ถ้าเป็นจริงยิงสะเด่า! ตำนานดาวยิงที่เกือบได้จับคู่ถล่มประตู

ในวงการฟุตบอลเราๆ ท่านๆ คงเคยเห็นคู่หูกองหน้าชั้นดีมาแล้วมากมาย โดยในพรีเมียร์ลีกก็เคยมีสุดยอดดาวยิงร่วมสังกัดอย่าง ดไวท์ ยอร์ค กับ แอนดี้ โคล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เธียร์รี่ อองรี กับ เดนนิส เบิร์กแค้มป์ (อาร์เซน่อล), อลัน เชียเรอร์ กับ คริส ซัตตัน (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส) เป็นต้น


สำหรับในลีกต่างแดนก็มีคู่หูเพชฌฆาตเช่นกันทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า), ฟิลิปโป้ อินซากี้ กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (ยูเวนตุส) และ โรนัลโด้ กับ ราอูล กอนซาเลซ (เรอัล มาดริด) อย่างไรก็ตามวงการลูกหนังเกือบจะได้เห็นคู่หูในฝันมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่การเจรจาไม่ลงตัว

งานนี้ขอยกตัวอย่าง 8 นักเตะระดับตำนานที่เกือบจะได้จับคู่ล่าตาข่ายด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่พรหมลิขิตไม่ได้ขีดเส้นให้พวกเขามีโอกาสได้ร่วมถล่มประตูพร้อมกัน

กาเบรียล บาติสตูต้า กับ เอริก คันโตน่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

มีนักเตะชั้นนำมากมายที่มีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานหลายปี โดยเฉพาะตอนที่ "ผีแดง" อยู่ในยุครุ่งเรืองสุดขีดประมาณปลายทศวรรษ 90 เพื่อพวกเขากลายเป็นสโมสรที่ครองความเป็นเจ้าลูกหนังในประเทศอังกฤษ และยังลามไปถึงในฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรปด้วย

ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ กาเบรียล บาติสตูต้า จะตกเป็นข่าวย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ช่วงกลางยุค 90 หลังจากที่นักเตะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเล่นลีกบ้านเกิด โดย "บาติโกล" เซ็นสัญญากับ ฟิออเรนตินา ในปี 1991 และสร้างชื่อให้กับตัวเองเป็นหนึ่งในเพชฌฆาตจอมถล่มประตูในยุคของเขา

มีนักเตะชั้นนำมากมายที่มีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานหลายปี โดยเฉพาะตอนที่ "ผีแดง" อยู่ในยุครุ่งเรืองสุดขีดประมาณปลายทศวรรษ 90 เพื่อพวกเขากลายเป็นสโมสรที่ครองความเป็นเจ้าลูกหนังในประเทศอังกฤษ และยังลามไปถึงในฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรปด้วย

ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ กาเบรียล บาติสตูต้า จะตกเป็นข่าวย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ช่วงกลางยุค 90 หลังจากที่นักเตะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเล่นลีกบ้านเกิด โดย "บาติโกล" เซ็นสัญญากับ ฟิออเรนตินา ในปี 1991 และสร้างชื่อให้กับตัวเองเป็นหนึ่งในเพชฌฆาตจอมถล่มประตูในยุคของเขา


การย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด คงยิ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อจะได้จับคู่กับดาวยิงที่ได้ชื่อว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และมีบุคลิกเฉพาะตัวอย่าง เอริก คันโตน่า ซึ่งตลอด 7 ซีซั่นเขาตะบันประตูให้ทีมไป 79 ลูก และหากได้เล่นร่วมกับ บาติสตูต้า อาจจะมีสถิติถล่มประตูมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่หลายคนวาดฝันไม่เป็นจริง เมื่อนักเตะเลือกอยู่กับ ฟิออเรนตินา ต่อไปจนถึงปี 2000 เมื่อเขาย้ายไปซบ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า โดย อดีตหัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา ย้อนรำลึกความหลังว่า "ผมไม่เคยรู้สึกสนุกกับการเป็นสตาร์ดัง เพราะนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นจุดศูนย์รวมของทีม"


"เรื่องนี้จะทำให้คุณต้องแบกรับความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ผมเคยได้รับข้อเสนอมากมายจากเรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ มิลาน แต่ผมอยากอยู่อย่างสงบๆ กับการเล่นให้ ฟิออเรนติน่า ถ้าผมย้ายไปอยู่ มาดริด ผมคงยิงได้มากกว่า 200 ประตู แต่ผมรู้ว่าผมคงเบื่อหน่ายแน่นอน"

"เช่นเดียวกันเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นกับผมหากย้ายไปเล่นให้ มิลาน แม้ว่าผมไม่เคยคว้าแชมป์รายการใหญ่ (ยกเว้นตอนย้ายมาอยู่กับ โรม่า) ผมยังพิจารณาว่าตัวเองคือผู้ชนะเพราะผมช่วย ฟิออเรนติน่า ในการสู้กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่มากมาย" บาติสตูต้า ระบุ

ทั้งนี้ บาติสตูต้า ได้แชมป์ โคปา อิตาเลีย ในฤดูกาล 1995/96 (ฟิออเรนตินา) และ แชมป์ เซเรีย อา กับ โรม่า ในซีซั่น 2000/01
 

ซามูเอล เอโต้ กับ เดนนิส เบิร์กแคมป์ (อาร์เซน่อล)

เรื่องนี้เนินนานก่อนที่ ซามูเอล เอโต้ จะย้ายมาเล่นกับ เชลซี และ เอฟเวอร์ตัน โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยมีข่าวย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ตอนสมัยที่กำลังอยู่ในฟอร์มพีคสุดๆ


หัวหอกเลือดแคเมอรูน ซึ่งปัจจุบันประกาศแขวนสตั๊ดไปเรียบร้อยแล้วในวัย 38 ปี  ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดตลอดกาล โดยเขายิงประตูเป็นว่าเล่นสมัยที่ค้าแข้งกับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แต่จะไปแล้ว เอโต้ ก็เคยอยู่ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่เหมือนกัน

ย้อนไปสมัยที่ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด นักเตะแทบไม่สามารถแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงของทัพ "ราชันชุดขาว" ได้เลย สุดท้ายต้องโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เรอัล มายอร์ก้า ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของปี 2000 แต่ในช่วงเวลานั้น เอโต้ คิดที่จะอำลาศึกลา ลีกา และเล็งที่จะเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล แต่หลังจากได้พูดคุยกับ หลุยส์ อราโกเนส ที่โน้มน้าวใจให้เขาเลือกอยู่กับ มายอร์ก้า แบบถาวร


"ผมได้พบกับ หลุยส์ ในช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ ในชีวิตของผมซึ่งผมต้องเลือกทิศทางที่ถูกต้องที่สุด และขอบคุณที่เขาทำให้ผมเป็นแบบนั้น ผมคิดเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล และบางทีผมคงไม่ได้เป็นนักเตะอย่างที่ผมเป็นอยู่ในปัจจุบัน หลุยส์ เลือกผม จากนั้นผมก็ได้ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า นี่คือการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง"

ลองคิดดูหากวันนั้น อราโกเนส โน้มน้าว เอโต้ ไม่สำเร็จ แฟนบอล "เดอะ กันเนอร์ส" มีโอกาสได้เห็น หัวหอกชาวแคเมอรูน จับคู่กับ เบิร์กแค้มป์ พร้อมกับมี เธียร์รี่ อองรี ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้เล่นร่วมกับ เอโต้ ตอนย้ายไปอยู่ บาร์ซ่า เล่นร่วมด้วย งานนี้แนวรุกของ อาร์เซน่อล คงไม่มีใครสามารถรับมือได้แน่นอน
 
เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (เชลซี)

ก่อนที่เขาจะกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูเหมือนว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ เกือบจะได้ย้ายมาเล่นให้กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี อยู่แล้ว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงระหว่างฤดูกาล 2009/10 เมื่อ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา มีข่าวหนาหูว่าจะย้ายมาเล่นให้ เชลซี โดยในเวลานั้นแฟนบอล "สิงห์บลูส์" ต่างรู้ดีว่านักเตะเก่งฉกาจขนาดนั้นเพราะเขาเคยตะบันตาข่าย เชลซี มาแล้ว 2 ประตูในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


ข่าวลือเรื่องนี้เริ่มร้อนแรงมากขึ้นในเดือนเมษายน 2010 เมื่อ อเกวโร่ ยืนยันเรื่องการย้ายไปอยู่กับ เชลซี และหากทุกอย่างเป็นจริงทีมจะมีแนวรุกสุดสะเด่าเพราะนักเตะจะได้จับคู่กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา พร้อมกับมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด คอยป้อนบอลให้ตะบันประตู

"เชลซี เป็นสโมสรชั้นยอด" อเกวโร่ กล่าว "พวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ผมมักจะดูนักเตะอย่าง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด รวมทั้งนักเตะคนอื่นๆ พวกเขาเป็นผู้เล่นชั้นยอดในตำแหน่งของพวกเขา ผมสามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจากนักเตะแบบนี้ ไม่มีอะไรต้องสงสัย"


"ลอนดอน เป็นเมืองที่น่าเหลือเชื่อสำหรับการใช้ชีวิต ตัวผมกับภรรยาคงมีความสุขที่นั่น คาร์ลอส เตเวซ ก็ทำผลงานได้ดีกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สำหรับผม การได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรที่พร้อมท้าทายเกียรติยศ ซิตี้ยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้" อเกวโร่ ระบุ
 
 
ดาบิด บีย่า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด)

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 เรอัล มาดริด มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ หวนกลับมานั่งบริหารสโมสรเป็นรอบที่สอง พร้อมกับนโยบายในการสร้าง "กาลาติกอส" อีกครั้ง

ตอนนั้น ริคาร์โด้ กาก้า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกดึงมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์ (ราว 2,128 ล้านบาท) กับ 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,040 ล้านบาท) ตามลำดับ ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นการทำลายสถิติการย้ายทีมเลยทีเดียว ก่อนที่ เรอัล จะทำลายสถิติอีกครั้งด้วยการซื้อ แกเร็ธ เบล มาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์


จริงๆ แล้ว เปเรซ ยังอยากได้ ดาบิด บีย่า มาร่วมทีมด้วย เพราะเขามองว่า กองหน้ารายนี้จะช่วยสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ "ราชันชุดขาว"  โดยนักเตะมีข่าวเตรียมอำลา บาเลนเซีย ซึ่งในเวลานั้นมีหนี้สินพะรุงพะรัง เพื่อมาเล่นให้ "โลส บลังโกส" แต่ตอนนั้น เชลซี ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเขาเช่นกัน

จากรายงานระบุว่า บีย่า เลือกเล่นให้ เรอัล มาดริด ซึ่งหนึ่งในแมวมอง เชลซี เผยว่า "คำตอบจาก บาเลนเซีย คือปฏิเสธ เพราะการเจรจากับ เรอัล มาดริดมีความคืบหน้าไปอย่างมาก ดังนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่ บีย่า จะย้ายมาเล่นกับ เชลซี เพราะเขาอยากไปเล่นกับ เรอัล มาดริด"

ขณะเดียวกัน เปเรซ ก็คาดหวังจะได้ บีย่า เช่นกัน "ทุกๆ อย่างต้องสำเร็จอย่างมิตรภาพ และเป็นแนวทางในการร่วมมือกัน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ กับ บาเลนเซีย มีหลายๆ สิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างเงียบๆ และทำให้ทุกๆ ฝ่ายมีความสุข นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ กาก้า ซึ่งเคยได้รางวัลบัลลงดอร์ หรือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า เป็นผู้เล่นที่เหมาะกับการลงทุน"


เรอัล มาดริด ไม่สามารถจ่ายเงินมากมายมหาศาลเพื่อนักเตะทุกคน นี่ไม่ใช่กรณีของ บีย่า นักเตะที่เคยได้รางวัลเหล่านี้ทำผลงานได้สุดยอดกับประเทศ ผมคิดว่า บีย่า เป็นนักเตะชั้นยอด เขาเป็นนักฟุตบอลที่เราต้องดึงตัวมาร่วมทีมในโปรเจกต์ของเรา" เปเรซ ระบุ

อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และสุดท้าย บีย่า ย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลน่า ในปีถัดมา พร้อมกับประสบความสำเร็จคว้ามากมาย รวมทั้งแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ โกปา เดล เรย์ 1 สมัย เป็นต้น

credit : www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่