เลือด หั่น สับ

กระทู้สนทนา


             ผมชื่อสมาน หรือนักฆ่าสมาน

             ผมคิดนะว่า อย่างน้อย ในชีวิตหนึ่งของทุกคน น่าจะเคยคิดอยากจะฆ่าใครบางคน อย่างน้อยสักครั้งขึ้นมาในหัวใจ

             โลกมันอยู่ยากขึ้นทุกวัน ก็ผลงานของมนุษย์นี่ละ จะมีใครเสียอีก ศีลธรรมตกต่ำลงทุกวัน จิตใจผู้คนหยาบกระด้างขึ้น ดูอย่างผมสิ จากคนที่ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เห็นเลือดทีไรจะเป็นลม  ต้องกลับกลายมาเป็นฆาตกรอย่างช่วยไม่ได้ แต่คนที่ผมฆ่า มันก็น่าตายทั้งนั้น สัปดาห์ก่อนผมดักยิงกำนันคนดังด้วยหนังสติ๊ก เพราะคู่แข่งของมันว่าจ้าง ไอ้กำนันมันสมควรตายตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครจ้างให้ลงมือเท่านั้น  มันใช้อิทธิพลบุกรุกที่ดินในเขตป่าสงวน เพื่อให้เมียน้อยขึ้นไปปลูกเพิงขายเปรี้ยวกระแทก มัจฉาร้า อยู่ในป่า อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย  แน่นอนว่ากฏหมายหรือกฏระเบียบอะไรก็ตาม มันจะมีอย่างน้อยสองมาตรฐานขึ้นไป 

             มันเป็นคราวชะตาขาด กำนันคนดังวันนั้นไม่ได้พาลูกน้องมาด้วย เพราะเพิ่งเปิดเทอม ลูกน้องต้องไปโรงเรียนอนุบาล ส่วนน้องก็ต้องไปส่งลูกเข้าเรียน  ไม่ว่าง กำนันต้องเดินทางคนเดียวด้วยถึกควายทุย หนังสติ๊กยิงลูกกระสุนดินเหนียวปั้นกลม เฉียดหัวกำนันไปเพียงสามวา ควายตื่นตกใจจากเสียงหนังสะติ๊ก กระโจนสุดตัว กำนันไม่ทันตั้งตัว ตกลงมาจากหลังควาย คอหักตาย

             คนมันจะถึงฆาต 

             และเป็นการลอบสังหารที่แยบยลเหนือชั้น ตำรวจจับมือใครดมก็ไม่ได้ เพราะพวกชาวบ้านไม่ค่อยพากันล้างมือ เลยสรุปว่า ควายเป็นสาเหตุของการตาย ต้องส่งฟ้องศาล ผมไม่ค่อยห่วงควายมากนัก เพราะไปศาลยังดีกว่าเคยรับใช้ครอบครัวของกำนัน ที่จ้องเอาเปรียบไม่เว้น กระทั่งควาย
ครอบครัวนี้มันแย่กันทุกคน

             ดูอย่างหลานกำนัน กำลังอยู่วัยสิงห์คะนองลำ  วัยแว้น แต่ละวันไม่ทำมาหารับประทานอะไร ชวนแต่เพื่อนๆ ขับเกวียนเทียมควาย ซิ่งแข่งกัน ไปตามถนนในหมู่บ้าน นอกหมู่บ้าน กระทั่งคันนา อย่างไม่สนใจว่าจะมีใครหนวกหูแค่ไหน พวกตำรวจก็พากันเอาหมูไปนา เอายายกับตาไปไร่ ไม่รู้ไม่เห็น เพราะนายตำรวจใหญ่กำลังพยายามตามจีบลูกสาวกำนัน

             เวลานี้ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารปากทางเข้าหมู่บ้าน หลังจากรับเงินค่าจ้างมาเรียบร้อย มีเงินเสียอย่างอะไรก็ดูดีไปหมด เงินไม่ใช่พระเจ้าแต่เป็นพ่อของพระเจ้าในความรู้สึกของผม เงินอาจซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่ก็ซื้อได้มากมายมีสนองความหฤหรรษ์  เงินมี อำนาจ สิทธิพิเศษ ก็จะตามมาเอง ขนาดเอาเงินจำนวนมากไปแตะเหล็ก เหล็กที่ว่างแข็งก็ยังอ่อนให้เห็น เรียกว่านักฟิสิกส์ยังต้องงงกันเป็นแถว  แค่มีเงินในกระเป๋า ผมยังเกือบละเมอคิดว่าตัวเองเป็นนายก

             หมายถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบล  นายกที่ใหญ่กว่านี้ ผมไม่อยากเป็น กลัวโดนด่า

             ดูอย่างแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ที่ชื่อ สายบัว ช่วงที่ผมเพิ่งมาร้านใหม่ ๆ  สั่งข้าวหน้าไก่พร้อมกับเหล้าขาวครึ่งขวด สายตาไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่พอเด็กสาวในร้านท่าทางเป็นคนพม่าเดินมาส่งอาหาร ผมควักเงินให้เธอห้าร้อยบาท เด็กสาวพม่าถึงกับร้องกรี๊ดด้วยความดีใจ กระโดดตัวลอย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอไม่เคยได้ทิปขนาดนี้มาก่อน สายบัวทำตาโต มองค้อนเด็กสาวอย่างอิจฉา แล้วก็หันมาทำตาหวานให้ผมทันที ผมแอบหัวเราะในใจ และก็เป็นตามคาด สายตัวไม่ให้เด็กคนนั้นมาทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารอีก  เธอมาเองเลย

             “รับอะไรเพิ่มไหมคะ”   เธอถามหวานทั้งสายตาทั้งเสียง 

             “รับเบอร์คุณสายบัวหนึ่งที่ครับ”   ผมตอบพลางยื่นกระดาษทิชชูให้ สายบัวรับไป ใช้ปากกาเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้ทันที

             11121150

             นั่นไง ได้เบอร์โทรมาแล้ว  เปล่า...ผมไม่หวง ใครจะขอเอาไปโทรก็ได้ ใจกว้างพอ

             ผมรับกระดาษสำคัญมาด้วยสีหน้ายิ้มเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ยิ้มมากเกินไป คนเราต้องมีมาดพยัคฆ์อรุณกันบ้าง เคยเห็นตัวละครฝ่ายชายในหนังชอบยิ้มกันที่มุมปากเป็นส่วนใหญ่  ไม่ค่อยเห็นพระเอกยิ้มจนปากกว้างประหนึ่งจะสวาปามคนทั้งโลกให้เห็นเลยสักคน  ส่งเงินให้เธอห้าร้อย สายบัวยิ้มกว้างสุดขอบฟ้า  จนผมนึกกลัว ว่าเธอจะกลายเป็นผีปากฉีก แบบในเรื่องเล่าญี่ปุ่น  แม่ค้าสาวทำท่าถอนสายบัวอย่างงดงาม ก่อนเดินไปทำอาหารเพราะลูกค้าโต๊ะอื่นร้องเตือน  หันไปมองก็เห็นเด็กแว้นสามคนนั่งโต๊ะห่างออกไปสี่ห้าวามองมาด้วยสายตาไม่พอใจ  คนในนั้นเป็นลูกหลานของกำนัน ผมจำได้ พวกมันคงพากันหมั่นไส้ผมที่เห็นสายบัวคนงามประจำหมู่บ้าน มาทำท่าทางสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษ

             ไอ้พวกเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นอุจจาระ .....ผมคิดในใจ ไม่ได้นึกหวาดกลัว เพราะในกระเป๋ากางเกงพกหนังสติ๊กมาด้วย พร้อมด้วยลูกแก้วนับสิบลูก ด้วยเวลาในกี่วินาที ผมก็จะสามารถ ควัก ง้าง บรรจุกระสุน ยิง ออกไปแบบไม่ขาดสาย เด็ก ๆ พวกนี้ไม่ใช่คู่มือ

             ยังไม่ถึงเวลาของแก  ผมมองสบตาพวกเด็กแว้นด้วยสีหน้าชาเย็น  นักฆ่าต้องไม่ลงมือพร่ำเพรื่อ  เห็นเครื่องดื่มบนโต๊ะไม้ของพวกเด็กแว้นแล้วนึกเหยียดหยามในใจ เป็นเหล้าขาวผสมน้ำแดง โด่เอ้ย  กระจอก...

             ผมบรรจงรินเหล้าขาวลงในแก้วอย่างช้า ๆ แต่นิ่มนวล เพราะรู้ว่าพวกเด็กแว้นคอยมองอยู่  เมื่อเหล้าเต็มแก้ว ก็จัดการยกขึ้นจดริมฝีปาก กระดกแก้วเหล้า อย่างมาดมั่น ดื่มเหล้าลงไปอย่างสูงส่งสง่างาม จนหมดแก้ว แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ หันไปเลิกคิ้วให้พวกเด็กแว้นเป็นเชิงท้าทาย

             เด็กพวกนั้นพากันหน้าเปลี่ยนสี มองหน้ากันไปมาทำท่าให้ใครคนหนึ่งรินเหล้าลงแก้ว เพื่อมาประชัน หลังจากผ่านไปนาน หลานกำนันผู้เพิ่งเสียญาติผู้ใหญ่ไปไม่นาน จึงเป็นฝ่ายรินเหล้าผสมน้ำแดงลงในแก้วด้วยท่าทางไม่มั่นใจ โดยมีสายตาลูกคู่จ้องมอง ด้วยความหวังของมนุษยชาติ

             “สู้เค้า เพ่โอ้นโต้น”  ใครบางคนร้องปลุกปลอบใจ   หลานกำนันหันมามอง ทำหน้าตาเหยเก แต่เมื่อมากับบริวาร ก็ต้องสู้ เด็กหนุ่มจึงกัดฟันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

             “หมดแก้วนะเฟ้ย”   ผมเอ่ยปากขึ้นลอย ๆ  แน่ละ เสียงลอย ๆ จะต้องลอยไปเข้าหูของเจ้าโอ้นโต้น  เห็นหลับหูหลับตาดื่ม แต่เหลืออีกหนึ่งในสี่แก้ว เจ้าโอ้นโต้นก็วางแก้วลงหันไปโก่งคออ้วกออกมาอย่างเหลือทน

             สุรา ถ้าดื่มเกินพิกัด ก็เป็นเช่นนี้ ขนาดผมเองยังเกือบอ้วก แต่กัดฟันทนทานสุดชีวิต ไม่อาจขายหน้าเด็กเด็ดขาด ผมไม่ได้เอ่ยวาจาซ้ำเติม เพียงแต่จ้องมองด้วยสายตาที่พยายามส่งแววเวทนา ให้เห็นเท่านั้น  มันคนละชั้นกัน....โอ้นโต้นกับพวกรีบจ่ายเงิน ก่อนพากันกระโดดขึ้นเกวียนเทียมควาย ขับออกจากหน้าร้านไปอย่างรวดเร็ว

             หมดมารหอคอย เอ้ย มารคอหอยแล้ว  ผมรู้สึกปลอดโปร่งและเริ่มเมาขึ้นมา  เหล้าขาวแก้วใหญ่ที่ดื่มเมื่อครู่ คิดเป็นปริมาณเกือบหนึ่งในสามของเหล้าขวดใหญ่  ทำให้ความฮึกเหิมเริ่มก่อเกิดทีละน้อย

             ภาพความหลังวิ่งมาในฉากความคิด ชีวิตนักฆ่าของผม ผ่านไปสามปี กับการฆ่าคนเจ็ดคน ไม่มาก แต่รายได้ดี  ทุกคนตายด้วยหนังสติ๊กทั้งนั้น ไม่มีใครได้รับสิทธิพิเศษ วิไอพี ยกเว้นหรือเพิ่มเติมอาวุธที่ใช้

             เจ็ดคน ตายแบบไม่เสียเลือดเนื้อจากกระสุนดินเหนียว เพราะผมยิงไม่โดนสักคน พวกมันมีอันเป็นไปเอง  อย่างคนแรกมีคดีโกงแชร์ ค้ายาบ้า ติดตัว กำลังล้างชาม ผมแอบยิงมันจากหลังบ้าน ลูกกระสุนดินเหนียวไปโดนภรรเมียของมันเข้า เมียนึกว่าสามีลอบทำร้าย เลยสวนด้วยบาทาลูบพักตร์ ผู้เป็นสามีตกนอกชานลงมา โดนควายเหยียบซ้ำ คอหัก ตายในหน้าที่  คนต่อมากำลังแอบปีนบ้าน พยายามงัดหน้าต่างเข้าห้องน้องเมีย ผมซุ่มยิงจากด้านล่าง ลูกกระสุนไปโดนผนังบ้าน น้องเมียเปิดหน้าต่างออกมา บานหน้าต่างกระแทกใบหน้า ตกใจ ปล่อยมือ ตกลง โดนควายเหยียบตายเหมือนกัน
ส่วนที่เหลือก็คล้าย ๆ กัน คือผมยิงหนังสติ๊กไม่โดนสักราย แต่พวกมันล้วนมีอันเป็นไป โดนควายเหยียบตายในท้ายที่สุด

             นักฆ่าที่ไม่เคยเห็นเลือด ทำไม...

            ข้าวหน้าไก่เหลือครึ่งจาน แต่ท่าทางไม่เข้ากับเหล้าขาว ผมหันไปสั่ง เนี้ยวแดดเดือ และยันไส้ตำ มาเป็นกับแกล้ม สายบัวทำอาหารไปชะม้ายตามาเป็นระยะ กระทั่งเสร็จ เห็นเด็กสาวชาวพม่ากับสายบัวกำลังยื้อแย่งกันจะเอาอาหารมาให้ ผมถอนใจ  กำลังเมาได้ที่ เลยร้องให้ทั้งสองหยุดการยื้อแย่งกัน ให้ทั้งสองถือจานมาคนละจาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่มีอภิอสิทธิ์ชนหรือวีไอพี  ให้ทิปคนละห้าร้อย ทำให้ทั้งคู่ยิ้มอย่างดีอกดีใจ กอดคอกันเข้าร้านไป คนเมามักจะใจดีใจกว้างเป็นพิเศษ  

             มองดูเนี้ยวแดดเดือ และยันไส้ตำ ทำให้นึกถึงชีวิตของนักฆ่าขึ้นมาอีก  นักฆ่าต้องฆ่า ต้องยิง ต้องแทง ให้เลือดสาดกระเด็นเซ็นซ่าน แดงฉานนองพื้น ไม่ใช่หรือ แล้วนี่ทำไม....ทำไมผมถึงไม่เคยเห็น

             มองดูสายบัว เธออยู่ในชุดนางกระต่าย เพื่อเรียกร้องความสนใจ ให้ลุกค้าเข้าร้าน  ในยุคที่ กาฬโรคอโยธยากำลังระบาด ผู้คนไม่อยากออกจากบ้าน เพราะชาวบ้านไม่มีบัตรวิไอพี ให้ตายเถอะ โรบินสันและแบทแมน ทำไมพักนี้คำว่า วีไอพี มันโผล่มารบกวนจิตใจเหลือเกิน ทั้งที่เป็นชื่อ ของวงดนตรีวงหนึ่งของไทย ที่โด่งดังมากในอดีต มือกีตาร์ก็คือ แหลม มอริสสัน ไม่ใช่ปอบหยิบสักหน่อย 

             มันน่าตายนัก   ผมคำรามในใจ แอลกอฮอล์พลุ่งพล่าน จนสัญชาตญาณดิบเริ่มก่อตัวทีละน้อย ผมมองดูสายบัวอีกครั้ง กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ ความปรารถนาในกายพลุ่งพล่านจนแทบจะระงับความอยากไว้ไม่อยู่ ทำไมผมถึงไม่สร้างสถิติอันแสนหฤหรรษ์ต่อไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาแบบที่ไม่มีใครสามารถทำลายสถิติกันได้ตลอดกาลไปเลย เริ่มต้นจากกระชากเส้นผม ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้น เจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ ก่อนดีไหม ยิ่งคิด อารมณ์พลุ่งพล่านในกายค่อยๆ ปะทุ เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าร้อนผ่าว เคลิบเคลิ้มอยู่กับจินตนาการของตัวเอง

            สายบัวเป็นผู้หญิง เธอไม่ใช่ปีศาจหรือซุปเปอร์วูแมน อาจเป็นไปได้คือซูปหน่อไม้เท่านั้น  เรือนร่างนางกระต่ายทำให้ความคิดของผมเต็มไปด้วยความกระหาย

             มีดที่แทงลงไปจะให้ความรู้สึกกำซาบซ่านขนาดไหน กลิ่นคาวเลือดยังเย้ายวนใจจนเหลือทานทน

            เนื้อปนเลือด คงงดงามราวดอกไม้ สีแดงฉานงดงามยิ่งกว่าบุปผาใด

             ยิ่งนึกยิ่งหัวใจเต้นแรง   ผมรู้ว่าเวลานี้กำลังต้องการเลือด และความตาย ความโหด ดิบเถื่อน ให้ตับไตใส้พุงกระจุยกระจาย

             เด็กสาวชาวพม่าหายไปไหนไม่รุ้ ผมนึกเสียดาย ขณะลุกขึ้นยืน ย่างสามขุมเข้าไปหาสายบัวผู้ไม่รับรู้อะไรเลยสักนิด นอกจากยืนทำตาหวานไม่ยอมหยุดด้วยประกายตาวับวาว ไปด้วยกระดาษสีม่วงทรงราคา

             ถึงเวลาละเลงเลือดแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

             ผมยืดตัวตรงมองตรง รวบรวมลมปราณ ร้องเสียงโหดสยองไม่ต้องยั้ง

             "อีนาง อ้ายขอลาบโลหิตนะ ลาบโลหิต (ลาบเลือด) สองชาม ก้อยดิบขมสองจาน ใส่เลือดเยอะ ๆ หลาย ๆ แดงจายวาย ใส่ดีนำ ให้ขมอำลำ  เนื้อหั่นใหญ่ ๆ สับไม่ต้องละเอียด ใส่เครื่องในด้วย ตับ ผ้าขี้ริ้ว คันแทนา (อวัยวะภายใน) เด้ออีนาง”

             สายบัวเอียงคอยิ้มหวาน ส่งเสียงสดใส

             “ฮ่วย คนบ้านเดียวกันก็บ่อบอก เห็นว่ากะดาย  รอจักหน่อยเด้ออ้าย อยากกินลาบเลือดกะบ่อบอกแต่แรก ลาบเลือดจะทำให้เด้ออ้าย...”
 
 

จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่