สิงคโปร์ ในหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่เกาะๆ หนึ่งที่อยู่ทางตอนใต้สุดของมาเลเซีย จนกระทั่งได้กลายเป็นอาณานิคมส่วนหนึ่งของอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่พัฒนาสิงคโปร์ได้จนเจริญรุ่งเรือง ส่วนหนึ่งเพราะลีกวนยู เป็นผู้วางรากฐานและความเจริญรุ่งเรืองจนทำให้สิงคโปร์ล้ำหน้าไปมาก
ลีกวนยู แต่เดิมตั้งใจจะให้สิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของมาเลเซีย แต่หลังจากรวมได้เพียงแค่ 2 ปี มาเลเซียก็ผลักสิงคโปร์ออกไปด้วยปัญหาทางเชื้อชาติ
ลีกวนยู เช็ดน้ำตาพลางอ่านคำประกาศอิสรภาพทางทีวี ก่อนที่จะเดินหน้าใช้การศึกษาและระเบียบวินัย ผลักดันให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศพัฒนา
ลีกวนยู ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์หลายสิบปี ก่อนที่จะผลักดันคนรุ่นหลังเข้าบริหารต่อ โดยอยู่เบื้องหลังต่อจนได้จากไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจในไม่กี่วันมานี้ คือเรื่องที่ลีเซียนลุง ลูกชายคนโตซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ออกมาประกาศยุบสภากะทันหัน
หลายข่าวสันนิษฐานตรงกันว่า มาจากเรื่องที่ลีเซียนลุง และ ลีเซียนหยาง น้องชายของเขา มีปัญหาความขัดแย้งกันเรื่องบ้านเลขที่ 38 ของลีกวนยู
ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 38 เป็นกรรมสิทธิ์ของลีเซียนหยาง แต่ประเด็นมีอยู่ว่า ลีกวนยู เคยสั่งเสียให้ทุบบ้านทิ้ง เพราะไม่อยากให้ยึดติดกับตัวเขามากไป
อย่างไรก็ตาม ลีเซียนลุง ไม่คิดจะทุบบ้านทิ้ง และคิดจะทำบ้านของเขาเป็นพิพิธภัณฑ์แทน ซึ่งทำให้ลีเซียนลุงถูกน้องๆ กล่าวหาว่าใช้พ่อเกาะกิน
ประเด็นความขัดแย้งดังกล่าว ถึงกับทำให้ลีเซียนหยางแตกหักกับลีเซียนลุงในทางการเมืองด้วยจนถึงกับต้องไปสมัครพรรคฝ่ายค้านพรรคใหม่เลย

แม้ว่าเรื่องราวดังกล่าว อาจจะเป็นแค่ความขัดแย้งในหมู่ครอบครัวเชื้อสายจีนทั่วๆ ไป ที่แม้แต่เมืองไทยก็อาจจะมี แต่มันไม่ใช่เรื่องเล็กของสิงคโปร์
หากลีเซียนหยางเข้าเลือกตั้งด้วย ก็เท่ากับว่า คนสิงคโปร์อาจจะต้องคิดกันหนักว่าควรจะต้องเลือกใคร เพราะต่างก็เป็นลูกชายของบิดาชาติทั้งสิ้น
ยิ่งในสายตาของพรรคฝ่ายค้านกลุ่มอื่นๆ ที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ก็จะมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจกันอยู่ดี แค่อยู่คนละพรรคคนละพวกเท่านั้น
การที่ลีเซียนลุงประกาศยุบสภา น่าจะมีสาเหตุคล้ายๆ กับที่มหาธีร์ ประกาศลาออก เพียงแต่ใช้วิธีการยุบสภาเพราะกลัวถูกกินรวบแบบมหาธีร์ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม หากเขาชนะ เขาก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่หากเขาแพ้ เขาก็จะถูกกินรวบไปแบบฟรีๆ เหมือนที่มหาธีร์เคยโดนมาก่อนหน้าเช่นกัน