▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์
การเมืองต่างประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
คนไทยในต่างแดน
คนไทยในอเมริกา
เล่าได้เล่าดี ตอน เมื่อประธานาธิบดี Donal Trup จะมาเยี่ยมบ้านเมืองของเรา งานนี้มีดราม่า
สวัสดีค่ะ วันนี้มาเล่าเรื่อง ความคืบหน้าของเหตุการณ์ การเดินทางมาหาเสียงของประธานนาธิบดี นาย Donald Trump ที่เมือง Tulsa รัฐ Oklahoma
เมืองเทาซ่า เมืองบ้านนอก ของฉัน ดังทะลุจอ ทุกสำนักข่าว ทุกหัวหนังสือพิมพ์ ทุกรายการวาไรตี้ พูดถึงเทาซ่า มาติดต่อกันเป็นอาทิตย์แล้ว เมื่อในวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี นาย Donald Trump ได้ประกาศ ว่าเขาจะเริ่มทำการหาเสียงครั้งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ ครั้งล่าสุดของการหาเสียงได้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะหยุดพักการหาเสียงไป เนื่องจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ในการกลับมาเดินทางหาเสียงอีกครั้ง นาย Donald Trump ได้เลือกเมืองเทาซ่า รัฐโอกลาโฮม่า เป็นศูนย์กลางการหาเสียง ในแถบ Midland หรือ รัฐตอนกลางของประเทศอเมริกา เป็นที่แรกของการเดินสายหาเสียงในครั้งนี้ การเดินทางมาหาเสียง และเลือกเอาเมืองเทาซ่า ที่เพิ่งจะเปิดเมือง หลังจากปิดเมืองมานานเกือบสามเดือน ในระหว่างโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่ดราม่า เท่ากับการเลือกวันหาเสียง ในวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งในปีนี้ เป็นวันครบรอบ 100 ปีของ การสังหารหมู่คนผิวสีดำในปี 1921
ซึ่งในวันที่ 1 มิถุนายน ปี 1921 กลุ่มคนผิวสีขาวได้รวมตัวกัน บุกหมู่บ้านคนผิวสีดำในเขต Greenwood และทำการสังหารหมู่คนผิวสีดำ รวมโดยสังเขปประมาณ 300 คน และทำการเผาบ้านเรือน กิจการ ร้านค้า วอดวายไปถึง 35 หัวถนนด้วยกัน ซึ่งถนน Greenwood ในเมืองเทาซ่า รัฐโอกาโฮมา ในศตวรรษ 19 ถือว่าเป็น Black Wall Street ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ ร้านค้า และที่อยู่อาศัยของเศรษฐีคนผิวสีดำ และเขตใกล้เคียงถนนนี้ ก็เป็นหมู่บ้านของคนผิวสีดำ อยู่กันอย่างหนาแน่น ซึ่งในช่วงนั้น เท่าซ่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยและเจริญรุ่งเรืองด้วยธุรกิจบ่อน้ำมัน และมีน้ำมันอยู่มากมายภายใต้ผืนแผ่นดินของรัฐโอกลาโฮม่า
เมื่อวันหนึ่งในปลายเดือนพ.ค ปี 1921 ชายผิวดำ ผู้หนึ่งชื่อ Dick Rowland ได้ถูกจับในข้อหาทำอนาจารหญิงผิวขาว ในลิฟต์ ซึ่งเขาปฏิเสธข้อหา อ้างว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้ว เขาเกิดไปเยียบเท้าของสตรีคนนั้น ทำให้เธอตกใจจนร้องออกมา ทางการไม่เชื่อในคำของฝ่ายชาย จึงจับเขาขังคุก จากเรื่องนี้ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนขาว และคนดำ ทำให้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่คนดำ ฆ่าล้างบาง และเผาครัวเรือนเสียวอดวายในวันที่ 1 มิถุนายน และครั้งนี้ก็เป็นเหตุการที่เกี่ยวกับการเหยียดผิว ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งในวันที่ 19 มิถุนายน 1865 ประธานาธิบดีลินคอร์น ประกาศให้เป็นวันสุดท้าย และสิ้นสุดของการมีทาส เหตุการณ์ในวันนั้นจึงเป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญ อีกวันหนึ่งของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งปัจจุบัน สมาคมกลุ่มคนผิวสีดำในเขต Greenwood ก็ทำการเฉลิมฉลอง ในวันที่ 19 มิถุนายน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต และการเลิกทาสทุกปี โดยใช้ชื่อว่าวัน Juneteenth
ในตอนนี้ ระหว่างที่ประเทศอเมริกา กำลังเจอปัญหาลุกลาม บานปลาย จากการประท้วงเรื่องชายแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ถูกตำรวจจับและทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทำให้ชายผู้นี้เสียชีวิตในขณะจับกุมนั้น ซึ่งในเมืองเทาซ่าเอง ก็มีการเดินประท้วงด้วย แต่เป็นการเดินอย่างสันติ ซึ่งการมาของ Donald Trump ทำให้ประชาชนของเทาซ่าบางส่วนไม่พอใจที่นาย Donald Trump เลือกที่จะมาหาเสียงที่ เทาซ่าในวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 100 ปี เหตุการณ์การเหยียดผิว ซึ่งเหมือนเป็นการตอกย้ำ ความรุนแรงในอดีต เมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา ระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวดำ ถึงแม้ว่านาย Donald Trump จะออกมากล่าวขอโทษ และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ต่างๆ และเลื่อนวันออกไปเป็นวันที่ 20 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนบางคน ที่ไม่ชอบนาย Donald Trump ซึ่งคิดว่าเขามีลักษณะนิสัย เข้าข้างคนขาว เหยีดผิว และไม่เป็นกลางแก่คนผิวสี ซึ่งรวมไปถึงคนเอเชียด้วย ซึ่งทำให้ตอนนี้เหตุการณ์ในเมืองเทาซ่าก็เริ่มตึงเครียดขึ้น ระหว่างผู้สนับสนุนประธานาธิบดี Donald Trump และผู้ที่ไม่สนับสนุนเขา อีกทั้ง ความตึงเครียดระหว่าง กลุ่มสนับสนุนคนคนขาว และกลุ่มกลุ่มสนับสนุนคนดำ
การมาหาเสียงที่เมืองเทาซ่าในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เดินทางเข้าเมืองมาถึง หนึ่งแสนคน ซึ่งทางสถานที่จัดงาน คือ BOK Center สามารถจุคนได้เกือบ สองหมื่นคน ซึ่งบัตรเข้าไปชมการหาเสียงครั้งนี้ มีผู้สนใจลงนามขอบัตรมากถึง หนึ่งล้านคน ซึ่งทำให้ประชาชนชาวเทาซ่า ที่ตระหนักถึงการระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า ที่จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนของผู้ที่เดินทางเข้าเมืองมาในครั้งนี้ ได้ออกมาประท้วง แต่โดยทางคณะผู้จัดงาน และผู้ดูแลประสานงานการเดินสายหาเสียงของนาย Donald Trump ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ทางคณะจัดงานได้ ทำการแจ้งเตือนผู้ที่ขอบัตรไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ให้ทำตาม Guide Line ของสาธารณสุข อย่างเช่น มีหน้ากากอนามัยแจก แต่จะไม่บังคับให้ใส่ ใครจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามแต่ความสมัครใจ เขามีเจลล้างมือให้บริการแจก และติดตั้งตามจุดทั่วทั่งงาน อีกทั้งยังให้มีการ เซ็นต์สัญญายินยอมจากผู้ที่รับบัตรเข้าชมอีกด้วย ว่าจะไม่ฟ้องร้องผู้จัดงาน หากว่าเขาเหล่านั้น เกิดติดเชื้อไวรัสโคโรน่า เพราะมางานนี้ ดังนั้นถ้าใครอยากมาก็ต้องรักษาตัวเองให้ดี เกิดเป็นอะไรไป จะไปฟ้องร้องใครก็ไม่ได้
ส่วนทางเทาซ่าซิตี้เอง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีการคาดการล่วงหน้าไปในทางร้ายแรงไว้ก่อนว่า น่าจะเกิดเหตุการณ์จลาจล อย่างแน่นอน เพราะความตึงเครียด ของบุคคลหลายๆฝ่าย และหลายๆกลุ่ม ดังนั้นทางซิตี้ก็ได้ร่วมมือกับตำรวจของเทาซ่า และเมืองใกล้เคียง อีกทั้งยังขอกำลังทหารจากหน่วย National Guard เข้ามาเสริมกำลังทัพอีกด้วย อีกทั้งยังออกประการ Curfew ห้ามไม่ให้ประชาชน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดงาน หรืออาศัยอยู่ในเขตควบคุมพื้นที่ รอบๆสถานที่จัดงาน ไม่สามารถเข้าไปในเขตควมคุมพื้นที่ได้ในเวลา สี่ทุ่ม ถึงหกโมงเช้า ของพฤหัสบดีที่ 18 - วันเสาร์ที่ 20 อีกด้วย
สถานที่จัดงานในครั้งนี้ คือ BOK Center ซึ่งอยู่ในเขตดาว์ทาวน์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ ทางอาคารสำนักงานต่างๆ เริ่มพากันเอาแผ่นไม้ มาปิดหน้าต่าง และประตูตั้งแต่ตอนเย็นวันพุธที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเตรียมตัวและป้องกันการ หากเกิดการทำลายข้าวของ และขโมยทรัพย์สิน อย่างที่เป็นกันอยู่ในเมืองต่างๆทั่วอเมริกา ในด้านของบริษัทปั้มน้ำมันยักษ์ใหญ่ ของเท่าซ่า Quick Trip ที่ไม่เคยปิดปั๊มน้ำมันเลยแม้แต่วันเดียว ก็ทำการปิดปั้มน้ำมัน รอบๆ ดาวน์ทาวน์ ด้วยกับรวมหกแห่ง ซึ่งทำการเอาแผ่นไม้มาปิดรอบร้าน และตัดแก๊สออกจากหัวปั้มทุกหัว เพื่อเป็นการป้องกัน เหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้น จากเปลวไฟ และน้ำมัน
ซึ่งนาย Donald Trump เคยมาหาเสียงที่เมืองเทาซ่า เมื่อสี่ปีก่อน ในสมัยที่ยังไม่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ตอนนั้นฉันเป็นผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้รับโทรศัพท์ ติดต่อมาของเช่าห้อง เรทของเจ้าหน้าที่ หรือ Government Rate ด้วยกันสิบห้อง โดยเขาระบุว่า การมาของเขา ขอให้ปิดเป็นความลับ และทั้งสิบห้องขอให้ใช้ชื่อคนจอง คือนาย John Smith ซึ่งเป็นนามสมมุติ ที่รู้กันทั่วไป และใช้กันอย่างแพร่หลาย ในหมู่เจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนั้นฉันก็เข้าใจว่าเป็นทหาร National Guard ที่มีฐานทัพอยู่ใกล้ๆกับ โรงแรมของฉัน แต่ที่ไหนได้ ในเช้าวันต่อมา นาย John Smith ทั้งสิบนาย ในชุดสูทรสีดำ กับแว่นตาเรย์แบรนด์ อย่างกับในหนัง Man in Black เดินกันพรึบอยู่ในล๊อบบี้ ในโรงแรมของฉัน แต่ละคนหล่อเหลา เท่ห์สุดๆไปเลย ตอนนั้นเลยนึกขึ้นได้ว่า นาย John Smith ทั้งสิบ ไม่ใช่ทหาร National Guard แต่เป็น Secret Agent มาควบคุมดูแลสถานที่ และเป็นบอดี้การ์ดให้ นาย Donald Trump ที่มาหาเสียงในงานนั้น โอ๊ยบ่ะเจ้า.. ถึงตอนนี้อิฉันก็ยังจำ ภาพ คุณๆ John Smith ทั้งสิบของฉันได้อย่างติดตา คุณๆทั้งสิบก็มาไวไปไว จะเดิน จะเหิน เงียบกริบ สง่างามสุดๆ สมกับเป็น Secret Agent ที่น่าจะชื่อ เจมส์ บอนด์ เสียมากกว่า
ในคราวนั้น นาย Donald Trump ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่คราวนี้ น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์อะไรๆ หลายๆอย่าง ที่มันพัวพันกันมาก อย่างเช่นกลุ่มสนับสนุน ประธานาธิบดี Trump กับกลุ่มที่ไม่สนับสนุน กลุ่มคนขาวกับกลุ่มคนดำ กลุ่มคนเป็นห่วงเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า กับกลุ่มที่ไม่กลัว กลุ่มคนที่จ้องจะทำลายบ้านเรือน ธุรกิจ ร้านค้า และขโมย กับกลุ่มเจ้าของบ้านเรือน และธุรกิจร้านค้า กลุ่มประท้วงกับตำรวจ ทหาร ทั้งหมดทั้งปวงนี้ มันทำให้เกิดบรรยากาศมาคุ รอเวลาประทุ อีกอย่าง ที่รัฐโอกลาโฮม่า มีกฎหมายให้ประชาชน ถือครองปืน และพกพาไปได้ในที่สาธารณะ หากมีใบอนุญาตถือครอง ก็จะซื้อขาย และพกพาติดตัวได้ ดั้งนั้นฉันก็หวั่นว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทีนี้ก็จะได้ โป้งป้าง ยิงกันอย่างกับหนังคาวบอยเป็นแน่แท้เชียว ซึ่งก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร