พอ Rocketman ประกาศชัดตั้งแต่ฉากแรกๆ ว่านี่คือหนังมิวสิคัลที่ตัวละครจะร้องเพลงเพื่อเล่าเรื่อง พร้อมกับความเวอร์วังของฉาก แดนเซอร์ และเทคนิคสไตล์มิวสิคัล เราก็ตระหนักรู้ในทันทีว่า เราจะเอา Rocketman ไปเปรียบเทียบกับ Bohemian Rhapsody ไม่ได้ แม้มันจะเป็นหนังชีวประวัติศิลปินคนดังเหมือนกัน และกำกับโดยผู้กำกับคนเดียวกันก็ตาม (Dexter Fletcher คือผู้กำกับที่มารับช่วงต่อจาก Bryan Singer ในการกำกับ Bohemian Rhapsody หลังจากที่ Bryan ถูกปลดกลางอากาศ ถึงแม้ว่าเครดิตใน IMDb จะยังเป็นชื่อ Bryan อยู่ก็ตาม) แล้วเอาจริงๆ มวลอารมณ์ของ Rocketman ก็แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นจากหนังเรื่องไหนๆ มากทีเดียว เพราะในความฟู่ฟ่าอลังการของงานภาพและดนตรี นี่คือหนังของคนเหงาแสนโดดเดี่ยว ใช่! โดดเดี่ยวเหมือนกับ Rocketman นักบินอวกาศที่อยู่ในจักรวาลเพียงลำพังนั่นแหละ
.
Rocketman พาเราย้อนกลับไปสัมผัสชีวิตวัยเด็กของ Elton John เด็กชายขี้อาย ขาดความอบอุ่น ผู้โหยหาความรักจากพ่อและแม่ เด็กชายที่ค้นพบพรสวรรค์ของเสียงดนตรี สู่เด็กหนุ่มที่ค้นพบตัวตนอีกด้านของตัวเอง ได้พบเจอเพื่อนรักเพื่อนแท้อย่าง Bernie Taupin ที่กลายมาเป็นมือแต่ง (เนื้อ) เพลงคู่ใจ แต่ในขณะที่ตัวเค้าทะยานสู่ความสำเร็จเป็นศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ กลับมีบางอย่างแหว่งโหว่อยู่ในใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อค้นพบว่าผู้ชายที่อยู่ข้างกายก็เป็นแค่คนที่หวังหาประโยชน์จากเค้าก็เท่านั้น และเงินทอง ชื่อเสียง หรือเหล้ายาก็ไม่อาจช่วยได้
.
ในฐานะคนที่เคยถูกแม่พร่ำบอกมาเหมือนกันว่า ความรักของเกย์มันไม่มีอยู่จริง ระวังถูกผู้ชายหลอก อย่ารักแรงหึงแรงจนฆ่ากันตายนะ อย่าไปทุ่มเทความรักให้ใครจนหมด ไปจนถึงอย่าฆ่าตัวตายแบบเกย์คนนั้นคนนี้นะ มันก็กลายเป็น “กรอบ” หรือ “คำสาป” ที่ทำให้ทั้งเราและ Elton John กลายเป็นคนที่เผชิญหน้ากับปมในใจเสมอเมื่อเจอความรัก (ก็ยังโชคดีที่เราและ Elton John ก็ผ่านมันมาได้แล้วทั้งคู่) แล้วเราก็เข้าใจดีเลยทีเดียวกับความว้าเหว่ การโหยหาความรัก และความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันก็สะท้อนถึงชื่อ Rocketman อันมาจากหนังชื่อเพลง Rocket Man ที่บอกเล่าความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง แม้จะอยู่สูงแค่ไหน ได้รับความสนใจแค่ไหน แต่มันก็ช่างเหงาและโดดเดี่ยวเหลือเกิน
.
ปรบมือให้ Taron Egerton ที่สวมบทเป็น Elton ได้หมดจด หลายซีนต้องเพ่งมองว่า นี่ใช้ฟุตเทจเก่าหรือเปล่า แม้ว่ามันจะยังมีความเล่นใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็นะ Elton นี่ล่ะเจ้าแม่แห่งการเล่นใหญ่เลย! กรี๊ดยิ่งกว่ากับ Jamie Bell เฮ้ย นานมากแล้วที่เราไม่ได้ตั้งใจดูหนังที่เค้าเล่นเลย นี่คือหนูน้อย Billy Elliot ที่เติบโตขึ้นมาก มีเสน่ห์มาก และเล่นหนังได้ละเอียดดีจังเลย Richard Madden ก็ทำได้ดีในบท John Reid คนรักและผู้จัดการส่วนตัวของ Elton (จำได้หรือเปล่าว่า ตัวละครนี้ก็อยู่ใน Bohemian Rhapsody ด้วยนะ) ส่วน Bryce Dallas Howard ก็เป็นแม่ที่น่าตบมาก!
.
ชอบฉากมิวสิคัลทุกฉากเลย น่าทึ่งที่ทุกฉากมีสไตล์ที่แตกต่างกันไปหมดเลย Saturday Night’s Alright (For Fighting) นี่น่าตื่นตาตื่นใจมาก และใช้ทีมเวิร์กของนักเต้นกับตัว Taron Egerton มากมาย, Crocodile Rock ก็ทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ว่า Elton John เป็นนักเอนเตอร์เทนมือหนึ่งแม้จะอยู่กับเปียโนตลอดเวลา, Your Song คือซีนที่ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นโดยมีตัวละครอื่นๆ พร้อมหน้าพร้อมตา (Elton บอกว่ากำเนิดเพลงนี้ก็เป็นอย่างในหนังเป๊ะๆ เลย) ชอบเคมีของ Taron Egerton กับ Jamie Bell ในซีนนี้ด้วย และแน่นอน Rocket Man มาพร้อมเรื่องราวสั่นสะเทือนและขับเคลื่อนเรื่องราวไปจนถึงไคลแม็กซ์ได้ดีงามมาก
.
ดูจบแล้วก็รัก Elton John ยิ่งกว่าเดิม เพราะพอเราโตมาก็เจอ Elton John ในฐานะป้าแอ๋วแล้ว เราก็เลยไม่ได้อินกับความเป็นศิลปินของเค้ามากเท่ากับการเป็นเซเลบฯ เป็นเพื่อนสนิทของคนดัง แล้วก็เห็นแกร่าเริงเฮฮาตลอดเวลา พอได้เห็นอะไรที่อยู่หลังม่าน มันก็ เออ อยากกอดป้าแกแหละ ดีใจที่ครั้งนึงได้เคยฟังแกเล่นคอนเสิร์ตให้ฟัง แม้ตอนนั้นจะยังไม่อินกับตัวแกมากเท่าตอนนี้เลยก็ตาม
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่
เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
[CR] [Review] Rocketman (2019)
พอ Rocketman ประกาศชัดตั้งแต่ฉากแรกๆ ว่านี่คือหนังมิวสิคัลที่ตัวละครจะร้องเพลงเพื่อเล่าเรื่อง พร้อมกับความเวอร์วังของฉาก แดนเซอร์ และเทคนิคสไตล์มิวสิคัล เราก็ตระหนักรู้ในทันทีว่า เราจะเอา Rocketman ไปเปรียบเทียบกับ Bohemian Rhapsody ไม่ได้ แม้มันจะเป็นหนังชีวประวัติศิลปินคนดังเหมือนกัน และกำกับโดยผู้กำกับคนเดียวกันก็ตาม (Dexter Fletcher คือผู้กำกับที่มารับช่วงต่อจาก Bryan Singer ในการกำกับ Bohemian Rhapsody หลังจากที่ Bryan ถูกปลดกลางอากาศ ถึงแม้ว่าเครดิตใน IMDb จะยังเป็นชื่อ Bryan อยู่ก็ตาม) แล้วเอาจริงๆ มวลอารมณ์ของ Rocketman ก็แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นจากหนังเรื่องไหนๆ มากทีเดียว เพราะในความฟู่ฟ่าอลังการของงานภาพและดนตรี นี่คือหนังของคนเหงาแสนโดดเดี่ยว ใช่! โดดเดี่ยวเหมือนกับ Rocketman นักบินอวกาศที่อยู่ในจักรวาลเพียงลำพังนั่นแหละ
.
Rocketman พาเราย้อนกลับไปสัมผัสชีวิตวัยเด็กของ Elton John เด็กชายขี้อาย ขาดความอบอุ่น ผู้โหยหาความรักจากพ่อและแม่ เด็กชายที่ค้นพบพรสวรรค์ของเสียงดนตรี สู่เด็กหนุ่มที่ค้นพบตัวตนอีกด้านของตัวเอง ได้พบเจอเพื่อนรักเพื่อนแท้อย่าง Bernie Taupin ที่กลายมาเป็นมือแต่ง (เนื้อ) เพลงคู่ใจ แต่ในขณะที่ตัวเค้าทะยานสู่ความสำเร็จเป็นศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ กลับมีบางอย่างแหว่งโหว่อยู่ในใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อค้นพบว่าผู้ชายที่อยู่ข้างกายก็เป็นแค่คนที่หวังหาประโยชน์จากเค้าก็เท่านั้น และเงินทอง ชื่อเสียง หรือเหล้ายาก็ไม่อาจช่วยได้
.
ในฐานะคนที่เคยถูกแม่พร่ำบอกมาเหมือนกันว่า ความรักของเกย์มันไม่มีอยู่จริง ระวังถูกผู้ชายหลอก อย่ารักแรงหึงแรงจนฆ่ากันตายนะ อย่าไปทุ่มเทความรักให้ใครจนหมด ไปจนถึงอย่าฆ่าตัวตายแบบเกย์คนนั้นคนนี้นะ มันก็กลายเป็น “กรอบ” หรือ “คำสาป” ที่ทำให้ทั้งเราและ Elton John กลายเป็นคนที่เผชิญหน้ากับปมในใจเสมอเมื่อเจอความรัก (ก็ยังโชคดีที่เราและ Elton John ก็ผ่านมันมาได้แล้วทั้งคู่) แล้วเราก็เข้าใจดีเลยทีเดียวกับความว้าเหว่ การโหยหาความรัก และความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันก็สะท้อนถึงชื่อ Rocketman อันมาจากหนังชื่อเพลง Rocket Man ที่บอกเล่าความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง แม้จะอยู่สูงแค่ไหน ได้รับความสนใจแค่ไหน แต่มันก็ช่างเหงาและโดดเดี่ยวเหลือเกิน
.
ปรบมือให้ Taron Egerton ที่สวมบทเป็น Elton ได้หมดจด หลายซีนต้องเพ่งมองว่า นี่ใช้ฟุตเทจเก่าหรือเปล่า แม้ว่ามันจะยังมีความเล่นใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็นะ Elton นี่ล่ะเจ้าแม่แห่งการเล่นใหญ่เลย! กรี๊ดยิ่งกว่ากับ Jamie Bell เฮ้ย นานมากแล้วที่เราไม่ได้ตั้งใจดูหนังที่เค้าเล่นเลย นี่คือหนูน้อย Billy Elliot ที่เติบโตขึ้นมาก มีเสน่ห์มาก และเล่นหนังได้ละเอียดดีจังเลย Richard Madden ก็ทำได้ดีในบท John Reid คนรักและผู้จัดการส่วนตัวของ Elton (จำได้หรือเปล่าว่า ตัวละครนี้ก็อยู่ใน Bohemian Rhapsody ด้วยนะ) ส่วน Bryce Dallas Howard ก็เป็นแม่ที่น่าตบมาก!
.
ชอบฉากมิวสิคัลทุกฉากเลย น่าทึ่งที่ทุกฉากมีสไตล์ที่แตกต่างกันไปหมดเลย Saturday Night’s Alright (For Fighting) นี่น่าตื่นตาตื่นใจมาก และใช้ทีมเวิร์กของนักเต้นกับตัว Taron Egerton มากมาย, Crocodile Rock ก็ทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ว่า Elton John เป็นนักเอนเตอร์เทนมือหนึ่งแม้จะอยู่กับเปียโนตลอดเวลา, Your Song คือซีนที่ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นโดยมีตัวละครอื่นๆ พร้อมหน้าพร้อมตา (Elton บอกว่ากำเนิดเพลงนี้ก็เป็นอย่างในหนังเป๊ะๆ เลย) ชอบเคมีของ Taron Egerton กับ Jamie Bell ในซีนนี้ด้วย และแน่นอน Rocket Man มาพร้อมเรื่องราวสั่นสะเทือนและขับเคลื่อนเรื่องราวไปจนถึงไคลแม็กซ์ได้ดีงามมาก
.
ดูจบแล้วก็รัก Elton John ยิ่งกว่าเดิม เพราะพอเราโตมาก็เจอ Elton John ในฐานะป้าแอ๋วแล้ว เราก็เลยไม่ได้อินกับความเป็นศิลปินของเค้ามากเท่ากับการเป็นเซเลบฯ เป็นเพื่อนสนิทของคนดัง แล้วก็เห็นแกร่าเริงเฮฮาตลอดเวลา พอได้เห็นอะไรที่อยู่หลังม่าน มันก็ เออ อยากกอดป้าแกแหละ ดีใจที่ครั้งนึงได้เคยฟังแกเล่นคอนเสิร์ตให้ฟัง แม้ตอนนั้นจะยังไม่อินกับตัวแกมากเท่าตอนนี้เลยก็ตาม
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้