Day 4
สำหรับใครที่มาเที่ยวจีนเอง
ได้ตื่นตอนเช้า ออกไปเดินหาของกิน
นับเป็นโอกาสที่ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างดีเลย
พวกเราออกไปหาซื้ออาหารเช้าและเสบียงสำหรับมื้อเที่ยงกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า
แม้ร้านค้าส่วนใหญ่จะยังไม่เปิด แต่ร้านอาหารก็เปิดกันแล้ว
การได้พาตัวเองออกเดินทาง ออกมาจากชีวิตประจำวันที่ยุ่งเหยิงนั้น
ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย พักสงบจิตใจ ทบทวนความรู้สึก
ค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักของสิ่งต่างๆ ที่เราแบกอยู่
ลืมตาช้าๆ แล้วทอดสายตา
มองออกไปให้ไกล-ให้รอบ
'เบาเสียงความคิด เพื่อฟังเสียงของความสงบเงียบ’
เช้าวันนี้มีนักท่องเที่ยวมากกว่าเมื่อวาน
แต่เพราะเราได้ซื้อตั๋วเข้าวนอุทยานฯ ไว้แล้ว จึงไม่ต้องเข้าคิวยาวเพื่อรอซื้อตั๋วอีก
(ตั๋วเข้าอุทยาน 228 หยวน/ คน สามารถเข้าชมได้ 3 วัน)
ความตั้งใจของพวกเราในวันนี้คือการขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง
ที่มีความสูงถึง 326 เมตร
ราคาตั๋วสำหรับขาขึ้น คือ 65 หยวน/ คน
มาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องยอมจ่ายค่าตั๋วขึ้นไปหละ
__________________________________________________________
ตอนที่ 1: ฉางซา กับบันทึก 34,000 ก้าวเดิน
https://ppantip.com/topic/39743783
ตอนที่ 2: มุ่งหน้าสู่อู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย
https://ppantip.com/topic/39768811
__________________________________________________________
ยินดีพูดคุยกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/thecrosscutting/
ติดตามชมรูปแบบวีดีโอตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
ตอนที่ 1: ฉางซา กับบันทึก 34,000 ก้าวเดิน
ตอนที่ 2: มุ่งหน้าสู่อู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย
ตอนที่ 3: อวตารจางเจียเจี้ย
ตอนที่ 4: ลำธารแส้ม้าทอง
หากจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของจางเจียเจี้ย
คงต้องย้อนกลับไปในยุคหิน
เพราะมีการค้นพบร่องรอยมนุษย์คนแรกในพื้นที่นี้
ซึ่งได้รับการจดบันทึกว่า
อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 100,000 ปีที่แล้ว
แต่ในส่วนของการฟอร์มตัวของภูเขาหิน
ประเมินว่าใช้เวลาสะสมมากกว่าล้านปี ..
จางเจียเจี้ย เป็นดั่งดินแดนลึกลับที่ถูกลืม
จากยุคโบราณ มีเพียงชาวบ้านท้องถิ่นเท่านั้น
ที่รู้จักวิวทิวทัศน์ในที่แห่งนี้ ...
ช่วงปลายยุค 1970 จิตรกรเอกชาวจีนชื่อ อู่ กวางจง ได้เดินทางมาสถานที่นี้
ด้วยความหลงไหลในทิวทัศน์ที่สุดแปลกตา
เขาจึงสร้างสรรค์ภาพวาดที่งดงามของจางเจียเจี้ย
และภาพวาดของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้
เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ในปี 1982 รัฐบาลกลางได้สร้างวนอุทยานแห่งชาติแห่งแรกขึ้นที่นี่
และตั้งชื่อเป็นวนอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย
แทนชื่อเมืองเดิม คือเมืองต้าหยง ในปี 1994
โดยจางเจียเจี้ยได้รับสิทธิ์จดทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโกในปี 1992
จางเจียเจี้ย จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนและชาวโลกมากมาย
จนเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบฉากของภาพยนตร์เรื่อง Avatar อันโด่งดัง
สะพานซึ่งทอดผ่านภูเขาสองลูก
เป็นฝีมือสร้างของธรรมชาติ
แต่เดิมภูเขาทั้งสองเป็นภูเขาลูกหนึ่ง
แต่ฐานของเสาหินส่วนหนึ่งทรุดตัวลง
แต่ยังคงด้านบนไว้เหมือนเดิม
ทำให้มีลักษณะเหมือนสะพาน
ผู้เดินทางมาเยี่ยมชมจีงสามารถข้าม
ไปอีกด้านหนึ่งได้
โดยตามทางเดินก็เรียงรายไปด้วยผ้าแดง
และกุญแจที่คู่รักชาวจีนเอามาคล้องเอาไว้..
ชมวิวความงดงาม จนอิ่มใจกันแล้ว
ก็ถึงเวลาเดินลงเขา กลับเข้าเมือง
โซนภูเขาเทียนจื่อ นอกจากทางเดินขึ้นลงเขา ภาพวาดสิบลี้แล้ว
ยังมีอีกเส้นทางนึงซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง
และมีวิวสวยงาม ชื่อว่า sansuo
ซึ่งพวกเราใช้เป็นทางลงเขาไปขึ้นรถบัส เพื่อกลับเข้าเมือง ในช่วงเย็นนี้
เป็นเส้นทางเดินลงเขาที่สวยงาม เพลิดเพลิน
และมีคนน้อย ส่วนนึงอาจเป็นเพราะว่า
เส้นทางเดินนี้ อาจยังไม่เป็นที่รู้จักก็เป็นได้
การเดินลงเขาในเส้นนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมง
แม้จะเป็นการเดินลงจากเขา แต่ก็เหนื่อยเอาการอยู่
คืนนี้พวกเราคงจะหลับเป็นตาย
เที่ยวจีนฤดูใบไม้ร่วง 14 วัน ตอนที่ 3: อวตารจางเจียเจี้ยและลำธารแส้ม้าทอง
Day 4
สำหรับใครที่มาเที่ยวจีนเอง
ได้ตื่นตอนเช้า ออกไปเดินหาของกิน
นับเป็นโอกาสที่ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างดีเลย
พวกเราออกไปหาซื้ออาหารเช้าและเสบียงสำหรับมื้อเที่ยงกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า
แม้ร้านค้าส่วนใหญ่จะยังไม่เปิด แต่ร้านอาหารก็เปิดกันแล้ว
การได้พาตัวเองออกเดินทาง ออกมาจากชีวิตประจำวันที่ยุ่งเหยิงนั้น
ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย พักสงบจิตใจ ทบทวนความรู้สึก
ค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักของสิ่งต่างๆ ที่เราแบกอยู่
ลืมตาช้าๆ แล้วทอดสายตา
มองออกไปให้ไกล-ให้รอบ
'เบาเสียงความคิด เพื่อฟังเสียงของความสงบเงียบ’
เช้าวันนี้มีนักท่องเที่ยวมากกว่าเมื่อวาน
แต่เพราะเราได้ซื้อตั๋วเข้าวนอุทยานฯ ไว้แล้ว จึงไม่ต้องเข้าคิวยาวเพื่อรอซื้อตั๋วอีก
(ตั๋วเข้าอุทยาน 228 หยวน/ คน สามารถเข้าชมได้ 3 วัน)
ความตั้งใจของพวกเราในวันนี้คือการขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง
ที่มีความสูงถึง 326 เมตร
ราคาตั๋วสำหรับขาขึ้น คือ 65 หยวน/ คน
มาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องยอมจ่ายค่าตั๋วขึ้นไปหละ
__________________________________________________________
ตอนที่ 1: ฉางซา กับบันทึก 34,000 ก้าวเดิน https://ppantip.com/topic/39743783
ตอนที่ 2: มุ่งหน้าสู่อู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย https://ppantip.com/topic/39768811
__________________________________________________________
ยินดีพูดคุยกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/thecrosscutting/
ติดตามชมรูปแบบวีดีโอตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
ตอนที่ 1: ฉางซา กับบันทึก 34,000 ก้าวเดิน
ตอนที่ 2: มุ่งหน้าสู่อู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย
ตอนที่ 3: อวตารจางเจียเจี้ย
ตอนที่ 4: ลำธารแส้ม้าทอง
หากจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของจางเจียเจี้ย
คงต้องย้อนกลับไปในยุคหิน
เพราะมีการค้นพบร่องรอยมนุษย์คนแรกในพื้นที่นี้
ซึ่งได้รับการจดบันทึกว่า
อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 100,000 ปีที่แล้ว
แต่ในส่วนของการฟอร์มตัวของภูเขาหิน
ประเมินว่าใช้เวลาสะสมมากกว่าล้านปี ..
จางเจียเจี้ย เป็นดั่งดินแดนลึกลับที่ถูกลืม
จากยุคโบราณ มีเพียงชาวบ้านท้องถิ่นเท่านั้น
ที่รู้จักวิวทิวทัศน์ในที่แห่งนี้ ...
ช่วงปลายยุค 1970 จิตรกรเอกชาวจีนชื่อ อู่ กวางจง ได้เดินทางมาสถานที่นี้
ด้วยความหลงไหลในทิวทัศน์ที่สุดแปลกตา
เขาจึงสร้างสรรค์ภาพวาดที่งดงามของจางเจียเจี้ย
และภาพวาดของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้
เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ในปี 1982 รัฐบาลกลางได้สร้างวนอุทยานแห่งชาติแห่งแรกขึ้นที่นี่
และตั้งชื่อเป็นวนอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย
แทนชื่อเมืองเดิม คือเมืองต้าหยง ในปี 1994
โดยจางเจียเจี้ยได้รับสิทธิ์จดทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโกในปี 1992
จางเจียเจี้ย จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนและชาวโลกมากมาย
จนเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบฉากของภาพยนตร์เรื่อง Avatar อันโด่งดัง
สะพานซึ่งทอดผ่านภูเขาสองลูก
เป็นฝีมือสร้างของธรรมชาติ
แต่เดิมภูเขาทั้งสองเป็นภูเขาลูกหนึ่ง
แต่ฐานของเสาหินส่วนหนึ่งทรุดตัวลง
แต่ยังคงด้านบนไว้เหมือนเดิม
ทำให้มีลักษณะเหมือนสะพาน
ผู้เดินทางมาเยี่ยมชมจีงสามารถข้าม
ไปอีกด้านหนึ่งได้
โดยตามทางเดินก็เรียงรายไปด้วยผ้าแดง
และกุญแจที่คู่รักชาวจีนเอามาคล้องเอาไว้..
ชมวิวความงดงาม จนอิ่มใจกันแล้ว
ก็ถึงเวลาเดินลงเขา กลับเข้าเมือง
โซนภูเขาเทียนจื่อ นอกจากทางเดินขึ้นลงเขา ภาพวาดสิบลี้แล้ว
ยังมีอีกเส้นทางนึงซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง
และมีวิวสวยงาม ชื่อว่า sansuo
ซึ่งพวกเราใช้เป็นทางลงเขาไปขึ้นรถบัส เพื่อกลับเข้าเมือง ในช่วงเย็นนี้
เป็นเส้นทางเดินลงเขาที่สวยงาม เพลิดเพลิน
และมีคนน้อย ส่วนนึงอาจเป็นเพราะว่า
เส้นทางเดินนี้ อาจยังไม่เป็นที่รู้จักก็เป็นได้
การเดินลงเขาในเส้นนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมง
แม้จะเป็นการเดินลงจากเขา แต่ก็เหนื่อยเอาการอยู่
คืนนี้พวกเราคงจะหลับเป็นตาย