็นปกติอีกเช่นเคย เราลืมๆเรื่องประกันรถยนต์ไปเพราะงานยุ่งมากๆ
Timeline :
06/14 - มีผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ แนะนำตัวเองว่าเป็นโบรกเกอร์ เห็นข้อมูลว่าประกันของเรากำลังจะหมดในเดือนกรกฎาคมแล้ว เขาบอกเสนอราคามา แต่เราไม่สนใจเพราะมันแพงเกินไป เราเลยปฎิเสธไป แต่โบรกเกอร์หญิงรายนี้ไม่ย่อท้อ ขอส่งใบเสนอราคาให้เราใหม่ อ้างว่าเป็นราคาเต็ม แต่ราคาที่จะให้เราจริงๆจะมีส่วนลด รวมๆแล้วเหลือแค่ 13,500 บาท รวมพรบ. เราเห็นว่าถูกมาก แต่ยังไม่ได้ตกลงค่ะ
06/15 - ผู้หญิงคนเดิมส่งไลน์ทักมาอีกครั้ง แล้วเสนอให้ส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท รวมๆแล้วเราต้องจ่ายเพียงแค่ 13,000 บาท รวมพรบ. เป็นของธนชาติประกันภัย โดยที่ไม่มีการเสียค่าเสียหายส่วนแรก และไม่จำเป็นต้องระบุชื่อคนขับ รวมถึงไม่จำเป็นต้องติดกล้องในรถด้วย เป็นข้อเสนออะไรที่ว๊าวมากๆ เงื่อนไขคือต้องตกลงทำภายในเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น สามารถจ่ายเป็นเงินสด หรือบัตรเครดิตได้ (ผ่อนชำระ 0% 10 เดือนได้ด้วย)
มาถึงตรงนี้ เราตกลงทำทันที แต่ยังพอมีบุญอยู่บ้างค่ะ แม้จะเป็นคนที่เลินเล่อมากๆก็ตาม แต่เรื่องเงินเราก็มีความระเเวงอยู่บ้างนิดหน่อย เราสามารถจ่ายเป็นเงินสดได้เลยเต็มจำนวน แต่เราเลือกที่จะชำระผ่านบัตรเครดิต ขอทำแบบผ่อนชำระด้วย เพราะเราจะได้ส่วนลดเพิ่มจากบัตรเครดิตอีก 200 บาท ที่เราตัดสินใจตัดบัตรเครดิต นั่นเพราะเราเองก็เอะใจนิดนึง ว่าโบรกเกอร์คนนี้จะตุกติกกับเราไหม เพราะเรายังไม่เห็นเอกสารอะไรเลย ถ้าเราให้เงินสดไป แล้วเขาหายไปพร้อมกับเงินเราโดยที่ไม่มีกรมธรรม์ใดๆส่งมา เราจะไปเรียกร้องเอากับใครได้ล่ะ แต่ถ้าเราตัดผ่านบัตรเครดิต อย่างน้อย เราก็ตรวจสอบยอดใช้จ่ายได้กับทางบริษัทบัตรเครดิต ว่าต้นทางที่ตัดเงินเราคือใคร และเรามีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธยอดได้ ถ้าเราโดนโกงหรืออะไรก็ตามขึ้นมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะความอยากได้ของถูก เราก็ส่งหน้าบัตรเครดิตไปให้เขา พร้อมกับหน้ากรมธรรม์เดิม และหน้าทะเบียนรถยนต์ของเรา แล้วก็หน้าบัตรประชาชนค่ะ แต่เราไม่ลืมที่จะเขียนหน้าบัตรเราก่อนส่งสำเนาไปให้นะคะ อย่างที่บอกค่ะ ยังพอมีบุญอยู่บ้างกับความขี้ระเเวงของตัวเอง
06/16 - ผู้หญิงที่อ้างว่าตัวเองคือโบรกเกอร์ ส่งตัดบัตรเป็นค่าเบี้ยประกันจำนวน 15,645 บาท ส่วนต่างจากราคา 13,000 บาท เขาบอกเราว่าจะคืนให้เป็นเงินสด เรามองว่าอาจจะเป็นทริกอะไรอย่างนึงที่จะได้ราคาพิเศษแบบนี้ ก็เลยยอมให้ตัดตามจำนวนที่ระบุนี้เลยค่ะ
06/17 - ผู้หญิงคนดีและคนเดิมส่งข้อความมาย้ำว่าถ้าใครมาติดต่อเรื่องประกัน ให้บอกไปว่าเราต่อไปเรียบร้อยแล้ว กรมธรรม์จะได้ภายใน 2 อาทิตย์ ถ้าได้กรมธรรม์แล้ว จะได้เงินส่วนต่างคืนเช่นกัน นั่นคือภายในระยะเวลาสองอาทิตย์หลังจากนี้ค่ะ
07/02 - เราทวงถามไปเรื่องกรมธรรม์ เพราะยังไม่ได้รับ และยังไม่ได้เงินส่วนต่างคืน ผู้หญิงคนนี้บอกว่าจะตาม และแจ้งให้ทราบอีกที
07/07 - เราทวงถามไปอีกครั้ง เพราะมันดูเงียบๆเกินไป ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ภายในวีคนี้ จะส่งพรบ.ให้ ส่วนเรื่องเงินคืนจะเป็นภายในอาทิตย์หน้า และภายในวีคนี้ประกันจะติดต่อมาเรื่องถ่ายรูปรถ เราก็โอเคๆ ให้เขาติดต่อมาละกัน รอไปอีก
07/08 - ผู้หญิงคนนี้ติดต่อมา ถามว่าประกันโทรมาหรือยัง เราตอบว่ายัง เขาก็เลยส่งหน้าเอกสารที่ระบุ เลขที่รับแจ้งมาให้ เพื่อยืนยันว่าเราชำระเบี้ยประกันไปแล้ว และให้เรารอกรมธรรม์ออกค่ะ เราก็โล่งใจ โอเค อย่างน้อยมีเลขที่รับแจ้งละ สามารถตรวจสอบกับบริษัทประกันได้
07/09 - ผู้หญิงคนนี้ลบหน้าเอกสารที่มีระบุเลขที่รับแจ้งออก เราก็งง เพราะยังไม่ได้เซฟหน้านี้ไว้เลย เลยถามว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ใหม่นะคะ แป๊บเดียว แป๊บเดียวก็รอไปค่ะ ถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้เห็นเอกสารตัวนั้นอีกเลย
07/13 - เราเริ่มโมโห เพราะอาทิตย์หน้าประกันหมด แต่วันนี้เรายังไม่ได้มีอะไรในมือเลย มีแต่ร่องรอยการตัดบัตรเครดิต มีหนี้ติดตัวเรียบร้อย แต่กลับยังไม่ได้กรมธรรม์ใดๆกลับมา นี่คือบทสนทนาค่ะ
เราไม่เชื่อค่ะ แม้ว่าคนๆนี้จะพยายามขายฝันซ้ำๆ ยืนยันว่าวันพุธนี้ได้แน่นอน เพราะมันคือวันเดียวกันกับที่ถึงวันสรุปยอดบัตรเครดิตของเราแล้วค่ะ การจะปฎิเสธยอดที่มีการใช้จ่ายไปจริงๆได้นั้นต้องรอยาวนานถึง 30-45 วันเลยทีเดียวในการตรวจสอบหรือคืนเงิน อาจจะนานกว่านั้นก็ได้ และเพราะประกันเรามันใกล้จะหมดจริงๆแล้ว เราคือคนที่ใช้รถทุกวัน ออกต่างจังหวัดพาครอบครัวเที่ยวบ่อยมาก รวมถึงต้องขับรถไปทำงานตลอด เราไม่มีเวลาที่จะรอใครอีกต่อไป เพราะเราต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเรา และครอบครัวเราเป็นสิ่งสำคัญ ประกันเลยจำเป็นมาก เราเลยไม่รอวันพุธ แต่ติดต่อไปที่ธนาคารบัตรเครดิตในทันทีที่สนทนากับผู้หญิงคนนี้จบ
- ติดต่อไปที่กรุงศรี เพื่อบอกปฎิเสธยอดใช้จ่าย เพราะเราไม่ได้รับกรมธรรม์ ทางกรุงศรีปฎิเสธ ว่าทำให้ไม่ได้ ต้องให้ทางร้านค้าเป็นคนยกเลิกเข้ามาเอง
- เราถามกรุงศรีว่าใครเป็นคนรูดยอดใช้จ่ายของเรา ทางกรุงศรีตอบว่าเป็นบริษัทโบรกเกอร์ที่ชื่อว่า Rabbit insurance broker
- เราติดต่อไปที่ Rabbit insurance broker อธิบายให้ทางบริษัทฟังว่าเราเจอกับอะไรมาบ้าง ให้เขาตรวจสอบว่าโบรกเกอร์คนนี้ที่เราซื้อประกันไปด้วย เขามีตัวตนอยู่จริงไหมที่บริษัทของคุณ
- ทาง Rabbit insurance broker ผสานงานให้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบทุกอย่างเสร็จสรรพ และติดต่อกลับมาหาเราทันทีในวันเดียวกัน เพื่อขอเอกสารยืนยันจากทางบัตรเครดิต ว่ามียอดเรียกเก็บนี้เกิดขึ้นจริงๆแบบเป็นลายลักษณ์อักษร ทางเขานั้นมีข้อมูลเรียบร้อย ขอแค่เอกสารตัวนี้เพื่อยืนยันความถูกต้อง
- เราติดต่อกลับไปที่กรุงศรีบัตรเครดิต เพื่อให้ส่งเอกสารตัวนี้มาให้เราที ทางกรุงศรีผสานงานให้ทันทีค่ะ และส่งเอกสารกลับมาให้ในวันรุ่งขึ้น
07/14 - เราส่งเอกสารที่ได้รับมาจากกรุงศรี ส่งให้กับทางบริษัท rabbit ทันที ทางบริษัทรีบตรวจสอบให้กับเรา และในช่วงบ่าย ก็ทำเรื่องปฎิเสธยอดการใช้จ่ายไปทางกรุงศรีบัตรเครดิตทันทีค่ะ โดยมีระยะรอคอย 7 วันเพื่อให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ due บัตรเครดิตเรานั้นคือวันที่ 4 เดือนสิงหาคม มีเวลาที่จะรอค่ะ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน เราสามารถปฎิเสธยอดได้ทันที
แล้วตัวต้นเรื่องก็ส่งข้อความมาหา ว่าเราได้ทำการยกเลิกบัตรไปแล้วนะ (ใช่สิ จะรอให้โดนโกงเหรอ) และนี่คือบทสนทนาค่ะ
นางอ่านอยู่นาน ก่อนตอบมาว่า "ขอโทษสำหรับทุกอย่างขอบคุณค่ะ"
เราก็ไม่รู้ว่าตัวเองใจดีเกินไปไหมที่ไม่เอาเรื่องผู้หญิงคนนี้ต่อ แต่ถือว่าเรายังโชคดีในเรื่องนี้อยู่บ้างคือ
1.> เราใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าเบี้ยที่เราไม่ได้รับกรมธรรม์ ถ้าใช้เงินสด ป่านนี้ไม่รู้ปลิวไปไหนต่อไหนแล้ว
2.> เราเข้าใจว่าต้องเกิดข้อตุกติกบางอย่างภายใน broker company แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราพอใจมากที่ทาง Rabbit insurance broker ช่วยประสานงาน และตรวจสอบให้เป็นอย่างดี จนพบว่าบัตรเครดิตของเรามีการรูดยอดใช้จ่ายจากเขาจริงๆ แต่เอาไปชำระให้กับกรมธรรม์ของคนอื่น ซึ่งเรางงมากว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ เราเห็นความจริงใจของบริษัท Rabbit insurance broker ที่ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปล่อยเรื่องให้ปลิวไปกับสายลม แต่กลับช่วยประสานงานให้อย่างรวดเร็วมากๆ เร็วจริงๆค่ะ จนเราประกันใกล้จะหมดแล้วอาทิตย์หน้า ก็บอกเขาเลยว่าช่วยส่งโบรกเกอร์ตัวจริงมาให้เราหน่อย เราตั้งใจซื้อกับเขาเลย ไม่ต่อรองราคาละ
3.> ทางกรุงศรีบัตรเครดิตทำตามหน้าที่ของเขา แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผู้บริโภคจะสามารถปกป้องตัวเองได้มากกว่านี้ สิทธิ์ผู้บริโภคอย่างพวกเราเนี่ย ต่ำต้อยจริงๆนะคะ ครั้งนี้เราโชคดีทีทางโบรกเกอร์เขาปฎิเสธยอดเข้ามาให้อย่างรวดเร็ว ถ้าเขาทำช้า เราก็ต้องจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตผ่อนไปเรื่อยๆจนกว่าเรื่องจะจบ กว่าจะรอเงินคืน ผมหงอกอ่ะค่ะ อยู่ยากจุง ไทยแลนด์
4.> โบรกเกอร์ทุกคนต้องมี id อะไรซักอย่างเพื่อน identify ตัวตนได้ ในครั้งนี้เราเลินเล่อมาก เพราะงานยุ่งจนไม่มีเวลาคิดอะไรเลย เราเลยโดนหลอก ครั้งหน้า เราคงต้องระมัดระวังมากกว่านี้หลายเท่าเลยล่ะค่ะ