..สุดช้ำยอมเลิก SHREIT กองทุนฯ เสียรู้เจ๊งพรึบ !..
ที่มา
https://thunhoon.com/article/224689?fbclid=IwAR3V7bT7adOxKSNbl7J0GNceyzOrDGvq-Pn6ZK74mUkYtqSCQ8mJzY-cjJU
ทันหุ้น-สู้โควิด- //
ลงทุน REIT ก็อันตราย ! ผู้ถือหน่วยลงทุน SHREIT สุดช้ำ อาจจำใจโหวตให้ SHREIT ขาย 3 โรงแรมหลักในราคาขาดทุนพร้อม
ปิดกอง ได้เงินมาปลอบใจ 5.01 - 5.65 บาท จากต้นทุนหน่วยครั้งแรก 10 บาท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต, กองทุนบัวหลวงอินคัม, กองทุนเกษียณโดนหนัก 50% พบ..ผู้บริหารกองทุน เจมส์ เทิค เบง ลิม เป็นคนซื้อในราคาถูกบนคราบน้ำตา
25 มิถุนายน 2563 คือ วันประชุมผู้ถือหน่วยชี้ชะตา.ยุบกอง “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ SHREIT ซึ่งกรรมการมี.มติจะต้องขายสินทรัพย์หลักออกไป 3 โรงแรม ประกอบด้วย 1. Pullman Jakarta Central Park กรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย 2. โรงแรม Capri by Fraser นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และ 3. โรงแรม Ibis Saigon South นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และประกาศยุบกองทุน
ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้เงินจำนวน 5.01 - 5.65 บาทต่อหน่วย จาก 3 ปีก่อนที่ กอง REIT แห่งนี้ตั้งขึ้นมาในปี 2560 และขายหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท เข้าตลาดหลักทรัพย์ 27 ธันวาคม 2560
นั้นหมายความว่า ผู้ที่ถือ REIT แห่งนี้ตั้งแต่เริ่ม IPO จะขาดทุนย่อยยับถึง 50% ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก็จะขาดทุนลดหลั่นกันตามลงมา โดยมีสถาบันเข้าถือหน่วยเพียบทั้ง กลุ่มประกันชีวิต อย่าง เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม, บริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์อินคัมพลัส, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์.พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล, บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ไม่รวมกับนักธุรกิจชื่อหลายที่ต้องขาดทุน
ทีมงานทันหุ้นเจาะลึกลงไปพบว่า อย่าง เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม ถือหุ้นตั้งแต่แรกเริ่ม IPO จึงมีโอกาสโดนเต็มๆ
อย่างไรก็ดีกองทุนแห่งนี้ได้ปันผลและลดทุนให้เงินนักลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 0.6749 บาท และด้วยอัตราปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับราคาที่ลงมาโดยตลอดทำให้นักลงทุนหลายรายยอมซื้อเพื่อหวังปันผล โดยไม่คิดว่าจะพบจุดจบเช่นนี้ ท่ามกลางข้อสงสัยว่า..การมาไวไปไวของกองทุนแห่งนี้มีพิรุธอะไรหรือไม่?
@เจาะลึกปมเกิดเหตุ
อันที่จริง กองทุนแห่งนี้บริหารงานโดย บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ออกกองเพื่อซื้อโรงแรม 3 แห่ง แต่ผลงานกลับมาเข้าตาปี 2560 ปีแรกขาดทุน -9.53 ล้านบาท ปี 2561 กำไร 141.62 ล้านบาท และ ขาดทุนปี 2562 อีก 131.63 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2563 กำไร 33.98 ล้านบาท
ก่อนที่จะใช้จังหวะโควิด-19 ในการประกาศขายสินทรัพย์ในราคา 3,795.82 ล้านบาท
ถูกกว่ามูลค่าสินทรัพย์รวมจากงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ 4,225.84 ล้านบาท พร้อมๆ กับ ปิดกอง...ซึ่งผู้ชื้อก็ไม่ใช่ใครคือ นั้นคือ LT Rubicon Limited มีผู้ถือหุ้นคือ นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท และกรรมการบริหารของผู้จัดการกองทรัสต์ฯ นั่นเอง
แม้ว่า
ที่ปรึกษาการเงินอิสระ จะระบุว่า...ราคาที่ LT Rubicon Limited ซื้อนั้นเป็นราคาที่มีการรวมผลกระทบกับโควิดเข้าไป และมองว่าการจำหน่ายจะทำให้กองทรัสต์ ได้เงินมูลค่าสุทธิต่อหน่วยหลังจากการชำระหนี้ธนาคารและปรับปรุงรายการต่างๆ มูลค่าต่อหน่วยประมาณ 5.01 - 5.65 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันทำธุรกิจ ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ SHREIT 7-14 วัน ก่อนประชุมคณะกรรมการบริษัทซึ่งอยู่ที่ 4.25 - 4.45 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ถือหน่วยลงทุน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากสุดก็คือ นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ที่ได้ซื้อกลับสินทรัพย์ในราคาต่ำ ทั้งๆที่ช่วงแรก นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ก็ได้ประโยชน์จากการที่ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ได้ระดมทุนไปตั้งแต่ 2560 ได้เป็นจำนวนมาก
แถมการซื้อครั้งนี้ยังมีสถาบันการเงินอย่าง ดอยท์แบงก์ ปล่อยกู้ด้วย ขณะผู้ที่ฝากเงินลงทุนกลับต้องระทม แต่ก็จำใจต้องขาย เพราะเงินที่จะได้มานั้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่า 5 บาท
@อย่าเห็นแต่ผลตอบแทน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นี่เป็นอุธาหรณ์การลงทุนในสิ่งที่นักลงทุนอาจจะไม่รู้ หรือไกลตัวเกินไป เนื่องจาก กองทุน REIT ที่ไปซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ นักลงทุนอาจจะสัมผัสได้ยาก ดังนั้นจึงไม่ควรลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ และกองทุน REIT ถึงแม้จะมีสินทรัพย์เป็นหลักประกันแต่ไม่ใช่ว่าโรงแรมจะเพิ่มมูลค่าโดยตลอด ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของบริษัทด้วย
ดังนั้นนักลงทุนจึงควรตระหนักเรื่องนี้ และไม่ควรเห็นเรื่องอัตราผลตอบแทนจากปันผลที่สูงเป็นเรื่องหลักในการเข้าลงทุน แต่ควรจะเข้าใจในธุรกิจนั้น ซึ่งหากไม่เข้าใจในธุรกิจแม้ผลตอบแทนจะให้สูงถึง 7% ก็ไม่ควรเข้าไปลงทุน เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง ที่มีการเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา
https://businesstoday.co/money-to-know/funds/22/06/2020/shreit/
ที่ปรึกษาฯ ชี้กองทรัสต์ SHREIT ซื้อ LT Rubicon Limited ราคาเหมาะสม
..กองทรัสต์ SHREIT เปิดรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ชี้การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ชี้ราคาเสนอซื้อของ LT Rubicon Limited ที่ 118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นราคาที่เหมาะสม ลุ้นผู้ถือหน่วยทรัสต์อนุมัติในการประชุม EGM วันที่ 25 มิถุนายน 2563
คริสตอป วายบี แองเจโล่ ฟอซิเนสติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด (“SPI”) ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติ..ให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติขายหุ้น 100% ของบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited (SHH) และบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 (SHH2) ที่กองทรัสต์ SHREIT ถือหุ้น 100% ตามคำเสนอซื้อจาก LT Rubicon Limited
โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้จัดส่งรายงานประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทรัสต์ SHREIT พร้อมให้ความเห็นต่อความสมเหตุสมผลในการเข้าทำธุรกรรม...โดยประเมินจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังมีความเปราะบาง และมีความผันผวนสูงจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ประกอบกับสินทรัพย์ของกองทรัสต์ฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Hospitality ทำให้ได้รับผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยตรง..
การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน จะใช้วิธีคิด “ส่วนลด”กระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) ซึ่งจะได้มูลค่ากิจการที่เหมาะสมอยู่ในช่วงระหว่าง 76.88 – 99.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น IFA จึงมีความเห็นว่ามูลค่าเสนอซื้อตามคำเสนอซื้อของ LT Rubicon Limited ที่ 118 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็น “มูลค่าที่เหมาะสม” เนื่องจากมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่ากิจการที่ที่ปรึกษาการเงินอิสระประเมินได้ และมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินตามการประเมินของผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน 106.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
อีกทั้ง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้คำนวณ โดยทดสอบการปรับมูลค่า ด้วยค่าใช้จ่ายและภาระภาษีที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างบริษัทลงทุนผ่านไปจนถึงระดับชั้นของบริษัทโฮลดิ้ง
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT จะได้รับจากการเข้าทำรายการ เงื่อนไขของการเข้าทำรายการ ประกอบกับข้อดี ข้อด้อย และความเสี่ยงต่างๆ แล้ว IFA มีความเห็นว่าการเข้าทำรายการในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ และมีความเหมาะสมทั้งด้านราคาและเงื่อนไขการทำรายการ
ซึ่งหากผู้ถือหน่วยทรัสต์ตัดสินใจอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน เห็นควรอนุมัติในวาระอื่นๆ ทุกวาระเช่นกัน ได้แก่ การอนุมัติการลดทุนชำระแล้วของกองทรัสต์ การอนุมัติให้เลิกกองทรัสต์ การชำระบัญชีและการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี เนื่องจากเป็นวาระที่สืบเนื่องกัน และจะมีผลใช้บังคับได้ ก็ต่อเมื่อทุกวาระที่กล่าวไปได้รับการอนุมัติทุกวาระ
ทั้งนี้ การประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT ครั้งที่ 1/2563 เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพิจารณาอนุมัติวาระต่างๆ ดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2563
ต้องยอมเลิก SHREIT, กองทุนรวมโดนหักหลัง
ที่มา https://thunhoon.com/article/224689?fbclid=IwAR3V7bT7adOxKSNbl7J0GNceyzOrDGvq-Pn6ZK74mUkYtqSCQ8mJzY-cjJU
ทันหุ้น-สู้โควิด- //
ลงทุน REIT ก็อันตราย ! ผู้ถือหน่วยลงทุน SHREIT สุดช้ำ อาจจำใจโหวตให้ SHREIT ขาย 3 โรงแรมหลักในราคาขาดทุนพร้อม ปิดกอง ได้เงินมาปลอบใจ 5.01 - 5.65 บาท จากต้นทุนหน่วยครั้งแรก 10 บาท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต, กองทุนบัวหลวงอินคัม, กองทุนเกษียณโดนหนัก 50% พบ..ผู้บริหารกองทุน เจมส์ เทิค เบง ลิม เป็นคนซื้อในราคาถูกบนคราบน้ำตา
25 มิถุนายน 2563 คือ วันประชุมผู้ถือหน่วยชี้ชะตา.ยุบกอง “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ SHREIT ซึ่งกรรมการมี.มติจะต้องขายสินทรัพย์หลักออกไป 3 โรงแรม ประกอบด้วย 1. Pullman Jakarta Central Park กรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย 2. โรงแรม Capri by Fraser นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และ 3. โรงแรม Ibis Saigon South นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และประกาศยุบกองทุน
ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้เงินจำนวน 5.01 - 5.65 บาทต่อหน่วย จาก 3 ปีก่อนที่ กอง REIT แห่งนี้ตั้งขึ้นมาในปี 2560 และขายหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท เข้าตลาดหลักทรัพย์ 27 ธันวาคม 2560
นั้นหมายความว่า ผู้ที่ถือ REIT แห่งนี้ตั้งแต่เริ่ม IPO จะขาดทุนย่อยยับถึง 50% ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก็จะขาดทุนลดหลั่นกันตามลงมา โดยมีสถาบันเข้าถือหน่วยเพียบทั้ง กลุ่มประกันชีวิต อย่าง เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม, บริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์อินคัมพลัส, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์.พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล, บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ไม่รวมกับนักธุรกิจชื่อหลายที่ต้องขาดทุน
ทีมงานทันหุ้นเจาะลึกลงไปพบว่า อย่าง เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ, กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม ถือหุ้นตั้งแต่แรกเริ่ม IPO จึงมีโอกาสโดนเต็มๆ
อย่างไรก็ดีกองทุนแห่งนี้ได้ปันผลและลดทุนให้เงินนักลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 0.6749 บาท และด้วยอัตราปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับราคาที่ลงมาโดยตลอดทำให้นักลงทุนหลายรายยอมซื้อเพื่อหวังปันผล โดยไม่คิดว่าจะพบจุดจบเช่นนี้ ท่ามกลางข้อสงสัยว่า..การมาไวไปไวของกองทุนแห่งนี้มีพิรุธอะไรหรือไม่?
@เจาะลึกปมเกิดเหตุ
อันที่จริง กองทุนแห่งนี้บริหารงานโดย บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ออกกองเพื่อซื้อโรงแรม 3 แห่ง แต่ผลงานกลับมาเข้าตาปี 2560 ปีแรกขาดทุน -9.53 ล้านบาท ปี 2561 กำไร 141.62 ล้านบาท และ ขาดทุนปี 2562 อีก 131.63 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2563 กำไร 33.98 ล้านบาท
ก่อนที่จะใช้จังหวะโควิด-19 ในการประกาศขายสินทรัพย์ในราคา 3,795.82 ล้านบาท ถูกกว่ามูลค่าสินทรัพย์รวมจากงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ 4,225.84 ล้านบาท พร้อมๆ กับ ปิดกอง...ซึ่งผู้ชื้อก็ไม่ใช่ใครคือ นั้นคือ LT Rubicon Limited มีผู้ถือหุ้นคือ นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท และกรรมการบริหารของผู้จัดการกองทรัสต์ฯ นั่นเอง
แม้ว่า ที่ปรึกษาการเงินอิสระ จะระบุว่า...ราคาที่ LT Rubicon Limited ซื้อนั้นเป็นราคาที่มีการรวมผลกระทบกับโควิดเข้าไป และมองว่าการจำหน่ายจะทำให้กองทรัสต์ ได้เงินมูลค่าสุทธิต่อหน่วยหลังจากการชำระหนี้ธนาคารและปรับปรุงรายการต่างๆ มูลค่าต่อหน่วยประมาณ 5.01 - 5.65 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันทำธุรกิจ ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ SHREIT 7-14 วัน ก่อนประชุมคณะกรรมการบริษัทซึ่งอยู่ที่ 4.25 - 4.45 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ถือหน่วยลงทุน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากสุดก็คือ นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ที่ได้ซื้อกลับสินทรัพย์ในราคาต่ำ ทั้งๆที่ช่วงแรก นายเจมส์ เทิค เบง ลิม ก็ได้ประโยชน์จากการที่ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ได้ระดมทุนไปตั้งแต่ 2560 ได้เป็นจำนวนมาก
แถมการซื้อครั้งนี้ยังมีสถาบันการเงินอย่าง ดอยท์แบงก์ ปล่อยกู้ด้วย ขณะผู้ที่ฝากเงินลงทุนกลับต้องระทม แต่ก็จำใจต้องขาย เพราะเงินที่จะได้มานั้นสูงกว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่า 5 บาท
@อย่าเห็นแต่ผลตอบแทน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นี่เป็นอุธาหรณ์การลงทุนในสิ่งที่นักลงทุนอาจจะไม่รู้ หรือไกลตัวเกินไป เนื่องจาก กองทุน REIT ที่ไปซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ นักลงทุนอาจจะสัมผัสได้ยาก ดังนั้นจึงไม่ควรลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ และกองทุน REIT ถึงแม้จะมีสินทรัพย์เป็นหลักประกันแต่ไม่ใช่ว่าโรงแรมจะเพิ่มมูลค่าโดยตลอด ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของบริษัทด้วย
ดังนั้นนักลงทุนจึงควรตระหนักเรื่องนี้ และไม่ควรเห็นเรื่องอัตราผลตอบแทนจากปันผลที่สูงเป็นเรื่องหลักในการเข้าลงทุน แต่ควรจะเข้าใจในธุรกิจนั้น ซึ่งหากไม่เข้าใจในธุรกิจแม้ผลตอบแทนจะให้สูงถึง 7% ก็ไม่ควรเข้าไปลงทุน เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง ที่มีการเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา https://businesstoday.co/money-to-know/funds/22/06/2020/shreit/
ที่ปรึกษาฯ ชี้กองทรัสต์ SHREIT ซื้อ LT Rubicon Limited ราคาเหมาะสม
..กองทรัสต์ SHREIT เปิดรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ชี้การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ชี้ราคาเสนอซื้อของ LT Rubicon Limited ที่ 118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นราคาที่เหมาะสม ลุ้นผู้ถือหน่วยทรัสต์อนุมัติในการประชุม EGM วันที่ 25 มิถุนายน 2563
คริสตอป วายบี แองเจโล่ ฟอซิเนสติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด (“SPI”) ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติ..ให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติขายหุ้น 100% ของบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited (SHH) และบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 (SHH2) ที่กองทรัสต์ SHREIT ถือหุ้น 100% ตามคำเสนอซื้อจาก LT Rubicon Limited
โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้จัดส่งรายงานประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทรัสต์ SHREIT พร้อมให้ความเห็นต่อความสมเหตุสมผลในการเข้าทำธุรกรรม...โดยประเมินจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังมีความเปราะบาง และมีความผันผวนสูงจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ประกอบกับสินทรัพย์ของกองทรัสต์ฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Hospitality ทำให้ได้รับผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยตรง..
การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน จะใช้วิธีคิด “ส่วนลด”กระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) ซึ่งจะได้มูลค่ากิจการที่เหมาะสมอยู่ในช่วงระหว่าง 76.88 – 99.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น IFA จึงมีความเห็นว่ามูลค่าเสนอซื้อตามคำเสนอซื้อของ LT Rubicon Limited ที่ 118 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็น “มูลค่าที่เหมาะสม” เนื่องจากมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่ากิจการที่ที่ปรึกษาการเงินอิสระประเมินได้ และมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินตามการประเมินของผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน 106.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
อีกทั้ง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้คำนวณ โดยทดสอบการปรับมูลค่า ด้วยค่าใช้จ่ายและภาระภาษีที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างบริษัทลงทุนผ่านไปจนถึงระดับชั้นของบริษัทโฮลดิ้ง
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT จะได้รับจากการเข้าทำรายการ เงื่อนไขของการเข้าทำรายการ ประกอบกับข้อดี ข้อด้อย และความเสี่ยงต่างๆ แล้ว IFA มีความเห็นว่าการเข้าทำรายการในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ และมีความเหมาะสมทั้งด้านราคาและเงื่อนไขการทำรายการ
ซึ่งหากผู้ถือหน่วยทรัสต์ตัดสินใจอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน เห็นควรอนุมัติในวาระอื่นๆ ทุกวาระเช่นกัน ได้แก่ การอนุมัติการลดทุนชำระแล้วของกองทรัสต์ การอนุมัติให้เลิกกองทรัสต์ การชำระบัญชีและการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี เนื่องจากเป็นวาระที่สืบเนื่องกัน และจะมีผลใช้บังคับได้ ก็ต่อเมื่อทุกวาระที่กล่าวไปได้รับการอนุมัติทุกวาระ
ทั้งนี้ การประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT ครั้งที่ 1/2563 เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพิจารณาอนุมัติวาระต่างๆ ดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2563