เราซื้อเพิ่งซื้อบ้านมือสองมาค่ะ บ้านอายุ 10 ปี
ซื้อมาในราคา 1.2 ล้าน ขนาดที่ดิน 34 ตรว.
เป็นบ้านหลังมุม ละแวกเดียวกันที่ไม่ใช่หลังมุม
ขนาด 21 ตรว. ขายกัน 1.1-1.2 ล้านค่ะ
เราก็คิดว่าราคาโอเค มีพื้นที่เพิ่ม
แต่เทียบกันแล้ว ตัวบ้านโทรมกว่าเยอะค่ะ
คือไม่มีใครอยู่ หญ้าขึ้นรกร้าง สีต้องทาใหม่
ฝ้าผุร่อน น้ำซึม ข้างในสกปรกมาก
ชนิดที่ว่าต้องล้างบ้าน ทาสีใหม่หมด
น้ำโดนถอดมิเตอร์ไปแล้ว ระบบไฟไม่ทีกันดูด
สายเหลืองแล้ว
ส่วนบ้านรุ่นเดียวกันที่พื้นที่เล็กกว่า
มีการปรับปรุงทาสี มีน้ำไฟพร้อม
สะอาดพร้อมอยู่
ตอนเราโทรไปถาม คนขายพูดดักแต่ต้นว่า
ไม่ลดราคา 1.2 ล้านถูกมากแล้ว
และคนซื้อต้องออกค่าโอนทุกอย่าง ไม่มีลด
เราก็ไปศึกษาค่าโอนมา
เลยคิดว่ายอมจ่ายฝ่ายเดียวก็ได้ แม้เราจะต้องปรับปรุงอีกเยอะก็ตาม
ระหว่างนั้นก็มีการให้คนขายเปิดบ้านเพื่อให้เราเข้าดูภายใน และเปิดบ้านเพื่อให้ธนาคารเข้ามาประเมิน
เราถามย้ำแล้วน้ำอีก ว่าไม่ทีปลวดแน่นะ
เพราะเราเห็นหลังบ้านมีตอไม้ ที่เหมือนตอปลวก
เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีครับ
ถ้ามีคงแทะของในบ้านไปนานแล้ว
มีเงินกระดาษที่ลืมไว้ หนังสือนิดหน่อย
ไม่มีรอยปลวกแทะ ซึ่งไม่รู้ว่าที่พูดนั้นจริงหรือไม่
แต่ฝ้านั้นเป็นรูๆ ทุกห้อง ตามมุม อาจรั่วหลังคา
ซึ่งส่วนนี้เราก็ยอมรับได้ ว่าเดี๋ยวซ่อมและรีโนเวท
ยื่นธนาคาร 1.5 ประเมินได้ 1.4 ล้าน
ธนาคารสีส้มอนุมัติ 1.32 ล้าน
ณ วันโอนเตรียมเงินไปประมาณ 30,000
ตอนโอน เจ้าหน้าที่เขียนใบเล็กๆมา
แบบในรูป ให้ไปจ่ายที่จุดชำระเงิน
ตัวเราก็ไม่รู้ว่าค่าอะไรเป็นอะไร
แต่ตกใจมาก ว่ารวมๆ แล้ว 60,000 บาทได้
คือรวมค่าจดจำนองด้วยนะคะ
ต้องขอยืมเงินแม่ ออกไปกดธนาคารเพิ่ม
พอจ่ายถึงได้เห็นใบเสร็จ ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างปรากฏว่าหนึ่งในส่วนที่จ่ายนั้น
มีภาษีเงินได้ด้วย ตามใบเสร็จนี้เลยค่ะ
เราซึ่งเป็นคนซื้อ เลยบอกคนขายว่า
อันนี้คือส่วนที่พี่ต้องรับนะคะ
เพราะพี่คือคนที่มีเงินได้จากการขายนี้
ส่วนอากรหนูขอหารครึ่งได้ไหม
ตอนนั้นยังอยู่ที่กรมที่ดิน คนขายเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาคืนให้ ส่วนอากรตอนเราขอเขา
เขาทำน้ำเสียงแค่นหัวเราะใส่เราด้วย
ที่กรมที่ดิน เรากับเขาก็ยังนั่งกดเครื่องคิดเลขด้วยกัน
ว่าส่วนต่างที่ต้องโอนคืน จากเช็คที่แบงค์ตีให้
หักราคาบ้าน แล้วเหลือเท่าไร
ซึ่งเขาต้องโอนส่วน 25,000 บาทที่เป็นภาษีเงินได้โปะคืนมาด้วย
นัดกันไว้ดิบดี จากนั้นนัดเจอกันอีกทีที่การไฟฟ้า
เพื่อทำเรื่องโอนมิเตอร์ตอนบ่ายของวันเดียวกัน
พอไปถึงการไฟฟ้า (คนขายมากันสองผัวเมีย)
ตอนคุยเรื่องคืนเงิน ผู้ชายคุยกับเราที่กรมที่ดิน
แต่พอถึงการไฟฟ้า ผู้หญิงเป็นคนคุยกับเรา
เขาบอกว่าเราต้องรับผิดชอบ
เพราะนี่คือค่าใช้จ่ายในการขายที่มันเกิดขึ้น
เขาเรยบอกเราแล้วว่า เขาขายเราราคาเน็ต
เขาจะรับเน็ตที่ 1.2 ล้านเท่านั้น
เราก็ตกใจ เพราะทำไมจู่ๆ เปลี่ยนการตัดสินใจ
แล้วเราก็คิดว่าเราศึกษามาแล้ว
ส่วนนี้ผู้ขายต้องรับผิดชอบสิ
ในเมื่อเขาคือคนที่มีรายได้ เราไม่มีรายได้
เราไปคนเดียว
เขาคงเห็นว่าเด็กกว่าจะกดดันไงก็ได้
เราเอาสัญญาซื้อขายตามภาพมากางอ่าน
เขาอ้างตามข้อ 5 ว่าค่าภาษีที่ว่านี้
คือหมายถึงคำว่า “และค่าใช้จ่ายต่างๆ”
เรานี่เหมือนถูกตีหัว มึนไปเลย หน้าชามาก
สรุปว่าเราโง่เอง หรืออะไร
ทั้งที่ไปเช็คมาหลายๆที่ หลายๆเว็บไซท์
เขาก็บอกว่าส่วนนี้คนขายต้องรับ
ถ้าคนขายไม่อยากรับผิดชอบทั้งหมด
เขาต้องบอกเราว่าครึ่งๆ หรือต้องบอกให้เรารับเอง
แต่นี่ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย
มีแต่บอกว่าให้เราผิดชอบค่าใช้จ่ายในการโอนทั้งหมด ซึ่งเราคิดว่าเรารับผิดชอบแล้ว
แต่เขาเหมาว่า
ภาษีเงินได้คือค่าใช้จ่ายในการโอน
แล้วให้เรารับแต่คนเดียว ตัวเองจะเอาราคาเน็ต
สรุปเราไม่ได้คืน และเหลือเงินแค่ 4 หมื่นกว่าบาทจากการกู้บ้าน
แค่จะซ่อมสี ซ่อมฝ้ายังไม่พอเลยค่ะ
วันนั้นกดเงินหมดตัว ก่อนได้เงินคืนจากคนขาย
เหลือติดตัว 20 บาท ข้าวทั้งวันก็ไม่ได้กิน
เพราะไม่มีตังค์เลย
ทุกวันนี้ก็ยัง กังขา ว่า เราโง่ที่อ่านไม่ดี
หรือเค้าเจตนาเบี้ยวกันแน่
เพราะตอนแรกก็ทำทีจะคืนให้
แล้วมากลับคำทีหลังโดยอ้างสัญญา
แสดงว่าคนขายเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนภาษี
เลยไม่เคยคุยกะเราเรื่องนี้
เราหาอ่านกี่ที่ๆ ก็มีแต่บอกว่า คนขายรับผิดชอบ
จริงอยู่ว่า แล้วแต่ตกลงกัน
ความเข้าใจของเราคือค่าโอน
แต่เขาบอกว่าภาษีเงินได้
ก็คือ ค่าใช้จ่ายในการโอน
คิดทีไรก็เจ็บใจทุกที ไม่เคยคิดว่าจะโดนแบบนี้
ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่สาปแช่งให้เขาโดนโกง
ให้กรรมตามสนองที่เขาหมกเม็ดเรา
รู้สึกเหมือนโดนโกงเรื่องซื้อ-ขายบ้านค่ะ
ซื้อมาในราคา 1.2 ล้าน ขนาดที่ดิน 34 ตรว.
เป็นบ้านหลังมุม ละแวกเดียวกันที่ไม่ใช่หลังมุม
ขนาด 21 ตรว. ขายกัน 1.1-1.2 ล้านค่ะ
เราก็คิดว่าราคาโอเค มีพื้นที่เพิ่ม
แต่เทียบกันแล้ว ตัวบ้านโทรมกว่าเยอะค่ะ
คือไม่มีใครอยู่ หญ้าขึ้นรกร้าง สีต้องทาใหม่
ฝ้าผุร่อน น้ำซึม ข้างในสกปรกมาก
ชนิดที่ว่าต้องล้างบ้าน ทาสีใหม่หมด
น้ำโดนถอดมิเตอร์ไปแล้ว ระบบไฟไม่ทีกันดูด
สายเหลืองแล้ว
ส่วนบ้านรุ่นเดียวกันที่พื้นที่เล็กกว่า
มีการปรับปรุงทาสี มีน้ำไฟพร้อม
สะอาดพร้อมอยู่
ตอนเราโทรไปถาม คนขายพูดดักแต่ต้นว่า
ไม่ลดราคา 1.2 ล้านถูกมากแล้ว
และคนซื้อต้องออกค่าโอนทุกอย่าง ไม่มีลด
เราก็ไปศึกษาค่าโอนมา
เลยคิดว่ายอมจ่ายฝ่ายเดียวก็ได้ แม้เราจะต้องปรับปรุงอีกเยอะก็ตาม
ระหว่างนั้นก็มีการให้คนขายเปิดบ้านเพื่อให้เราเข้าดูภายใน และเปิดบ้านเพื่อให้ธนาคารเข้ามาประเมิน
เราถามย้ำแล้วน้ำอีก ว่าไม่ทีปลวดแน่นะ
เพราะเราเห็นหลังบ้านมีตอไม้ ที่เหมือนตอปลวก
เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีครับ
ถ้ามีคงแทะของในบ้านไปนานแล้ว
มีเงินกระดาษที่ลืมไว้ หนังสือนิดหน่อย
ไม่มีรอยปลวกแทะ ซึ่งไม่รู้ว่าที่พูดนั้นจริงหรือไม่
แต่ฝ้านั้นเป็นรูๆ ทุกห้อง ตามมุม อาจรั่วหลังคา
ซึ่งส่วนนี้เราก็ยอมรับได้ ว่าเดี๋ยวซ่อมและรีโนเวท
ยื่นธนาคาร 1.5 ประเมินได้ 1.4 ล้าน
ธนาคารสีส้มอนุมัติ 1.32 ล้าน
ณ วันโอนเตรียมเงินไปประมาณ 30,000
ตอนโอน เจ้าหน้าที่เขียนใบเล็กๆมา
แบบในรูป ให้ไปจ่ายที่จุดชำระเงิน
ตัวเราก็ไม่รู้ว่าค่าอะไรเป็นอะไร
แต่ตกใจมาก ว่ารวมๆ แล้ว 60,000 บาทได้
คือรวมค่าจดจำนองด้วยนะคะ
ต้องขอยืมเงินแม่ ออกไปกดธนาคารเพิ่ม
พอจ่ายถึงได้เห็นใบเสร็จ ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างปรากฏว่าหนึ่งในส่วนที่จ่ายนั้น
มีภาษีเงินได้ด้วย ตามใบเสร็จนี้เลยค่ะ
เราซึ่งเป็นคนซื้อ เลยบอกคนขายว่า
อันนี้คือส่วนที่พี่ต้องรับนะคะ
เพราะพี่คือคนที่มีเงินได้จากการขายนี้
ส่วนอากรหนูขอหารครึ่งได้ไหม
ตอนนั้นยังอยู่ที่กรมที่ดิน คนขายเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาคืนให้ ส่วนอากรตอนเราขอเขา
เขาทำน้ำเสียงแค่นหัวเราะใส่เราด้วย
ที่กรมที่ดิน เรากับเขาก็ยังนั่งกดเครื่องคิดเลขด้วยกัน
ว่าส่วนต่างที่ต้องโอนคืน จากเช็คที่แบงค์ตีให้
หักราคาบ้าน แล้วเหลือเท่าไร
ซึ่งเขาต้องโอนส่วน 25,000 บาทที่เป็นภาษีเงินได้โปะคืนมาด้วย
นัดกันไว้ดิบดี จากนั้นนัดเจอกันอีกทีที่การไฟฟ้า
เพื่อทำเรื่องโอนมิเตอร์ตอนบ่ายของวันเดียวกัน
พอไปถึงการไฟฟ้า (คนขายมากันสองผัวเมีย)
ตอนคุยเรื่องคืนเงิน ผู้ชายคุยกับเราที่กรมที่ดิน
แต่พอถึงการไฟฟ้า ผู้หญิงเป็นคนคุยกับเรา
เขาบอกว่าเราต้องรับผิดชอบ
เพราะนี่คือค่าใช้จ่ายในการขายที่มันเกิดขึ้น
เขาเรยบอกเราแล้วว่า เขาขายเราราคาเน็ต
เขาจะรับเน็ตที่ 1.2 ล้านเท่านั้น
เราก็ตกใจ เพราะทำไมจู่ๆ เปลี่ยนการตัดสินใจ
แล้วเราก็คิดว่าเราศึกษามาแล้ว
ส่วนนี้ผู้ขายต้องรับผิดชอบสิ
ในเมื่อเขาคือคนที่มีรายได้ เราไม่มีรายได้
เราไปคนเดียว
เขาคงเห็นว่าเด็กกว่าจะกดดันไงก็ได้
เราเอาสัญญาซื้อขายตามภาพมากางอ่าน
เขาอ้างตามข้อ 5 ว่าค่าภาษีที่ว่านี้
คือหมายถึงคำว่า “และค่าใช้จ่ายต่างๆ”
เรานี่เหมือนถูกตีหัว มึนไปเลย หน้าชามาก
สรุปว่าเราโง่เอง หรืออะไร
ทั้งที่ไปเช็คมาหลายๆที่ หลายๆเว็บไซท์
เขาก็บอกว่าส่วนนี้คนขายต้องรับ
ถ้าคนขายไม่อยากรับผิดชอบทั้งหมด
เขาต้องบอกเราว่าครึ่งๆ หรือต้องบอกให้เรารับเอง
แต่นี่ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย
มีแต่บอกว่าให้เราผิดชอบค่าใช้จ่ายในการโอนทั้งหมด ซึ่งเราคิดว่าเรารับผิดชอบแล้ว
แต่เขาเหมาว่า
ภาษีเงินได้คือค่าใช้จ่ายในการโอน
แล้วให้เรารับแต่คนเดียว ตัวเองจะเอาราคาเน็ต
สรุปเราไม่ได้คืน และเหลือเงินแค่ 4 หมื่นกว่าบาทจากการกู้บ้าน
แค่จะซ่อมสี ซ่อมฝ้ายังไม่พอเลยค่ะ
วันนั้นกดเงินหมดตัว ก่อนได้เงินคืนจากคนขาย
เหลือติดตัว 20 บาท ข้าวทั้งวันก็ไม่ได้กิน
เพราะไม่มีตังค์เลย
ทุกวันนี้ก็ยัง กังขา ว่า เราโง่ที่อ่านไม่ดี
หรือเค้าเจตนาเบี้ยวกันแน่
เพราะตอนแรกก็ทำทีจะคืนให้
แล้วมากลับคำทีหลังโดยอ้างสัญญา
แสดงว่าคนขายเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนภาษี
เลยไม่เคยคุยกะเราเรื่องนี้
เราหาอ่านกี่ที่ๆ ก็มีแต่บอกว่า คนขายรับผิดชอบ
จริงอยู่ว่า แล้วแต่ตกลงกัน
ความเข้าใจของเราคือค่าโอน
แต่เขาบอกว่าภาษีเงินได้
ก็คือ ค่าใช้จ่ายในการโอน
คิดทีไรก็เจ็บใจทุกที ไม่เคยคิดว่าจะโดนแบบนี้
ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่สาปแช่งให้เขาโดนโกง
ให้กรรมตามสนองที่เขาหมกเม็ดเรา