>>> ส่องผีในไทยมากันก็เยอะ มาส่องผีและวิญญาณในสวิตเซอร์แลนด์กันบ้าง <<<


สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เป็นข่าวดังข่าวใหญ่เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับและความเชื่อเกี่ยวกับผีและวิญญาณ
เราก็ไม่พลาดเอาความเชื่อเรื่องนี้ในสวิตเซอร์แลนด์มาแชร์ให้ทุกคนอ่านกันด้วยค่ะ
เพี้ยนรอที่ท่าน้ำ
ก่อนอ่าน เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นประสบการณ์ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม (อ่านข่าว) ในสวิตเซอร์แลนด์
ขอความร่วมมือทุกท่านไม่ดราม่านะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เพี้ยนขอบคุณ
ว่าด้วยเรื่อง ผู้สื่อวิญญาณ และ ผู้บำบัดรักษาด้วยมนต์ลับ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สวิตเซอร์แลนด์ดูเหมือนเป็นประเทศที่เจริญทางด้านวัตถุและการเงิน แต่จริงๆแล้วคนสวิสนั้นอนุรักษ์นิยมมากๆ ยิ่งถ้าไปอยู่ชานเมืองหรือบ้านนอกแล้วล่ะก็ ความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ระหว่างคนในหมู่บ้านนี่ไม่ต่างกับเมืองไทยเลยทีเดียว ที่เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมแบบโบราณที่ยึดถือกันมา มีการแบ่งปันอาหาร มีการนินทาในหมู่บ้านแบบรู้หนึ่งคนทั้งหมู่บ้านรู้อะไรประมาณนี้เลยค่ะ

เรื่องเหนือธรรมชาติก็เช่นกัน โดยเฉพาะฝั่งที่คนพูดภาษาฝรั่งเศสนั้น เรื่องสัมผัสที่หกและเรื่องวิญญาณฝังรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปเลยค่ะ

>>>... ผู้สื่อวิญญาณ ...<<<

ขอเริ่มจากประสบการณ์ตรงของสามีนะคะ

• เพื่อนคนที่1ของสามี •

ตอนสามีเด็กๆสมัยประถมมีเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง วันหนึ่งเพื่อนคนนี้ชวนเพื่อนอีกคนไปเล่นและนอนค้างที่บ้าน เมื่อถึงบ้านก็พาเพื่อนไปเล่นตามปกติ ก่อนเข้านอนกำลังจะปิดไฟ เจ้าของห้องก็พูดกับเพื่อนว่า "เธอๆ ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าตอนกลางคืนจะมีคุณยายแก่ๆเข้ามาในห้อง คุณยายไม่ทำอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง" ถามไปถามมาจนเพื่อนและพ่อแม่เพื่อนได้ความว่า เธอเป็นคนที่เห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่ของเธอ "ได้รับพรสวรรค์" ทางด้านนี้และถ่ายทอดมายังเธอ

พอโตขึ้นมา เพื่อนคนนี้ก็ประกอบอาชีพเป็น "ผู้สื่อวิญญาณ" ซึ่งมีความเชื่อว่า ผู้ที่ตายไปแล้วมักจะมีอะไรค้างคาในใจที่ยังไม่ได้บอกกับคนในครอบครัว จึงทำให้ยังวนเวียนอยู่ในโลกนี้ เค้าเหล่านั้นยัง มีห่วง อยู่ และมักจะหาทางติดต่อกับคนในครอบครัวหรือคนที่ตัวเองยังติดค้างอยู่โดยผ่านผู้สื่อวิญญาณนั่นเอง

ปัจจุบันเพื่อนคนนี้แต่งงานกับเพื่อนในห้องอีกคน ซึ่งก็เป็นเพื่อนของสามีเราเอง ตัวสามีขอให้ภรรยาตัวเองหยุดเป็นผู้สื่อวิญญาณ เพราะเมื่อได้รู้จักเธอไปนานๆเขาเริ่มเห็นว่าเธอสามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่มองเห็นวิญญาณ เขาบอกสามีเราว่าเขากลัวว่าภรรยาจะเอาตัวเองเข้าไปสู่ศาสตร์มืด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

• เพื่อนคนที่2ของสามี •

เพื่อนคนนี้ก็เป็นอีกคนที่เป็นผู้สื่อวิญญาณ และสามีเคยไปร่วมพิธีของเพื่อนคนนี้ด้วยครั้งหนึ่ง สามีเล่าว่า พิธีจะจัดในบ้านหรือห้องโถงใหญ่ๆที่บรรจุคนได้หลายๆคน และไม่ได้มีพระพุทธรูป หัวกระโหลก กุมารทอง ของปลุกเสกอะไรใดๆทั้งสิ้น มีเพียงตัวของผู้สื่อวิญญาณที่เป็นตัวกลางทำหน้าที่สื่อสารระหว่างผู้ที่ตายไปแล้วกับญาติๆ โดยผู้สื่อวิญญาณจะได้ยิน มองเห็น และสามารถสื่อสารกับผู้ที่ตายไปแล้วได้

ผู้ที่เข้าร่วมมักจะเป็นสมาชิกในครอบครัว หลายๆครอบครัวจะมารวมกันในห้อง สามีเล่าว่าเพื่อนผู้สื่อวิญญาณคนนี้บอกว่า วิญญาณจะมาหาเธอเหมือนกับการต่อคิวยาวๆแล้วเข้ามาหาเธอทีละคน ผู้สื่อวิญญาณจะเริ่มอธิบายลักษณะรูปร่างหน้าตาอายุ พูดบรรยายสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้จากวิญญาณตนนั้นไปเรื่อยๆ เมื่อบรรยายจบแล้ว ไม่มีญาติ(ที่ยังมีชีวิตอยู่)แสดงตัว ก็จะเป็นคิวของวิญญาณตนถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอวิญญาณที่มีญาติมารอ แล้วผู้สื่อวิญญาณจึงทำการบอกสารที่วิญญาณต้องการจะสื่อแก่ญาติไป

ผู้สื่อวิญญาณเล่าให้สามีฟังว่า การสื่อสารจะเป็นไปในทางเดียว คือญาติหรือคนที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถส่งสารหรือบอกอะไรแก่ผู้ที่ตายไปแล้วได้ มีแต่เพียงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถบอกสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจให้แก่ญาติได้รับรู้

หลายๆครั้งโดยที่ญาติยังไม่ทันจะพูดอะไร ผู้สื่อวิญญาณก็มักจะบอกสารจากผู้ตายที่เป็นสิ่งตรงกับใจของญาติและทำให้เกิดการเสียน้ำตากันอยู่บ่อยๆ เช่น สามีเล่าว่าวันที่สามีไปเข้าร่วมนั้น วิญญาณตนหนึ่งบอกกับครอบครัวที่มาหาว่า "อย่าขายบ้านของแม่เลยนะ" ครอบครัวนั้นมาเล่าทีหลังว่า พวกเขากำลังเริ่มดำเนินเรื่องทำการขายบ้านอยู่จริงๆ แต่เป็นการทำในครอบครัวที่ไม่สามารถมีคนนอกรับรู้ได้ เป็นต้น

• การเป็นผู้สื่อวิญญาณในสวิตเซอร์แลนด์ •

ที่สวิตฯฝั่งฝรั่งเศสมีความเชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีผู้สื่อวิญญาณหลายคนยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลัก มีการเปิดเว็ปไซต์แนะนำตัวเองอย่างจริงจัง ถึงขั้นว่ามีผู้สื่อวิญญาณคนหนึ่งชื่อ Hannes Jacob เป็นชาวจังหวัด Neuchâtel ได้เปิดโรงเรียนสอนการเป็นผู้สื่อวิญญาณภายใต้ชื่อ Fréquences Swiss School of Mediumship ในปี ค.ศ.2005 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม การเรียนมีหลายระดับขั้น คอร์สหนึ่งๆจะกินเวลา 1 ปี โดยจะแบ่งเป็นการเรียนเดือนละ 2 วัน รวมทั้งหมด 12 ครั้ง สนนค่าเรียนอยู่ที่ 4'680 ฟรังก์ หรือ ประมาณ หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท

สำหรับการเรียนนั้นประกอบไปด้วยศาสตร์หลายแขนง ประกอบไปด้วย การฝึกจิตและการเปิดจิตเพื่อสื่อสารกับวิญญาณ การบำบัดรักษาด้วยจิตสัมผัส การบำบัดรักษาด้วยการเข้าฌาณ การอ่านและปรับออร่าในร่างกาย (คลื่นพลังรัศมีของมนุษย์) รวมไปถึงการช่วยเหลือวิญญาณที่ "ติดอยู่ในโลกนี้" หรือ "หลงทาง" และนำเค้าเหล่านั้นไปพบ "แสงสว่าง" หรือที่ที่เค้าควรจะไปต่อไป

มีนักข่าวคนหนึ่งชื่อ Jérôme Galichet เป็นนักข่าวจากเมืองโลซานน์ ไปสัมภาษณ์ Hannes Jacob และเราคิดว่านักข่าวคงอยากลองของนิดนึง เลยลองให้ Hannes Jacob ติดต่อกับวิญญาณอะไรก็ได้ให้ดูเป็นประสบการณ์หน่อย ในบทความเขียนถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า

"เราทั้งคู่นั่งบนเก้าอี้เล็กๆ ผู้สื่อวิญญาณนั่งตรงหน้าผม เขาเริ่มรวบรวมจิตและทำการเปิดจิตแก่วิญญาณ ดวงตาเขาเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นๆและตัวสั่นเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หลังจากนั้นเขาเริ่มอธิบายถึงวิญญาณที่มีอยู่ในห้อง เขาให้ผมตอบคำถามเพียงแค่คำว่า ใช่ และ ไม่ใช่ เพื่อดูว่าผู้ตายนี้เป็นคนที่ผมรู้จักหรือไม่..."

"เขาบอกว่า วิญญาณนี้เป็นผู้หญิงผมสีอ่อนๆ เธอตายตอนที่ยังไม่แก่มากนัก ตอนยังมีชีวิตเธอมีสามีรูปร่างท้วม ผมพลันนึกไปถึงป้าของผมที่ตายไปตอนอายุ 50 ปีด้วยโรคมะเร็งและลุงผู้เป็นสามีของป้านั้นก็เป็นคนอ้วนจริงๆ ผู้สื่อวิญญาณถามว่าผมรู้จักใครคล้ายๆเธอมั้ย..."

"ด้วยความอยากลองของ ผมจึงตอบไปว่า ไม่มีคนรู้จักตามที่อธิบายมาเลย ผู้สื่อวิญญาณจึงพูดต่อไปว่า เธอมีน้องสาวชื่อ เอลิซาเบธ ด้วยนะ สรุปวิญญาณตนนี้ใช่ป้าของคุณหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบผู้สื่อวิญญาณไปในทันทีทันใดเพราะผมกำลังงงไปหมดว่าเขารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง หรือว่าเขาเห็นป้าของผมจริงๆ หลังจากนั้น เขายังบอกข้อความที่ป้าของผมฝากมาถึงผมอีกด้วย ซึ่งผมขอเก็บไว้เป็นความลับ"

ใครสนใจไปเรียน ติดต่อตามเวปไซต์นี้ได้เลยค่ะ https://www.frequences.ch/…/Ecole_gu%C3%…/Gu%C3%A9rison.html เรียนเป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ

อันนี้ลิ้งข่าวที่แปลมาค่ะ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยด้วยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


มีต่อนะคะ ตัวอักษรเกินค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่