6 กรกฎาคม 2009 วันแห่งประวัติศาสตร์ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปิดตัวในฐานะนักเตะใหม่ เรอัล มาดริด ท่ามกลางแฟนบอลที่เข้ามาแสดงความยินดีที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว มากกว่า 80,000 คน โดยผ่านมา 11 ปีแล้ว "ซีอาร์ 7" ได้สร้างความสำเร็จ และความทรงจำมากมายให้กับสโมสรแห่งนี้
กัปตันทีมชาติโปรตุกีส ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ "โลส บลังโกส" ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร (ราว 3,290 ล้านบาท) โดยการเปิดตัวเมื่อ 11 ปีก่อนยังคงเป็นสถิติที่ไม่มีนักเตะคนไหนสามารถทำลายได้เลยจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ที่สำคัญตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในชุด "ราชันชุดขาว" เจ้าตัวได้ช่วยทีมกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น
รวมไปถึงการคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัวมากมาย และหลังจากที่อิ่มตัวกับความสำเร็จมากมายมหาศาล เจ้าตัวตัดสินใจยุติช่วงเวลา 9 ปีที่แสนงดงามเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่กับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 2018
เมื่อย้อนวันวานที่แสนหอมหวานตั้งแต่วันแรกที่ โรนัลโด้ ย่างเท้าก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกเรอัล มาดริด จนกระทั่งวันที่เก็บเสื้อผ้าออกจากสโมสร นักเตะได้สร้างความทรงจำมากมาย อย่างการเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยการซัดไป 450 ประตูจากทั้งหมด 438 แมตช์ที่ลงสนาม เป็นต้น
นอกจากนี้ "เฮียโด้" ยังกวาดเกียรติยศร่วมกับ เรอัล มาดริด นับไม่ถ้วน ยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ โดยมีโอกาสได้ชูโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 สมัย, ลา ลีกา 2 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย ตามด้วย แชมป์ สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย และ โกปา เดล เรย์ 2 สมัย
ในส่วนของเกียรติยศส่วนตัวต้องบอกเลยว่า โรนัลโด้ คว้ามาได้มากมายก่ายก้องจนแทบนับไม่หวาดไม่ไหว แต่หากเอาเฉพาะที่โดดเด่นเป็นสง่าก็คือการที่เขาได้รับเลือกคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ หรือ "บอลทองคำ" ถึง 4 สมัยในปี 2013, 2014, 2016 และ 2017 รวมกับที่ได้อีกครั้งในปี 2008 ตอนอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เจ้าตัวมีรางวัลดังกล่าวประดับที่ตู้โชว์ในบ้านถึง 5 สมัย
อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เป็นนักเตะเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้มากกว่าเขา 1 สมัย ขณะเดียวกับ โรนัลโด้ ยังได้รางวัลรองเท้าทองคำ (โกลเด้น บูท) 3 สมัย โดยก่อนหน้านั้นก็เคยได้มาแล้ว 1 ครั้งสมัยได้ตอนอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมเป็น 4 สมัย
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ โรนัลโด้ ยังซัดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปของยูฟ่า 3 สมัย ขณะที่ในการเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปเจ้าตัวก็สร้างชื่อเอาไว้ให้โลกต้องจดจำในฐานะดาวซัลโวตลอดกาลศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการซัดไป 105 ประตู จาก 101 เกมในช่วงที่เล่นให้ "ราชันชุดขาว" เกมฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรป
นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ในวงการลูกหนังสเปน เมื่อยิงประตูได้มากที่สุดในลา ลีกา ถึง 311 ประตู หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลทั้งในประเทศอังกฤษ และดินแดนกระทิงดุ เจ้าตัวเลือกเดินทางอีกครั้ง เพื่อไปไล่ล่าประสบการณ์ใหม่ในอิตาลี
ในวัย 35 ปี โรนัลโด้ ประสบความสำเร็จกับ ยูเวนตุส ไปแล้วด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ลีกเมืองมะกะโรนีเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในขณะที่ซีซั่นปัจจุบัน ยูเว่ ทำแต้มทิ้งห่าง "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ ถึง 7 คะแนน และเหลือการแข่งขันในเกมลีกเพียงแค่ 8 แมตช์เท่านั้น
นับจากนี้ไปจนกระทั่งแขวนสตั๊ด โรนัลโด้ ยังคงสามารถสร้างสถิติที่น่าเหลือเชื่อเอาไว้ประดับวงการลูกหนังอีมากมายอย่างแน่นอน
cr : www.siamsport.co.th
11 ปีแห่งความหลัง ! เปิดตัววันแรก โรนัลโด้ ก่อนจารึกประวัติศาสตร์กับเรอัล มาดริด
กัปตันทีมชาติโปรตุกีส ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ "โลส บลังโกส" ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร (ราว 3,290 ล้านบาท) โดยการเปิดตัวเมื่อ 11 ปีก่อนยังคงเป็นสถิติที่ไม่มีนักเตะคนไหนสามารถทำลายได้เลยจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ที่สำคัญตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในชุด "ราชันชุดขาว" เจ้าตัวได้ช่วยทีมกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น
รวมไปถึงการคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัวมากมาย และหลังจากที่อิ่มตัวกับความสำเร็จมากมายมหาศาล เจ้าตัวตัดสินใจยุติช่วงเวลา 9 ปีที่แสนงดงามเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่กับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 2018
เมื่อย้อนวันวานที่แสนหอมหวานตั้งแต่วันแรกที่ โรนัลโด้ ย่างเท้าก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกเรอัล มาดริด จนกระทั่งวันที่เก็บเสื้อผ้าออกจากสโมสร นักเตะได้สร้างความทรงจำมากมาย อย่างการเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยการซัดไป 450 ประตูจากทั้งหมด 438 แมตช์ที่ลงสนาม เป็นต้น
นอกจากนี้ "เฮียโด้" ยังกวาดเกียรติยศร่วมกับ เรอัล มาดริด นับไม่ถ้วน ยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ โดยมีโอกาสได้ชูโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 สมัย, ลา ลีกา 2 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย ตามด้วย แชมป์ สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย และ โกปา เดล เรย์ 2 สมัย
ในส่วนของเกียรติยศส่วนตัวต้องบอกเลยว่า โรนัลโด้ คว้ามาได้มากมายก่ายก้องจนแทบนับไม่หวาดไม่ไหว แต่หากเอาเฉพาะที่โดดเด่นเป็นสง่าก็คือการที่เขาได้รับเลือกคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ หรือ "บอลทองคำ" ถึง 4 สมัยในปี 2013, 2014, 2016 และ 2017 รวมกับที่ได้อีกครั้งในปี 2008 ตอนอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เจ้าตัวมีรางวัลดังกล่าวประดับที่ตู้โชว์ในบ้านถึง 5 สมัย
อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เป็นนักเตะเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้มากกว่าเขา 1 สมัย ขณะเดียวกับ โรนัลโด้ ยังได้รางวัลรองเท้าทองคำ (โกลเด้น บูท) 3 สมัย โดยก่อนหน้านั้นก็เคยได้มาแล้ว 1 ครั้งสมัยได้ตอนอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมเป็น 4 สมัย
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ โรนัลโด้ ยังซัดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปของยูฟ่า 3 สมัย ขณะที่ในการเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปเจ้าตัวก็สร้างชื่อเอาไว้ให้โลกต้องจดจำในฐานะดาวซัลโวตลอดกาลศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการซัดไป 105 ประตู จาก 101 เกมในช่วงที่เล่นให้ "ราชันชุดขาว" เกมฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรป
นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ในวงการลูกหนังสเปน เมื่อยิงประตูได้มากที่สุดในลา ลีกา ถึง 311 ประตู หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลทั้งในประเทศอังกฤษ และดินแดนกระทิงดุ เจ้าตัวเลือกเดินทางอีกครั้ง เพื่อไปไล่ล่าประสบการณ์ใหม่ในอิตาลี
ในวัย 35 ปี โรนัลโด้ ประสบความสำเร็จกับ ยูเวนตุส ไปแล้วด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ลีกเมืองมะกะโรนีเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในขณะที่ซีซั่นปัจจุบัน ยูเว่ ทำแต้มทิ้งห่าง "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ ถึง 7 คะแนน และเหลือการแข่งขันในเกมลีกเพียงแค่ 8 แมตช์เท่านั้น
นับจากนี้ไปจนกระทั่งแขวนสตั๊ด โรนัลโด้ ยังคงสามารถสร้างสถิติที่น่าเหลือเชื่อเอาไว้ประดับวงการลูกหนังอีมากมายอย่างแน่นอน
cr : www.siamsport.co.th