จับชู้ได้เพราะผีช่วยหรือเปล่า หรือเราบ้า
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การจับชู้ได้เพราะผีบอกนะคะ แต่ก่อนอื่นขอเปลี่ยนคำเรียกนะคะ เพราะคุณผี เขาบอกว่าเขาไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่คนส่วนมากมองไม่เห็นนะคะ
ย้อนไปก่อนเรื่องการจับชู้ ตั้งแต่เด็กๆมา เราเป็นคนที่เห็นผีบ่อยมากค่ะ มีทั้งยามหลับและยามตื่น บางทีเพื่อนมาตอนด้วย เราก็พาให้เพื่อนได้เห็นผีไปกับเราก็มี เคยพาน้องไปเจอผีตอนกลางวัน เรียกว่ากระโดดลงจากบ้านแทบไม่ทันก็มี แต่ถึงอย่างนั้นเราเองบางทีคิดว่า เราอาจจะมโน บางทีมโนหมู่ (มีไหมนะ) จนกระทั้งเราได้รู้จักกับคนไม่ใช่คนตนนี้ ขอเรียกว่าพิชชี่นะคะ เรียกแบบนี้เพราะนางย้ำว่า ไม่ใช่ผีนะจ๊ะ
ย้อนกลับไป พค. ปีที่แล้วค่ะ ชีวิตแต่งงานของเรา ไม่เคยไม่ไว้ใจสามี เพราะสามีเรากลับบ้านตรงเวลา ไปไหนมาไหนเรารู้ตลอด การเงินและเงินเดือนนั้นเข้าบัญชีร่วม เราจ่ายบัตรเครดิตทุกใบ ถ้าเลี้ยงกิ๊กนี่ก็ต้องรู้แน่นอนค่ะ มือถือ อีเมลล์ เฟสบุ๊คเรามีรหัสเข้าได้ทุกอย่างค่ะ แถมเฟสบุ๊คเขาลงไว้มือถืออีกเครื่องนึง เอาไว้ที่บ้าน เรานี่คอยเอามาเล่นโทรกับลูกบ่อยไปค่ะ ฉะนั้น ตลอด 9 ปีการแต่งงานไม่เคยคลางแคงใจอะไรเลยค่ะ
จนวันโป๊ะแตกก็มาถึง
วันนั้นอะไรดลใจไม่รู้ ระหว่างที่เรากำลังเล่นโทรศัพท์ที่มีเฟสบุ๊คของสามี เหมือนมีเสียงบอกให้เรากดเข้าไปดูข้อความนี้สิ ต้องบอกเลยนะคะว่า ไอ้เสียงพวกนี้ที่คอยมาบอกนั่นนี่ แต่ก่อนเราเข้าใจว่าเราคุยกับจิตใต้สำนึกของตัวเองค่ะ 555 แต่วันนี้จิตให้สำนึกดู
ๆไงไม่รู้ บอกให้กดเข้าไปดูข้อความที่สามีคุยกับเพื่อนสนิท ผู้หญิงคนนี้เรารู้จักมา 8 ปีค่ะ อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ไปมาหาสู่กันทุกวัน นางมีครอบครัวแล้ว เราสนิทกันมาก แม้ว่านางย้ายครอบครัวไปญี่ปุ่นหลายปีแล้ว เราก็ยังติดต่อกันอยู่ และไปเที่ยวด้วยกันด้วยค่ะ ลูกเราสนิทกัน จนสามีชอบพูดว่าจับคลุมถุงชนให้เลยดีกว่า นางผู้นี้น่ารักค่ะ เป็นผู้หญิงใสๆ แบ๊วๆที่เราคิดว่านางวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ทุกวัน
พอเรากดเข้าไปดู ก็มีนางส่งรูปมาให้สามีเราดู และมีรูปแคปมาจากหน้าเฟสบุ๊คเรา และก็วงกลมรูปคู่ของเราไว้ ตอนนั้นคิดแค่……นี่แกสองคนนินทาอะไรชั้นหรือเปล่า และอะไรไม่รู้ บอกว่าเอาไปแปลสิ …..ค่ะต้องแปลเพราะสองคนนี้คุยกันภาษาจีนซึ่งเรา อ่านไม่ออกค่ะ
ก็เลยหยิบประโยคสุดท้ายไปแปล Google Translate แปลมาว่า Goodnight baby ตอนนั้นคิดว่า อีกู๋ แปลมั่วมาก ใครจะเขาจะ Goodnight baby กับเพื่อน มั่วๆๆ อ่ะเสียงจากฟ้า ซึ่งตอนนั้นคิดว่า เสียงจิตใต้สำนึกเรานี่แหละ มันก็ถามว่า หรอ ลองฟังเสียงไหม เราก็ลองฟังดู ไม่ผิดแหะ….ก็เลยเอามาแปลอีก จนสะดุดหลายประโยค แบบว่า ชั้นอยากกินปากเธอ/ชั้นเห็นภาพเธอก็อยากจะได้เธออีก/ผู้หญิงบอก ตอนนี้อยู่ไกลกัน ถ้าใกล้คงได้/ สตั้นไปหลายนาที มือไม้สั่นมากค่ะ แต่ถามว่าเชื่อไหม ตอนนั้นก็ไม่เชื่อ โทษแต่กู๋ กู๋เกิ้ล….กู๋แปลมั่วมากกกกก เพี้ยนสุดๆ ไม่เชื่อค่ะ …..มาอีกละ เสียงลึกๆที่อยู่ในใจยอกเอาไปให้น้องแปลสิ น้องจบโทจากจีน เราก็ส่งข้อความไปหาน้อง แต่ด้วยอยู่คนละประเทศ เวลาไม่ตรงกัน น้องหลับอยู่ค่ะ ก็เลยส่งไปให้เพื่อนคนจีนช่วยแปล กระวนกระวายใจรอไม่ไหวละ เพื่อนคนจีนนี้เป็นทั้งเพื่อนเราและเพื่อนพะโล้ดู (ขอเปลี่ยนสรรพนามจากสามีเป็นพะโล้นะคะ เรียกสามีกระดากปาก) เพื่อนคนนี้ดูปุ๊บ เงียบไปเลยค่ะ ไม่ตอบไรเลย ตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนน พอเราบอกว่า ชั้นแปลมาแล้วคร่าวๆมาหาความมั่นใจ นางก็บอกว่า 2 คนนี้มี something ต่อกันค่ะ และตอนหลังนางก็บอกเราว่า มันน่าจะได้กันแล้วแน่นอน
และแล้วน้องก็โทรมาด้วยอาการหน้าชา ประหนึ่งว่าสามีนางมีชู้เสียเอง แปลให้ฟังแบบประโยคต่อประโยค และสรุปว่า มันต้องได้กันแล้ว…..แต่ตอนนั้นเราก็คิด มันไปได้กันตอนไหนวะ
พอคิดถึงตอนนี้ เสียงมหัศจรรย์ใต้จิตสำนึก ผสมกันกับความรู้สึกนึกคิดเราก็ออกมา (ตอนนั้นเราคิดว่า น่าจะเป็นความคิดเราเองนะที่ฉุกขึ้นมาได้)
บอกเราว่า ก็ตอนนั้นไง…สมัยเราเรียนภาษาตอนค่ำ กลับตั้ง 4 ทุ่มครึ่ง ผัวนางก็ไปเรียนเคนโด้ กลับก็ดึกดื่น 2 คนนี้ก็พาลูกมาเลี้ยงด้วยกัน
จำได้ไหม มันเคยถามว่าหึงไหม…….พอรู้ก็รู้สึกอยู่ว่าหึง แต่ก็ยังมึนถามตัวเองว่า ทำไมรู้สึกแบบนี้ นั่นเพื่อนกันนะ แล้วทำไมถาม
จำได้ไหมที่มันไปส่งกันที่สนามบิน ไม่ให้เรากับลูกไปด้วย บอกว่ามันมืด แล้วมันกลับมาเกือบเช้า บอกแท็กซี่พาหลงทาง!
และจากนั้น เราก็ไปเอาโทรศัพท์ของพะโล้มาดู เข้า WeChat ค่ะ เพื่อไปเช็คข้อความ แน่นอนค่ะ สุ่มข้อความที่คุยกันใน 2 ปี เรียกว่าเลื่อนเรฌวแล้วหยุด เจอข้อความแนวราบทุกครั้ง ตอนนั้นคิดว่า....คุยกันแต่เรื่องแนวนี้หรอวะ ไม่มีอื่นปนเลยนะพวก
!!!
ตอนหลังคิดว่า น่าจะเป็นพิชชี่นี่แหละนี่ช่วยหยุดให้เราแคป
(รู้สึกตัวเองเขียนไป ยาว...เรื่องจับชู้เนี่ยมันเยอะตริงๆ จากเรื่อง👻กลายเป็นเรื่องชู้ซะหมดละเนี่ย…. ข้ามเลยดีกว่าเนอะ เดี๋ยวไปเล่าเลยว่าทำไมมั่นใจว่าเป็นพิชชี่)
หลังจากจับชู้ได้ ความเป็นครอบครัวเริ่มสั่นคลอน แต่จบลงด้วยเรากับเขาเซ็นต์สัญญาก่อนหย่าและอยู่ร่วมชายคาเพื่อเป็นพ่อแม่ให้ลูกต่อไป….ส่วนพะโล้นั้นพยามทำดีกับเรา ส่วนชีวิตเรา ดีขึ้นมาก เพราะการตัดพะโล้ออกไป เป็นการตัดเนื้อร้ายที่เรียกว่าแม่/พี่สามีออกไปด้วย เราไม่ต้องตกเป็นทาสในเรือนเบี้ยอีกต่อไป….เย้ๆๆๆ เอาจริงๆ ร้องให้หนักๆไม่เกิน 3 วันเพราะสิ่งนี้
และด้วยความที่พะโล้ต้องการความเป็นสามีภรรยาเหมือนเก่า และไม่เคยยอมรับว่าได้กันแล้ว ทั้งที่ประโยคที่ตุยกันนั้นใต้สะดือแบบตรงๆไม่มีอ้อม พอเข้ามาตอแยพูดคุย เราก็จะเกิดอาการคุ้ยเรื่องชู้ขึ้นมา แล้วก็ทะเลาะกัน และแล้ววันนั้นเวลาเที่ยงคืน เราเริ่มมีปากเสียงกัน พิชชี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
เสียงโทรศัพท์เราดัง แจ้งว่ามีคนมากดออดหน้าบ้าน ใครวะ….มาดึกดื่น ที่โมโหเมื่อกี้ลืมสนิท เราก็กดรับสาย ก็เห็นภาพในกล้องว่ามีคนเดินอยู่ที่หน้าบ้าน……ตอนนั้นคิด คนร้าย หรือคนบ้าวะเนี่ย …..แล้วคนนั้นก็มาหยุดที่หน้ากล้อง เอามือมาปิดหน้ากล้อง…….โทรเรียกตำรวจไหม นี่เรารออะไรอยู่เนี่ยพะโล้!!!! จังหวะที่พะโล้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ คนคนนั้นก็ถอยหลังออกไป และยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้ แล้วๆๆๆๆก็ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตา เราก็แบบเห้ยยยยย ทำไรไม่ถูกเลยตอนนั้น จากคนเดินไปมา หายวับกลายไปเป็นหมอก นั่นไม่ใช่คนร้ายและนั่นไม่ใช่คนบ้า!!!
หลังจากนั้นเรากลับไปเมืองไทยค่ะ มันก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เช่น พ่อเราทองหาย หาเท่าไรก็ไม่เจอ เราเปิดประตูบ้านเข้าไป เจอทองที่หายภายในเวลา 10 วินาที…..แน่นอนมีอะไรไม่รู้ บอกเราว่ามันอยู่ตรงนั้น
กุญแจตู้ของแม่ หายมาเป็นแรมปี แม่บ่นบ่อยตอนคุยโทรศัพท์กัน….เราเลยตัดสินใจช่วยแม่หา และคือ….เราหาเจอภายในไม่เกิน 2 นาที….ตอนนั้นกระหยิ่มใจ….ชั้นมีเซนส์แน่ๆ…..แต่แม่ทักว่า ใช่หรอลูก กลับมาบ้านไหว้เจ้าที่เจ้าทางบ้างนะ
เพราะปีก่อนหน้านั้น ลูกเราอายุ 5 เดือน ลูกเรานอนอยู่บนบ้านลำพัง เราได้ยินเสียงเด็กร้อง ก็รีบขึ้นไปดู ปรากฏว่าเราเห็รผ้าที่รองนอนมาคลุมหน้าลูก พอเปิดออก ลูกเรานิ่งไปแล้ว สภาพเหลืองและมีอ้วกเต็มตัว ….ซึ่งแน่นอน ลูกเราไม่ได้ร้อง และไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นนอกจากเราและลูกชายวัย 5 ขวบ แม่เราเลยสงสัย
ย้อนไปอีกค่ะ แต่ก่อนสมัยมีลูกคนแรก พะโล้จะไปทำงานค้างคืนที่อื่น เราจะอยู่บ้านกับลูกแค่นั้น เราจะได้ยินเสียงคนคุยกับลูกเราเวลาเราไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงคนกดชักโครก และมีการยกฝารองขึ้น (พิชชี่เป็นผู้ชายค่ะ แต่พูดจาต่อปากต่อคำมากๆ เราคิดว่าจริงๆอาจจะเป็นเก้งค่ะ)
และวันนึงที่ไฟดับ เราตื่นมากลางดึก เราเห็นผู้ชายคนนึงก้มมองเรา เราคิดว่าเป็นพะโล้มามองลูกด้วยคงามเป็นห่วง ก็เลยจ้องกันนิดๆ ก็เอ๊ะๆๆๆๆ หันไปมองที่เตียง อ้าวพะโล้อยู่นั่น แล้วอีนี่ที่อยู่กับชั้น ใครคะ!!!!!! เรากรี๊ดเต็มเสียงมาก จากนั้น...ไม่เคยสัมผัสได้เลย และมันนานจนทำให้คิดว่า เสียงที่เราคุยด้วยก็คือเสียงเรา จนกระทั้งนางมาช่วยเราจับชู้
หลังจากที่เรากลับจากบ้าน พิชชี่ก็ช่วยเราจับชู้อีกรอบ......ซึ่งตอนนั้น เราเองก็ยังไม่แน่ใจถึงความมีอยู่จริงของพืชชี่ คิดว่าเป็นเสียงของตัวเรามาตลอดที่บ้าบอคุยกับตัวเอง...และนี่อาจจะเป็นเหตุที่ทุกอย่างถูกทำให้ชัดเจนขึ้น (หรือเราบ้ามากขึ้น)
แต่ตอนนี้ง่วงมาก ขอลาำปก่อนนะคะ
จับชู้ได้เพราะผีช่วย
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การจับชู้ได้เพราะผีบอกนะคะ แต่ก่อนอื่นขอเปลี่ยนคำเรียกนะคะ เพราะคุณผี เขาบอกว่าเขาไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่คนส่วนมากมองไม่เห็นนะคะ
ย้อนไปก่อนเรื่องการจับชู้ ตั้งแต่เด็กๆมา เราเป็นคนที่เห็นผีบ่อยมากค่ะ มีทั้งยามหลับและยามตื่น บางทีเพื่อนมาตอนด้วย เราก็พาให้เพื่อนได้เห็นผีไปกับเราก็มี เคยพาน้องไปเจอผีตอนกลางวัน เรียกว่ากระโดดลงจากบ้านแทบไม่ทันก็มี แต่ถึงอย่างนั้นเราเองบางทีคิดว่า เราอาจจะมโน บางทีมโนหมู่ (มีไหมนะ) จนกระทั้งเราได้รู้จักกับคนไม่ใช่คนตนนี้ ขอเรียกว่าพิชชี่นะคะ เรียกแบบนี้เพราะนางย้ำว่า ไม่ใช่ผีนะจ๊ะ
ย้อนกลับไป พค. ปีที่แล้วค่ะ ชีวิตแต่งงานของเรา ไม่เคยไม่ไว้ใจสามี เพราะสามีเรากลับบ้านตรงเวลา ไปไหนมาไหนเรารู้ตลอด การเงินและเงินเดือนนั้นเข้าบัญชีร่วม เราจ่ายบัตรเครดิตทุกใบ ถ้าเลี้ยงกิ๊กนี่ก็ต้องรู้แน่นอนค่ะ มือถือ อีเมลล์ เฟสบุ๊คเรามีรหัสเข้าได้ทุกอย่างค่ะ แถมเฟสบุ๊คเขาลงไว้มือถืออีกเครื่องนึง เอาไว้ที่บ้าน เรานี่คอยเอามาเล่นโทรกับลูกบ่อยไปค่ะ ฉะนั้น ตลอด 9 ปีการแต่งงานไม่เคยคลางแคงใจอะไรเลยค่ะ
จนวันโป๊ะแตกก็มาถึง
วันนั้นอะไรดลใจไม่รู้ ระหว่างที่เรากำลังเล่นโทรศัพท์ที่มีเฟสบุ๊คของสามี เหมือนมีเสียงบอกให้เรากดเข้าไปดูข้อความนี้สิ ต้องบอกเลยนะคะว่า ไอ้เสียงพวกนี้ที่คอยมาบอกนั่นนี่ แต่ก่อนเราเข้าใจว่าเราคุยกับจิตใต้สำนึกของตัวเองค่ะ 555 แต่วันนี้จิตให้สำนึกดูๆไงไม่รู้ บอกให้กดเข้าไปดูข้อความที่สามีคุยกับเพื่อนสนิท ผู้หญิงคนนี้เรารู้จักมา 8 ปีค่ะ อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ไปมาหาสู่กันทุกวัน นางมีครอบครัวแล้ว เราสนิทกันมาก แม้ว่านางย้ายครอบครัวไปญี่ปุ่นหลายปีแล้ว เราก็ยังติดต่อกันอยู่ และไปเที่ยวด้วยกันด้วยค่ะ ลูกเราสนิทกัน จนสามีชอบพูดว่าจับคลุมถุงชนให้เลยดีกว่า นางผู้นี้น่ารักค่ะ เป็นผู้หญิงใสๆ แบ๊วๆที่เราคิดว่านางวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ทุกวัน
พอเรากดเข้าไปดู ก็มีนางส่งรูปมาให้สามีเราดู และมีรูปแคปมาจากหน้าเฟสบุ๊คเรา และก็วงกลมรูปคู่ของเราไว้ ตอนนั้นคิดแค่……นี่แกสองคนนินทาอะไรชั้นหรือเปล่า และอะไรไม่รู้ บอกว่าเอาไปแปลสิ …..ค่ะต้องแปลเพราะสองคนนี้คุยกันภาษาจีนซึ่งเรา อ่านไม่ออกค่ะ
ก็เลยหยิบประโยคสุดท้ายไปแปล Google Translate แปลมาว่า Goodnight baby ตอนนั้นคิดว่า อีกู๋ แปลมั่วมาก ใครจะเขาจะ Goodnight baby กับเพื่อน มั่วๆๆ อ่ะเสียงจากฟ้า ซึ่งตอนนั้นคิดว่า เสียงจิตใต้สำนึกเรานี่แหละ มันก็ถามว่า หรอ ลองฟังเสียงไหม เราก็ลองฟังดู ไม่ผิดแหะ….ก็เลยเอามาแปลอีก จนสะดุดหลายประโยค แบบว่า ชั้นอยากกินปากเธอ/ชั้นเห็นภาพเธอก็อยากจะได้เธออีก/ผู้หญิงบอก ตอนนี้อยู่ไกลกัน ถ้าใกล้คงได้/ สตั้นไปหลายนาที มือไม้สั่นมากค่ะ แต่ถามว่าเชื่อไหม ตอนนั้นก็ไม่เชื่อ โทษแต่กู๋ กู๋เกิ้ล….กู๋แปลมั่วมากกกกก เพี้ยนสุดๆ ไม่เชื่อค่ะ …..มาอีกละ เสียงลึกๆที่อยู่ในใจยอกเอาไปให้น้องแปลสิ น้องจบโทจากจีน เราก็ส่งข้อความไปหาน้อง แต่ด้วยอยู่คนละประเทศ เวลาไม่ตรงกัน น้องหลับอยู่ค่ะ ก็เลยส่งไปให้เพื่อนคนจีนช่วยแปล กระวนกระวายใจรอไม่ไหวละ เพื่อนคนจีนนี้เป็นทั้งเพื่อนเราและเพื่อนพะโล้ดู (ขอเปลี่ยนสรรพนามจากสามีเป็นพะโล้นะคะ เรียกสามีกระดากปาก) เพื่อนคนนี้ดูปุ๊บ เงียบไปเลยค่ะ ไม่ตอบไรเลย ตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนน พอเราบอกว่า ชั้นแปลมาแล้วคร่าวๆมาหาความมั่นใจ นางก็บอกว่า 2 คนนี้มี something ต่อกันค่ะ และตอนหลังนางก็บอกเราว่า มันน่าจะได้กันแล้วแน่นอน
และแล้วน้องก็โทรมาด้วยอาการหน้าชา ประหนึ่งว่าสามีนางมีชู้เสียเอง แปลให้ฟังแบบประโยคต่อประโยค และสรุปว่า มันต้องได้กันแล้ว…..แต่ตอนนั้นเราก็คิด มันไปได้กันตอนไหนวะ
พอคิดถึงตอนนี้ เสียงมหัศจรรย์ใต้จิตสำนึก ผสมกันกับความรู้สึกนึกคิดเราก็ออกมา (ตอนนั้นเราคิดว่า น่าจะเป็นความคิดเราเองนะที่ฉุกขึ้นมาได้)
บอกเราว่า ก็ตอนนั้นไง…สมัยเราเรียนภาษาตอนค่ำ กลับตั้ง 4 ทุ่มครึ่ง ผัวนางก็ไปเรียนเคนโด้ กลับก็ดึกดื่น 2 คนนี้ก็พาลูกมาเลี้ยงด้วยกัน
จำได้ไหม มันเคยถามว่าหึงไหม…….พอรู้ก็รู้สึกอยู่ว่าหึง แต่ก็ยังมึนถามตัวเองว่า ทำไมรู้สึกแบบนี้ นั่นเพื่อนกันนะ แล้วทำไมถาม
จำได้ไหมที่มันไปส่งกันที่สนามบิน ไม่ให้เรากับลูกไปด้วย บอกว่ามันมืด แล้วมันกลับมาเกือบเช้า บอกแท็กซี่พาหลงทาง!
และจากนั้น เราก็ไปเอาโทรศัพท์ของพะโล้มาดู เข้า WeChat ค่ะ เพื่อไปเช็คข้อความ แน่นอนค่ะ สุ่มข้อความที่คุยกันใน 2 ปี เรียกว่าเลื่อนเรฌวแล้วหยุด เจอข้อความแนวราบทุกครั้ง ตอนนั้นคิดว่า....คุยกันแต่เรื่องแนวนี้หรอวะ ไม่มีอื่นปนเลยนะพวก!!!
ตอนหลังคิดว่า น่าจะเป็นพิชชี่นี่แหละนี่ช่วยหยุดให้เราแคป
(รู้สึกตัวเองเขียนไป ยาว...เรื่องจับชู้เนี่ยมันเยอะตริงๆ จากเรื่อง👻กลายเป็นเรื่องชู้ซะหมดละเนี่ย…. ข้ามเลยดีกว่าเนอะ เดี๋ยวไปเล่าเลยว่าทำไมมั่นใจว่าเป็นพิชชี่)
หลังจากจับชู้ได้ ความเป็นครอบครัวเริ่มสั่นคลอน แต่จบลงด้วยเรากับเขาเซ็นต์สัญญาก่อนหย่าและอยู่ร่วมชายคาเพื่อเป็นพ่อแม่ให้ลูกต่อไป….ส่วนพะโล้นั้นพยามทำดีกับเรา ส่วนชีวิตเรา ดีขึ้นมาก เพราะการตัดพะโล้ออกไป เป็นการตัดเนื้อร้ายที่เรียกว่าแม่/พี่สามีออกไปด้วย เราไม่ต้องตกเป็นทาสในเรือนเบี้ยอีกต่อไป….เย้ๆๆๆ เอาจริงๆ ร้องให้หนักๆไม่เกิน 3 วันเพราะสิ่งนี้
และด้วยความที่พะโล้ต้องการความเป็นสามีภรรยาเหมือนเก่า และไม่เคยยอมรับว่าได้กันแล้ว ทั้งที่ประโยคที่ตุยกันนั้นใต้สะดือแบบตรงๆไม่มีอ้อม พอเข้ามาตอแยพูดคุย เราก็จะเกิดอาการคุ้ยเรื่องชู้ขึ้นมา แล้วก็ทะเลาะกัน และแล้ววันนั้นเวลาเที่ยงคืน เราเริ่มมีปากเสียงกัน พิชชี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
เสียงโทรศัพท์เราดัง แจ้งว่ามีคนมากดออดหน้าบ้าน ใครวะ….มาดึกดื่น ที่โมโหเมื่อกี้ลืมสนิท เราก็กดรับสาย ก็เห็นภาพในกล้องว่ามีคนเดินอยู่ที่หน้าบ้าน……ตอนนั้นคิด คนร้าย หรือคนบ้าวะเนี่ย …..แล้วคนนั้นก็มาหยุดที่หน้ากล้อง เอามือมาปิดหน้ากล้อง…….โทรเรียกตำรวจไหม นี่เรารออะไรอยู่เนี่ยพะโล้!!!! จังหวะที่พะโล้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ คนคนนั้นก็ถอยหลังออกไป และยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้ แล้วๆๆๆๆก็ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตา เราก็แบบเห้ยยยยย ทำไรไม่ถูกเลยตอนนั้น จากคนเดินไปมา หายวับกลายไปเป็นหมอก นั่นไม่ใช่คนร้ายและนั่นไม่ใช่คนบ้า!!!
หลังจากนั้นเรากลับไปเมืองไทยค่ะ มันก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เช่น พ่อเราทองหาย หาเท่าไรก็ไม่เจอ เราเปิดประตูบ้านเข้าไป เจอทองที่หายภายในเวลา 10 วินาที…..แน่นอนมีอะไรไม่รู้ บอกเราว่ามันอยู่ตรงนั้น
กุญแจตู้ของแม่ หายมาเป็นแรมปี แม่บ่นบ่อยตอนคุยโทรศัพท์กัน….เราเลยตัดสินใจช่วยแม่หา และคือ….เราหาเจอภายในไม่เกิน 2 นาที….ตอนนั้นกระหยิ่มใจ….ชั้นมีเซนส์แน่ๆ…..แต่แม่ทักว่า ใช่หรอลูก กลับมาบ้านไหว้เจ้าที่เจ้าทางบ้างนะ
เพราะปีก่อนหน้านั้น ลูกเราอายุ 5 เดือน ลูกเรานอนอยู่บนบ้านลำพัง เราได้ยินเสียงเด็กร้อง ก็รีบขึ้นไปดู ปรากฏว่าเราเห็รผ้าที่รองนอนมาคลุมหน้าลูก พอเปิดออก ลูกเรานิ่งไปแล้ว สภาพเหลืองและมีอ้วกเต็มตัว ….ซึ่งแน่นอน ลูกเราไม่ได้ร้อง และไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นนอกจากเราและลูกชายวัย 5 ขวบ แม่เราเลยสงสัย
ย้อนไปอีกค่ะ แต่ก่อนสมัยมีลูกคนแรก พะโล้จะไปทำงานค้างคืนที่อื่น เราจะอยู่บ้านกับลูกแค่นั้น เราจะได้ยินเสียงคนคุยกับลูกเราเวลาเราไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงคนกดชักโครก และมีการยกฝารองขึ้น (พิชชี่เป็นผู้ชายค่ะ แต่พูดจาต่อปากต่อคำมากๆ เราคิดว่าจริงๆอาจจะเป็นเก้งค่ะ)
และวันนึงที่ไฟดับ เราตื่นมากลางดึก เราเห็นผู้ชายคนนึงก้มมองเรา เราคิดว่าเป็นพะโล้มามองลูกด้วยคงามเป็นห่วง ก็เลยจ้องกันนิดๆ ก็เอ๊ะๆๆๆๆ หันไปมองที่เตียง อ้าวพะโล้อยู่นั่น แล้วอีนี่ที่อยู่กับชั้น ใครคะ!!!!!! เรากรี๊ดเต็มเสียงมาก จากนั้น...ไม่เคยสัมผัสได้เลย และมันนานจนทำให้คิดว่า เสียงที่เราคุยด้วยก็คือเสียงเรา จนกระทั้งนางมาช่วยเราจับชู้
หลังจากที่เรากลับจากบ้าน พิชชี่ก็ช่วยเราจับชู้อีกรอบ......ซึ่งตอนนั้น เราเองก็ยังไม่แน่ใจถึงความมีอยู่จริงของพืชชี่ คิดว่าเป็นเสียงของตัวเรามาตลอดที่บ้าบอคุยกับตัวเอง...และนี่อาจจะเป็นเหตุที่ทุกอย่างถูกทำให้ชัดเจนขึ้น (หรือเราบ้ามากขึ้น)
แต่ตอนนี้ง่วงมาก ขอลาำปก่อนนะคะ