ไม่คุ้มหรอกครับ

ผมมองมาตั้งแต่ต้น ว่าวิธีนั้นมันทำไม่ได้
คนจะตายกันมากมาย เพราะจำนวนคนป่วย มันจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนล้นศักยภาพ ของระบบโรงพยาบาลที่จะรองรับไหว
ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ป่วยส่วนเกินนั้น ที่มาพร้อมกันทีเดียวเป็นจำนวนมาก ต้องเสียชีวิตไป (ทั้งที่ในสภาวะปกติ จะไม่เสียชีวิต)

ลองจินตนาการดูว่ามีคน 100 ล้านคน ติดเชื้อ
อัตราการตาย ตีตัวเลขกลมๆ ที่ 5%
จะมีคนเสียชีวิตมากถึง 5 ล้านคน
(ดีไม่ดี จะมากกว่านี้อีก หากระบบโรงพยาบาล รองรับไม่ไหว)

ไม่มีประเทศไหนรับมือและยอมรับ
กับจำนวนคนตายที่มากขนาดนั้นไหวครับ
เพราะมนุษย์เรา มีมนุษยธรรมในใจอยู่

สุดท้ายพอคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นเพื่อนร่วมชาติตายกันเป็นใบไม้ร่วง
คนก็จะเริ่มตื่นกลัวกัน ไม่เว้นแม้แต่คนคิดนโยบาย
จนถึงผู้นำประเทศ แบบสวีเดน, อังกฤษ หรือแม้กระทั่งเจ้าโดนัลด์ทรัมป์ ที่เริ่มจะกลับลำ แบบเสียงอ่อยๆ

(ยังเหลือบราซิล ที่ผู้นำยังพยายามดื้อรั้น ดันทุรังอยู่)

แต่มาคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว
เพราะจำนวนคนติดเชื้อ มันมากมายกระจายไปทั่วแล้ว จนควบคุมไม่อยู่

การควบคุมที่ดี
ต้องควบคุมตั้งแต่ตอนต้น
ที่จำนวนคนติดเชื้อยังน้อยอยู่
จะใช้งบประมาณน้อย และทำได้ง่ายกว่า
เหมือนที่นิวซีแลนด์, ไทย, ไต้หวัน, เวียดนาม, จีน (อันนี้ scale ใหญ่), เกาหลีใต้ (อันนี้ลักปิดลักเปิด แต่ก็ถือว่าเก่ง)


Herd Immunity
ไม่ใช่ทฤษฎีที่ผิดนะ

เพราะสุดท้ายเราทุกคน
ก็จะเดินทางไปสายนั้นนั่นแหละ

ไม่ว่าจะ
1. มี Herd Immunity จากวัคซีน
2. มี Herd Immunity จากการที่คนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน จากการติดเชื้อ

แต่ทางที่ดีที่สุด ในกรณีที่ยังหาวัคซีนไม่เจอ
คือการทยอย ให้คนมีภูมิคุ้มกัน จากการติดเชื้อ ทีละนิดๆ
แต่ไม่เกินศักยภาพของระบบการแพทย์ในประเทศ ที่จะดูแลและรองรับไหว

วิธีนี้เป็นการถ่วงเวลาไว้ เพื่อรอวัคซีน
หรือการค้นพบยา หรือวิธีการรักษาที่ดีที่สุด

สุดท้ายคนก็อาจจะมี Herd Immunity ในที่สุด
จากการค่อยๆทยอยติดเชื้อเหมือนกัน
แต่วิธีนี้ จะมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด


ไม่ใช่การปล่อยให้คนติดเชื้อมากๆ ไปตามยถากรรม
โดยไม่มีการบริหารจัดการ แบบสวีเดน, อังกฤษช่วงแรก, บราซิล
แล้วอ้างว่าต้องการทำตามทฤษฎี Herd Immunity
แบบนี้ถือว่าคิดน้อย และไม่มีวิสัยทัศน์เลย

เพราะชีวิตมนุษย์ มันไม่ใช่เกมส์
ที่จะบริหารจัดการแบบไร้มนุษยธรรม
มันต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ไปพร้อมๆกัน