[ระวัง SPOIL มีการเปิดเผยประเด็นสำคัญของหนัง]
[บทความนี้เขียนตั้งแต่ปี 2018 ตอนที่ได้ชม The Handmaiden เป็นครั้งแรก แต่เราขอเอากลับมาลงอีกครั้ง ในโอกาสที่ The Handmaiden ได้กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เดือนนี้ ในวาระเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ #PrideMonth]
.
ก็คงต้องโทษการถูกสปอยล์มาก่อนล่วงหน้า ที่ทำให้เราดูหนังเรื่องนี้ไม่สนุกเท่าที่ควร ทั้งประเด็นที่ว่า “มันเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมและมีหักมุมนะเธอ” หรือ “การเป็นหนังเลสฯ หญิงรักหญิง” ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ถึงกับว่าหมดสนุกอะไรขนาดนั้น เพราะ The Handmaiden ผลงานของ ปาร์ค ชาน-วุก แห่ง Oldboy (2003) ก็มีดีในตัว
.
เมื่อซุกฮีสาวน้อยที่ถูกฝึกสอนมาเป็นนักล้วง ถูกหัวหน้าแก๊งต้มตุ๋นส่งตัวมาเป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์หรู เพื่อล้วงความลับของคุณหนูฮิเดโกะผู้ใสซื่อ พร้อมกับเดินหมากเพื่อให้เค้าสามารถครองใจเธอและครอบครองสมบัติทั้งหมด ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายอะไรขนาดนั้น เพราะฮิเดโกะและคฤหาสน์หลังนี้มีความลับซุกซ่อนเกินกว่าจะคาดคิด
.
ไม่ได้อินกับการแฝงประเด็นการเมืองเรื่องชนชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น แต่อินกับประเด็นการชิงอำนาจระหว่างชายและหญิงทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยเฉพาะการมีอำนาจของเพศหญิงในยุคก่อนนั้น ไม่ได้มาจากการแผ่พลังยิ่งใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง แต่เป็นการวางแผนซ้อนกล ซึ่งการยอมโอนอ่อนผ่อนตามเพศชายก็เป็นหนึ่งในแผนนั้น หรือแม้กระทั่งเกมแห่งอำนาจการยอมมีเซ็กส์หรือไม่ยอมมี! แน่นอน พอถึงฉากที่ตัวละครหญิงได้เอาคืนพวกผู้ชายมักมากอย่างสาสม เราก็ตบเข่าฉาดใหญ่
.
หนังของ ปาร์ค ชาน-วุก มักจะสะท้อนความบิดเบี้ยวและด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ และกับ The Handmaiden ก็ไม่มีข้อยกเว้น แค่ฉากอ่านนิยายเชิงสังวาสของตัวละครคุณหนูฮิเดโกะไม่กี่นาทีก็ทำให้เราเห็นทั้งความดาร์กที่แผ่ปกคลุมบรรยกาศ และความมืดหม่นหดหู่ของตัวละครได้แล้ว กระนั้น กับประเด็นความเป็นเลสฯ ของตัวละคร เรากลับไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องวิปริตอะไรเลย ซึ่งก็ต้องชื่นชมปาร์ค ชาน-วุก ด้วยแหละ ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครได้ดี จากจุดเริ่มต้นแห่งเกมอำนาจระหว่างผู้หญิงสองคน จนค่อยๆ ปอกเปลือกเกราะภายนอกและสัมผัสตัวตน พลางเยียวยาบาดแผลจากพวกผู้ชายกันอย่างช้าๆ พอถึงฉากเซ็กส์อันดุเดือด เราก็สัมผัสได้ว่ามันผสมผสานกันทั้งตัณหาราคะและความรักใคร่ดำดิ่ง
.
หากจะมีอะไรไม่ชอบ ก็คงจะเป็นเรื่องความพยายามซ่อนกล ลับ ลวง พราง ในหนังที่เราว่ามันไม่คมพอ ทั้งจังหวะและความเดาง่ายที่พอมันพยายามวางหมากแล้วแก้หมากด้วยการเล่าย้อนกลับไปกลับมา เราว่ามันไม่สมูทและทำให้เราไม่เอาใจช่วยตัวละครใดๆ เลย แม้แต่ตัวละครอย่างซุกฮีเมื่อถึงคราวล้ม เราก็ยังรู้สึกว่า สมควรแล้ว! หล่อนมันโง่! อ้าว เป็นซะอย่างงั้นไป!
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่
เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
[CR] [Review] The Handmaiden (2016)
[ระวัง SPOIL มีการเปิดเผยประเด็นสำคัญของหนัง]
[บทความนี้เขียนตั้งแต่ปี 2018 ตอนที่ได้ชม The Handmaiden เป็นครั้งแรก แต่เราขอเอากลับมาลงอีกครั้ง ในโอกาสที่ The Handmaiden ได้กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เดือนนี้ ในวาระเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ #PrideMonth]
.
ก็คงต้องโทษการถูกสปอยล์มาก่อนล่วงหน้า ที่ทำให้เราดูหนังเรื่องนี้ไม่สนุกเท่าที่ควร ทั้งประเด็นที่ว่า “มันเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมและมีหักมุมนะเธอ” หรือ “การเป็นหนังเลสฯ หญิงรักหญิง” ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ถึงกับว่าหมดสนุกอะไรขนาดนั้น เพราะ The Handmaiden ผลงานของ ปาร์ค ชาน-วุก แห่ง Oldboy (2003) ก็มีดีในตัว
.
เมื่อซุกฮีสาวน้อยที่ถูกฝึกสอนมาเป็นนักล้วง ถูกหัวหน้าแก๊งต้มตุ๋นส่งตัวมาเป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์หรู เพื่อล้วงความลับของคุณหนูฮิเดโกะผู้ใสซื่อ พร้อมกับเดินหมากเพื่อให้เค้าสามารถครองใจเธอและครอบครองสมบัติทั้งหมด ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายอะไรขนาดนั้น เพราะฮิเดโกะและคฤหาสน์หลังนี้มีความลับซุกซ่อนเกินกว่าจะคาดคิด
.
ไม่ได้อินกับการแฝงประเด็นการเมืองเรื่องชนชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น แต่อินกับประเด็นการชิงอำนาจระหว่างชายและหญิงทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยเฉพาะการมีอำนาจของเพศหญิงในยุคก่อนนั้น ไม่ได้มาจากการแผ่พลังยิ่งใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง แต่เป็นการวางแผนซ้อนกล ซึ่งการยอมโอนอ่อนผ่อนตามเพศชายก็เป็นหนึ่งในแผนนั้น หรือแม้กระทั่งเกมแห่งอำนาจการยอมมีเซ็กส์หรือไม่ยอมมี! แน่นอน พอถึงฉากที่ตัวละครหญิงได้เอาคืนพวกผู้ชายมักมากอย่างสาสม เราก็ตบเข่าฉาดใหญ่
.
หนังของ ปาร์ค ชาน-วุก มักจะสะท้อนความบิดเบี้ยวและด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ และกับ The Handmaiden ก็ไม่มีข้อยกเว้น แค่ฉากอ่านนิยายเชิงสังวาสของตัวละครคุณหนูฮิเดโกะไม่กี่นาทีก็ทำให้เราเห็นทั้งความดาร์กที่แผ่ปกคลุมบรรยกาศ และความมืดหม่นหดหู่ของตัวละครได้แล้ว กระนั้น กับประเด็นความเป็นเลสฯ ของตัวละคร เรากลับไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องวิปริตอะไรเลย ซึ่งก็ต้องชื่นชมปาร์ค ชาน-วุก ด้วยแหละ ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครได้ดี จากจุดเริ่มต้นแห่งเกมอำนาจระหว่างผู้หญิงสองคน จนค่อยๆ ปอกเปลือกเกราะภายนอกและสัมผัสตัวตน พลางเยียวยาบาดแผลจากพวกผู้ชายกันอย่างช้าๆ พอถึงฉากเซ็กส์อันดุเดือด เราก็สัมผัสได้ว่ามันผสมผสานกันทั้งตัณหาราคะและความรักใคร่ดำดิ่ง
.
หากจะมีอะไรไม่ชอบ ก็คงจะเป็นเรื่องความพยายามซ่อนกล ลับ ลวง พราง ในหนังที่เราว่ามันไม่คมพอ ทั้งจังหวะและความเดาง่ายที่พอมันพยายามวางหมากแล้วแก้หมากด้วยการเล่าย้อนกลับไปกลับมา เราว่ามันไม่สมูทและทำให้เราไม่เอาใจช่วยตัวละครใดๆ เลย แม้แต่ตัวละครอย่างซุกฮีเมื่อถึงคราวล้ม เราก็ยังรู้สึกว่า สมควรแล้ว! หล่อนมันโง่! อ้าว เป็นซะอย่างงั้นไป!
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้