คือ อยากมาขอคำปรึกษาขอความรู้เพิ่มเติมครับ ด้วยเคสที่ว่า บ้านเรา อยู่ตำแหน่งได้รับผลกระทบ รัศมี 1กิโลเมตร ทางบริษัที่รับผิดชอบได้ร่อนจดหมายผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาหาเรา
ซึ่งก็มีผลกระทบ ด้านบวก ด้านลบ เป็นสามัญเท่าที่มองเห็น
ด้านลบ - ก็ การจราจรแออัด ผู้คนอยู่อาศัยมากขึ้น แต่ที่ผมกังวัล คือ นํ้าปะปา ตอนผมเรียกช่างปะปา มาซ่อม ช่างให้คำแนะนำว่า อนาคต ถ้ามีคนมามากขึ้น ชุมชนใหญ่ขึ้น อีกหน่อยต้องติดตั้งป็มนํ้า หน้าประตูนํ้า หน้าบ้านเลย เพราะขนาดปัจจุบัน ถ้าไม่มีป็มนํ้ายังแทบจะไม่แรงดันพอเลย จำนวนชั้นโรมแรม เยอะมาก พื้นที่ แค่ถนน สองเลนไปกลับ มันไม่น่าจะขนาดนี้
ด้านบวก - เจ้าของที่ดินเดิม ใช้ตึกแถวเป็นรั้วกั้นแล้วพักอาศัยในบ้านด้านหลังตึกแถวอีก ให้ความสงบแก่ตนปล่อยไว้ไม่ทำอะไร เป็นสิบห้อง และเพราะเป็นพื้นที่ ปากทางถนน จึงส่งผลต่อความเจริญในพื้นที่พอสมควร จึงไม่พัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์
เคสของ บริษัทที่ สร้างโรงแรมได้ส่งจดหมายมาหลังจากที่กำลังก่อสร้างตึกสำนักงานชั่วคร่าว ส่งมา 3 ฉบับ ในช่วงต่างเวลากัน โดยส่วนตัว ไม่โอเค ตรงมีการให้กรอกข้อมูลส่วนตัวผู้รับผลกระทบมากเกินไป จนดูรุกลํ้า เหมือนเราไปสมัครงานเค้าไงงั้น ถามทั้งระดับการศึกษา อาชีพที่ทำ จำนาวนรายได้เงินเดือน รายได้รวมครอบครัว จำนวนสมาชิกแต่ละช่วงวัย สถานภาพผู้ให้สัมภาษณ์ มีบางอย่างยังพอเข้าใจ เช่น ชื่อ นามสกุล หรืออาการเจ็บป่วย สิทธิรักษาโรงบาล แบบนี้ดูไม่ปกติยังไงไม่รู้
*******ซึ่งยังมีบริษัทอีกเจ้านึง ที่ทุบตึกแถว 2-3คูหา บวกพื้นที่หลังตึกแถว อีกนิดหน่อย มาสร้างคอนโด 30-35 ชั้น ซึ่งพื้นที่น้อยกว่า เคสโรงแรม ที่กล่างข้างต้นอีก เพียงแต่ว่า
- ข้อมูลที่ได้รับ ว่าสร้างคอนโด 30-35 ชั้นมาจาก เจ้าหน้าที่ ที่เข้าออกพื้นที่ตรงนั้น เค้าให้ข้อมูลยัน ว่านายทุนกวาดซื้อ ตึกแถว 4 ห้อง แบ่งเป็น 2 เจ้าของ 2 ห้องนี้ 58 ล้าน 2 ห้องนี้ 59 ล้าน รวมประมาณ 118 ล้าน
- เนื่องจากบริษัทเจ้านี้ ยังไม่มีการร่อนจดหมาย EIA เพราะ อยู่ระหว่างรื้อถอนอาคารเดิม จึงมีแต่ข้อมูลปากเปล่าจากเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รื้อทุบตรงนั้น แต่คงอีกไม่กี่เดือน คาดว่ามีจดหมายคงมาแน่
เท่าที่ปรึกษากับเพื่อนมา เพื่อนตั้งคำถามมาว่า แล้วในชุมชนเดียวกัน ไม่มีคนต่อต้านเหรอ?
-ปัจจุบันคนจีนมาเช่า มาซื้อตึกทำกิจกรรมกันก็เยอะ บ้างก็เจ้าของปล่อยเช่าเอง สภาพปัจจุบัน ผู้อยู่อาศัยเก่าแก่เดิมแทบจะย้ายกันหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนน้อย ไม่ขายไปเลยก็ปล่อยเช่า ไม่ได้อยู่อาศัย เหลือเพียงส่วนน้อยมาก และจากสภาพ เศรษฐกิจ ปัจจุบัน และ ปัญหาโควิค ผู้เช่าเลิกเช่ากันหลายห้อง ตอนนี้ติดปล่อยให้เช่ากัน เกลื่อน เพราะผู้เช่าย้ายออกไปกันเยอะ ผลพิษเศรษฐกิจทำเอาจากศึกคัก เป็นเปลี่ยวไปเลย เรื่อง รวมคนต่อต้าน จึงเป็นไปได้ยากขึ้น และมันกํ้ากึ่งระหว่างดีและเลวด้วย เพราะบางอย่างดูมากไปไงไม่รู้ บางอย่างมันก็ไม่ได้แย่
เรื่องที่ผมสังสัย
1.การสร้างคอนโดที่ผุดเป็นดอกเห็ด แบบนี้ไม่มีมาตรควบคุมอะไรเลย ผุดงอกกันเป็นปกติไปเลย มันไม่เฟ้อเกินไปเหรอ เฉพาะพื้นที่บริเวณนี้ก็ 4-5 คอนโดได้แล้ว ยังไม่รวมเคสนี้ ซึ่งถ้าเป็น สมัยก่อน คอนโด จะบังคับให้สร้างแต่ในซอย แต่ด้วยบ้านเมืองเจริญขึ้น อะไรก็เปลี่ยนไป
2.ตอนนี้ มีข่าวลงว่า คอนโดและบ้าน แห่กันลดราคา เพราะอสังหา ล้นตลาด ในมุมมองในนักลงทุนเค้าคิดอะไรกันอยู่ แต่เท่าที่ผมเคยตามศึกษาจากคนเป็นนักธุรกิจ วิกฤตในโอกาส เพราะ คอนโด ใช้เวลาสร้างประมาณ 2ปี กว่าเค้าจะสร้างเสร็จเศรษฐกิจ ฟื้นตัวพอดี ซึ่งก็ไม่มีใครรู้อนาคต
3. เพราะจะประชุมวันที่ 18 นี้แล้ว ทางผมจึงอยากขอความรู้ ความคิดเห็น ที่นราอาจมองไม่เห็น หรือผมไม่ทันสังเกต
นี่คือ เอกสารที่เค้าส่งมาให้ทางผม ผมจะยก บริษัทเคสที่สอง สอดแทรก ไปด้วยเลย
พื้นที่ที่ผมวงแดงๆ ไว้ คือ พื้นที่ บริษัท เคสที่ 2 อีกเจ้า กำลังรื้อทุบตึกที่กว้าดซื้อ ที่คาดว่าจะทำคอนโด
ภาพ สถานที่จริง ของตึกที่กำลังทำการรื้อถอน
พื้นที่เท่านี้คอนโดประมาณ 30ชั้น จริงๆเหรอ?
พื้นที่ด้านข้าง ของตึกที่กำลังทุบรื้อถอน
ตอนนี้กลับมาที่เอกสารของบริษัทเคส เจ้าแรกนะครับ
โดยส่วนตัว สำหรับบริษัทเคสแรก ที่ทำโรงแรม ผมคิดว่านอกจากเรื่องจำนวน 24 ชั้น ที่มันมากกว่าตึกในริมถนนด้วยกัน ที่เหลืออีกข้อ ผมคิดว่า นอกจากเรื่องปะปา จะไหลอ่อนลง ต้องพึ่งป็มนํ้ามากขึ้น แล้วที่เหลือคิดว่าน่าจะพอไหว
ที่น่ากังวัล คือ บริษัท เคสที่ 2 เพราะอยู่ตรงข้ามเราพอดี พื้นที่แค่นั้นทำคอนโด แล้ว ตึกเราจะทรุดไหม เพราะใกล้ประชิดเรามาก
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
เมื่อแถวบ้านมีการสร้างโรงแรม 24 ชั้น มีจดหมาย EIA ร่อนมาที่บ้าน+มีคอนโดจะสร้างตามมาทีหลังอีก
ซึ่งก็มีผลกระทบ ด้านบวก ด้านลบ เป็นสามัญเท่าที่มองเห็น
ด้านลบ - ก็ การจราจรแออัด ผู้คนอยู่อาศัยมากขึ้น แต่ที่ผมกังวัล คือ นํ้าปะปา ตอนผมเรียกช่างปะปา มาซ่อม ช่างให้คำแนะนำว่า อนาคต ถ้ามีคนมามากขึ้น ชุมชนใหญ่ขึ้น อีกหน่อยต้องติดตั้งป็มนํ้า หน้าประตูนํ้า หน้าบ้านเลย เพราะขนาดปัจจุบัน ถ้าไม่มีป็มนํ้ายังแทบจะไม่แรงดันพอเลย จำนวนชั้นโรมแรม เยอะมาก พื้นที่ แค่ถนน สองเลนไปกลับ มันไม่น่าจะขนาดนี้
ด้านบวก - เจ้าของที่ดินเดิม ใช้ตึกแถวเป็นรั้วกั้นแล้วพักอาศัยในบ้านด้านหลังตึกแถวอีก ให้ความสงบแก่ตนปล่อยไว้ไม่ทำอะไร เป็นสิบห้อง และเพราะเป็นพื้นที่ ปากทางถนน จึงส่งผลต่อความเจริญในพื้นที่พอสมควร จึงไม่พัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์
เคสของ บริษัทที่ สร้างโรงแรมได้ส่งจดหมายมาหลังจากที่กำลังก่อสร้างตึกสำนักงานชั่วคร่าว ส่งมา 3 ฉบับ ในช่วงต่างเวลากัน โดยส่วนตัว ไม่โอเค ตรงมีการให้กรอกข้อมูลส่วนตัวผู้รับผลกระทบมากเกินไป จนดูรุกลํ้า เหมือนเราไปสมัครงานเค้าไงงั้น ถามทั้งระดับการศึกษา อาชีพที่ทำ จำนาวนรายได้เงินเดือน รายได้รวมครอบครัว จำนวนสมาชิกแต่ละช่วงวัย สถานภาพผู้ให้สัมภาษณ์ มีบางอย่างยังพอเข้าใจ เช่น ชื่อ นามสกุล หรืออาการเจ็บป่วย สิทธิรักษาโรงบาล แบบนี้ดูไม่ปกติยังไงไม่รู้
*******ซึ่งยังมีบริษัทอีกเจ้านึง ที่ทุบตึกแถว 2-3คูหา บวกพื้นที่หลังตึกแถว อีกนิดหน่อย มาสร้างคอนโด 30-35 ชั้น ซึ่งพื้นที่น้อยกว่า เคสโรงแรม ที่กล่างข้างต้นอีก เพียงแต่ว่า
- ข้อมูลที่ได้รับ ว่าสร้างคอนโด 30-35 ชั้นมาจาก เจ้าหน้าที่ ที่เข้าออกพื้นที่ตรงนั้น เค้าให้ข้อมูลยัน ว่านายทุนกวาดซื้อ ตึกแถว 4 ห้อง แบ่งเป็น 2 เจ้าของ 2 ห้องนี้ 58 ล้าน 2 ห้องนี้ 59 ล้าน รวมประมาณ 118 ล้าน
- เนื่องจากบริษัทเจ้านี้ ยังไม่มีการร่อนจดหมาย EIA เพราะ อยู่ระหว่างรื้อถอนอาคารเดิม จึงมีแต่ข้อมูลปากเปล่าจากเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รื้อทุบตรงนั้น แต่คงอีกไม่กี่เดือน คาดว่ามีจดหมายคงมาแน่
เท่าที่ปรึกษากับเพื่อนมา เพื่อนตั้งคำถามมาว่า แล้วในชุมชนเดียวกัน ไม่มีคนต่อต้านเหรอ?
-ปัจจุบันคนจีนมาเช่า มาซื้อตึกทำกิจกรรมกันก็เยอะ บ้างก็เจ้าของปล่อยเช่าเอง สภาพปัจจุบัน ผู้อยู่อาศัยเก่าแก่เดิมแทบจะย้ายกันหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนน้อย ไม่ขายไปเลยก็ปล่อยเช่า ไม่ได้อยู่อาศัย เหลือเพียงส่วนน้อยมาก และจากสภาพ เศรษฐกิจ ปัจจุบัน และ ปัญหาโควิค ผู้เช่าเลิกเช่ากันหลายห้อง ตอนนี้ติดปล่อยให้เช่ากัน เกลื่อน เพราะผู้เช่าย้ายออกไปกันเยอะ ผลพิษเศรษฐกิจทำเอาจากศึกคัก เป็นเปลี่ยวไปเลย เรื่อง รวมคนต่อต้าน จึงเป็นไปได้ยากขึ้น และมันกํ้ากึ่งระหว่างดีและเลวด้วย เพราะบางอย่างดูมากไปไงไม่รู้ บางอย่างมันก็ไม่ได้แย่
เรื่องที่ผมสังสัย
1.การสร้างคอนโดที่ผุดเป็นดอกเห็ด แบบนี้ไม่มีมาตรควบคุมอะไรเลย ผุดงอกกันเป็นปกติไปเลย มันไม่เฟ้อเกินไปเหรอ เฉพาะพื้นที่บริเวณนี้ก็ 4-5 คอนโดได้แล้ว ยังไม่รวมเคสนี้ ซึ่งถ้าเป็น สมัยก่อน คอนโด จะบังคับให้สร้างแต่ในซอย แต่ด้วยบ้านเมืองเจริญขึ้น อะไรก็เปลี่ยนไป
2.ตอนนี้ มีข่าวลงว่า คอนโดและบ้าน แห่กันลดราคา เพราะอสังหา ล้นตลาด ในมุมมองในนักลงทุนเค้าคิดอะไรกันอยู่ แต่เท่าที่ผมเคยตามศึกษาจากคนเป็นนักธุรกิจ วิกฤตในโอกาส เพราะ คอนโด ใช้เวลาสร้างประมาณ 2ปี กว่าเค้าจะสร้างเสร็จเศรษฐกิจ ฟื้นตัวพอดี ซึ่งก็ไม่มีใครรู้อนาคต
3. เพราะจะประชุมวันที่ 18 นี้แล้ว ทางผมจึงอยากขอความรู้ ความคิดเห็น ที่นราอาจมองไม่เห็น หรือผมไม่ทันสังเกต
นี่คือ เอกสารที่เค้าส่งมาให้ทางผม ผมจะยก บริษัทเคสที่สอง สอดแทรก ไปด้วยเลย
พื้นที่ที่ผมวงแดงๆ ไว้ คือ พื้นที่ บริษัท เคสที่ 2 อีกเจ้า กำลังรื้อทุบตึกที่กว้าดซื้อ ที่คาดว่าจะทำคอนโด
ภาพ สถานที่จริง ของตึกที่กำลังทำการรื้อถอน
พื้นที่เท่านี้คอนโดประมาณ 30ชั้น จริงๆเหรอ?
พื้นที่ด้านข้าง ของตึกที่กำลังทุบรื้อถอน
ตอนนี้กลับมาที่เอกสารของบริษัทเคส เจ้าแรกนะครับ
โดยส่วนตัว สำหรับบริษัทเคสแรก ที่ทำโรงแรม ผมคิดว่านอกจากเรื่องจำนวน 24 ชั้น ที่มันมากกว่าตึกในริมถนนด้วยกัน ที่เหลืออีกข้อ ผมคิดว่า นอกจากเรื่องปะปา จะไหลอ่อนลง ต้องพึ่งป็มนํ้ามากขึ้น แล้วที่เหลือคิดว่าน่าจะพอไหว
ที่น่ากังวัล คือ บริษัท เคสที่ 2 เพราะอยู่ตรงข้ามเราพอดี พื้นที่แค่นั้นทำคอนโด แล้ว ตึกเราจะทรุดไหม เพราะใกล้ประชิดเรามาก
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ