ขอเล่าย้อนความนิดหน่อยแล้วกันนะครับ
ในตอนเด็กผมเป็นคนนึงที่ ร่าเริง อารมณ์ดีได้ตลอดเวลา ทะเล้น และ ชอบแกล้งหยอกล้อใครต่อใครไปทั่ว
แต่ผมเองก็ได้รับความเจ็บปวดมาตลอดเวลาครับ
เพราะพ่อผมมีแฟน 2 คน และ ผมเป็นลูกของแฟนคนหลัง
ผมมีพี่ชายแท้ๆคนนึง แต่พี่ก็สนิทกับพี่น้องฝั่งนั้นอะ เพราะอายุที่ไล่กัน ส่วนผมอายุน้อยสุดและห่างจากคนรองผมถึง 4 ปี
แม้ว่าแฟนทั้ง 2 ของพ่อจะอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ผมก็โดนบุลลี่จากพวกป้าๆ และ ลูกของแฟนคนแรก มาตลอด
ที่โรงเรียนก็โดนจากครูไม่ต่างกัน เพราะพวกครูสนิทกับบ้านผม ที่บ้านมีบ้านพักตากอากาศ ก็ให้ครูได้ไปพักฟรีเป็นสัปดาห์ในทุกปี
ผมเคยโดนถึงขั้น ไม่ตรวจการบ้านให้ ทั้งที่ส่งตรงเวลาอะ
โชคดีอย่างนึงที่ผมเป็นคนที่ดื้อเงียบและดื้อมาก ผมคอยหาทางแก้แค้นใครต่อใคร และผมก็สะใจอยู่คนเดียว มันทำให้รู้สึกดี
แต่ผมก็เข้ากับใครเค้าไม่ได้เลยอยู่ดี นอกจากแม่ ก็ไม่มีใครเลย แต่แม่ก็ทะเลาะกับพ่อบ่อย ภาพติดตาในวัยเด็กคือแม่นอนร้องไห้
ทำให้ผมต้องทำเป็นเข้มแข็งแล้วกอดแม่ ทั้งที่ในใจลึกๆผมอยากจะแหกปากดังๆมาก
แม่มีเวลาให้ผมมากพอสมควร แต่ในตอนเด็กผมกลับแทบไม่ได้ระบายความเครียดให้แม่ฟังเลย
ทำให้ผมอยู่คนเดียวจนชินครับ
ไปโรงเรียน เวลาพักนี่มีความสุขมากเพราะได้เล่นกับเพื่อนๆ แต่ตอนเรียนก็ต้องเป็นเด็กที่เก่ง เพราะมีครูที่รอซ้ำเติมในวันที่ผมเดินพลาด
กลับบ้านมาก็เจอป้าๆรุมแกล้ง เลยหลบไปเล่นคนเดียว
กว่าแม่จะถึงบ้านก็ 1-2 ทุ่ม บางที 3 ทุ่ม มาถึงก็ไปห้องพ่อแล้วกลับมาพร้อมน้ำตา
ผมเคยคิดว่า ผมอยู่คนเดียวก็ได้ ไม่เห็นมีปัญหา
แต่ผมคิดผิดมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สุดท้ายแล้วก็ผมเองที่เหงาจนร้องไห้
ผมอาจจะดูเก่งที่ทนมาได้จนวันนี้ แต่ผมก็เป็นแค่เด็กคนนึงนะครับ
และ ความอดทนของคนเรามีจำกัด
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เป็นเด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก และ ทั้งบ้านมีแค่แม่แต่ก็ต้องมาเห็นแม่ร้องไห้ตลอด ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มีปัญหาก็ปรึกษาใครไม่ได้ ผมก็แค่อยากตาย จบๆไป
ผมเคยกำลังจะตัดสินใจฆ่าตัวตายในตอนอายุ 11
แต่สุดท้ายก็ไม่ทำเพราะภาพแม่แว๊บขึ้นมาในหัว
มันทำให้ผมคิดว่า ผมต้องอยู่ปกป้องแม่
หลังจากวันนั้นผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากคนที่มีความสุขได้กับอะไรง่ายๆเหมือนเด็กๆ หัวเราะเก่ง เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน ก็เป็นคนที่ดูเครียด จริงจังไปกับทุกอย่าง หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจ ขี้บ่น อารมณ์รุนแรง ปากจัด ชอบใช้กำลังเวลาไม่ได้ดั่งใจ เหงาเก่ง สมาธิสั้น ร้องไห้ง่ายมาก
มันเหมือนผมตื่นมาแล้วก็ถามตัวเองว่า ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร มีความสุขจริงๆหรอ
แล้วก็ได้คำตอบว่า เพื่อแม่ ส่วนความสุขเดี๋ยวเราจะไปมีด้วยกันในอนาคต
แต่ แล้วปัจจุบันล่ะ ? จะจัดการยังไง ก็ตอบไม่ได้
แล้วผมก็ค้นพบบางอย่างที่เลวร้ายมากๆ
ก็คือ “ความสุข จากการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มันสามารถแทนที่ ความรู้สึก ว้าเหว่ เหงา ได้จริงๆ”
จากเมื่อก่อนที่เก็บเงินเก่งมาก
มากระดับที่ ตอน ป.2 ด้วยเวลา 2 เทอม 1 ปิดเทอมเล็ก ผมเก็บเงินได้หลักพันอะครับ จากค่าขนม 20 บาทต่อวัน
มาตอนนี้ ทุกวันนี้เข้าห้างบางทีจ่าย 2 พันกว่า ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่เลย
กลับมีความสุขกับการได้ซื้อของใหม่ๆ ได้กินอาหารแพงๆ
ผมจะแก้มันยังไงดีครับ
เพิ่มเติม ตอนนี้แม่แยกออกมาแล้ว แต่ก็กำลังเป็น มะเร็งระยะสุดท้ายอะครับ
ผมกลัวใจตัวเองนะว่าถ้าถึงวันที่แม่ตาย ผมคงจะฆ่าตัวตายตาม
เพราะ ชีวิตของผม มันจบไปนานแล้วครับ แต่ที่ทุกวันนี้ยังอยู่ ก็เพื่อคนคนเดียว
“ความสุข จากการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มันสามารถแทนที่ ความรู้สึก ว้าเหว่ เหงา ได้จริงๆ” แต่ผมไม่อยากเป็นแบบนี้แล้วอะครับ
ในตอนเด็กผมเป็นคนนึงที่ ร่าเริง อารมณ์ดีได้ตลอดเวลา ทะเล้น และ ชอบแกล้งหยอกล้อใครต่อใครไปทั่ว
แต่ผมเองก็ได้รับความเจ็บปวดมาตลอดเวลาครับ
เพราะพ่อผมมีแฟน 2 คน และ ผมเป็นลูกของแฟนคนหลัง
ผมมีพี่ชายแท้ๆคนนึง แต่พี่ก็สนิทกับพี่น้องฝั่งนั้นอะ เพราะอายุที่ไล่กัน ส่วนผมอายุน้อยสุดและห่างจากคนรองผมถึง 4 ปี
แม้ว่าแฟนทั้ง 2 ของพ่อจะอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ผมก็โดนบุลลี่จากพวกป้าๆ และ ลูกของแฟนคนแรก มาตลอด
ที่โรงเรียนก็โดนจากครูไม่ต่างกัน เพราะพวกครูสนิทกับบ้านผม ที่บ้านมีบ้านพักตากอากาศ ก็ให้ครูได้ไปพักฟรีเป็นสัปดาห์ในทุกปี
ผมเคยโดนถึงขั้น ไม่ตรวจการบ้านให้ ทั้งที่ส่งตรงเวลาอะ
โชคดีอย่างนึงที่ผมเป็นคนที่ดื้อเงียบและดื้อมาก ผมคอยหาทางแก้แค้นใครต่อใคร และผมก็สะใจอยู่คนเดียว มันทำให้รู้สึกดี
แต่ผมก็เข้ากับใครเค้าไม่ได้เลยอยู่ดี นอกจากแม่ ก็ไม่มีใครเลย แต่แม่ก็ทะเลาะกับพ่อบ่อย ภาพติดตาในวัยเด็กคือแม่นอนร้องไห้
ทำให้ผมต้องทำเป็นเข้มแข็งแล้วกอดแม่ ทั้งที่ในใจลึกๆผมอยากจะแหกปากดังๆมาก
แม่มีเวลาให้ผมมากพอสมควร แต่ในตอนเด็กผมกลับแทบไม่ได้ระบายความเครียดให้แม่ฟังเลย
ทำให้ผมอยู่คนเดียวจนชินครับ
ไปโรงเรียน เวลาพักนี่มีความสุขมากเพราะได้เล่นกับเพื่อนๆ แต่ตอนเรียนก็ต้องเป็นเด็กที่เก่ง เพราะมีครูที่รอซ้ำเติมในวันที่ผมเดินพลาด
กลับบ้านมาก็เจอป้าๆรุมแกล้ง เลยหลบไปเล่นคนเดียว
กว่าแม่จะถึงบ้านก็ 1-2 ทุ่ม บางที 3 ทุ่ม มาถึงก็ไปห้องพ่อแล้วกลับมาพร้อมน้ำตา
ผมเคยคิดว่า ผมอยู่คนเดียวก็ได้ ไม่เห็นมีปัญหา
แต่ผมคิดผิดมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สุดท้ายแล้วก็ผมเองที่เหงาจนร้องไห้
ผมอาจจะดูเก่งที่ทนมาได้จนวันนี้ แต่ผมก็เป็นแค่เด็กคนนึงนะครับ
และ ความอดทนของคนเรามีจำกัด
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เป็นเด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก และ ทั้งบ้านมีแค่แม่แต่ก็ต้องมาเห็นแม่ร้องไห้ตลอด ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มีปัญหาก็ปรึกษาใครไม่ได้ ผมก็แค่อยากตาย จบๆไป
ผมเคยกำลังจะตัดสินใจฆ่าตัวตายในตอนอายุ 11
แต่สุดท้ายก็ไม่ทำเพราะภาพแม่แว๊บขึ้นมาในหัว
มันทำให้ผมคิดว่า ผมต้องอยู่ปกป้องแม่
หลังจากวันนั้นผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากคนที่มีความสุขได้กับอะไรง่ายๆเหมือนเด็กๆ หัวเราะเก่ง เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน ก็เป็นคนที่ดูเครียด จริงจังไปกับทุกอย่าง หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจ ขี้บ่น อารมณ์รุนแรง ปากจัด ชอบใช้กำลังเวลาไม่ได้ดั่งใจ เหงาเก่ง สมาธิสั้น ร้องไห้ง่ายมาก
มันเหมือนผมตื่นมาแล้วก็ถามตัวเองว่า ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร มีความสุขจริงๆหรอ
แล้วก็ได้คำตอบว่า เพื่อแม่ ส่วนความสุขเดี๋ยวเราจะไปมีด้วยกันในอนาคต
แต่ แล้วปัจจุบันล่ะ ? จะจัดการยังไง ก็ตอบไม่ได้
แล้วผมก็ค้นพบบางอย่างที่เลวร้ายมากๆ
ก็คือ “ความสุข จากการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มันสามารถแทนที่ ความรู้สึก ว้าเหว่ เหงา ได้จริงๆ”
จากเมื่อก่อนที่เก็บเงินเก่งมาก
มากระดับที่ ตอน ป.2 ด้วยเวลา 2 เทอม 1 ปิดเทอมเล็ก ผมเก็บเงินได้หลักพันอะครับ จากค่าขนม 20 บาทต่อวัน
มาตอนนี้ ทุกวันนี้เข้าห้างบางทีจ่าย 2 พันกว่า ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่เลย
กลับมีความสุขกับการได้ซื้อของใหม่ๆ ได้กินอาหารแพงๆ
ผมจะแก้มันยังไงดีครับ
เพิ่มเติม ตอนนี้แม่แยกออกมาแล้ว แต่ก็กำลังเป็น มะเร็งระยะสุดท้ายอะครับ
ผมกลัวใจตัวเองนะว่าถ้าถึงวันที่แม่ตาย ผมคงจะฆ่าตัวตายตาม
เพราะ ชีวิตของผม มันจบไปนานแล้วครับ แต่ที่ทุกวันนี้ยังอยู่ ก็เพื่อคนคนเดียว