ไม่ทราบว่าแบบนี้จะเป็นคดีแพ่ง หรือคดีอาญาคะ

เรื่องเกินจากการผิดสัญญาซื้อขายค่ะ  เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตามกำหนด  เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ลูกค้าขอยกเลิกการรับสินค้า  และขอรับเงินคืน จึงตกลงทำสัญญารับสภาพหนี้ แบ่งจ่าย 3 งวด ตามที่ลูกค้าต้องการ (ซึ่งตามจริงขอแบ่งจ่ายชำระ 5 งวด ลูกค้าไม่ยอมค่ะ)

ในเอกสารรับสภาพหนี้ มีการอ้างอิงรายละเอียดสินค้าที่ซื้อขาย เลขที่ใบเสนอราคา  และยอดเงินทั้งหมด และข้อสุดท้ายเป็นรายละเอียดการแบ่งจ่ายชำระ วันที่ พร้อมจำนวนเงิน

ทางลูกค้าต้องการให้มีสินทรัพย์วางค้ำประกัน โฉนดที่ดิน รถ หรืออื่นๆ ซึ่งข้าพเจ้าไม่มีสินทรัพย์ส่วนตัวที่สามารถวางค้ำประกันหนี้ได้ แต่ทางลูกค้าก็ไม่ยอม บังคับว่าต้องมีค้ำประกัน เพราะเขาเกรงว่าหากทำสัญญาโดยที่ไม่มีหลักประกัน เขาจะไม่ได้เงินคืน และเข้าแจ้งอยู่ตลอดเวลาว่าเขามีความรู้สึกว่าเขาถูกโกง ในขณะนั้นข้าพเจ้ามีเช็คติดตัว 1 ฉบับ จึงแจ้งลูกค้าข้าพเจ้ามีเพียงเช็คที่สามารถวางค้ำประกันได้ ซึ่งทางทนายของลูกค้าแจ้งว่าเช็คตัวนี้ไม่มีประโยชน์เนืรองจากสุดท้ายมาก็จะกลายมาเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญาแบบที่ลูกค้าต้องการ แต่ทางก็ยืนยันว่าต้องมี ต้องวาง เอาไว้เถอะ อย่างน้อยก็ยังมีหลักประกัน ซึ่งตกลงกันว่าวันที่ที่ระบุครบกำหนด คือวันที่ตามกำหนดชำระงวดสุดท้าย (ไม่ได้ระบุในสัญญาว่าใช้เช็คค้ำประกัน)

เมื่อถึงกำหนดจ่ายตามงวดข้าพเจ้าไม่สามารถชำระคืนให้ครบได้ตามยอดในสัญญา แต่มีการทยอยจ่ายเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งถึงวันครบกำหนดในเช็ค ลูกค้านำไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่าย และในขณะนี้ ลูกค้าได้นำเอกสารและหลักฐานทั้งหมดรวมถึงสัญญารับสภาพหนี้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทาง้จ้าหน้ารับแจ้ง และกำลังจะส่งหมายเรียกครั้งที่ 1 พร้อมให้เตรียมเงินประกันตัว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่จะขอทำเรื่องฝากขังค่ะ

ในกรณีอย่างนี้ไม่ทราบหากไปถึงชั้นศาลแล้วจะมีขั้นตอนอย่างไรต่อไปคะ และสุดท้ายจะติดคุกตามที่ลูกค้าต้องการหรือเปล่า

จากที่คุยกับลูกค้ามา เขาต้องการให้ได้รับโทษแรงๆ เขาไม่ยอมเลยค่ะ วันที่ไปทำสัญญาเขาขู่ด้วยว่าถ้าวันนี้ไม่มาหาเขา เขาเตรียมปืนไว้ในรถแล้ว กำลังจะสตาร์ทรถตามไปยิงที่บ้านค่ะ 

ขอรบกวนทุกท่านช่วยแนะด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่