ช่วงนี้ช่อง Youtube Official ของสโมสรลิเวอร์พูล ได้รวมเอาไฮไลท์ประตูในพรีเมียร์ลีกในปีเก่าๆ ในแต่ละฤดูกาล มาให้ดูเรื่อยๆ เหมือนให้เหล่าเดอะค็อปได้หวนรำลึกเหตุการณ์เก่าๆ กับ ร่วมนับถอยหลังสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมาเนิ่นนาน แถมนานเข้าไปอีกที่ลีกต้องพักถึง 3 เดือนจากสถานการณ์ไวรัสโควิด19
พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งแล้วเมื่อคืน โอกาสนี้ผมก็ขอร่วมด้วยคน แต่ขอไม่เอาเก่ามากขอเริ่มที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013/2014 สัก 7 ปีกำลังดีนะครับ
-------------------------------
<ฤดูกาล 2013/2014> โศกนาฏกรรม
ภาพรวม ลื่น!!!
ความรู้สึก ...
แชมป์ปีนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ มานูเอล เปเญกรินี่ ปีเทพของยาย่า ตูเร่ กด 20 ลูกในลีก
-----------------------
<ฤดูกาล 2014/2015> ฤดูกาลที่ไม่มีอะไรให้จดจำ
ภาพรวม หลังเหตุการณ์สุดช็อคปีกลาย คู่หู SAS ก็เหลือ S เดียว ผมคิดเอาเองนะว่าหลุยส์ ซัวเรซ จงใจกัดหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลินี่ ในบอลโลก 2014 ที่บราซิล เพื่อให้ตัวเองโดนแบนตอนต้นฤดูกาล เพื่อที่จะขอย้ายไปบาร์เซโลน่าง่ายขึ้น สุดท้าย แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็ขึ้นมาแบกทีม แต่สภาพร่างกายก็กลายเป็นกระดูกยุงเจ็บแบบเล่นนัดเว้นสองนัด
ตัวที่ซื้อมาทดแทนอย่างบาโลเตลี่ก็เล่นไม่เข้าระบบ ทุกอย่างในเกมส์รุกต้องฝากความหวังไปที่เด็กสองคนอย่างฟิลิปเป้ คูตินโย่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เจ้าริ่งในปีนั้นเล่นหน้าเป้าบ่อยมากเพราะสเตอร์ริดจ์เจ็บ บาโลทั้งเจ็บ ทั้งเล่นไม่ดี ยังเป็นราฮีมร่างเด็กน้อยที่เร็วอย่างเดียว การจบสกอร์ยังยิงลูกยิงปุยนุ่นอยู่
ความรู้สึก เป็นฤดูกาลที่ดูด้วยความท้อแท้เพราะเกมส์รุกฝืดมาก เกมส์รับก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่แม้จะได้เดยัน ลอฟเรน มาเสริม เจ็บปวดที่สุดกับการที่สตีเฟน เจอร์ราด ต้องเจอ โดนไล่ออกใน 6 วินาทีตอนเจอ แมนยู นัดสุดท้ายในแอนฟิลด์แพ้คาบ้านให้พาเลซ 1-3 นัดสุดท้ายในสีเสื้อลิเวอร์พูล ไปแพ้ที่บ้านสโต็ค 6-1
แชมป์ปีนั้น เชลซีของมูรินโย่ที่มาคุมคำรบสอง หลังไปเหมา 3 ตัวจากแชมป์ลาลีกาปีกลาย แอตฯมาดริด ดิเอโก้ คอสต้า ทดแทนดร็อกบา ธิโบต์ คูกร์ตัว ทดแทนปีเตอร์ เช็ก แบ็คซ้ายอีกตัว เฟลิเป้ ลุยส์ กาสเมกีร์ สุดท้ายได้ เชส ฟาเบรกัส มาช่วยจ่าย ผนวกกับเอแดง อาร์ซาร์ ที่เทพอยู่แล้ว ก็ได้แชมป์แบบม้วนเดียวจบแบบมูรินโย่สไตล์
---------------------------------
<ฤดูกาล 2015/2016> ประกาย
ภาพรวม การมาของความหวังใหม่ คริสเตียน เบนเตเก้ และ โรแบร์โต้ ฟีเมียโน่ ก็ไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ เบนเตเก้เหมือนไม่เข้าระบบบอลบนพื้นของรอดเจอร์ บ็อบบี้ ฟีเมียโน่ ก็ยังหาตำแหน่งตัวเองไม่เจอ เล่นปีกก็ไม่เร็ว ทรงบอลมีแต่ทรงกับทรุด สุดท้ายรอดเจอร์ชะตาขาดในนัดไปเยือนเอฟเวอร์ตัน แล้วทำได้แค่เสมอ 1-1 สโมสรทำการแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อป ที่ช่วงนั้นว่างงานพอดี เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม
ส่วนตัวผมรู้จักคล็อปคือกุนซือที่พาดอร์ทมุนด์ได้แชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย เบียดบาเยิร์นมิวนิคขึ้นมาได้ ต่อจากนั้นก็เข้าชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกกับบาเยิร์นแล้วได้รองแชมป์ กับ คำให้สัมภาษณ์สมัยคุมดอร์ทมุนด์ตอนเจออาร์เซนอล
"I prefer heavy metal"
ที่คล็อปเปรียบเทียบว่าอาร์เซนอลเป็นทีมที่เล่นเหมือนเพลงคลาสสิคสวยงาม แต่ผมชอบดนตรีเฮฟวี่เมทัลมากกว่า
วันเปิดตัวสิ่งที่จดจำได้ดีที่สุดคือสารที่บอสส่งถึงแฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกว่า
"We have to change from doubter to believer"
ที่มาของชื่อเรื่องข้างบนนั่นเอง
แน่นอนรับงานกลางฤดูกาล ไม่ใช่นักเตะที่ตัวเองเลือก การเรียนรู้พรีเมียร์ลีก แต่สิ่งที่แฟนบอลอย่างเราสัมผัสได้คือ ทีมมันเล่นมีทรง มีประกายขึ้นแฮะ เลยไปหาบทสัมภาษณ์เก่าๆของคล็อปมาอ่าน ทำให้รู้ว่าคล็อปใช้ปรัชญาในการทำทีมคือ counter pressing หลักการนี้คือ ถ้าเราเสียบอลให้ฝ่ายรับในแดนของศัตรู ถ้าเราแย่งคืนมาได้ เราสามารถจู่โจมเร็วทำประตูได้ทันที ค่ามันเท่ากับเราจ่ายบอลไปมากว่า 20 ครั้ง จากนั้นจ่ายให้นักเตะเบอร์ 10 แล้วเขาก็จ่ายทะลุช่อง ค่ามันเท่ากันเลย ทำไมเราไม่ลองวิ่งเยอะๆแล้วแย่งบอลมาให้ได้ล่ะ
ฤดูกาลนี้ในพรีเมียร์ลีกนี่กระท่อนกระแท่นทำให้จบไม่ถึงอันดับ 4 แต่เข้าชิงบอลถ้วย 2 รายการ คือ ลีกคัพที่แพ้แมนซิตี้ กับ ยูโรป้าลีกที่แพ้เซบีญ่า
ความรู้สึก เป็นปีที่เหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ผิดหวังสุดๆตอนต้นฤดูกาล กลางฤดูกาลมีความหวัง แล้วก็จบที่ผิดหวังที่แพ้บอลถ้วยตอนท้ายฤดูกาล ผ่านไปหลายปีได้อ่านคำสัมภาษณ์ของผู้ช่วยคล็อป ปีเตอร์ คราเวียต ว่านัดชิงกับเซบีญ่า นักเตะเรามีแรงเล่นได้แค่ครึ่งเดียว เพราะกรำศึกหนักมาก บวกกับเป็นปีแรกที่พากันเล่นเพรสซิ่ง แทคติกคือยิงให้ขาดครึ่งแรกแล้วเล่นรัดกุมครึ่งหลัง ดังนั้นพอครึ่งหลังโดนตีเสมอ 1-1 แล้วนักเตะแรงหมดก็ game over
แชมป์ปีนั้น เป็นปีที่ทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีกนัดกันฟอร์มตก
เชลซี แชมป์เก่า โค้ชมีปัญหาภายในกับแพทย์ประจำทีมแล้วนักเตะเข้าข้างหมอ
แมนยู ยุคอาจารย์หลุยส์
แมนซิตี้ ประกาศแต่งตั้ง กุนซือใหม่ เป็ป กวาดิโอล่า กลางฤดูกาล
กลายเป็นทีมเล็กอย่างเลสเตอร์ ซิตี้สร้างฤดูกาลมหัศจรรย์ เบียดแย่งแชมป์ชนะสเปอร์ นำโดย เจมี่ วาร์ดี้ ยิง ริยาด มาเรซ จ่าย เอนโกโล่ กองเต้ แย่งบอล จากนั้น กองเต้ ก็ย้ายไปเชลซี
-----------------------------------
<ฤดูกาล 2016/2017> มาเน่ มาแน่ กับ ดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่แท้จริง
ภาพรวม ในการสร้างแชมป์ลีก 1 ทีม ย้อนกลับไปดูได้ ในทีมต้องมี เพชรฆาต1 และ เพชรฆาต2 หรือ คนทำสกอร์หลัก และ คนทำสกอร์รอง
หลังหมดยุค SAS สเตอร์ริดจ์จมอยู่กับอาการบาดเจ็บ คนอื่นๆในทีมก็ยิงได้เฉลี่ยๆกัน ถึงเวลาต้องหาคนทำสกอร์หลักคนใหม่
ซาดิโอ มาเน่ คือ คำตอบ
ก่อนย้ายมาในราคา 32 ล้านปอนด์ ขนาดแฟนหงส์ด้วยกันยังสงสัย จะดีเหรอไปเอาคนที่ยิงกลางๆ กับทีมกลางมา มันจะไหวเหรอ แต่ปรากฎว่า มาเน่เป็น เดอะแบก ของฤดูกาลนี้ เขาประจำการทำหน้าฝั่งขวา หน้าเป้าเป็นฟีเมียโน่ หน้าซ้ายเป็นคูตินโญ่
ถ้าถามว่าใน 7 ปีหลัง ปีไหนเกมส์รุกลิเวอร์พูลมันสุด ก็ต้องตอบว่าปีนี้ครับ เพราะแทคติกคือใส่ไม่ยั้ง ยิงมายิงกลับ ไม่โกง เป็นเพราะเกมส์รับยังไม่ได้ขันน็อตก็เลยต้องเน้นบุกไว้ก่อน มีเกมส์ที่น่าประทับใจหลายๆเกมส์ เช่น บุกชนะอาร์เซนอล นัดเปิดฤดูกาล 4-1 บุกชนะเชลซี 2-1 กลับบ้านไปชนะน่อล 3-1
รวมถึงเกมส์ที่บ่งบอกความเป็นฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุดคือเกมส์ นำ 2-0 นำ 3-1 แล้วกลับมาแพ้ในเกมส์เยือนบอร์นมัธในนาทีสุดท้าย ด้วยสกอร์ 4-3 คือ รุกเทพจริง แต่เกมส์รับก็ยังต้องแก้ไขอยู่
นักเตะที่ฟอร์มเทพในปีนี้นอกจาก 3 ประสานในแดนหน้า แล้วก็ยังมี อดัม ลัลลาน่า ที่กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ยิงกระจ่าย จ่ายกระจาย
ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลเบียดอาร์เซน่อลเข้าป้ายที่ 4 คว้าตั๋วใบสุดท้ายไปลุยศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้สำเร็จ จริงๆต้นฤดูกาลมีลุ้นแชมป์ด้วยซ้ำ แต่หลังปีใหม่ปรากฎว่าเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากันระนาว เพราะนักเตะวิ่งเยอะเกิน 555
แชมป์ปีนั้น เชลซี ของอันโตนิโอ คอนเต้ การกำเนิดระบบ 3-4-3 จริงๆลิเวอร์พูลก็มีส่วนนะ เพราะ เชลซีแพ้อาร์เซนอล 3-0 ต่อด้วยแพ้หงส์คาบ้าน 1-2 ตอนนั้นคอนเต้ใช้หลัง 4 ตัว หลังจากนั้นก็ปรับมาใช้หลัง 3 แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยส์, เซซ่าร์ อัสปิลิกวยต้า เป็น 3 กองหลังตัวกลาง ตัดต่อพันธุกรรมวิคเตอร์ โมเสส จากปีกขวาเป็นวิงแบ็คขวา มากอส อลองโซ่ จากแบ็คซ้ายจอมรั่ว กลายเป็นวิงแบ็คซ้ายเทพ ยิงตลอด คู่กลางเป็น กองเต้ กะ มาติช หน้าสามตัวเป็น อาซาร์ คอสต้า วิลเลี่ยนสลับกับเปโดร ลงตัวจนเป็นแชมป์ม้วนเดียวจบ
------------------------------------
<ฤดูกาล 2017/2018> นำสมดุลสู่พลัง
ปรากฎการณ์บังโม นักเตะที่เคยล้มเหลวกับเชลซี ไปฟอร์มดีที่อิตาลี่กับโรม่า จำนวนประตูที่ยิงก็กลางๆ ตามข่าวลึกๆจะรู้ว่าคล็อปไม่ได้อยากได้ แต่เป็น สปอร์ตไดเร็คเตอร์ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด กับ นักวิเคราะห์ เอียน เกรแฮม เอาไปเสนอคล็อป ว่าเนี่ยแหละคือ ตัวทำสกอร์ความหวังอันดับ 1 ของเรา พอคล็อปตัดสินใจใช้เขาเท่านั้นแหละ and the rest is the history ส่วนที่เหลือก็คือประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ยังไงการยิง 32 ลูกในยุคพรีเมียร์ลีก 38 นัด มากที่สุดตลอดกาลคือคำตอบ
ต้นฤดูกาลมีความพยายามขันน็อตแนวรับโดยการดึงเวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาจากเซาท์แทมตัน แต่ถูกข้อหาเจรจานักเตะผิดการ การเจรจาเลยพับไป
ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ลงเล่นในเสื้อครบรอบ 125 ปีสโมสร เป็นเสื้อคอวี กับสีแดงที่จะอมเลือดหมูหน่อยๆ
เป็นฤดูกาลที่ยิ่งกว่ารถไฟเหาะ เปิดมาได้ โม ซาล่าห์ เกือบได้ฟานไดค์ ในตลาดหน้าร้อน เกิดดีลประวัติศาสตร์ การทำลายสถิติค่าตัวนักเตะแพงสุดในโลกของเนย์มาร์ ที่ย้ายจากบาร์เซโลน่าไปปารีสแซงค์แชงแมง
เนย์มาร์เอฟเฟคส์ เลยมาเกิดกับลิเวอร์พูลในช่วงเข้าปีใหม่ 2018 ลิเวอร์พูลเสียสตาร์อันดับ 1 ในตอนนั้น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพื่อไปเล่นให้กับทีมในฝันของเขาบาร์เซโลน่า
แต่ก็ได้สมดุลของพลังเกมรับกลับมา คือ คว้า เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาได้ในตลาดรอบเดียวกัน
การจากไปของสตาร์อันดับ 1 ทิ้งช่องโหว่ในเกมส์รุกเอาไว้ ตอนมีเขา บางนัดหงส์เล่นระบบ 4-2-1-3 โดยคูตี้ยืนอยู่หลัง 3 ประสาน บางนัดเล่นเป็นกองหน้าฝั่งซ้าย โดย 3 ประสานในปีนี้ ลิเวอร์พูลใช้ปีกสลับด้าน คือ มาเน่ที่ถนัดขวายืนฝั่งซ้าย ซาล่าห์ที่ถนัดซ้ายยืนฝั่งขวา หน้าเป้าเป็นบ็อบบี้ ฟีเมียโน่
ใครจะคิดว่าคนที่อุดรอยรั่วในเกมส์รุกที่เพลย์เมคเกอร์ราคาแพงที่สุดอันดับ 3 ของโลกในตอนนั้นทิ้งไว้กลับเป็น แบ็คซ้ายจากสก็อตแลนด์ที่ย้ายมาจากทีมที่ตกชั้น แถมเคยทำงานพาร์ทไทม์ขายกางเกงในในร้านมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ กับ แบ็คขวาหน้าละอ่อนเลือดสเกาส์เซอร์แท้ๆ สายเลือดของเมืองแห่งนี้
กำเนิด Trent and Robbo first class delivery
ในเมื่อไม่มีเพลย์เมคเกอร์แท้ๆ เราก็ขึ้นเกมส์ทางฟูลแบ็คทั้งสองข้างเอาในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ทั้งเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ และ แอนดรู โรเบิร์ตสัน แบ็คขวาและซ้าย ต่างช่วยกันเปิดป้อนสร้างโอกาสอย่างมากมาย
ผลงานคือมีฤดูกาลที่แผ่วปลายเหมือนเดิมในพรีเมียร์ลีก แต่ในทางตรงข้ามกับสุดมหัศจรรย์ในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ได้เข้าชิงกับเจ้ายุโรปตัวจริงรีล มาดริด ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่แล้วอาการบาดเจ็บของซาล่าห์ตั้งแต่ต้นเกมส์ กับ การผิดพลาดของผู้รักษาประตู ลอริส คาริอุส ทั้ง 2 ครั้ง ก็นำมาซึ่งฤดูกาลแสนมหัศจรรย์ที่ว่างเปล่าอยู่ดี
แชมป์พรีเมียร์ลีกปีนั้น แมนซิตี้ ของเป็ป กวาดิโอล่า แชมป์ 100 แต้ม ห่างที่ 2 มากที่สุด หลังจากตั้งหลัก 1 ปี เป็ปก็ทำได้
----------------------------------
7 ปี จากผู้สูญสิ้นศรัทธา สู่ผู้เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาและความหวัง!!
พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งแล้วเมื่อคืน โอกาสนี้ผมก็ขอร่วมด้วยคน แต่ขอไม่เอาเก่ามากขอเริ่มที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013/2014 สัก 7 ปีกำลังดีนะครับ
-------------------------------
<ฤดูกาล 2013/2014> โศกนาฏกรรม
ภาพรวม ลื่น!!!
ความรู้สึก ...
แชมป์ปีนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ มานูเอล เปเญกรินี่ ปีเทพของยาย่า ตูเร่ กด 20 ลูกในลีก
-----------------------
<ฤดูกาล 2014/2015> ฤดูกาลที่ไม่มีอะไรให้จดจำ
ภาพรวม หลังเหตุการณ์สุดช็อคปีกลาย คู่หู SAS ก็เหลือ S เดียว ผมคิดเอาเองนะว่าหลุยส์ ซัวเรซ จงใจกัดหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลินี่ ในบอลโลก 2014 ที่บราซิล เพื่อให้ตัวเองโดนแบนตอนต้นฤดูกาล เพื่อที่จะขอย้ายไปบาร์เซโลน่าง่ายขึ้น สุดท้าย แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็ขึ้นมาแบกทีม แต่สภาพร่างกายก็กลายเป็นกระดูกยุงเจ็บแบบเล่นนัดเว้นสองนัด
ตัวที่ซื้อมาทดแทนอย่างบาโลเตลี่ก็เล่นไม่เข้าระบบ ทุกอย่างในเกมส์รุกต้องฝากความหวังไปที่เด็กสองคนอย่างฟิลิปเป้ คูตินโย่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เจ้าริ่งในปีนั้นเล่นหน้าเป้าบ่อยมากเพราะสเตอร์ริดจ์เจ็บ บาโลทั้งเจ็บ ทั้งเล่นไม่ดี ยังเป็นราฮีมร่างเด็กน้อยที่เร็วอย่างเดียว การจบสกอร์ยังยิงลูกยิงปุยนุ่นอยู่
ความรู้สึก เป็นฤดูกาลที่ดูด้วยความท้อแท้เพราะเกมส์รุกฝืดมาก เกมส์รับก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่แม้จะได้เดยัน ลอฟเรน มาเสริม เจ็บปวดที่สุดกับการที่สตีเฟน เจอร์ราด ต้องเจอ โดนไล่ออกใน 6 วินาทีตอนเจอ แมนยู นัดสุดท้ายในแอนฟิลด์แพ้คาบ้านให้พาเลซ 1-3 นัดสุดท้ายในสีเสื้อลิเวอร์พูล ไปแพ้ที่บ้านสโต็ค 6-1
แชมป์ปีนั้น เชลซีของมูรินโย่ที่มาคุมคำรบสอง หลังไปเหมา 3 ตัวจากแชมป์ลาลีกาปีกลาย แอตฯมาดริด ดิเอโก้ คอสต้า ทดแทนดร็อกบา ธิโบต์ คูกร์ตัว ทดแทนปีเตอร์ เช็ก แบ็คซ้ายอีกตัว เฟลิเป้ ลุยส์ กาสเมกีร์ สุดท้ายได้ เชส ฟาเบรกัส มาช่วยจ่าย ผนวกกับเอแดง อาร์ซาร์ ที่เทพอยู่แล้ว ก็ได้แชมป์แบบม้วนเดียวจบแบบมูรินโย่สไตล์
---------------------------------
<ฤดูกาล 2015/2016> ประกาย
ภาพรวม การมาของความหวังใหม่ คริสเตียน เบนเตเก้ และ โรแบร์โต้ ฟีเมียโน่ ก็ไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ เบนเตเก้เหมือนไม่เข้าระบบบอลบนพื้นของรอดเจอร์ บ็อบบี้ ฟีเมียโน่ ก็ยังหาตำแหน่งตัวเองไม่เจอ เล่นปีกก็ไม่เร็ว ทรงบอลมีแต่ทรงกับทรุด สุดท้ายรอดเจอร์ชะตาขาดในนัดไปเยือนเอฟเวอร์ตัน แล้วทำได้แค่เสมอ 1-1 สโมสรทำการแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อป ที่ช่วงนั้นว่างงานพอดี เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม
ส่วนตัวผมรู้จักคล็อปคือกุนซือที่พาดอร์ทมุนด์ได้แชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย เบียดบาเยิร์นมิวนิคขึ้นมาได้ ต่อจากนั้นก็เข้าชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกกับบาเยิร์นแล้วได้รองแชมป์ กับ คำให้สัมภาษณ์สมัยคุมดอร์ทมุนด์ตอนเจออาร์เซนอล
"I prefer heavy metal"
ที่คล็อปเปรียบเทียบว่าอาร์เซนอลเป็นทีมที่เล่นเหมือนเพลงคลาสสิคสวยงาม แต่ผมชอบดนตรีเฮฟวี่เมทัลมากกว่า
วันเปิดตัวสิ่งที่จดจำได้ดีที่สุดคือสารที่บอสส่งถึงแฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกว่า
"We have to change from doubter to believer"
ที่มาของชื่อเรื่องข้างบนนั่นเอง
แน่นอนรับงานกลางฤดูกาล ไม่ใช่นักเตะที่ตัวเองเลือก การเรียนรู้พรีเมียร์ลีก แต่สิ่งที่แฟนบอลอย่างเราสัมผัสได้คือ ทีมมันเล่นมีทรง มีประกายขึ้นแฮะ เลยไปหาบทสัมภาษณ์เก่าๆของคล็อปมาอ่าน ทำให้รู้ว่าคล็อปใช้ปรัชญาในการทำทีมคือ counter pressing หลักการนี้คือ ถ้าเราเสียบอลให้ฝ่ายรับในแดนของศัตรู ถ้าเราแย่งคืนมาได้ เราสามารถจู่โจมเร็วทำประตูได้ทันที ค่ามันเท่ากับเราจ่ายบอลไปมากว่า 20 ครั้ง จากนั้นจ่ายให้นักเตะเบอร์ 10 แล้วเขาก็จ่ายทะลุช่อง ค่ามันเท่ากันเลย ทำไมเราไม่ลองวิ่งเยอะๆแล้วแย่งบอลมาให้ได้ล่ะ
ฤดูกาลนี้ในพรีเมียร์ลีกนี่กระท่อนกระแท่นทำให้จบไม่ถึงอันดับ 4 แต่เข้าชิงบอลถ้วย 2 รายการ คือ ลีกคัพที่แพ้แมนซิตี้ กับ ยูโรป้าลีกที่แพ้เซบีญ่า
ความรู้สึก เป็นปีที่เหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ผิดหวังสุดๆตอนต้นฤดูกาล กลางฤดูกาลมีความหวัง แล้วก็จบที่ผิดหวังที่แพ้บอลถ้วยตอนท้ายฤดูกาล ผ่านไปหลายปีได้อ่านคำสัมภาษณ์ของผู้ช่วยคล็อป ปีเตอร์ คราเวียต ว่านัดชิงกับเซบีญ่า นักเตะเรามีแรงเล่นได้แค่ครึ่งเดียว เพราะกรำศึกหนักมาก บวกกับเป็นปีแรกที่พากันเล่นเพรสซิ่ง แทคติกคือยิงให้ขาดครึ่งแรกแล้วเล่นรัดกุมครึ่งหลัง ดังนั้นพอครึ่งหลังโดนตีเสมอ 1-1 แล้วนักเตะแรงหมดก็ game over
แชมป์ปีนั้น เป็นปีที่ทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีกนัดกันฟอร์มตก
เชลซี แชมป์เก่า โค้ชมีปัญหาภายในกับแพทย์ประจำทีมแล้วนักเตะเข้าข้างหมอ
แมนยู ยุคอาจารย์หลุยส์
แมนซิตี้ ประกาศแต่งตั้ง กุนซือใหม่ เป็ป กวาดิโอล่า กลางฤดูกาล
กลายเป็นทีมเล็กอย่างเลสเตอร์ ซิตี้สร้างฤดูกาลมหัศจรรย์ เบียดแย่งแชมป์ชนะสเปอร์ นำโดย เจมี่ วาร์ดี้ ยิง ริยาด มาเรซ จ่าย เอนโกโล่ กองเต้ แย่งบอล จากนั้น กองเต้ ก็ย้ายไปเชลซี
-----------------------------------
<ฤดูกาล 2016/2017> มาเน่ มาแน่ กับ ดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่แท้จริง
ภาพรวม ในการสร้างแชมป์ลีก 1 ทีม ย้อนกลับไปดูได้ ในทีมต้องมี เพชรฆาต1 และ เพชรฆาต2 หรือ คนทำสกอร์หลัก และ คนทำสกอร์รอง
หลังหมดยุค SAS สเตอร์ริดจ์จมอยู่กับอาการบาดเจ็บ คนอื่นๆในทีมก็ยิงได้เฉลี่ยๆกัน ถึงเวลาต้องหาคนทำสกอร์หลักคนใหม่
ซาดิโอ มาเน่ คือ คำตอบ
ก่อนย้ายมาในราคา 32 ล้านปอนด์ ขนาดแฟนหงส์ด้วยกันยังสงสัย จะดีเหรอไปเอาคนที่ยิงกลางๆ กับทีมกลางมา มันจะไหวเหรอ แต่ปรากฎว่า มาเน่เป็น เดอะแบก ของฤดูกาลนี้ เขาประจำการทำหน้าฝั่งขวา หน้าเป้าเป็นฟีเมียโน่ หน้าซ้ายเป็นคูตินโญ่
ถ้าถามว่าใน 7 ปีหลัง ปีไหนเกมส์รุกลิเวอร์พูลมันสุด ก็ต้องตอบว่าปีนี้ครับ เพราะแทคติกคือใส่ไม่ยั้ง ยิงมายิงกลับ ไม่โกง เป็นเพราะเกมส์รับยังไม่ได้ขันน็อตก็เลยต้องเน้นบุกไว้ก่อน มีเกมส์ที่น่าประทับใจหลายๆเกมส์ เช่น บุกชนะอาร์เซนอล นัดเปิดฤดูกาล 4-1 บุกชนะเชลซี 2-1 กลับบ้านไปชนะน่อล 3-1
รวมถึงเกมส์ที่บ่งบอกความเป็นฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุดคือเกมส์ นำ 2-0 นำ 3-1 แล้วกลับมาแพ้ในเกมส์เยือนบอร์นมัธในนาทีสุดท้าย ด้วยสกอร์ 4-3 คือ รุกเทพจริง แต่เกมส์รับก็ยังต้องแก้ไขอยู่
นักเตะที่ฟอร์มเทพในปีนี้นอกจาก 3 ประสานในแดนหน้า แล้วก็ยังมี อดัม ลัลลาน่า ที่กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ยิงกระจ่าย จ่ายกระจาย
ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลเบียดอาร์เซน่อลเข้าป้ายที่ 4 คว้าตั๋วใบสุดท้ายไปลุยศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้สำเร็จ จริงๆต้นฤดูกาลมีลุ้นแชมป์ด้วยซ้ำ แต่หลังปีใหม่ปรากฎว่าเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากันระนาว เพราะนักเตะวิ่งเยอะเกิน 555
แชมป์ปีนั้น เชลซี ของอันโตนิโอ คอนเต้ การกำเนิดระบบ 3-4-3 จริงๆลิเวอร์พูลก็มีส่วนนะ เพราะ เชลซีแพ้อาร์เซนอล 3-0 ต่อด้วยแพ้หงส์คาบ้าน 1-2 ตอนนั้นคอนเต้ใช้หลัง 4 ตัว หลังจากนั้นก็ปรับมาใช้หลัง 3 แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยส์, เซซ่าร์ อัสปิลิกวยต้า เป็น 3 กองหลังตัวกลาง ตัดต่อพันธุกรรมวิคเตอร์ โมเสส จากปีกขวาเป็นวิงแบ็คขวา มากอส อลองโซ่ จากแบ็คซ้ายจอมรั่ว กลายเป็นวิงแบ็คซ้ายเทพ ยิงตลอด คู่กลางเป็น กองเต้ กะ มาติช หน้าสามตัวเป็น อาซาร์ คอสต้า วิลเลี่ยนสลับกับเปโดร ลงตัวจนเป็นแชมป์ม้วนเดียวจบ
------------------------------------
<ฤดูกาล 2017/2018> นำสมดุลสู่พลัง
ปรากฎการณ์บังโม นักเตะที่เคยล้มเหลวกับเชลซี ไปฟอร์มดีที่อิตาลี่กับโรม่า จำนวนประตูที่ยิงก็กลางๆ ตามข่าวลึกๆจะรู้ว่าคล็อปไม่ได้อยากได้ แต่เป็น สปอร์ตไดเร็คเตอร์ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด กับ นักวิเคราะห์ เอียน เกรแฮม เอาไปเสนอคล็อป ว่าเนี่ยแหละคือ ตัวทำสกอร์ความหวังอันดับ 1 ของเรา พอคล็อปตัดสินใจใช้เขาเท่านั้นแหละ and the rest is the history ส่วนที่เหลือก็คือประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ยังไงการยิง 32 ลูกในยุคพรีเมียร์ลีก 38 นัด มากที่สุดตลอดกาลคือคำตอบ
ต้นฤดูกาลมีความพยายามขันน็อตแนวรับโดยการดึงเวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาจากเซาท์แทมตัน แต่ถูกข้อหาเจรจานักเตะผิดการ การเจรจาเลยพับไป
ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ลงเล่นในเสื้อครบรอบ 125 ปีสโมสร เป็นเสื้อคอวี กับสีแดงที่จะอมเลือดหมูหน่อยๆ
เป็นฤดูกาลที่ยิ่งกว่ารถไฟเหาะ เปิดมาได้ โม ซาล่าห์ เกือบได้ฟานไดค์ ในตลาดหน้าร้อน เกิดดีลประวัติศาสตร์ การทำลายสถิติค่าตัวนักเตะแพงสุดในโลกของเนย์มาร์ ที่ย้ายจากบาร์เซโลน่าไปปารีสแซงค์แชงแมง
เนย์มาร์เอฟเฟคส์ เลยมาเกิดกับลิเวอร์พูลในช่วงเข้าปีใหม่ 2018 ลิเวอร์พูลเสียสตาร์อันดับ 1 ในตอนนั้น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพื่อไปเล่นให้กับทีมในฝันของเขาบาร์เซโลน่า
แต่ก็ได้สมดุลของพลังเกมรับกลับมา คือ คว้า เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาได้ในตลาดรอบเดียวกัน
การจากไปของสตาร์อันดับ 1 ทิ้งช่องโหว่ในเกมส์รุกเอาไว้ ตอนมีเขา บางนัดหงส์เล่นระบบ 4-2-1-3 โดยคูตี้ยืนอยู่หลัง 3 ประสาน บางนัดเล่นเป็นกองหน้าฝั่งซ้าย โดย 3 ประสานในปีนี้ ลิเวอร์พูลใช้ปีกสลับด้าน คือ มาเน่ที่ถนัดขวายืนฝั่งซ้าย ซาล่าห์ที่ถนัดซ้ายยืนฝั่งขวา หน้าเป้าเป็นบ็อบบี้ ฟีเมียโน่
ใครจะคิดว่าคนที่อุดรอยรั่วในเกมส์รุกที่เพลย์เมคเกอร์ราคาแพงที่สุดอันดับ 3 ของโลกในตอนนั้นทิ้งไว้กลับเป็น แบ็คซ้ายจากสก็อตแลนด์ที่ย้ายมาจากทีมที่ตกชั้น แถมเคยทำงานพาร์ทไทม์ขายกางเกงในในร้านมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ กับ แบ็คขวาหน้าละอ่อนเลือดสเกาส์เซอร์แท้ๆ สายเลือดของเมืองแห่งนี้
กำเนิด Trent and Robbo first class delivery
ในเมื่อไม่มีเพลย์เมคเกอร์แท้ๆ เราก็ขึ้นเกมส์ทางฟูลแบ็คทั้งสองข้างเอาในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ทั้งเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ และ แอนดรู โรเบิร์ตสัน แบ็คขวาและซ้าย ต่างช่วยกันเปิดป้อนสร้างโอกาสอย่างมากมาย
ผลงานคือมีฤดูกาลที่แผ่วปลายเหมือนเดิมในพรีเมียร์ลีก แต่ในทางตรงข้ามกับสุดมหัศจรรย์ในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ได้เข้าชิงกับเจ้ายุโรปตัวจริงรีล มาดริด ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่แล้วอาการบาดเจ็บของซาล่าห์ตั้งแต่ต้นเกมส์ กับ การผิดพลาดของผู้รักษาประตู ลอริส คาริอุส ทั้ง 2 ครั้ง ก็นำมาซึ่งฤดูกาลแสนมหัศจรรย์ที่ว่างเปล่าอยู่ดี
แชมป์พรีเมียร์ลีกปีนั้น แมนซิตี้ ของเป็ป กวาดิโอล่า แชมป์ 100 แต้ม ห่างที่ 2 มากที่สุด หลังจากตั้งหลัก 1 ปี เป็ปก็ทำได้
----------------------------------