( The 50 best movies of all time ) ## แนะนำหนังวันละเรื่อง ## " Breakfast at Tiffany’s " เคยดูกันหรือยัง ?

เนื่องจาก จขกท.เป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังมากๆ จึงอยากจะมาขอแชร์
ภาพยนตร์ 50 เรื่อง ที่จขกท.ชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยดูมา
แต่จะเป็นการแนะนำวันละเรื่อง กระทู้ของเราอาจไม่ใช่การวิเคราะห์
หรือวิจารณ์แบบกูรูเก่งๆ แต่เป็นการพูดเล่าต่อจากความรู้สึกส่วนตัว
ที่ได้ดูเท่านั้น เผื่อถ้าใครยังไม่ได้ดู ก็อยากแนะนำให้ดูในช่วงวิกฤตแบบนี้
จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญใดๆทั้งสิ้น วันนี้จะเป็นการนำเสนอหนังเรื่องที่ 36


36.Breakfast at Tiffany’s นงเยาว์นิวยอร์ค ( 1961 )
โหมดหนัง : ภาพยนตร์โรแมนติก / ตลก
ความชอบส่วนตัว : 8.5/10

จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดจากนวนิยาย Breakfast at Tiffany’s (1958) แต่งโดย Truman Capote ชื่อจริง Truman Streckfus Persons (1924 – 1984) นักเขียนชื่อดังสัญชาติอเมริกัน นอกจากเรื่องนี้มีอีกผลงานเด่นคือ In Cold Blood (1966)Capote เขียน Breakfast at Tiffany’s ขึ้นจากความทรงจำของตนเอง เมื่อครั้นยังหนุ่มแน่นอาศัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ที่ New York City รู้จักเพื่อนสาวห้องข้างๆชื่นชอบจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ คาดหวังได้ตกถังข้าวสารเข้าสักวัน, สำหรับตัวละคร Holly Golightly เห็นว่าเกิดจากการผสมรวมผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่เขาเคยรู้จักคบหา อาทิ Gloria Vanderbilt, Oona O’Neill, Carol Grace, Maeve Brennan, Doris Lilly, Dorian Leigh, Suzy Parker, หรือแม้แต่ Marilyn Monroe

ภาพลักษณ์ที่กลายเป็น ‘Fashion Icon’ ของ Audrey Hepburn ในนงเยาว์นิวยอร์ค ได้สะท้อนค่านิยมผู้คนแห่งศตวรรษ 20 ลุ่มหลงใหลความร่ำรวย เลิศหรูหรา สิ่งของภาย นอกแลดูระยิบระยับงามตา สูงส่งมีมูลค่ากว่าจิตวิญญาณความเป็นคน แฟชั่นที่เป็นที่นิ ยมยาวนานจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ชุดเดรสดำโชว์เรือนร่าง เอวบาง เรียวขาสุดเซ็ก ซี่ , ทรงผมม้วย , ปากคาบไม้สูบบุหรี่ ล้วนแต่คลาสสิคตลอดกาลทั้งนั้น

บอกเล่าถึงเรื่องราวในนิวยอร์กช่วงปี 1943 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่สห รัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกภายหลังถูกโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ นักเขียนหนุ่มไร้นามแถมยังยากไร้ ย้อนไปเล่าเรื่องในอดีตสมัยที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่แมนฮัตตัน ย่านอัปเปอร์อีสต์ไซด์ ในอพาร์ตเมนต์สีอิฐน้ำตาล และที่แห่งนี้เองที่เขาได้รู้จัก ฮอลลี โกไลต์ลี หญิงสาวสังคมชั้นสูง ผู้ซึ่งมีชีวิตด้วยการออกงานสังคมกับชายรุ่นใหญ่กระเป๋าหนัก คนที่คอยพาเธอไปร้านอาหารหรืองานสังสรรค์ต่างๆ เอาอกเอาใจเธอด้วยเงินทอง และเธอก็หวังว่าจะได้แต่งงานกับใครสักคนเพื่อหลุดจากวังวนนี้


เมื่อเวลาผ่านไป ฮอลลีค่อยๆ เปิดใจเล่าเรื่องส่วนตัวของเธอกับนักเขียนหนุ่มทีละน้อย  มุมมองและชีวิตที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของฮอลลี ทำให้นักเขียนหนุ่มตกหลุมรักเธอ แต่ด้วยทุกอย่างที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิตของหญิงสาว ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด


Breakfast at Tiffany’s เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนค่านิยมของมนุษย์ ไม่เพียงทศวรรษ  50s-60s ตามพื้นหลังเรื่องราว แต่สามารถเหมารวมทั้งศตวรรษ 20 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุ บัน (ศตวรรษ 21) โลกที่ผู้คนเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน ทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง หลง ใหลในภาพมายา รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส อัตลักษณ์ภายนอก พยายามทุกวิธีทางเพื่อตอบสนองราคะ-โทสะ-โมหะ หลงลืมเลือนสิ่งทรงคุณค่าสูงสุดภายใน ได้รับการเตือนสติก็ไม่เคยสาแก่ใจ



พูดถึงนักแสดงหลักของเรื่อง และให้คะแนน

Audrey Hepburn - Breakfast at Tiffany’s ( 5/5 )
หนึ่งในนักแสดงหญิงฮอลลีวู้ดที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดตลอดกาลคนนึงบนหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และแฟชั่นของโลก บทบาทนี้ทำให้ออเดรย์กลายเป็นเจ้าแม่แฟชั่นยอดฮิต ที่สาวๆทุกคนในโลกจะยอมแต่งตัวตามเธอ เรื่องนี้เธอรับบทที่มีหลากหลายความซับซ้อน เล่นเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ หลงใหลในเงินทอง ข้าวของราคาแพง เลือกคบแต่คนรวย เป็นบทที่ต้องเกลียดและหมั่นไส้เธอใช่มะ ! แต่ทำไมดูแล้วหลงรักเสน่ห์การแสดงของออ เดรย์มากๆเลย น่ารัก เอาแต่ใจ ดูยังไงก็เกลียดไม่ลง ให้นึกภาพเอานักแสดงหญิงอาทิที่เคยทาบทามอย่าง  Marilyn Monroe และ Shirley MacLaine มาเล่นบทนี้ของออ เดรย์ คือคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะเล่นมีเสน่ห์เท่าออเดรย์ได้หรือไม่ จะเล่นให้คนดูทั้งหมั่นไส้ทั้งรักได้แบบนี้ไหม ? ไฮไลท์การแสดงของ Hepburn คือขณะนั่งริมหน้าต่าง ขับร้องบทเพลง Moon River น้ำเสียงอันนุ่มนวล สายตาเหม่อล่อง จิตใจลอยออกไปไกล เมื่อไหร่ที่ฉันจะสามารถไปถึงเป้าหมายความตั้งใจเสียที ( ค่าตัวของออเดรย์ที่ได้รับ คือ $750,000 เหรียญ กลายเป็นนักแสดงหญิงค่าตัวสูงสุดในโลกขณะนั้น! )


George Peppard - Breakfast at Tiffany’s ( 3/5 )
นักเขียนหนุ่มสุดหล่อ การแสดงและหน้าตาถือว่าโอเคพอสมควร แต่คาริสม่าและเสน่ห์ทางการแสดงสำหรับเรายังไม่โดดเด่นเปล่งประกาย ดูจืดชืดไปนิด หรือเพราะโดนพลังซูเปอร์สตาร์ของออเดรย์กลบหมดหรือเปล่าก็คงงั้น แต่โดยรวมถือว่าพอใช้ได้



” Mr. Bell. If you let yourself love a wild thing. You’ll end up looking at the sky. “
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่