ตลท.ขึ้น H ใน SHREIT ช่วงบ่ายวันนี้ หลังผู้ถือหน่วยไม่อนุมัติขาย 3 โรงแรม
https://thunhoon.com/article/224973
ทันหุ้น-สู้โควิด : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ได้ขึ้นเครื่องหมาย H ใน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT ในช่วงบ่ายวันนี้
ตลท.ระบุว่าด้วย เนื่องด้วยปรากฏข้อมูลว่าที่ประชุมผู้ถือหน่วยของ SHREIT ไม่อนุมัติการจำหน่ายหุ้นทั้งหมดของบริษัท SHH และ SHH2 ซึ่งมีการลงทุนในโรงแรม 3 แห่ง โดยกองทรัสต์ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมาที่ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ และอาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท
SHREIT เผยวาระขายสินทรัพย์ไม่ผ่าน หลังเสียงผู้ถือหน่วยไม่ถึง 3 ใน 4
https://thunhoon.com/article/224986
ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ...มติที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในวาระการจำหน่ายซึ่งสินทรัพย์ของ SHREIT ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติการจำหน่ายซึ่งทรัพย์สิน แม้ที่ประชุมจะมีคะแนนเสียงข้างมากเห็นด้วย ในจำนวน 72.8404% แต่ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยมีจำนวนไม่ถึง 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนจึงสรุป..มติได้ว่าคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่เพียงพอจะอนุมัติ
ทั้งนี้วาระดังกล่าว SHREIT จะมีการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นของ Strategic Hospitality Holding Limited และ บริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 ให้แก่ผู้ทำคำเสนอซื้อ เนื่องจากการเข้าทำรายการดังกล่าว เป็นการทำธุรกรรมการได้มา และจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ที่มีขนาดของรายการมากกว่าหรือเท่ากับ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์ SHREIT และการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างกองทรัสต์กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับผู้จัดการกองทรัสต์ที่มีขนาดของรายการมากกว่าหรือเท่ากับ 20 ล้านบาท หรือ 3% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทรัสต์ SHREIT ดังนั้นจะต้องได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัตส์ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหน่วยที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในเรื่องนี้จะไม่มีสิทธิออกเสียง
SHREIT คิดเลิกก่อนโควิด บลจ.เจ็บนิดๆได้บทเรียน
ทันหุ้น-สู้โควิด- SHREIT รับตั้งใจเลิกกอง ระบุราคาซื้อ 3,795 ล้านบาท เป็นราคาเสนอก่อนเกิดโควิด ช่วยผู้ถือหน่วยปลดล็อก ยืนยันบริหารงานด้วนเชนมืออาชีพ แต่เกิดอุบัติเหตุประท้วงอินโดนีเซีย ด้าน.นายกสมาคม บลจ. ชี้ไม่สะเทือนความมั่นใจลงทุน ระบุ RIET ก็เหมือนหุ้น ต้องดูทั้งผู้บริหารกองทุน และ ทรัสตี ขณะที่ บลจ.บัวหลวงโดนไม่มาก.ชี้รับรู้แล้ว
พิษการลงทุนใน “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ SHREIT ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการประชุมผู้ถือหุ้น 25 มิถุนายน 2563 กับประเด็นการขายสินทรัพย์หลักออกไป 3 โรงแรม ประกอบด้วย 1. Pullman Jakarta Central Park กรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย 2. โรงแรม Capri by Fraser นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และ 3. โรงแรม Ibis Saigon South นครโฮจิมินห์ เวียดนาม พร้อมประกาศยุบกองทุน ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้เงินจำนวน 5.01- 5.65 บาทต่อหน่วย จาก 3 ปีก่อนที่ กอง REIT แห่งนี้ตั้งขึ้นมาปลายปี 2560 และขายหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท
แหล่งข่าวจาก บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผย “ทันหุ้น” ว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนของ SHREIT จะได้ผลดีจากการปิดกองทุน เนื่องจากการซื้อของ LT Rubicon Limitedในราคา 3,795.82 ล้านบาท (118 ล้านดอลลาร์) คิดเป็นมูลค่า 6 - 6.30 บาท แต่เมื่อหักกับเงินทุนหมุนเวียน และหนี้สิน จะมีเงินมูลค่าสุทธิต่อหน่วย 5.01 - 5.65 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งราคานี้นับเป็นราคาที่ ผู้ซื้อเสนอมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ซึ่งจากการพิจารณาหลังเกิดโควิดจะได้ราว 80 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ที่สำคัญราคานี้ได้นำเสนอไปตั้งแต่การประชุมสามัญผู้ถือหน่วยแล้ว ซึ่งตอนนั้นราคา SHREIT อยู่ที่ 3 บาทกว่า ก็มีการผ่านให้ตั้งที่ปรึกษาการเงินอิสระพิจารณา และราคาก็กลับขึ้นมา ซึ่งวันที่ 25 นี้เป็นลงมติขายโดยตรง
ส่วนประเด็นด้านการบริหารกองทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ชี้แจงว่า ทางผู้บริหารได้ว่าจ้างเชนระดับโลกมาบริหารซึ่งมีความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่การขาดทุนเพราะเจอปัญหาการประท้วงในอินโดนีเซีย ซึ่งโรงแรมเป็นพอร์ตใหญ่สุดจึงได้รับผลกระทบ
ขณะที่ประเด็นผู้ซื้อที่เป็น นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร ของ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ที่เกี่ยวโยงนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่สามารถทราบได้ แต่ นายเจมส์ ก็จำเป็นที่จะต้องรับความเสี่ยงของธุรกิจโรงแรมหลังโควิดด้วย
ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า การขาดทุนของกองทุนที่ไปลงทุนใน SHREIT จะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจาก SHREIT เปรียบเสมือนหุ้น 1 ตัวในพอร์ต ซึ่งมีความเสี่ยงในการลงทุนอยู่แล้ว ขณะที่กองทุนรวมมีการกระจายความเสี่ยงมากจะเห็นได้ว่า แม้จะมีการขาดทุนมากใน SHREIT แต่ก็ไม่กระทบกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ บลจ.ที่ไปลงทุนมากนัก เนื่องจากมีการกระจายความเสี่ยง แต่แนะนำให้นักลงทุนต้องศึกษาสินทรัพย์อย่าง REIT ให้ดีก่อนการลงทุน ประเมินโอกาสความเสี่ยง และต้องรู้ว่าสินทรัพย์ในกองทุนเป็นสิทธิในการเช่า หรือ เป็นสินทรัพย์กองทุนเลย ต้องตรวจสอบผู้รักษาผลประโยชย์ หรือ ทรัสตี และ ผู้จัดการกองทุนด้วย
ทีมงานทันหุ้นได้เข้าไปสำรวจ NAV ของกองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม เพื่อหาผลกระทบของการถือ SHRIET สำหรับกองทุนผสมบีซีเนียร์ สำหรับวัยเกษียณ อยู่ที่ 0.39% ของ NAV ขณะที่ กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม ได้รับผลกระทบ 0.35% ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้รับรู้ตามการเคลื่อนไหวของราคา SHREIT อยู่แล้ว
มีรายงานว่าจากการที่ SHREIT ราคาปรับตัวขึ้นมา และราคาขายสูงกว่ากระดานก็จะทำให้มูลค่าของกองทุนสูงขึ้น แต่ทางกองทุนก็มีผู้จัดการกองทุนที่ได้พิจารณามูลค่าเหมาะสมเรื่องนี้อยู่แล้ว และจะเข้าไปใช้สิทธิในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ด้วย ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นก็จะเป็นบทเรียนให้กองทุนในการพิจารณาลงทุนในอนาคต
ตลท. ขึ้น H ทรัสต์ SHREIT, เสียงผู้ถือหน่วยไม่ถึง 3 ใน 4 ยังไม่อนุมัติขาย SHH, SHH.2
https://thunhoon.com/article/224973
ทันหุ้น-สู้โควิด : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ได้ขึ้นเครื่องหมาย H ใน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT ในช่วงบ่ายวันนี้
ตลท.ระบุว่าด้วย เนื่องด้วยปรากฏข้อมูลว่าที่ประชุมผู้ถือหน่วยของ SHREIT ไม่อนุมัติการจำหน่ายหุ้นทั้งหมดของบริษัท SHH และ SHH2 ซึ่งมีการลงทุนในโรงแรม 3 แห่ง โดยกองทรัสต์ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมาที่ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ และอาจมีผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท
SHREIT เผยวาระขายสินทรัพย์ไม่ผ่าน หลังเสียงผู้ถือหน่วยไม่ถึง 3 ใน 4
https://thunhoon.com/article/224986
ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ...มติที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในวาระการจำหน่ายซึ่งสินทรัพย์ของ SHREIT ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติการจำหน่ายซึ่งทรัพย์สิน แม้ที่ประชุมจะมีคะแนนเสียงข้างมากเห็นด้วย ในจำนวน 72.8404% แต่ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยมีจำนวนไม่ถึง 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนจึงสรุป..มติได้ว่าคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่เพียงพอจะอนุมัติ
ทั้งนี้วาระดังกล่าว SHREIT จะมีการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นของ Strategic Hospitality Holding Limited และ บริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 ให้แก่ผู้ทำคำเสนอซื้อ เนื่องจากการเข้าทำรายการดังกล่าว เป็นการทำธุรกรรมการได้มา และจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ที่มีขนาดของรายการมากกว่าหรือเท่ากับ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์ SHREIT และการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างกองทรัสต์กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับผู้จัดการกองทรัสต์ที่มีขนาดของรายการมากกว่าหรือเท่ากับ 20 ล้านบาท หรือ 3% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทรัสต์ SHREIT ดังนั้นจะต้องได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัตส์ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหน่วยที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในเรื่องนี้จะไม่มีสิทธิออกเสียง
SHREIT คิดเลิกก่อนโควิด บลจ.เจ็บนิดๆได้บทเรียน
ทันหุ้น-สู้โควิด- SHREIT รับตั้งใจเลิกกอง ระบุราคาซื้อ 3,795 ล้านบาท เป็นราคาเสนอก่อนเกิดโควิด ช่วยผู้ถือหน่วยปลดล็อก ยืนยันบริหารงานด้วนเชนมืออาชีพ แต่เกิดอุบัติเหตุประท้วงอินโดนีเซีย ด้าน.นายกสมาคม บลจ. ชี้ไม่สะเทือนความมั่นใจลงทุน ระบุ RIET ก็เหมือนหุ้น ต้องดูทั้งผู้บริหารกองทุน และ ทรัสตี ขณะที่ บลจ.บัวหลวงโดนไม่มาก.ชี้รับรู้แล้ว
พิษการลงทุนใน “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ SHREIT ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการประชุมผู้ถือหุ้น 25 มิถุนายน 2563 กับประเด็นการขายสินทรัพย์หลักออกไป 3 โรงแรม ประกอบด้วย 1. Pullman Jakarta Central Park กรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย 2. โรงแรม Capri by Fraser นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และ 3. โรงแรม Ibis Saigon South นครโฮจิมินห์ เวียดนาม พร้อมประกาศยุบกองทุน ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้เงินจำนวน 5.01- 5.65 บาทต่อหน่วย จาก 3 ปีก่อนที่ กอง REIT แห่งนี้ตั้งขึ้นมาปลายปี 2560 และขายหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท
แหล่งข่าวจาก บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผย “ทันหุ้น” ว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนของ SHREIT จะได้ผลดีจากการปิดกองทุน เนื่องจากการซื้อของ LT Rubicon Limitedในราคา 3,795.82 ล้านบาท (118 ล้านดอลลาร์) คิดเป็นมูลค่า 6 - 6.30 บาท แต่เมื่อหักกับเงินทุนหมุนเวียน และหนี้สิน จะมีเงินมูลค่าสุทธิต่อหน่วย 5.01 - 5.65 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งราคานี้นับเป็นราคาที่ ผู้ซื้อเสนอมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ซึ่งจากการพิจารณาหลังเกิดโควิดจะได้ราว 80 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ที่สำคัญราคานี้ได้นำเสนอไปตั้งแต่การประชุมสามัญผู้ถือหน่วยแล้ว ซึ่งตอนนั้นราคา SHREIT อยู่ที่ 3 บาทกว่า ก็มีการผ่านให้ตั้งที่ปรึกษาการเงินอิสระพิจารณา และราคาก็กลับขึ้นมา ซึ่งวันที่ 25 นี้เป็นลงมติขายโดยตรง
ส่วนประเด็นด้านการบริหารกองทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ชี้แจงว่า ทางผู้บริหารได้ว่าจ้างเชนระดับโลกมาบริหารซึ่งมีความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่การขาดทุนเพราะเจอปัญหาการประท้วงในอินโดนีเซีย ซึ่งโรงแรมเป็นพอร์ตใหญ่สุดจึงได้รับผลกระทบ
ขณะที่ประเด็นผู้ซื้อที่เป็น นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร ของ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ที่เกี่ยวโยงนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่สามารถทราบได้ แต่ นายเจมส์ ก็จำเป็นที่จะต้องรับความเสี่ยงของธุรกิจโรงแรมหลังโควิดด้วย
ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า การขาดทุนของกองทุนที่ไปลงทุนใน SHREIT จะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจาก SHREIT เปรียบเสมือนหุ้น 1 ตัวในพอร์ต ซึ่งมีความเสี่ยงในการลงทุนอยู่แล้ว ขณะที่กองทุนรวมมีการกระจายความเสี่ยงมากจะเห็นได้ว่า แม้จะมีการขาดทุนมากใน SHREIT แต่ก็ไม่กระทบกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ บลจ.ที่ไปลงทุนมากนัก เนื่องจากมีการกระจายความเสี่ยง แต่แนะนำให้นักลงทุนต้องศึกษาสินทรัพย์อย่าง REIT ให้ดีก่อนการลงทุน ประเมินโอกาสความเสี่ยง และต้องรู้ว่าสินทรัพย์ในกองทุนเป็นสิทธิในการเช่า หรือ เป็นสินทรัพย์กองทุนเลย ต้องตรวจสอบผู้รักษาผลประโยชย์ หรือ ทรัสตี และ ผู้จัดการกองทุนด้วย
ทีมงานทันหุ้นได้เข้าไปสำรวจ NAV ของกองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม เพื่อหาผลกระทบของการถือ SHRIET สำหรับกองทุนผสมบีซีเนียร์ สำหรับวัยเกษียณ อยู่ที่ 0.39% ของ NAV ขณะที่ กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม ได้รับผลกระทบ 0.35% ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้รับรู้ตามการเคลื่อนไหวของราคา SHREIT อยู่แล้ว
มีรายงานว่าจากการที่ SHREIT ราคาปรับตัวขึ้นมา และราคาขายสูงกว่ากระดานก็จะทำให้มูลค่าของกองทุนสูงขึ้น แต่ทางกองทุนก็มีผู้จัดการกองทุนที่ได้พิจารณามูลค่าเหมาะสมเรื่องนี้อยู่แล้ว และจะเข้าไปใช้สิทธิในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ด้วย ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นก็จะเป็นบทเรียนให้กองทุนในการพิจารณาลงทุนในอนาคต