การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) วันที่ 23 มิ.ย. 2563




การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ​ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 23 มิถุนายน 2563





รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19  ณ วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2563

ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,156 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 5 ราย)
   -ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 29
   -และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 5 ราย
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,023 ราย (95.79%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 1 ราย)

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 5 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ 2 ราย และประเทศกาตาร์ 3 ราย ทั้งหมดเข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2876127322512821


ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกัน 29 วันแล้ว
ยังคงสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ
และเว้นระยะห่างทางสังคม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156302055988127


กราบนมัสการท่านเจ้าอาวาสทั่วประเทศ
ด้วยขณะนี้มีมาตรการผ่อนคลายในหลายกิจกรรมแล้ว
ดังนั้น การจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
เช่น การอุปสมบท การทำบุญตักบาตร เทศนาฟังธรรม การเวียนเทียน
ก็สามารถจัดกิจกรรมได้
แต่ยังต้องปฏิบัติกิจกรรมด้วยความระมัดระวัง
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำ คือ

"สวมหน้ากาก วัดไข้ ล้างมือ และเว้นระยะห่าง"

นายสาโรจน์ การศิริศิลป์
ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/155959406022392


ช่วยกันเป็นหู เป็นตา การ์ดไม่ตก
พบกิจกรรม/กิจการ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.
แจ้ง 1138 / 191 / 1159 เพื่อแจ้งเบาะแส
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/156082282676771


กระทรวงศึกษาธิการ
แจ้งกำหนดการเปิด-ปิด ภาคเรียน
เดิม วันที่ 16 พ.ค. - 10 ต.ค. และ 1 พ.ย.- 31 มี.ค. ➡ 200 วัน
ใหม่ วันที่ 1 ก.ค. - 14 พ.ย. และ 1 ธ.ค. - 10 เม.ย. ➡ 180 วัน
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/155937569357909


เตรียมประชุมอาเซียนซัมมิททางไกล 26 มิ.ย. นี้

#ไทยคู่ฟ้า ประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียนต่างต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และต้องขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ดังนั้น สมาชิกอาเซียนจึงไม่หยุดที่จะร่วมมือกันรับมือกับโรคร้าย และกำหนดทิศทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนไปพร้อมกัน

ศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 63 นี้ คือ วันที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ และมีการประชุมที่เกี่ยวข้องอีกหลายเวที เช่น การประชุมสมัยพิเศษ เรื่องการเสริมสร้างศักยภาพสตรีในยุคดิจิทัล และการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน/ ผู้แทนเยาวชนอาเซียน/ ผู้แทนสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน

การประชุมครั้งนี้ คาดว่าประเทศไทยจะเสนอ 3 แนวทางการขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย
1. ส่งเสริมให้อาเซียนกลับมาเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง
2. สนับสนุนให้อาเซียนสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
3. สร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคงทางสาธารณสุข อาหาร และมนุษย์

พร้อมกับเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ทั้ง รัฐสภา สตรี เยาวชน ภาคธุรกิจ และส่งเสริมให้สมาชิกใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อรับมือกับปัญหาความท้าทายต่าง ๆ

พี่น้องประชาชนสามารถติดตามการถ่ายทอดสด (live) บรรยากาศของการประชุมบางช่วง ได้ทางเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า

อ่านรายละเอียดเพิ่ม https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32634
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/943468536118953


นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วน ร่วมกันดำเนินการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นไปตามเป้าหมาย  เพราะนี่คือโอกาสการพัฒนาพื้นที่ในวันข้างหน้า ขอให้ทุกคนทำงานอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจ

โครงการ EEC เป็นอนาคตของประเทศ ที่จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย และนำไปสู่รายได้ทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศมีงบประมาณในการพัฒนามากขึ้น ประชาชนมีความสุข
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/300349691350360


"พาณิชย์" วางยุทธศาสตร์ข้าวไทย เน้น "การตลาดนำการผลิต" สอดรับแนว "เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด"

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 1/2563 ว่าที่ประชุมได้มีความเห็นเบื้องต้นว่าจะใช้ยุทธศาสตร์ "ตลาดนำการผลิต"  ในช่วงระยะเวลา 5 ปีถัดจากนี้โดยมีเป้าหมายสำคัญก็คือจะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการผลิตการส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก

นายจุรินทร์ ระบุว่า จะมุ่งเน้นทำการผลิตข้าวเพื่อสนองความต้องการของตลาด คือ ผลิตข้าว 7 ชนิด 1. ข้าวหอมมะลิ 2. ข้าวหอมไทย 3. ข้าวพื้นนุ่ม 4. ข้าวพื้นแข็ง 5. ข้าวนึ่ง 6. ข้าวเหนียว และ 7. ข้าวคุณภาพพิเศษที่มีตลาดเฉพาะ โดยข้าวทั้ง 7 ชนิดนี้จะแบ่งตลาดออกเป็น 3 ตลาด ในภาพรวม คือ 1. ตลาดพรีเมียมประกอบด้วยข้าวหอมมะลิกับข้าวหอมไทย 2. ตลาดทั่วไป ประกอบด้วย ข้าวนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง 3. ตลาดเฉพาะประกอบด้วยข้าวเหนียวกับข้าวคุณภาพพิเศษ เป็นการจัดระบบภาพรวมในเรื่องของการผลิตข้าวโดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต”

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของเมล็ดพันธุ์ซึ่งถือว่าเป็นต้นน้ำที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่ผลผลิตข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวต่อไป ในห่วงโซ่การผลิตและการตลาด โดยเห็นสอดคล้องกันว่าในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ นั้นควรมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์ การพัฒนาพันธุ์ และการสร้างพันธุ์ข้าวพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการของตลาดให้มากขึ้นโดยเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพและที่สำคัญคือ มุ่งส่งเสริมให้ภาคเอกชนสถาบันวิชาการได้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนาสร้างพันธุ์ข้าวใหม่ใหม่ขึ้นมาให้มากขึ้น

ส่วนในเรื่องของการตลาดนั้นก็จะมุ่งให้ความสำคัญทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยหัวใจสำคัญประการ 1.เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าข้าวไทยเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกกับประเทศคู่แข่งสำคัญหลายประเทศที่เพิ่มมากขึ้นผู้ประกอบการก็จะประกอบด้วยโรงสี อุตสาหกรรมแปรรูป และผู้ส่งออกข้าวของไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อลงลึกไปจะพบปัญหาอุปสรรคหลายประการไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของต้นทุนการส่งออก การขนส่ง ขั้นตอนกระบวนการ เพื่อให้เราแข่งขันในตลาดโลกได้ภายใต้คุณภาพข้าวไทยและผลิตภัณฑ์ข้าวไทยที่เรามุ่งเน้นในเรื่องยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปีนี้ แต่ทั้งหมดยังมีรายละเอียดเพิ่มเติม จะมีการนัดประชุมอีก 2-3 ครั้ง โดยหลักการก็คือ ขอให้การประชุมหารือทุกครั้งจะต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมทั้งหมดให้ครบทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกรผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ รวมถึงภาควิชาการทั้งหมด

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ข้าวนั้นเป้าหมายคือให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและการส่งออกข้าวให้พัฒนาข้าวให้ตรงกับความต้องการของตลาด สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัย สร้างทีมขายขยายตลาดและสามารถแข่งขันได้ ด้านการตลาดในประเทศ มุ่งรักษาคุณภาพข้าวและสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สร้างเสถียรภาพด้านราคาพัฒนากลไกซื้อขายข้าวให้ได้มาตรฐาน พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มช่องทางการจำหน่ายและความต้องการบริโภค ส่วนทางด้านการผลิตให้พัฒนาชาวนาให้มีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ บริหารจัดการด้านการผลิตข้าวมีประสิทธิภาพและความต้องการของตลาด เน้นการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวให้สามารถแข่งขันได้
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/709064269926306


คุมเข้มการเปิดภาคเรียน สั่งปิดโรงเรียนทันทีหากพบผู้ติดเชื้อ❗
--------------------------------

นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงมาตรการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่า  สพฐ. รวบรวมข้อมูลโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่นักเรียนมาเรียนได้ 100% โดยไม่สลับวันมาเรียน จำนวน 21,000 แห่ง ส่วนที่เหลือจำนวน 5,000 แห่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ต้องสลับวันมาเรียนและผสมผสานการเรียนผ่านระบบโทรทัศน์ดิจิทัลและระบบออนไลน์ เป็นกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่และโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่

เมื่อเปิดภาคเรียนแล้วโรงเรียนทุกแห่ง จะต้องดำเนินการคัดกรองอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดไข้นักเรียนก่อนเข้าเรียน การจัดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัยและมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทุกจุดภายในสถานศึกษา

ส่วนโรงเรียนพักนอนของ สพฐ. ไม่มีความกังวล  เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีมาตรฐานการคัดกรองอย่างดี นอกจากนี้โรงเรียนในพื้นที่ที่ติดชายแดนอย่างภาคใต้และภาคเหนือที่มีเด็กไทยต้องเดินทางไปเยี่ยมผู้ปกครองทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านระหว่างปิดภาคเรียนนั้น สพฐ. มีมาตรการสำหรับนักเรียนไทยสามารถเดินทางข้ามชายแดนได้แต่ ต้องถูกกักตัว 14 วัน ตามมาตรการของรัฐบาล

หากเปิดภาคเรียนแล้วพบนักเรียนมีไข้สูง โรงเรียนจะต้องส่งนักเรียนให้กับโรงพยาบาลทันที ห้ามนอนพักในห้องพยาบาลของโรงเรียนอย่างเด็ดขาด ถ้าเปิดภาคเรียนไปสักระยะหนึ่ง พบนักเรียนตรวจเจอโควิด-19 จะต้องมีการปิดโรงเรียนทันที พร้อมกับทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/708606069972126