ขอเริ่มต้นกันจากการดูสถิติ Head to Head 6 ครั้งหลังสุด อาจดูเหมือนเป็นงานที่น่าจะง่ายสำหรับลิเวอร์พูล เพราะด้วยสถิติ ชนะ 5 แพ้ 1 ใน 6 นัดล่าสุดที่พบกัน มันส่งสัญญาณคล้ายเห็นป้าย "
เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ยังไงยังงั้น แต่หากมองใให้ลึก สถิติที่พบกัน 6นัดล่าสุดนั้น กินระยะเวลารวมถึง 11 ปี เพราะวัตฟอร์ตเป็นหนึ่งทีมที่ขึ้นๆลงๆพรีเมียร์ลีคกับลีคแชมเปี้ยนชิพ ดังนั้นสถิติ Head to Head ที่จับต้องได้มากที่สุดนั้น คือ 2 นัดในพรีเมียร์ลีคฤดูกาลล่าสุดเท่านั้น ที่พลัดกันแพ้ชนะคนฝั่งล่ะครั้ง แถมถ้านับลูกได้เสีย 2 นัดล่าสุดเรา ลิเวอร์พูลเราเป็นรองด้วยประตู 2 ต่อ 3 ด้วยซ้ำ
และเมื่อมามองกันที่ผลงานในฤดูกาลนี้
และวัตฟอร์ตก็แสดงให้เห็นเป็นนัยแล้วว่า พวกเขาไม่เป็นทางผ่านหรือบรรไดให้ทีมใหญ่ข้ามได้ง่ายๆ พวกเขาพบกับทีมระดับตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ของลีคมาแล้ว 3 ทีม Chelsea(แพ้ 1-2) , Arsenal(แพ้1-3) , Manchester United(ชนะ3-1) พวกเขาก็ไม่ได้แพ้ทุกนัดแถมยังยิงทีมใหญ่ได้ทุกนัดอีกด้วย จะว่าไป
11 นัดที่ผ่านมานี้ มีเพียง 2 นัดเท่านั้นที่แนวรุกของวัตฟอร์ตไม่สามารถทำประตูได้ และนั้น คือจุดสำคัญที่ทำให้การพบกับวัตฟอร์ตในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของลิเวอร์พูลตอนนี้ ทีมที่ใครๆก็รู้ว่าเสียประตูค่อนข้างง่าย
แต่หากมาดูที่แผนการเล่น แฟนบอลลิเวอร์พูลส่วนใหญ่รวมทั้งผมด้วยที่ไม่ค่อยได้ดูทีมนี้เล่น อาจจะค่อนข้างสับสน และเข้าใจได้ยากว่าทำไมวัตฟอร์ตถึงยิงประตูได้เกือบทุกนัด ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้ 11 นัด ผู้จัดารทีมของพวกเขาอย่าง วอลเตอร์ มาซซารี เปลี่ยนใช้รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปมาแล้วถึง 6 แบบแผน Formation:352(3) 532(3) 541(1) 433(1) 3142(1) 3412(1)
ด้วยเหตุนี้ Watford จึงน่าจะเป็นทีมที่เรียกว่าคู่ต่อสู้เดาทางวางแผนการรับมือในแนวรับก่อนแข่งได้ค่อนข้างลำบากทีมหนึ่งเลยทีมเดียว จึงต้องมามองกันดูที่สถิติที่เกี่ยวเนื่องกับการได้ประตูกันหน่อยว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งลูกที่วัตฟอร์ตได้ประตูเกือบทั้งมาจากการเล่น Open Play หรืออธิบายง่ายๆว่า วัตฟอร์ตคือทีมที่เน้นกลยุทธปั้นเกมส์ขึ้นมายิงประตูเอง มากกว่าจะรอจังหวะจากความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้าม และไม่ใช่เป็นทีมที่เน้นกลยุทธตั้งรับเป็นหลัก เมื่อเขามีสถิติการเสียประตู พอๆกับจำนวนประตูที่ยิงได้ (11 นัด ยิงได้ 14 ลูก เสีย 13 ลูก) และสามารถยืนยันด้วยสถิติการเล่นทั้งรุกและรับของวัตฟอร์ต ที่ไม่มีด้านใดด้านหนึ่งโดดเด่นกว่ากันอย่างเด่นชัด
แต่ที่เด่นชัดขึ้นมาแทน คือ วัตฟอร์ตคือทีมที่ “
เล่นหนัก” ด้วยจำนวนใบเหลือง 26 ใบ ใบแดง 1 ใบ เป็นที่เสียฟาล์วและได้รับใบเหลืองแดงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีคในตอนนี้ เมื่อผ่านไป 11 นัด
แต่ยังถือว่าโชคดี ที่นักเตะหงส์แดงที่ไม่ค่อยถูกโรคกับบอลเถื่อนสักเท่าไร เมื่อนัดนี้ได้เล่นในบ้านของตนเอง อาการนกหวีดหวานเป่าเข้าข้างเจ้าบ้านของกรรมการในพรีเมียร์ คงน่าจะพอยับยั้งช่างใจนักเตะของวัตฟอร์ตไม่ให้ได้เล่นบอลควายตามสไตล์ตัวเองลงได้บางส่วน
เมื่อมองภาพรวมๆแล้ว จุดตัดสินชี้ขาดของเกมส์นี้ตามมุมมองของผม คือแนวรุกามประสานในแดนหน้า และสามประสานกองกลางของลิเวอร์พูล ที่ตอนนี้ดูเหนือกว่าวัตฟอร์ตแน่ๆ
จะสามารถเพลสซิ่งแย่งชิงการครองบอล(Possession%)ได้เหนือกว่ากองกลางวัตฟอร์ตได้มากน้อยเพียง เพราะความมากน้อยในการครองบอลนัดนี้มันมีนัยยะสำคัญที่จะกำหนดบทบาทรูปเกมส์ทั้งหมด ถ้าวัตฟอร์ตครองบอลไม่ได้ โอกาสเซ็ตเกมส์ปั้นบอลขึ้นมาโจมตีแนวรับของลิเวอร์พูลซึ่งรู้กันดีอยู่ว่ามีจุดอ่อน ก็จะทำได้น้อยตามไปด้วย
และบอกตรงๆว่า เพิ่งจะมีนัดนี้เอง ที่ผมแฟนหงส์แดง วิเคราะห์วิจารณ์คู่แข่งมาก็มาก
เพิ่งจะมีนัดแหละที่วิเคราะห์อย่างสบายใจ ไม่ค่อยกังวลกับผลการแข่งขันไร เพราะถึงวัตฟอร์ตจะแกร่งขึ้น จนไม่ได้เป็นป้ายจราจรเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดสำหรับเราอีกแล้ว และคล้ายอาจทำให้เราเล่นแบบระมัดระวัง คอยดูท่าทีเหมือนดูสัญญาณไฟจราจรไฟเขียวไฟแดงบ้างในการพบกันหนนี้ แต่ก็ยังน่าจะผ่านไปได้ หากนักเตะเคารพในวิธีการเล่นและระบบการทำทีมที่คล้อปได้วางเอาไว้ ซึ่งมันก็คล้ายการรักษากฎจราจรของทีมตัวเองนั้นแหละ ที่ถ้านักเตะทุกคนพร้อมใจกันทำตามอย่างเคร่งครัด โอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือแพ้ก็เกือบเท่ากับศูนย์
อาทิตย์นี้ที่ต้องลุ้น คือลิเวอร์พูลจะมีบุญยิงได้เยอะๆไหม เพราะลูกได้เสียทำท่าว่าจะมีผลต่อการตัดสินอันดับในปีนี้ และปรับปรุงทีมในแนวรับให้ดีขึ้นจนไม่เสียประตูง่ายๆอีกไหม ก็เท่านั้นเอง
*ตั้งกะทู้นี้ไวกว่าที่ควรเป็นหนึ่งวัน เพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจคิวงานแน่น คงไม่ว่างเข้ามาตั้งกะทู้แน่ๆครับ
วิเคราะห์ คู่แข่งหงส์แดงนัดที่ 11 Watford ที่วัดแล้วว่าฤดูกาลนี้ ไม่ใช่ป้ายเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด
ขอเริ่มต้นกันจากการดูสถิติ Head to Head 6 ครั้งหลังสุด อาจดูเหมือนเป็นงานที่น่าจะง่ายสำหรับลิเวอร์พูล เพราะด้วยสถิติ ชนะ 5 แพ้ 1 ใน 6 นัดล่าสุดที่พบกัน มันส่งสัญญาณคล้ายเห็นป้าย "เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ยังไงยังงั้น แต่หากมองใให้ลึก สถิติที่พบกัน 6นัดล่าสุดนั้น กินระยะเวลารวมถึง 11 ปี เพราะวัตฟอร์ตเป็นหนึ่งทีมที่ขึ้นๆลงๆพรีเมียร์ลีคกับลีคแชมเปี้ยนชิพ ดังนั้นสถิติ Head to Head ที่จับต้องได้มากที่สุดนั้น คือ 2 นัดในพรีเมียร์ลีคฤดูกาลล่าสุดเท่านั้น ที่พลัดกันแพ้ชนะคนฝั่งล่ะครั้ง แถมถ้านับลูกได้เสีย 2 นัดล่าสุดเรา ลิเวอร์พูลเราเป็นรองด้วยประตู 2 ต่อ 3 ด้วยซ้ำ
และเมื่อมามองกันที่ผลงานในฤดูกาลนี้
และวัตฟอร์ตก็แสดงให้เห็นเป็นนัยแล้วว่า พวกเขาไม่เป็นทางผ่านหรือบรรไดให้ทีมใหญ่ข้ามได้ง่ายๆ พวกเขาพบกับทีมระดับตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ของลีคมาแล้ว 3 ทีม Chelsea(แพ้ 1-2) , Arsenal(แพ้1-3) , Manchester United(ชนะ3-1) พวกเขาก็ไม่ได้แพ้ทุกนัดแถมยังยิงทีมใหญ่ได้ทุกนัดอีกด้วย จะว่าไป 11 นัดที่ผ่านมานี้ มีเพียง 2 นัดเท่านั้นที่แนวรุกของวัตฟอร์ตไม่สามารถทำประตูได้ และนั้น คือจุดสำคัญที่ทำให้การพบกับวัตฟอร์ตในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของลิเวอร์พูลตอนนี้ ทีมที่ใครๆก็รู้ว่าเสียประตูค่อนข้างง่าย
แต่หากมาดูที่แผนการเล่น แฟนบอลลิเวอร์พูลส่วนใหญ่รวมทั้งผมด้วยที่ไม่ค่อยได้ดูทีมนี้เล่น อาจจะค่อนข้างสับสน และเข้าใจได้ยากว่าทำไมวัตฟอร์ตถึงยิงประตูได้เกือบทุกนัด ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้ 11 นัด ผู้จัดารทีมของพวกเขาอย่าง วอลเตอร์ มาซซารี เปลี่ยนใช้รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปมาแล้วถึง 6 แบบแผน Formation:352(3) 532(3) 541(1) 433(1) 3142(1) 3412(1)
ด้วยเหตุนี้ Watford จึงน่าจะเป็นทีมที่เรียกว่าคู่ต่อสู้เดาทางวางแผนการรับมือในแนวรับก่อนแข่งได้ค่อนข้างลำบากทีมหนึ่งเลยทีมเดียว จึงต้องมามองกันดูที่สถิติที่เกี่ยวเนื่องกับการได้ประตูกันหน่อยว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งลูกที่วัตฟอร์ตได้ประตูเกือบทั้งมาจากการเล่น Open Play หรืออธิบายง่ายๆว่า วัตฟอร์ตคือทีมที่เน้นกลยุทธปั้นเกมส์ขึ้นมายิงประตูเอง มากกว่าจะรอจังหวะจากความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้าม และไม่ใช่เป็นทีมที่เน้นกลยุทธตั้งรับเป็นหลัก เมื่อเขามีสถิติการเสียประตู พอๆกับจำนวนประตูที่ยิงได้ (11 นัด ยิงได้ 14 ลูก เสีย 13 ลูก) และสามารถยืนยันด้วยสถิติการเล่นทั้งรุกและรับของวัตฟอร์ต ที่ไม่มีด้านใดด้านหนึ่งโดดเด่นกว่ากันอย่างเด่นชัด
แต่ที่เด่นชัดขึ้นมาแทน คือ วัตฟอร์ตคือทีมที่ “เล่นหนัก” ด้วยจำนวนใบเหลือง 26 ใบ ใบแดง 1 ใบ เป็นที่เสียฟาล์วและได้รับใบเหลืองแดงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีคในตอนนี้ เมื่อผ่านไป 11 นัด
แต่ยังถือว่าโชคดี ที่นักเตะหงส์แดงที่ไม่ค่อยถูกโรคกับบอลเถื่อนสักเท่าไร เมื่อนัดนี้ได้เล่นในบ้านของตนเอง อาการนกหวีดหวานเป่าเข้าข้างเจ้าบ้านของกรรมการในพรีเมียร์ คงน่าจะพอยับยั้งช่างใจนักเตะของวัตฟอร์ตไม่ให้ได้เล่นบอลควายตามสไตล์ตัวเองลงได้บางส่วน
เมื่อมองภาพรวมๆแล้ว จุดตัดสินชี้ขาดของเกมส์นี้ตามมุมมองของผม คือแนวรุกามประสานในแดนหน้า และสามประสานกองกลางของลิเวอร์พูล ที่ตอนนี้ดูเหนือกว่าวัตฟอร์ตแน่ๆ จะสามารถเพลสซิ่งแย่งชิงการครองบอล(Possession%)ได้เหนือกว่ากองกลางวัตฟอร์ตได้มากน้อยเพียง เพราะความมากน้อยในการครองบอลนัดนี้มันมีนัยยะสำคัญที่จะกำหนดบทบาทรูปเกมส์ทั้งหมด ถ้าวัตฟอร์ตครองบอลไม่ได้ โอกาสเซ็ตเกมส์ปั้นบอลขึ้นมาโจมตีแนวรับของลิเวอร์พูลซึ่งรู้กันดีอยู่ว่ามีจุดอ่อน ก็จะทำได้น้อยตามไปด้วย
และบอกตรงๆว่า เพิ่งจะมีนัดนี้เอง ที่ผมแฟนหงส์แดง วิเคราะห์วิจารณ์คู่แข่งมาก็มาก เพิ่งจะมีนัดแหละที่วิเคราะห์อย่างสบายใจ ไม่ค่อยกังวลกับผลการแข่งขันไร เพราะถึงวัตฟอร์ตจะแกร่งขึ้น จนไม่ได้เป็นป้ายจราจรเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดสำหรับเราอีกแล้ว และคล้ายอาจทำให้เราเล่นแบบระมัดระวัง คอยดูท่าทีเหมือนดูสัญญาณไฟจราจรไฟเขียวไฟแดงบ้างในการพบกันหนนี้ แต่ก็ยังน่าจะผ่านไปได้ หากนักเตะเคารพในวิธีการเล่นและระบบการทำทีมที่คล้อปได้วางเอาไว้ ซึ่งมันก็คล้ายการรักษากฎจราจรของทีมตัวเองนั้นแหละ ที่ถ้านักเตะทุกคนพร้อมใจกันทำตามอย่างเคร่งครัด โอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือแพ้ก็เกือบเท่ากับศูนย์
อาทิตย์นี้ที่ต้องลุ้น คือลิเวอร์พูลจะมีบุญยิงได้เยอะๆไหม เพราะลูกได้เสียทำท่าว่าจะมีผลต่อการตัดสินอันดับในปีนี้ และปรับปรุงทีมในแนวรับให้ดีขึ้นจนไม่เสียประตูง่ายๆอีกไหม ก็เท่านั้นเอง
*ตั้งกะทู้นี้ไวกว่าที่ควรเป็นหนึ่งวัน เพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจคิวงานแน่น คงไม่ว่างเข้ามาตั้งกะทู้แน่ๆครับ